แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

นักศึกษาก็ควรเข้าใจหุ้น



ทำไม นักศึกษาควรเริ่มเข้าใจหุ้น ? 

...ปีนี้บัวหลวงเอา Investment Space ไปตั้งกลาง ธรรมศาสตร์รังสิต ..หลายคนอึ้งว่า จะชวนนักศึกษาเล่นหุ้นจริงๆ หรือ ?

ใช่ครับ เพราะ 

1. ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมเองอยากรู้จักตลาดหุ้นให้เร็วกว่านี้ เพราะ ยิ่งเข้าใจตลาดหุ้น ยิ่งพบว่า หุ้นคือคำตอบของคนยุคปัจจุบันที่ต้องการสร้างตัวด้วยตัวเอง - วางเงินให้ทำงานพร้อมเรา - และ คนเงินน้อยก็สามารถเริ่มลงทุนในหุ้นได้

2. ใครๆ ก็บอกว่าลงทุนในที่ดินรวย ..แต่น้อยคนจะรู้ว่า หุ้นสามารถลงทุนได้แบบที่ดิน คือ ถือยาวได้ ได้ปันผลตลอด ที่เรียกว่า 'ออมในหุ้นนั่นแหละ' ..การลงทุนแบบนี้คนที่ได้เปรียบคือ คนที่มีเวลาลงทุนยาว แถมเริ่มได้จากเงินนิดเดียว ..ก็นักศึกษานั่นเอง !!

3. ตลาดหุ้นในระยะสั้น ผันผวนน่ากลัว แต่ในระยะยาวคือ การออมในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก ..ยิ่งยาว ยิ่งง่าย ยิ่งเติบโต 

ผมว่า แค่ 3 เหตุผลนี้ ก็อยากให้ความรู้การลงทุนในหุ้นแบบระยะยาวแก่ นักศึกษาที่อยากศึกษา , อาจารย์ที่อยากวางเงินทำงานในตลาดหุ้น , คนทั่วไปที่สนใจ 

-- ถ้าสนใจเราไปด้วยกันครับ !!!

ใครสนใจเปิดบัญชีหุ้นแวะมาได้เลยนะครับ Investment Space : สาขาธรรมศาสตร์รังสิต 
 'ใครๆ ก็เริ่มมีบัญชีหุ้นได้ ไม่มีขั้นต่ำ และมีเครื่องมือเล่นหุ้นให้ใช้ฟรี ..สะดวกมาก'

ส่วนคนที่ไม่สะดวกเดินทางก็สามารถเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ได้เลย แค่คลิ๊กและกรอกข้อมูลทำตามขั้นตอนในลิงค์ในนี้ https://goo.gl/n6LWL3 ถ้าติดปัญหาสงสัยอะไรก็โทรถามได้ที่ 02-618-1111

------------------------------------

เปิดให้บริการแล้ว Investment Space สาขา ธรรมศาสตร์รังสิต ..ใครจะเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น เชิญมาที่สาขาได้เลยครับ

ตั้งอยู่ที่ อาคาร ศูนย์การเรียนรู้ ชั้น 1 (ข้างๆ ร้านกาแฟอเมซอน) เบอร์ติดต่อ 02-618-1940 

- เปิดบัญชีสะดวก มีเจ้าหน้าที่ดูให้ทุกขั้นตอน สงสัยอะไรถามได้หมด (จะใช้โปรแกรม Streaming ซื้อขายหุ้น / จะใช้กราฟหุ้นฟรีอย่างไร ..)

- เปิดบัญชีไม่มีขั้นต่ำ ใช้เงินเท่าไหร่ก็ได้ (ซื้อขายหุ้นก็ไม่มีขั้นต่ำ เอาใจรายย่อยสุดๆ) ..นักศึกษา และ คนทั่วไป สามารถเปิดบัญชีได้อย่างง่ายดาย

- เครื่องมือการลงทุนของบัวหลวง มีให้ใช้หลากหลาย เช่น iTracker เอาใจคนเทรดหุ้น เพราะจับสถิตินิสัยการลงทุนให้ทุกคน และเน้นให้ความรู้ลูกค้ารายย่อยทุกคน (มี iChannel ให้มือใหม่ เรียนหุ้นออนไลน์ อย่างจุใจ - สนใจสอบถามเจ้าหน้าที่ได้เลย)

- เปิดจันทร์ถึงศุกร์ มีเจ้าหน้าที่ประจำ ตั้งแต่ 8.30 - 17.30 น. 

- ใครสนใจเรื่องการ ออมหุ้น / ออมหุ้นอัตโนมัติ (เดือนละหมื่น) หรือ สอบถามเรื่องการใช้ Robot บริหารพอร์ต เข้ามาสอบถามได้

ก็เชิญคนที่อยู่แถวรังสิต และบริเวณใกล้เคียงมาใช้บริการได้ครับ ...โทรสอบถาม 02-618-1940

จัดไปครับ

-------------------------------------

ส่วนคนที่ไม่สะดวกเดินทางก็สามารถเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ได้เลย แค่คลิ๊กและกรอกข้อมูลทำตามขั้นตอนในลิงค์ในนี้ https://goo.gl/n6LWL3 ถ้าติดปัญหาสงสัยอะไรก็โทรถามได้ที่ 02-618-1111

 

 

เราใช้ 2 ข้อ วางคนให้เหนือดวง

 

'นี่ปัญหาเงินล้านเลยนะ ..น้องๆ อยากรู้ว่า ทำไมบางคนทำงานหนักแต่ไม่สำเร็จ ไม่รวย สักที ?'


คนส่วนใหญ่ก็ปลอบใจกันไปว่า 'คงดวงไม่ดี ไม่มีโชค' - เอาจริงๆ นะ ไม่ใช่เลย


อันนี้มันเป็นเรื่องของ ทำงานหนักถูกที่หรือเปล่า ?


เช่น จะขุดหาน้ำมัน ถ้าไปขุดที่สวนหลังบ้าน ขุดเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เจอหรอกน้ำมัน เพราะน้ำมันมันไม่ได้อยู่ที่สวนหลังบ้าน 


แต่กลับกันถ้าเข้าใจว่า เอาสวนหลังบ้าน ที่ดินดี อากาศดี อย่างบ้านเรา เอามาปลูกผัก ทำสวน อันนี้รวยได้ 


สิ่งสำคัญมันต้องรู้ว่า


หนึ่ง : ในจุดที่เรายืน ต้นทุนที่เรามี อะไรคือโอกาส 


---------------------------------------


แล้วอีกคำถามเงินล้าน คือ 'คุณถนัดอะไร?'


