แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561

11 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับบ้าน



11 เรื่อง ควรรู้เกี่ยวกับบ้าน ...เรื่องบ้านๆ ที่ไม่ควรมองข้าม !!


‘บ้าน คือ การลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของคนส่วนใหญ่’ 


..แต่ความแปลกคือ คนส่วนใหญ่กลับตัดสินใจผิดพลาดเรื่องบ้าน แล้วทำให้ชีวิตเหนื่อยหนักอย่างยาวนาน


1. ‘ทำเลบ้านเป็นทั้งสินทรัพย์ และ เป็นทั้งกับดัก’ ...ถ้าเลือกบ้านผิดทำเล เราจะเสียเวลาและเงินส่วนใหญ่ไปกับค่าเดินทาง 


2. ‘การซื้อบ้านในฝัน ในวันที่เราไม่พร้อม อาจสร้างฝันร้ายตลอดชีวิต’ ...หนี้บ้านที่เกินตัว ทำให้เราไม่เหลือเงินเลย ...เราจะไม่เหลือเงินเพื่อลงทุน หรือ สร้างธุรกิจ ...ก่อนจะซื้อบ้านในฝัน ให้คิดให้รอบคอบก่อน


3. ‘การซื้อบ้านผิดทำเล อาจทำให้เราต้องซื้อรถด้วย’ ...เมื่อหนี้บ้าน รวมกับหนี้รถ จะทำให้ไม่เหลือเงินทุนเพื่อลืมตาอ้าปาก


4. ‘บ้านที่เราอยู่ ไม่ได้สร้างรายได้’ ...บ้านเราคือ รายจ่าย 


5. ‘บ้านเช่า บางทีก็สร้างรายจ่าย ถ้าไม่มีคนเช่า’ ...ทั้งบ้าน และ คอนโด จำนวนมาก ไม่มีคนเช่า ..สร้างแต่ภาระให้เจ้าของ ..ดังนั้นถ้าจะลงทุนในบ้านหรือคอนโดให้เช่า ศึกษาให้ดีก่อนว่า ‘มันน่าเช่า’ ...คนจะเช่า (ผ่อนแทนเรา) เมื่อมันน่าเช่า เช่น ทำเลดี สะดวก แล้วทำให้ชีวิตคนเช่าดีขึ้น ...คนไม่ได้เพราะเราอยากให้เช่า คิดดีๆ 


6. ‘อย่าซื้อบ้านเพื่อโชว์ เพราะ สุดท้ายจะไม่มีใครในครอบครัวที่อยากอยู่บ้านนั้น’ ...ซื้อเพื่อโชว์ สร้างแต่ภาระ สร้างแต่ปัญหา ...ต้องซื้อบ้าน เพื่อประโยชน์ใช้สอย และ เหมาะสมกับครอบครัวเรา 


7. ‘ให้ซื้อบ้าน ที่เราอยากเช่า’ ...เพราะแปลว่า มันทำให้ชีวิตเราสะดวก สบาย และ เหมาะกับใช้งานจริงๆ 


8. ‘ราคาบ้าน ไม่ได้อยู่ในตัวบ้าน แต่อยู่ในที่ดิน’ ...สิ่งที่ราคาเพิ่มคือ ที่ดิน ไม่ใช่ตัวบ้าน 


9. ‘เศรษฐีส่วนใหญ่ สร้างบ้านใหญ่โต หลังจากที่เขารวยแล้ว’ ...สร้างบ้านใหญ่หลังรวย ...ถ้าสร้างก่อนรวย เราอาจไม่มีทางรวย


10. ‘ถ้ายังไม่แน่ใจ ก็ลองเช่าบ้านก่อนได้’ ...ไม่จำเป็นที่เราต้องรีบตัดสินใจในวันที่เราไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ ในสิ่งที่ลงทุน


11. ‘ถ้าอยากรู้ว่าบ้านที่เราอยู่ มันดีหรือไม่ ก็ลองประกาศขายดู’ ...แล้วเราจะรู้ว่า เราซื้อถูกหรือผิด


ที่เขียนมา 11 ข้อ เพื่อเตือนว่า ‘การจะลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต ควรศึกษา และ คิดให้รอบคอบ’ 


...ไม่เช่นนั้น เราอาจจะเป็นคนวางกับดักให้ชีวิตเราเอง


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ไอ้หนุ่มผมยาว !!



