
มาถึงจุดนี้แล้ว เรียกได้ว่า ตลาดทุนของเราเข้าสู่วัย"แรง" คือ อายุ 30 กว่าขวบ -- ถ้าเทียบกับตลาดอเมริกาตอนอายุ 30 ปี ก็ถือเป็นช่วงที่ปรับตัวแรงเช่นกัน คือ ตอนนั้น ตลาดหุ้นตกกว่า 90% และหลังจากนั้นก็วิ่งขึ้นตลอด 60 ปี (ใครซื้อไม่ขายอย่าง Value เรียกได้ว่า "รวยทั้งบาง")
ตอนนี้ตลาดไทย เข้าสู่หัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ถ้ามองปัจจัยรวมจะเห็นได้ว่า สถานการณ์เนื้อในของบริษัทจดทะเบียนค่อนข้างแกร่ง ดูได้จากผลประกอบการที่ทำได้ดี และ การปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่สูง
คำถามที่เกิดขึ้น ขณะนี้คือ ตลาดเราสามารถจะยกระดับ จากตลาดที่มีขนาดเล็ก (บริษัทบางบริษัทในจีน มีมูลค่ามากกว่าทั้งตลาดบ้านเราเสียอีก) สามารถพัฒนาไปสู่ตลาดทุนขนาดใหญ่ที่สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงหรือไม่
-- ซึ่งในปัจจุบันตลาดเราเน้นน้ำหนักที่ "พลังงาน"เป็นหลัก ส่วนบริษัทดีๆในอุตสาหกรรมอื่น ก็ไม่ยอมที่จะเข้าตลาด เพราะ P/BV ที่ต่ำขนาดนี้ การเป็นบริษัทที่อยู่นอกตลาดย่อมดีกว่า (คือ ตอนนี้ตลาดเล็ก ไม่คุ้มที่จะเข้าตลาดนั่นเอง)
-- แต่อย่างไรก็ตาม หากการไหลเข้าของทุน ที่เข้ามาในเอเชีย ที่เพิ่มขึ้นในรอบนี้ จะเป็นการสร้าง "กลุ่มผู้ชนะ" (คือ บริษัทที่จดทะเบียนเดิม) ได้ประโยชน์จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้บริษัทดีๆ ที่อยู่นอกตลาด อยากที่จะเข้ามาระดมทุนมากขึ้น...ซึ่งถ้าจุดนั้นมาถึง ตลาดบ้านเราจะพัฒนาไปอีกขั้น
--ณ ระดับตลาดในวันนี้ก็เปรียบเมือนเรายังอยู่ชั้น มัธยมต้น ซึ่งเราได้ผ่าน ชั้นประถม และ อนุบาล มานานแล้ว ..ขั้นต่อไปก็คือ พัฒนาไปสู่ ชั้นปริญญา อย่างประเทศพัฒนาแล้ว
ส่วนตัวผมยังคงเชื่อมั่นว่า ตลาดเราในช่วง 10 ปีนี้ คือ การก้าวผ่านสู่การเป็นตลาดชั้นนำในภูมิภาค เพราะสาเหตุที่ ต่างชาติ ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว (แม้ในระยะสั้น จะผันผวนมาก) ทั้งนี้ผมมองว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรจะเกิดขึ้น เราก็สามารถผ่านไปได้ทุกครั้ง และครั้งนี้ผมก็เชื่อว่า ไม่ได้ต่างไป -- เราจะข้ามผ่านไปได้อย่างแน่นอน.........