มนุษย์มีเยอะแยะ แต่เชื่อไหม ไม่มีใครเหมือนกันเลย ..แต่พอเข้าโรงเรียน เขาเอาทุกคนมาใส่บล็อคแล้วบอกว่า ต้องเรียนเหมือนกัน คิดเหมือนกัน แล้วทำแบบนี้เท่านั้น จะได้สอบผ่าน 


..มันขัดธรรมชาติมนุษย์สุดๆ


สิ่งที่ต้องถามคือ 'เราถนัดอะไร ? ..ถ้ายังตอบไม่ได้ ทำงานหนักก็ไม่ได้ช่วย มันต้องค้นหาตัวเองอย่างหนักให้เจอก่อน'


------------------------------------


คนฉลาดจะตอบ 2 คำถาม ให้ได้ก่อน จากนั้นก็ลุยทำงานหนัก ..พอมันทำถูกทาง ชีวิตมันก็ดี แค่นี้แหละ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร


หนึ่ง : 'ด้วยต้นทุนที่เรามี ทำอะไรได้เปรียบ ?'

สอง : 'ถนัดอะไร ?'


เออ!! ..แล้วถ้าข้อ 1 มันขัดกับข้อ 2 จะทำอย่างไร ? ...คือ 'ต้นทุนที่เรามี มันขัดกับสิ่งที่เราถนัดจะเลือกอะไร?'


------------------------------------


ง่ายมาก ก็เลือกข้อ 1 ก่อน ..แต่เราแค่ทำข้อ 1 เพื่อสร้างฐาน เก็บเงิน สร้างตัว ..โดยที่เรามีเป้าหมายคือ ข้อ 2 


ก็ที่ผมสอนคนเรื่องการลงทุน คือ 


1. สร้างเงิน ให้การลงทุนพาเราหลุดบ่วงชีวิต

แล้ว

2. ทำสิ่งที่ชีวิตดี ได้อย่างไร้กังวล


- ทำทีละข้อ ..เชื่อซิ ..คนเราวางแผนให้เหนือดวงได้ 'ถ้าเอาจริง!!'


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ยุคนี้ยิ่งจ่ายภาษี กลับยิ่งรวย

 

'ยิ่งจ่ายภาษี ทำไมถึงยิ่งรวย ?' ...เรื่องนี้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คิดว่าคนรวยต้องหลบภาษี แล้วหาเงินให้มากๆ 


จริงๆ ตรงข้ามเลย


เพราะ 


1. คนรวยในโลกนี้ ส่วนใหญ่รวยจากสินทรัพย์ ไม่ได้รวยจากรายได้ ...ดังนั้น คน 80% ที่ก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างหาเงิน เลยไม่รวยสักที ..เหนื่อยเท่าไหร่ ทำหนักแค่ไหนก็ไม่รวย - เออ!! ก็มันผิดวิธีไง 'คนรวยเขารวยจากสินทรัพย์ ไม่ใช่รวยจากรายได้' (Asset not Income)


2. บริษัทยิ่งจ่ายภาษีมาก ก็ยิ่งรวยมาก ..บริษัทที่รวยมากคือ บริษัทที่เข้าตลาดหุ้น ซึ่งต้องทำบัญชีเล่มเดียว (ไม่ใช่ทำ 2 บัญชี แบบธุรกิจส่วนใหญ่ คือ เล่มนึงไว้จ่ายภาษี ทำให้ขาดทุนจะได้หลบภาษี ..อีกเล่มคือเล่มจริง มีฉันเท่านั้นที่รู้) ...ใช่!! เจ้าของบริษัทส่วนใหญ่ ก็ทำตรงข้ามคือ เลือกที่จะหลบภาษี เพราะไม่เข้าใจเกมของทุนนิยม 


ยิ่งคุณเอาของดี บริษัทดี กำไรดีเข้าตลาด ..เจ้าของยิ่งรวยหลายเท่าทวีคูณ 


สรุป 'ยิ่งเก็บ ยิ่งเสีย ..แต่ยิ่งจ่าย กับยิ่งได้ หลายเท่ากว่า' 


(เศรษฐีถึงมีจำนวนน้อย เพราะ 1.เราถูกสอนผิด ความรู้ที่จะรวย เขาใช้ตำราอีกเล่ม 2.ทำใจไม่ได้ แบ่งไม่ได้ ก็พวกรู้แต่ทำไม่ได้ก็เยอะนะ)


---------------------------------------


อธิบายให้ฟังว่า ทำไมบริษัทยิ่งจ่ายภาษียิ่งรวย


1. เข้าตลาดหุ้นได้ เท่ากับว่า แหล่งระดมทุนไม่จำกัดแค่ธนาคาร ..สามารถระดมทุนได้มากกว่า ถูกกว่า หลากหลายกว่า (เทียบได้ว่า บริษัทในตลาดหุ้นอยู่ในเกมที่เงินไม่จำกัด / ในขณะที่บริษัทนอกตลาด เงินจำกัดเท่าที่ธนาคารจะให้เท่านั้น 'ซึ่งมันไม่เคยพอ..จริงไหม?')


2. การจ่ายภาษี ทำให้กล้าจ้างมืออาชีพ ..เพราะค่าจ้างหักค่าใช้จ่ายได้ ..ไม่แปลกที่บริษัทในตลาดหุ้น ยอมจ่ายเงินค่าจ้างมืออาชีพราคาแพง ย่อมมีคน มีนักรบที่เก่งกว่า (บริษัทครอบครัว พยายามจ่ายค่าจ้างให้ถูก จะได้ไม่เสียภาษี ..ไม่มีทางหาคนเก่งมาช่วย - ก็เหนื่อยทั้งชีวิต!!)


3. กำไรทุกบาทของบริษัทที่จ่ายภาษีตรง ในตลาดหุ้น ..มันไปคูณในราคาหุ้นเป็นสิบๆ เท่า - พูดง่ายๆ บริษัทหลบภาษีนอกตลาด ไม่เคยมีมูลค่าในราคาหุ้น เพราะไม่มีใครยอมจ่ายให้ธุรกิจที่ไม่โปร่งใส ...แต่ธุรกิจในตลาดหุ้น มี P/E เป็นสิบๆเท่า ก็คือ ทุกบาทที่กำไรหลังหักภาษี คือ 'ตัวคูณสิบๆเท่าความรวย ในมูลค่ากิจการ' 


....เจ้าของบริษัทในตลาดจึงทำทุกอย่างเพื่อโชว์กำไรไง (ขนาดจ่ายส่วย ติดสินบน ยังเอาเงินตัวเองจ่ายเลย 'ฮาไหมล่ะ?')


นี่แค่เบื้องต้น เพียงอยากจะเล่าสู่กันฟังว่า


- โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ..ไม่มีใครได้อะไร โดยที่เขาไม่ยอมเสียอะไร ...สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตคนเราได้จริง คือ 'ความรู้' 


- ยุคนี้ความรู้แค่มาทำงาน มันไม่สามารถรวยได้แล้ว ..คนรู้แค่นี้จึงมีชีวิตที่น่าสงสาร 'ทำงานหนักแต่ไม่เคยรวย'


- ความรู้ที่เปลี่ยนชีวิต คือ 'ความรู้มาสร้างงาน'


- โลกเปลี่ยนไปแล้ว ต้องพัฒนาความรู้ จาก 'ความรู้เพื่อหางานทำ' มาเป็น 'ความรู้ที่สร้างงาน'


ลองไปคิดดูเรื่องภาษี 


'ยุคนี้คนจ่ายภาษี กลับยิ่งรวย' (แปลก แต่จริง)


..เปลี่ยนความรู้ให้ทัน ก่อนที่โลกมันจะเปลี่ยนเรา


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บทเรียนการลงทุนจากเวียดนามครับ

 

เวียดนาม บทเรียนการลงทุน ที่น่าสนใจ ..weekend ที่ผ่านมา เราพาทีม The Stock Master 5 ไปดูตลาดหุ้นและการลงทุนในเวียดนาม - ประเทศที่ใครๆ ก็พูดว่า ในที่สุดจะแซงเมืองไทย 


..จริงหรือเปล่า ?