วัยรุ่นผมยาว ...!!


...สมัยเด็ก กฏโรงเรียนห้ามไว้ผมยาว ...ดังนั้น เด็กทุกคนจึงอยากไว้ผมยาว


...พอไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เมืองนอก ใครไว้ผมอย่างไรก็ได้ ...ปรากฎว่า เด็กส่วนใหญ่เลือกตัดผมสั้น


ทุกวันนี้ โตขึ้น ..จะไว้ผมอย่างไรก็ได้ ...ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะไว้ผมสั้น 


...วันนี้ผมสั้นเหมือนเดิม !!


บทเรียนสอนว่า ...ไม่มีใครสามารถเรียนรู้จากคำบอกเล่า ...เราทุกคนล้วนต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ ...โดยเฉพาะประสบการณ์ตรงของตัวเอง 


...คนสำเร็จเยอะ ก็เพราะ ผิดพลาดมามากกว่า


...คนเจอโอกาส ก็เพราะ ทดลองทำมากกว่า


...พออายุมากขึ้น เราก็เริ่มเข้าใจว่า ‘คนเราไม่ได้เสียใจกับข้อผิดพลาด แต่เราเสียใจ กับสิ่งที่เราไม่กล้าทำมากกว่า’


วันใดที่เรากล้าเดินบนทางที่เราตัดสินใจเลือกเอง ...วันนั้น เราจะเข้าใจว่า ‘ความอิสระ’ ไม่ใช่การปลดปล่อยตัวเองจากความรับผิดชอบ 


แต่ความอิสระ คือ การรับผิดชอบ และ การยอมรับผลของการตัดสินใจด้วยตัวของเราเอง 


...ไอ้หนุ่มผมยาว !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

เมื่อเรากลับหัวคิด ชีวิตเลยดีแบบก้าวกระโดด



เมื่อเรากลับหัวคิด ชีวิตมันเลยดีแบบก้าวกระโดด ...‘ได้หนังสือมาเล่มนึง More Human’ 


แค่ชื่อก็โดนแล้ว ต้องถอยเอามาอ่าน กระแทกสมอง 


หลักการที่พูดในหนังสือเล่มนี้คือ ‘การออกแบบ’ - Designing a World Where People Come First ...ยุคนี้เราคุยกันเยอะ ในเรื่องการการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ การเรียน , การทำงาน , การใช้เงิน , การใช้ชีวิต มันเปลี่ยนหมด 


เล่มนี้เป็นหนังสือ ‘Sunday Times Bestseller’ เขียนโดย Steve Hilton ..ผู้เขียน เป็นทั้ง ผู้ประกอบการ อาจารย์มหาวิทยาลัย และ ที่ปรึกษาทางการเมือง


ตั้งแต่อดีตเรามักจะคุ้นเคยกับ ระบบ ระเบียบ ตั้งแต่ การเมือง , ระบบเศรษฐกิจ ที่เอาระบบเป็นที่ตั้ง ...ส่วนคน เป็นเหมือน กลไก ส่วนหนึ่งในระบบ


ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น AI และ Cloud ...ก็ยิ่งทำให้ คนเป็นส่วนเกินของระบบ ...พูดง่ายๆ เทคโนโลยี พยายามกำจัด ความผิดพลาด และ ตัวถ่วง ...นั่นก็คือ มนุษย์นั่นเอง


ถ้าโรงงาน ไม่ต้องใช้คน ...ต้นทุนจะถูก ความผิดพลาดจะลดลง สุดท้ายเจ้าของจะรวยขึ้น


ถ้าธุรกิจไม่ต้องใช้คน เราจะไม่ต้องห่วงเรื่อง ความขยัน การทุจริต 


สรุป ‘มนุษย์คือ ปัญหา และ ส่วนเกิน’


ฮึม!! ‘ใครคิดแบบนี้ ยกมือขึ้นครับ ?’ 