- เวียดนามเป็นคอมมิวนิสต์ การเมืองนึ่ง ประชากรเยอะคือ 95 ล้านคน ..แต่ประชากรส่วนใหญ่ยังยากจน รายได้เฉลี่ยน้อยกว่าคนไทยประมาณ 3 เท่า


- แต่คนรวยเวียดนาม 'รวยมาก' ทำให้นึกถึงประเทศไทย ย้อนไปสมัยที่ดอกเบี้ยเงินฝาก 10% สมัยนั้น ธุรกิจที่สำคัญต้องเกี่ยวกับอสังหา ..บริษัทที่ใหญ่สมัยนั้นก็ BLAND 'เมืองทองไง' ..วันนี้ราคายังไม่เคยกลับไปที่จุดนั้นอีกเลย


- วันนี้ถนนเส้นหลักของเวียดนาม (ที่ตั้งธนาคารกรุงเทพสาขาเวียดนาม) ราคาที่ดินแพงกว่า สีลม ..มันจะคุ้มทำธุรกิจหรือ ? - คิดง่ายๆ ร้านอาหารแถวนั้น ผลัดกันเจ็ง


- เงินเดือนเริ่มต้นคนที่นี่ ประมาณ หมื่นบาท แต่ค่าครองชีพ อาหารการกินแพงมาก ..อยู่ไม่ง่าย ต้องปากกัดตีนถีบสุดๆ


- วันนี้บ้านเรากำลังมุ่งสู่สังคมคนแก่ แต่เวียดนามจะเข้าสู่สังคมคนทำงาน เพราะ ประชากรส่วนใหญ่อายุน้อย 


- ตลาดหุ้นที่เวียดนามไม่คึกคัก เพราะคนส่วนใหญ่เลือกที่จะเอาเงินไปทำธุรกิจ ..ไม่ได้มีเงินเหลือมาลงทุนแบบบ้านเรา


- คิดง่ายๆ ฝากธนาคารก็ได้ 7% คนเลยไม่สนมาลงทุนตลาดหุ้น ..ต่างจากบ้านเราที่ฝากธนาคารแทบไม่ได้อะไร ..ถ้าเลือกผมยัง Focus การลงทุนในบ้านเราดีกว่าในช่วงนี้


- การเทรดหุ้นไม่ต้องคิด เพราะ ซื้อวันนี้กว่าจะได้หุ้นอีก 3 วัน แปลว่า กว่าจะได้หุ้นก็ไม่รู้ราคามันไปไหนแล้ว !! ...ไม่มี Margin ต้องใช้เงินสด และวางล่วงหน้า 1 วัน ..มีโบรคมีเป็นร้อยราย แต่ที่มีการซื้อขายจริงจังแค่ครึ่งเดียว


- สิ่งที่น่ากลัวในเวียดนามคือ ค่าเงิน ..วันนี้เพิ่งเริ่มดีขึ้น สมัยก่อน ไม่สามารถรักษาระดับเงินเฟ้อ คนเวียดนามเลยหนีไปถือ ทองคำกับดอลลาร์แทน ..วันนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น - แต่ความไม่แน่นอนนี่แหละความเสี่ยง


- 'เส้นสาย ใกล้ทหาร' สำคัญ เหมือนเมืองไทยสมัยก่อน 


- ใครคิดร่วมทุนกับนักธุรกิจเวียดนาม ต้องคิดให้ดี เพราะ ส่วนใหญ่เจ๊ง !! ....คนที่กะจะเอาของไปขาย ต้องคิดดีๆ เพราะตลาดปราบเซียน ...ธุรกิจที่อยู่ได้จริงๆ ต้องคิดไปตั้งรกราก ล้มลุกเรียนรู้แล้วค่อยๆ เติบ ...สรุป ไม่มีทางลัดทำธุรกิจรวยเร็วในเวียดนาม


- เล่ห์เหลี่ยมธุรกิจ และ กลโกง เป็นเรื่องที่ควรศึกษา เพราะนี่คือสิ่งที่ นักธุรกิจกลัว


- สิ่งที่ขยายได้ในเวียดนาม คือ สินเชื่อส่วนบุคคล เพราะ วันนี้ยังเป็นสังคมเงินสด คนไม่ไว้ใจกัน


---------------------------------------


สรุปแล้ว ผมได้อะไร ?


1. ได้เรียนรู้ว่าทุกประเทศกำลังวิ่งไปตามกระแสทุนนิยม ..คือ คนที่เข้าใจทุนจะเข้าใจพัฒนาการของธุรกิจทุกประเทศ เพราะมัน 'เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป' คล้ายๆ กัน ...นักลงทุนพอจะเก็ง Cycle และลงทุนตามรอบได้


2. Globalize วันนี้ไม่ work แล้ว ..ธุรกิจที่สำเร็จต้อง Localize คือ เชี่ยวชาญและเข้าใจตลาด เข้าใจคนในประเทศนั้นจริงๆ 


3. ตลาดหุ้นเป็นกลไก เปิดประเทศ ..เพราะทำให้ธุรกิจยอมจ่ายภาษี แล้วจ้างมืออาชีพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขยาย และโต - คนที่เข้าใจกลไกตลาดหุ้นได้เร็ว จึงกลายเป็นเศรษฐีใหม่


4. เวียดนามเดินตามไทยในอดีต ทั้งธุรกิจและตลาดหุ้น ..cycle ของตลาดก็น่าจะคล้ายๆ กัน ..ปั่นอสังหา-ธุรกิจเล็กขยายยาก-ค่าจ้างโตช้ากว่าค่าเช่าอสังหา ทำงานแค่จ่ายค่าเช่าให้คนรวยยิ่งรวย-ค่าครองชีพสูง ทำให้คนจนไม่สามารถยกระดับฐานะได้-รัฐบาลไม่มีเงิน เพราะภาษีเก็บจากคนรวยไม่ได้ ส่วนคนชั้นกลางก็ยังไม่โต


เวียดนามโตเร็ว น่าศึกษา และเรียนรู้ ..แต่ในเรื่องการสร้างตัวและลงทุน ณ เวลานี้ ..ผมยังมองประเทศไทย มีศักยภาพสูงกว่า