มันฟังดูดีนะ ที่ธุรกิจจะสามารถดำเนินไป ไร้ข้อผิดพลาด มีประสิทธิภาพ แต่เอาเข้าจริง มันเป็นแนวคิดที่ผิดทางแบบสุดๆ 


เราลืมไปแล้วหรือว่า ‘เทคโนโลยีและระบบต่างๆที่สร้างขึ้นมา ก็เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ..ไม่ใช่สร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนมนุษย์’ 


การออกแบบที่ดี จึงต้องเริ่มจากการเอามนุษย์เป็นศูนย์กลาง ...คือ แทนที่จะคิดแบบ Top Down ..มองจากอุดมคติ ลงมา ...เราต้องคิดแบบ Bottom

Up คือ เริ่มคิดโดยเอามนุษย์เป็นที่ตั้ง แล้วคิดแทนว่า เทคโนโลยีจะช่วยให้มนุษย์ทำงานได้ดีขึ้นอย่างไร 


ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะคุยในเรื่องของ รถยนต์ไร้คนขับ พร้อมพลังงานสะอาด ...เราต้องเริ่มจาก 


- เทคโนโลยีจะช่วยให้คนขับ ขับปลอดภัยขึ้นอย่างไร ..ลดอุบัติเหตุ ..ระบบเตือน ..ไปจนถึง การเลือกใช้พลังงานที่เหมาะสม


บางครั้ง เราคิดกันไปสุดโต่ง จนลืมไปว่า จริงๆ มนุษย์ต้องการอะไร ?


อย่างวันนี้รถยนต์หลายๆ ยี่ห้อ ถอยจอดได้เอง แต่เอาจริง มีคนน้อยมากที่กล้าให้รถถอยอัตโนมัติ ...ส่วนใหญ่บอกว่า ‘ถ้าจะถอยแล้วชน ขอถอยเองดีกว่า !!’


- ถ้าให้รถยนต์ขับอัตโนมัติ แล้วชนคน ใครจะรับผิดชอบ 


...จริงๆ เทคโนโลยีเป็นเรื่องดี แต่ต้องคิดแบบ Bottom Up เริ่มจากมนุษย์ก่อน แล้วการปฏิบัติและการยอมรับจะง่ายขึ้น


อย่าง ‘อินเตอร์เน็ตและมือถือ’ เป็นตัวอย่างที่ดีของการคิดโดยเริ่มจากความต้องการของมนุษย์ก่อน 


ทุกวันนี้ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เริ่มคิดแบบนี้ทั้งนั้น


- Google ให้อำนาจทุกคนบนโลก สามารถมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง หาความรู้แบบไร้ขีดจำกัด


- Netflix ให้อำนาจคนทั้งโลก เป็นเจ้าของร้านวีดีโอ 24 ชั่วโมง ด้วยราคาแสนถูก ...สนุกแบบเกินจินตนาการ


- Facebook ให้อำนาจคนทั้งโลกเป็นเจ้าของสื่อ ..ผู้คนจำนวนมาก สามารถมีอำนาจ ..ธุรกิจเล็กสามารถแข่งรายใหญ่ เพราะ ‘สื่อ’ ในมือ ...’คนตัวเล็กมีพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน’


- Airbnb ให้อำนาจคนทั้งโลก สามารถไปพักบ้านคนอื่น ได้เหมือนคนรู้จัก ในราคาสมเหตุสมผล 


- Alibaba ให้อำนาจผู้ผลิตในจีน ให้มาเจอคนซื้อ ด้วยต้นทุนที่ถูกแบบเหลือเชื่อ ...


...ลองตั้งโจทย์ ที่ให้ลูกค้า เป็นศูนย์กลาง แล้วทำให้เขา 


1. ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ

2. ทำในราคาที่ถูกแบบเหลือเชื่อ

3. มีทางเลือกแบบที่ไม่เคยมี

4. มีอำนาจแบบที่ไม่เคยได้ 

5. ง่ายกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว 


...จัดไป !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


เมื่อลูกค้าใหญ่กว่าธุรกิจ



‘เมื่อลูกค้า ใหญ่กว่าธุรกิจ !!’