โอกาสประเทศไทย อยู่ที่ บริษัทตั้งเป้าเข้าตลาดหุ้น ..ใช้บัญชีเล่มเดียว จ่ายภาษีเต็ม เพราะ นักธุรกิจใหญ่รวยจากการจ่ายภาษี ไม่ใช่หลบภาษี (อันนี้คนส่วนใหญ่เข้าใจตรงข้ามเลย) ..แค่บัญชีเล่มเดียว แล้วไปโตในตลาดหุ้น GDP กระโดดแน่นอน win-win สุดๆ 


....ใช่!! ไทยเรามีโอกาสแฝงอีกเยอะครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รู้หรือไม่ ออมหุ้นเฉยๆ แต่ได้ดอกเบี้ยเพิ่มทำไง



หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ระหว่างที่เราถือออมหุ้นไม่ขาย ...เราสามารถเอาหุ้นเราให้คนอื่นยืมได้ 

'เรายังได้ปันผลเหมือนเดิม แถมได้ดอกเบี้ยเพิ่ม(คนยืมจ่ายให้เรา) โดยไม่ต้องเสี่ยงซื้อขายหุ้นเลย' 

ซึ่งเขาเรียกวิธีการนี้ว่า SBL ..โดยเราแค่เซ็นต์อนุญาตกับบัวหลวง ..จากนั้น ทางบัวหลวงจะดูแลให้ เก็บเงินจากคนที่ยืมให้เรา - เรียกได้ว่า 'อยู่เฉยๆ ก็ได้ผลตอบแทนจากหุ้นเพิ่ม โดยไม่ต้องเหนื่อย'

ลองคลิ๊กอ่านดู 


ใครสนใจ ถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SBL Desk ของบัวหลวง 

โทร 02-618-1485-86 ครับ

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ค่าจ้างที่ไม่แฟร์ นั่งห้องแอร์แต่ได้เงินเยอะ



'ว่าด้วยเรื่อง ค่าจ้างที่ไม่เคยแฟร์ คนนั่งห้องแอร์เงินเยอะ ..แต่ทำไม งานหนักขยันอดทนกลับค่าจ้างน้อย'

จริงๆ มันมีที่มา 

- ถ้าเราเกิดในสมัยโรมัน งานแรงงาน ใช้พลัง ขยัน บึก อึด ต้องรวยแน่นอน เพราะ ยุคนั้น เขาให้ค่ากับพลัง 'จอมพลัง นักสู้' (สู้แบบรบ ฟันกันจริงจัง)

- แต่ยุคนี้ เขาให้ค่าแรง ที่ 4 จุด ดังนี้

จุดที่ 1. : 'เขาให้ค่าแรงตามผลงาน ไม่ใช่ตามเวลาที่ใส่ลงไป' ...อันนี้คนที่ทำจนชำนาญจะได้เปรียบ เพราะทำได้เร็วกว่า จำนวนมากกว่า ก็จะได้ค่าจ้างสูงกว่า

 - ถ้าใครติดปัญหาค่าจ้างต่ำ ตรงนี้ก็ต้องเพิ่มความชำนาญ ทำไว ทำคล่อง 

จุดที่ 2. : 'เขาให้ค่าแรงตามเป้าหมาย' ...อันนี้คืองานบริหารทีม ให้ทำงานตามเป้าหมายที่นายจ้าง หรือลูกค้ากำหนด 

....ถ้าใครติดปัญหาตรงนี้ต้องเพิ่มทักษะในการบริหารคน บริหารทีม 

จุดที่ 3. : 'เขาให้ค่าจ้างตามยอดขาย' ...อันนี้ชัดหน่อย งานขาย วัดเป็นตัวเลข ตามยอด 

..ตรงนี้พัฒนาตรงๆ ต้อง 

หนึ่ง : เข้าใจสินค้าที่ขายให้ลึกซึ้ง (ถ้าพนักงานขายขั้นเทพ คุณจะเห็นเลยว่า เขารู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับสินค้าที่ขาย บางทีรู้เท่าผู้บริหารเลย ..ส่วนพนักงานขายขั้นแย่ ก็คือ พวกที่ลูกค้าถามอะไรก็อธิบายไม่ได้ ขนาดของที่ขายยังไม่ใส่ใจแล้วจะเอาเงินเยอะๆ ได้ไง)

สอง : รักสิ่งที่ขาย (ของที่ขายมันต้องดีจริง ฉันยังใช้)

จุดที่ 4. : 'เขาวัดจากเงินที่คุณประหยัดให้นายจ้าง' ..ก็พวกใช้ความรู้ มาลดต้นทุนธุรกิจ ใช้เครื่องจักร ใช้บัญชี ใช้กฏหมาย ใช้เทคนิคทางการค้าและธุรกิจ (Trade Secret)

..ถ้าเราอยู่ในจุดนี้แล้วรายได้ต่ำ แปลว่า เราต้องพัฒนาความรู้เชิงลึก อย่างนักบัญชี คุณต้องรู้เทคนิคทางภาษี / นักกฏหมายต้องรู้ช่อง / วิศวะ ต้องรู้เครื่องทุ่นแรง อัตโนมัติ / โปรแกรมเมอร์ ต้องรู้จักการใช้ Software ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต / ...

นอกจาก 4 จุดนี้ อาจจะเหนื่อย เพราะค่าแรงอาจไม่สูง 

...ยุคนี้ขยันอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องรู้จักวิธีทำงานให้ตรงความต้องการของนายจ้าง

ลองปรับดูครับ 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



เล่นหวยยังไงให้รวย

 

'เล่นหวยยังไงให้รวย ?' ...ง่ายมากครับ เล่นหวยยังไงก็รวยครับ แต่ไม่ใช่คนเล่นรวย ..คนออกดิรวย ..(ขำ)


- รวยจากหวยชาเขียว ..เปรี้ยง !! เปิดฝาลุ้นล้าน แต่ต้องมีคนเปิด 1 ล้านฝา ก็ขายได้ละ 20 ล้าน ก็แจก 1 ล้าน ..รวยดี ..555


- หวยปกติ ไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่กำไร รัฐบาลเปิดเสรีไปแล้วอ่ะ 


- วันนี้ฮากว่านั้น ทุกธุรกิจเริ่มเอาแนวคิดหวยไปใช้ ...ซื้อสินค้าฉัน ลุ้นทองคำ 1 ล้าน


ใช้บริการกด ลุ้น บ้าน ทีวี ตู้เย็น 


- เอาเป็นว่า 'ลุ้นได้ไม่ได้ห้าม' แต่อย่าไปทุ่ม อย่าใช้เงินเยอะ


เอาเงินเอาเวลา ไปวางแผน ลงทุนให้รวยดีกว่าครับ


จุดไป ...ไม่รวยด้วยโชค ให้รวยด้วยการวางแผน


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


เปลี่ยนเรา ไม่เปลี่ยนโลก เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว

 

'เจอใครๆ เขาก็อยากเปลี่ยนโลกนะ' ..ผมว่าไม่ต้องเปลี่ยนหรอก เพราะมันเปลี่ยนไปแล้ว


ถามใหม่ดีกว่า 'เราเข้าใจหรือเปล่า ว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เพียงแต่หลายๆ คนยังไม่เปลี่ยนเท่านั้นเอง'


- วันนี้การติดต่อสื่อสาร เร็ว ถูก ครอบคลุมเกือบทุกที่ ..แม้กระทั่งโทรต่างประเทศ ที่เคยแพงมาก ..วันนี้ฟรี


- นั่งแท๊กซี่ในเมือง ไม่ต้องเรียกแท๊กซี่ กด App ..โหแต่ละค่าย แจกโปรแข่งกัน เกือบนั่งฟรี ..555


- บริษัทใหญ่เดี๋ยวนี้ประหยัดค่าโฆษณาลดลงสิบเท่า เอามาลง Facebook ..ผลกลับดีกว่าเดิม 


- ดาราเดี๋ยวนี้ไม่ต้องจ้างมาเป็นพรีเซนเตอร์ ..เจ้าของโฆษณาเอง ..เฮ้ย น่าเชื่อถือกว่า


- นักร้องไม่ต้องมีค่าย ..จัดการเอง รายได้หลักคือโชว์ตัว เพลงไม่มีใครจ่ายเงินซื้อซีดีอีกต่อไป


- สื่อวันนี้กระทบหนัก เพราะ ทุกคนผันตัวมาเป็นสื่อ ..หลายๆ สินค้า จ่ายค่า endorses ให้คนเหล่านี้ช่วยขายของ ..คุ้มเกินคุ้ม เพราะยุคนี้ คนเชื่อเพื่อนมากกว่า 


- Startup แข่งกัน เอาของมาลดราคา ส่งถึงบ้าน ..ถูกแบบไม่เดินห้างละ ..ถ้าไม่ได้เดท จะไปเดินทำไมอีก


- เที่ยวต่างประเทศที่ถูกมาก ..ป.5 นี่เริ่มเดินทางเองละ แม่เจ้า !! ...ยุคเรา ป.5 นี่เดินห้าง แม่ยังห้ามเลย


- ธุรกิจ เดี๋ยวนี้ไม่มีใครรอเรียนจบ ช้าไป ..เด็กเขาหาเงินกันตั้งแต่อยู่โรงเรียน ...เจอเด็กหนุ่มสาว เดี๋ยวนี้แนะนำตัว ..ผม CEO ... เจสสส !!


- พนักงานออฟฟิศเดี๋ยวนี้ ขายตรงหมด ..มีอาชีพเสริมหมด แทบไม่มีแล้วทำงานอย่างเดียว


- ร้านกาแฟนี่มีคนนั่งทั้งวัน ..ทำไร ..co-working space ทำงานครับ หาเงิน เล่นหุ้น ...ขอโทษนะ ผม นักลงทุนอิสระ ..เท่ห์ว่ะ


- อยากทำอะไร วันนี้มีสอนออนไลน์ เรียนปั๊บ เปลี่ยนอาชีพเลย ..เฮ้ย ในอดีตต้อง 4 ปี กลับไปเอาใบปริญญา เดี๋ยวนี้ไม่ต้อง ..เรียนพิเศษแล้วหาเงินเลย


- คนรุ่น gen x ทำงาน ประมาณ 3 อาชีพก่อนเกษียณ ...เด็กรุ่นนี้ ทำงาน 7 อาชีพ แล้วไม่มีเกษียณ


- รุ่นก่อนทำงานหนักหวังให้องค์กรดูแล ..คนรุ่นนี้สร้างพอร์ตการลงทุน แล้วดูแลตัวเอง


- ยุคก่อนขายฝัน สามารถอยู่ได้ไม่ต้องทำงาน ...ยุคนี้มันทำได้จริง อยู่ที่วางแผน ..ปั้นพอร์ต Passive เอาแค่เกินค่าใช้จ่าย ...คนรุ่นใหม่จำนวนมาก เป็นแบบนั้น ทำงานที่อยากทำ ..ไม่ทำงานประจำ ...แต่มีรายได้ประจำ และมี Project พิเศษ


มิติการใช้ชีวิต มันมีทางเลือกมากขึ้น


คนแต่ก่อน หยุดทำงานไม่ได้ อดตายแน่นอน เลยมีความฝันว่า อยากเกษียณให้เร็ว


แต่คนรุ่นนี้ วางแผนการลงทุนดี นี่ 10 ปี ก็มี Passive แล้ว ..เรื่องหยุดทำงานหรือเกษียณกลายเป็นสิ่งล้าสมัย


มันกลายเป็นเป้าหมายชีวิต คือ 'เลิกทำงานที่ไม่ชอบ มาสู่การทำงานที่รัก นั่นคือเป้าหมาย'


'โลกเปลี่ยนไปแล้ว ทำความเข้าใจมันดี แล้วเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้น รวยขึ้น สบายขึ้น ดีกว่า'


- เปลี่ยนเรา ไม่เปลี่ยนโลก เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


(รูปไม่เกี่ยว ..ถ่ายท่าบังคับ มาตรฐานการโพสท่า)


ลดอีโก้ลง จึงฉลาดมากขึ้น

 

'เมื่ออีโก้ลดลง เราเรียนรู้เพิ่มขึ้น


- เมื่อลดความอิจฉา จึงทำให้เราเก่งขึ้น


- การเหยียบคนอื่น ไม่ได้ทำให้เราสูงขึ้น แต่มันทำให้เราดูแย่ลง


- การใช้ชีวิตในสายตาคนอื่น เพื่อให้คนอื่นมองดี มันทำให้ชีวิตแพง


- การใช้ชีวิตในสายตาของตัวเราเอง มันทำให้เรามีความสุขมากขึ้น แถมเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น'


วันนี้ขอให้คุณรวยขึ้น และเรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้นทุกวันนะครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

อยากทำธุรกิจยุคนี้ต้องสมดุลย์ความติสและกระเป๋าเงิน

 

บทเรียนของคนรุ่นใหม่ที่อยากทำธุรกิจเลย จาก 'a day' ...ผู้ก่อตั้ง-นักธุรกิจ-นายทุน-เงิน-และ Passion 


เราคงเคยได้รู้เรื่องของ Steve Jobs ที่ครั้งนึง เขาเคยโดนไล่ออกจาก Apple บริษัทที่เขาก่อตั้งมากับมือในโรงรถ ..สงสัยไหม คนก่อตั้งโดนไล่ออกได้อย่างไร ?


วันนี้ พี่โหน่ง ก็ลาออกแบบไม่เต็มใจ จาก a day บริษัทที่เขาก่อตั้งมากับมือเมื่อ 16 ปีก่อน ..เริ่มจาก Crowdfunding รุ่นแรกๆ ของประเทศไทย สมัยที่ยังใช้ จดหมาย ในการระดมเงิน (ยุคนั้นไม่มีครับ Internet) ..เขียนจดหมายครับ ระดมทุน Crowdfunding ..ยอมรับเลยว่า พี่โหน่ง แกเป็นคนที่หัวคิดล้ำสมัย และ เป็นทั้งนักเขียน นักธุรกิจที่เก่งคนนึงของประเทศเลยทีเดียว


แต่ !!..