ดูธุรกิจโรงแรมซิ สมัยก่อน ทุกโรงแรม แข่งกันสร้าง แข่งกันบริการ มุ่งพัฒนาให้ตัวเองเป็นโรงแรมที่ดีที่สุด ..ใครทำเจ๋งสุด ก็ชนะ ร่ำรวย ...ขยายกิจการ ขยายสาขา สร้างความร่ำรวย


แต่ยุคนี้ตรงข้าม ...’ยุคที่ลูกค้า เป็นใหญ่’ ...ใครที่เริ่มคิดจากความต้องการของลูกค้า กลายเป็นผู้ชนะ ...อย่าง Agoda หรือ Booking ...คือ เจ้าแห่งธุรกิจโรงแรม เกือบผูกขาดตลาด โดยที่ตัวเองไม่ได้สร้างโรงแรมสักห้อง 


ใช่!! เขาสร้างอย่างเดียว คือ สร้าง เว็บไซต์ ...ให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบ ทั้งราคา ทั้งคุณภาพ สร้างระบบ รีวิว ...พูดง่ายๆ สร้างเครื่องมือที่ทำให้ลูกค้ามีอำนาจเหนือโรงแรม 


ผลลัพธ์ก็คือ ‘ชนะ แล้วก็กินรวบทั้งตลาด’ ...วันนี้ไม่ว่าจะเป็นโรมแรมน้อยใหญ่ ก็ล้วนต้องอาศัยเว็บจองโรงแรม ต้องแบ่งเงินค่าห้อง 


ย้อนกลับมาที่คำถามสำคัญ ‘คนอย่าง Agoda หรือ Booking ทำไมอยู่ดีๆ ก็ขึ้นมา ชนะในธุรกิจการท่องเที่ยว แถมขึ้นมาผูดขาด โดยคนที่ทำธุรกิจอยู่เดิม ก็คง งงๆ ว่า ..ทำไมเราตกเป็นแค่ผู้ช่วยให้เว็บเหล่านี้รวยขึ้นเรื่อยๆ ผูกขาดขึ้นเรื่อยๆ’


คำตอบก็คือ ‘การตั้งโจทย์ ที่ต่างกัน’ 


ธุรกิจสมัยก่อน ตั้งโจทย์ คือ สร้างสินค้าและบริการ ให้ดี ให้ราคาถูก ให้มีคุณภาพ ...อันนี้คือ โจทย์ ยุค Business 1.0 จนถึง 3.0 ...คนที่บริหารเก่งและมีประสิทธิภาพสูงสุด คุณชนะ ...นั้นคือโลก อุตสาหกรรม 


แต่ยุค Business 4.0 มันคือ ยุค Information ...ผู้ชนะคือ คนที่ ‘เปลี่ยนโจทย์’ ...ยุคนี้ ต้องคิดโดย เอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง 


100 ปีก่อน นักธุรกิจมุ่งสร้างสินค้าเพื่อตอบโจทย์ ความต้องการของมนุษย์ ...ยุคนั้น Demand มีมาก แต่ Supply มีน้อย ...ใครผลิตได้เก่ง ใช้ระบบอุตสาหกรรม สร้างโรงงาน คนนั้นชนะ


แต่ทุกวันนี้ สินค้าล้นตลาด ของเกินความต้องการ Supply มีมากกว่า Demand ...วันนี้ จึงต้องเปลี่ยนโจทย์ เอาความต้องการของลูกค้าเป็นตัวตั้งแทน


ลองสำรวจตัวเองซิว่า สิ่งที่เราทำวันนี้ เรากำลังตั้งโจทย์ถูกต้องใช่หรือไม่ ?


‘โจทย์ผิด มันแย่พอๆ กับ การเดินทางไปคนละทิศ กับเป้าหมาย!!’ 


รีบปรับ ...เปลี่ยนโจทย์


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