'แต่นี่คือ โลกทุนนิยม' ...มันเป็นโลกที่คนยุคนี้ ต้องรู้เท่าทัน เพราะ มันขับเคลื่อนด้วย


หนึ่ง 'เงิน' และ สอง 'คน'


(เงิน มันวิ่ง หาเงินก้อนใหญ่ ..ส่วนคน มันวิ่งหาคนที่มีอำนาจ) ..โคตรโหด แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน


- การทำธุรกิจทุกอย่าง ต้องใช้เงิน ..องค์กรการกุศลยังต้องใช้เงิน ถึงต้องมีการระดมทุน


- ผู้ที่กุมเงิน คนนั้นกุมอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งในระบบธุรกิจ เขาใช้เรื่อง 'หุ้น' ในการกุมอำนาจในการตัดสินใจ ..คือ ในบริษัท ใครกุมหุ้นข้างมาก คนนั้นได้สิทธิในการบริหารธุรกิจ


- เจ้าของที่เริ่มธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ได้มีทุนของตัวเอง ..ตรงนี้แหละ ที่เจ้าของ ต้องไปหา แหล่งเงินทุน ซึ่งก็มีตั้งแต่ Crowdfunding 'ระดมทุนจากรายย่อยกันเอง แบบไม่เป็นทางการ' ..จาก 'Angels' ขอเงินจากคนที่มีเงินแล้วอยากลงทุนส่วนตัวในธุรกิจ ..ไปจน Venture Capital (คือ เพิ่มระดับของความเป็นทางการในการระดมทุน) ..ถ้าขั้นสุดก็คือ ระดมทุนจากประชาชน ก็คือ การ IPO เข้าตลาดหุ้น (แบบที่เราเป็น เถ้าแก่น้อย หรือ After You ระดมทุน IPO นั่นเอง)


- สิ่งที่อยากจะชี้คือ 'การจะเริ่มธุรกิจ เราควรเข้าใจเกมการเงิน มิเช่นนั้นเราอาจตกเป็นเหยื่อ หรือ แม้กระทั่งเสียธุรกิจที่ตัวเองก่อตั้งมา ตกเป็นของคนอื่น'


- จุดพลาดจะอยู่ที่ 'การขยายธุรกิจ' แล้วต้องใช้เงิน (ก็ทุกคนต้องเจอนั่นแหละ ยกเว้นคนทำธุรกิจแล้วไม่อยากโต) ...ต้องระวังเรื่องการขยาย หากขยายเร็วเกิน สร้างค่าใช้จ่าย เกินรายได้เยอะๆ นั่นแหละ ที่ปัญหาจะเริ่มเกิด


- 'โลกทุนนิยม' การเปิดบริษัทก็เหมือนเราเข้าสู่สมรภูมิการค้า ..เงินก็คือ 'กระสุน' ...อย่ายิงมั่ว แล้วอย่ายิงหมด 


- นักธุรกิจรุ่นใหม่ ควรรู้จักศิลปะ การบริหารกระสุนให้ดี (คนรุ่นใหม่มีจุดอ่อนตรงนี้เยอะ ยิ่งมั่ว ยิงไปก่อน ต้องระวัง)


ที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพื่อจะเตือนคนรุ่นใหม่ว่า นอกจาก Passion ที่ผมเชื่อว่า ทุกคนมีกันล้น เราต้องเข้าใจเรื่องการบริหารเงินให้รายรับ ต้องมากกว่ารายจ่าย - นั่นแปลว่า 'สิ่งที่คุณทำ ต้องทำเงิน ..พูดง่ายๆ สินค้าหรือบริการ ต้องแก้ปัญหาและสร้างประโยชน์ จนคนยอมที่จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการของเรา'


เฮ้ย!! เบสิคมันแค่นี้เอง ..คือ Passion กับ Business  (ติสเกิน ก็ไม่ได้เงิน ..ธุรกิจเกิน ก็ไม่โต) มันต้องสมดุลย์ 


ก็หมั่นศึกษาและเพิ่มประสบการณ์กันต่อไปครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


http://www.nationtv.tv/main/content/entertainment/378535311/

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

5 องค์ประกอบ การปั้นดิน ให้ไปถึงดวงดาว

 

'นิยามของความหรูหรา' ..ได้ใช้ ได้เก็บ ได้เงิน ดีป่ะ ?


นักลงทุน มักพูดว่า คนรวยต้องแยกแยะ ระหว่างสิ่งที่เป็น Asset กับ ขยะ แล้วเลือกถือ Asset - 'นั่นคือ แนวทางรวย'


ส่วนนักธุรกิจยุคนี้ ...ใช้การเปลี่ยนขยะเป็น Asset แล้วสอนให้คนสะสมมัน วิธีนี้มาใหม่ แรงกว่า 


ถ้าคุณรองเท้า ซื้อเต็มบ้าน สุดท้ายคือขยะ ..แต่รองเท้าบางยี่ห้อ สร้างให้คนแย่งกันซื้อ แย่งกันปั่นราคา และ ทำให้เป็นของสะสม 


เคล็ดลับก็คือ 


1. สิ่งนั้นต้องมีจำนวนจำกัด (ต้องผลิตน้อยกว่าความต้องการ)

2. ต้องแพง (เพราะไม่มีใครสะสมของถูก)

3. ต้อง Exclusive ...ทุกวันนี้ขนาด ธุรกิจการศึกษา ยังทำเป็น Exclusive Club เลย (ลูกเทพเท่านั้น ที่ได้สิทธินี้)

4. สร้างกำไรให้นักสะสม (ถ้า Wine ยังสะสมได้ ...เหล้ายา ดองไทย ต้องมาคิดต่อยอดแล้ว) ..คนที่ทำให้ ขยะเป็นทอง ต้องมีนักสะสม

5. แสดงตัวตนของคนที่ใช้มัน


ถ้าทำครบ 5 ข้อ ...ไปหยิบอะไรมาก็ได้ คุณก็ปั้นให้คนยอมจ่ายแพงได้


เราน่าจะมาคุยกันว่า SME ไทย ขาดอะไรถึงจะไปได้ถึงดวงดาว ?


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


สินค้าแข่งกันฟรี คนยุคนี้สบายจัง



'กลยุทธ์ธุรกิจรุ่นใหม่ ให้ของฟรี ใช้ฟรี' ...แล้วใครจ่ายอ่ะ ?

ทุกวันนี้การแข่งขันในทุกธุรกิจ มันดุเดือด จนถึงขนาดที่ว่า

Startup จำนวนมาก (อย่างในจีน) ให้ลูกค้าใช้สินค้าและบริการ แบบฟรีเลย 

- กลยุทธ์แบบนี้คือ เน้นการขยายฐานลูกค้าให้เร็วที่สุด ตัวอย่าง ชัดๆ ก็อย่าง UBER กับ Grab ที่แย่งกันให้ลูกค้านั่งฟรี ...สงสัยไหมว่า แล้วคนขับจะได้อะไร เพราะลูกค้านั่งเกือบฟรี

- นี่แหละ ที่เขาเรียก Burn Rate คือ ใช้เงินนักลงทุน มาจ่ายให้ทั้งทั้งคนขับ และก็จ่ายให้คนนั่ง เรียกได้ว่า ขอให้คนมาใช้เถอะ นักลงทุนยอมจ่ายให้หมด 

- ดูแล้วเหมือนนักลงทุนขาดทุน ...แต่สิ่งที่นักลงทุนหวังก็คือ 'ยอมขาดทุนระยะสั้น แล้วไปทำกำไรระยะยาว'

- เป้าหมายคือ ฆ่าคู่แข่ง เพื่อที่ตัวเองจะได้ Monopoly จากนั้น ค่อยขึ้นราคาเมื่อคู่แข่งตายแล้ว

- แต่ปัญหาก็คือ วันนี้เราเข้าสู่ยุคที่เงินล้นตลาด ทำให้การฆ่าคู่แข่ง ไม่ง่าย เพราะต่างคนต่างมีสายป่านยาว

- จะเห็นได้ว่า Startup ที่ฉลาด จะไปอิงกับ นายทุนที่สายป่านยาว เช่น UBER อิงกับ Google ที่เงินมหาศาล หรือ อย่าง Grab อิงกับสิงคโปร์ ...ผลคือ ยักษ์ชนยักษ์

- วันนี้กลยุทธ์ฟรี ในจีนเริ่มพัง คือ หลายๆ Startup ล้ม เพราะเงินหมด ตัวเองตายก่อนคู่แข่ง ...นักลงทุนก็เริ่มเสียว ไม่กล้าเติมเงินต่อ

เกมนี้ยังดุเดือด ต้องจับตากันต่อไป ...แน่นอน วิธีการทำธุรกิจยุคใหม่ โหดขึ้น เราก็ต้องเรียนรู้มากขึ้นไม่ต่างกัน

Week หน้า ผมกับบัวหลวง จะไปดูงานที่เวียดนาม (ซึ่งกำลังเป็นประเทศดาวรุ่งในสายการผลิตของโลก) แน่นอน คงมีอะไรมันส์ๆ มาเล่าให้ฟัง ...เพราะอนาคตการเติบโตของโลก มันกำลังเคลื่อนมาที่ซีกโลกตะวันออก 

สนุกแน่นอน

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ปิรามิดอาชีพ จุดเกิดของคนรุ่นใหม่

 

'เรื่อง ปิรามิดของอาชีพ' ...ทุกอาชีพมีสามเหลี่ยม


วันนี้แค่คุยกับเด็กว่า โตขึ้นจะทำอาชีพอะไร ..ก็คุยกันแทบไม่รู้เรื่อง 


ฝรั่งเขาทำวิจัยว่า คนยุคนี้ จะต้องเปลี่ยนงานโดยเฉลี่ย 7 ครั้ง และใน 4 ครั้ง จะเป็นอาชีพที่วันนี้เรายังไม่รู้จักเลย ...งง !! 


ใช่!! เมื่ออาชีพมันไม่แน่นอน เราต้องหันกลับมาสร้าง 'การเงิน' ของเราให้แน่นอน ...พวกผม อาศัยการลงทุนที่สร้างเงินแบบ Passive ซึ่งการวางแผนการเงินให้มั่นคง จะช่วยให้เรารู้สึกมีความกล้าที่จะรับกับการเปลี่ยนแปลง - ดังนั้น คนที่วางการลงทุนระยะยาวให้พอร์ตสร้างปันผลแบบ Passive จะกล้าเสี่ยงลองทำอาชีพใหม่ๆ ก็จะมีแนวโน้มที่จะสำเร็จมากขึ้นนั่นเองครับ


ที่คุยกันเรื่อง 'ปิรามิดของอาชีพ' จะเห็นได้ว่า ต่อไป อาชีพ คือ อะไรก็ได้ที่ทำแล้วแก้ปัญหาให้คน นี่ก็เรียกเป็นอาชีพได้แล้ว


ซึ่งถ้าเราสังเกตดีๆ จะพบ 'ปิรามิดอาชีพ' คือ ใครทำอะไรได้ดีในยุคนี้ คุณแทบจะกินรวบตลาด ..ดู Market Share ของธุรกิจแบบคนรุ่นใหม่ มักจะกินส่วนแบ่งตลาดที่ตัวเองเลือกเกิน 50% - ตัว Market Share นี่แหละ ที่เราใช้จำแนกว่า ธุรกิจอันนี้เป็นธุรกิจรุ่นเก่า หรือ ธุรกิจรุ่นใหม่


ข้อแนะนำ ก็คือ วันนี้อย่าพยายามไปทำอาชีพตามใคร อย่าไปหาอาชีพยอดฮิต เพราะนั่นคือ Red Ocean ที่โอกาสแย่สูง 


- เราต้องไปหาโอกาส จากการแก้ปัญหา สิ่งใหม่ๆ เริ่มที่ปัญหาเล็กๆ ...พูดง่ายๆ ยุคนี้เห็นปัญหาปั๊บ ก็เจอเลยโอกาสของอาชีพใหม่


ถ้าเจอแล้วต้องรีบเดินเกมให้เร็ว


โจทย์ที่สำคัญคือ ถ้าคุณมาถูกทาง คุณต้องกินส่วนแบ่งตลาดใหญ่เกิน 50% ในปัญหาเล็กๆ ตรงนั้น


นี่แหละ 'ปิรามิดอาชีพ' หาให้เจอ ..มันคือโอกาสของคนรุ่นใหม่ ในทุกสิ่งที่ทำ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

หนึ่งในเครื่องมือจดบันทึกการลงทุนที่เยี่ยมมากเพื่อรายย่อย



หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า หนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับรายย่อย คือ itracker เพราะ มันคือเครื่องมือ จดบันทึก พฤติกรรมการลงทุนทั้งหมดของเรา แล้วอันนี้แหละ ที่บอกอนาคตการเล่นหุ้นเรา บอกได้แม่นว่า เราจะกำไร หรือ ขาดทุน ในระยะยาว 

...สุดๆ ขอแนะนำเลยครับ (หลายคนเปิดบัญชีหุ้นกับบัวหลวง เพื่อจะใช้เครื่องมืออันนี้เลยแหละ)

- เครื่องมือนี้มีให้ทุกคนที่เป็นลูกค้าบัวหลวงใช้ได้ ฟรี!!! 

- มันจะจดบันทึก ทุกการซื้อขาย หา Winning chance ว่าเราแม่นยำแค่ไหน ?

- มันจะจดว่า Average Win ทนรวยเป็นไหม ? 

- มันจะจด Average Loss ว่า จำกัดความเสี่ยงเป็นไหม ?

- แล้วสรุปมาเป็นผล ให้เรารู้จักพฤติกรรมการลงทุนของตัวเราเอง

- ดีมาก ..หลายคนอาจยังไม่เคยดู ก็มาแนะนำให้ลองดู

ใครสนใจใช้ ก็เปิดบัญชีกับบัวหลวง สามารถใช้ได้เลย 'ฟรีด้วย!!' ก็ลองดูครับ เรียนรู้ลงทุนไปด้วยกัน

…เปิดพอร์ตใช้ iTracker คลิ๊กที่นี่.. 

(กรอกสมัครออนไลน์ ทำตามขั้นตอนได้เลย ถ้ามีข้อสงสัยในขั้นตอนใดในการเปิดบัญชี สามารถโทรถามได้ที่ 02-618-1111 ครับ)

https://goo.gl/n6LWL3  

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Mindset ที่ดี ชนะทุกกลยุทธ์ในการลงทุน

 

สตาร์ทเครื่องเรื่องการลงทุน - มนุษย์เงินเดือนจะเริ่มเป็นเจ้าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ด้วยเงินน้อยได้หรือไม่ ?


ตอบเลยว่าได้ ...'สงสัยไหมว่า ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ๆ ในตลาดหุ้นได้ด้วยเงินเริ่มต้น แค่หลักพัน หลักหมื่น แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ ก็ไม่ทำ ...พอเข้าตลาดหุ้นก็เข้ามาเล่นแบบรายย่อย คือ แค่ซื้อมาขายไป เก็งกำไรไปวันๆ ?'


- คนที่ถือหุ้น มีโอกาสได้ 2 อย่าง คือ มูลค่าหุ้นที่โตไปเรื่อยๆ เหมือนเจ้าของ แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ถือ กลับมองแค่ผลตอบแทนระยะสั้น แค่ 5% - 10% ก็เอาแล้ว


- ซึ่งถ้าเลือกถือเป็นเจ้าของ ไม่ขายหุ้น ถือเฉยๆ ก็ได้ทั้งปันผล และ มูลค่าหุ้นเพิ่มไปเรื่อยๆ 


- ความแปลกที่เจอคือ คนส่วนใหญ่ชอบมองแค่ผลตอบแทนสั้น ...ทนถือหุ้น แค่เวลาที่ขาดทุน แต่เวลากำไรไม่กล้าถือทนรวย ...ทั้งๆ ที่หุ้นรอบใหญ่แต่ละรอบ สามารถขึ้นได้ 3-5 เด้ง หรือ บางตัวขึ้นเกิน 10 เด้ง หากทนถือยาว


- คนส่วนใหญ่เลือกซื้อหุ้นตอนที่ข่าวดี พูดง่ายๆ ชอบซื้อแพง ...พอให้ศึกษา การอ่านงบ ก็ไม่สนใจจะเรียนรู้ (แปลกจริงๆ)


- สถิติของตลาดหุ้นก็มีให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การถือหุ้น 5 ปีขึ้นไป สามารถกำไรง่ายกว่า แถมได้มากกว่า 


- การเริ่มการลงทุนที่ถูกต้อง ควรเริ่มจาก Mindset ที่ถูกต้อง ...เวลาที่คนส่วนใหญ่กลัวมักเป็นจังหวะที่หุ้นหลายๆ ตัวราคาถูก ..ซึ่งเราจะเห็นโอกาส เมื่อเราศึกษาการอ่านพื้นฐาน แล้วอดทนรอซื้อได้


- การถือหุ้นแล้วไม่ขาย หลายคนมองว่า น่ากลัว แต่ความจริง มันก็ไม่ต่างจากเราซื้อที่ดินทำเลดี ยิ่งถือนาน มูลค่าย่อมเพิ่ม แถมได้ปันผลที่เติบโตไปเรื่อยๆ


ถ้าเราวางแผนการลงทุนระยะยาวถูกต้อง ภายใน 10 ปี ผลตอบแทนการลงทุน แทบจะเรียกได้ว่า คืนทุนทั้งหมดที่ลงไป


ไม่แปลก คนที่เข้าตลาดหุ้น ยิ่งลงทุนนานยิ่งรวย 


Mindset ที่ดี ชนะ ทุกกลยุทธ์ในการลงทุน


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ท้าทายความคิด ต้องแกะที่คน

 

อยากมีธุรกิจ ต้องกุมหัวใจถูกค้า ..เพราะแค่รู้จัก มันน้อยไปละ !!


หนังสือเล่มนี้ใกล้เสร็จแล้ว ..รวมตัว คนหลายวงการ เพื่อความเข้าใจวิธีหาเงินใหม่ ที่เริ่มจากการเข้าใจสีของตัวเอง


เคยสังเกตไหม 


- คนรุ่น Baby boomer เวลาซื้อของ เน้นของถูกเป็นหลัก ...ยุคนั้นใครเป็นเจ้าของโรงงานก็รวย


- คนรุ่น Gen X เน้นของดีแต่คุ้ม ...คนที่เป็นเจ้าของ Brand น่ะรวย ..พวกโรงงานรับจ้างผลิตรวยน้อยลง


- คนรุ่น Gen Y ชอบของดี และต้องแพง ...เพราะเขาไม่ได้ซื้อสินค้าเพื่อบริโภค แต่เป็นยุคที่ซื้อสินค้าเพื่อแสดงตัวตน ...ยุคนี้แค่ Brand ไม่พอ ..Brand ต้อง 'เป็นคนดี เข้าถึงได้' ..ธุรกิจยักษ์ใหญ่ เริ่มหนาว บางธุรกิจถึงกับเจ๊งไปเลย เพราะไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า


- ผู้กำหนดตลาด คือ 'คน' ..การอ่านคน จึงสำคัญที่สุด


- การวิเคราะห์เศรษฐกิจ เราต้องวิเคราะห์คน ..อย่าง Trump อย่าไปฟังนโยบาย เพราะเขาเปลี่ยนตลอด ..ต้องอ่านที่ตัวเขา ...นักธุรกิจมาเล่นการเมือง เขาก็ทำการเมืองให้เป็นธุรกิจ เลียนแบบบ้านเรา ...ง่ายๆ ย้อนไปดูเมืองไทยว่า จุดเปลี่ยนการเมืองไทย ตลาดหุ้นเป็นยังไง ...ลดภาษีแล้วหุ้นเป็นไง ...แล้วการแตกแยก แบ่งพวก บ้านเราจบอย่างไร - อ่านคนก็วิเคราะห์ไม่ยาก !!


- ยิ่งความเปลี่ยนแปลงมีมากแค่ไหน เรายิ่งต้องกลับมาอ่านคน


ไว้เดี๋ยว อ่านหนังสือเล่มนี้กันเต็มๆ 


ระดมสมอง จาก นักธุรกิจ นักลงทุน เทรดเดอร์ และ นักจิตวิทยา !!! ....แกะทุกมุมมอง การเปลี่ยนแปลง


- Generation / สีของคน / เศรษฐกิจ ...เพื่อให้เราเข้าใจวิถีการทำงาน และการหาเงินในโลกยุคใหม่


เร็วๆนี้ !!!


วางแผน ปลายกุมภาพันธ์ !!


หนังสือ แปลก ลึก และ ท้าทายวิธีคิดของสังคม การเงิน และ ธุรกิจ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