แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2564

6 คำถาม คัดหุ้นสุด Sexy

 


6 คำถาม ใช้คัดหุ้นสุด Sexy 

1. ‘ยอดขาย สามารถโต โดยไม่ลงทุนเพิ่มได้ไหม ?’ ...นี่คือ ธุรกิจวิชาตัวเบา ...ยิ่งเบา ยิ่งดี ...สมัยก่อน อยากโต ต้องเปิดโรงงาน ขยายสาขา อะไรก็ว่าไป  ...เอาว่า ยังไงจะโตมันต้องลงทุนบ้าง แต่ให้เน้นว่า ต้องเบา นั่นเอง

2. ‘รายได้ของคุณ มีความยั่งยืนแค่ไหน ?’ ...ยั่งยืน หมายความว่า ธุรกิจไม่ใช่ Fashion ที่มาเร็วไปเร็ว ...อย่าง โรงไฟฟ้าที่ฮือฮากันก่อนหน้านี้ มันเติบโตนะ แต่มันสั้น เพราะ Adder ที่ทำให้กำไรดี มันกำลังจะหมดลง ...ของจริง ต้องดูหลังจาก Adder หมด ...คนรอดและรวย มีอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ทุกโรงไฟฟ้าที่จะรอดไง 

3. ‘Market Cap. ไม่ใหญ่’ ...เอาเฉพาะช่วง 2 ปีนี้น่ะ ...หลังจาก 2 ปีนี้ ค่อยมาว่ากันใหม่ ...พวก Market Cap ใหญ่ หุ้นมันหนัก ต้องอาศัยกองทุนใหญ่ หรือ ต่างชาติ ซึ่งช่วง 2 ปีนี้ จะไปหา พวกใหญ่ๆ นี้ที่ไหน ? ....ถึงมีเงินเขาก็เล่นเร็ว ...หุ้นใหญ่เลยไปยาวๆ ยากนั่นเอง

4. ‘ลดต้นทุนได้เก่ง’ ...ธุรกิจไหนลดต้นทุนเก่ง กำไรจะโตทันที ...ยิ่งกำไรโต P/E ยิ่งสูง ...นั่นคือ สวรรค์ของนักลงทุนเลยแหละ 

5. ‘อยู่ใน Segment ที่ Sexy’ ...หุ้นใหญ่หรือมั่นคง ไม่สำคัญเลย ถ้าอยู่ในธุรกิจที่ไม่ Sexy ค่า P/E ก็ต่ำ ...เก่งแค่ไหน หุ้นก็ไม่ไปไหน ....สู้แตกเอาบริษัทลูกที่ Sexy เข้าตลาด หรือ ทำใน Segment ที่ Sexy สบายกว่าเยอะ ...P/E มันสูง รวยง่ายกว่าครับ 

6. ‘ธุรกิจไม่จำเป็น รวยเงียบ สบายกว่า’ ...ทุกวันนี้ ธุรกิจที่จำเป็น ปัจจัยสี่ อาหาร ลองดู CP ซิ ...โดนด่าตลอด ...คนทุกวันนี้ แอนตี้ ธุรกิจใหญ่ที่ผูกขาด ...หากเราซื้อหุ้นแบบนี้ ก็เซ็งหน่อย เพราะ โดนคนด่าเยอะ เช่น PTT นี่โดนเรื่องท่อก๊าซบ้างล่ะ ...โดนด่า ขายน้ำมันแพง ...เอาตรงๆ ทุกวันนี้ ‘Low Profile High Profit’ สบายกว่า 

ก็ประมาณนี้ คัดหุ้นแบบนี้เข้าพอร์ต ทนๆ รวยไป ...สบาย !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


7 สิ่งที่ควรรู้ ในการลงทุนในหุ้นไทย




7 สิ่งที่ควรรู้ สำหรับนักลงทุนหุ้นในประเทศไทย

ใครก็พูดว่า ‘ประเทศเรา ไม่เหมือนใคร’ ...แล้วในส่วนของหุ้น เรา indy แบบนั้นหรือไม่ มาดูกัน 

1. ‘บ้านเราไม่เก่ง hi-tech แต่เก่ง hi-touch’ ...จะให้ไทยไปแข่งเทคโนโลยีผมว่าสู้เขาไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องบริการ Service เราอันดับต้นๆ ของโลก ...การท่องเที่ยวเราไม่แพ้ใคร (ตอนนี้แค่สะดุดเพราะโควิด) ...ท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์เราก็ระดับโลก ...คุณภาพดี บริการเยี่ยม และ ถูก!! 

2. ‘SME บ้านเรา คือ Start up อยู่แล้ว’ ...เจ้าสัวรุ่นใหม่ของไทย เริ่มจากธุรกิจห้องแถว ธุรกิจบ้านๆ ...ขายคอม , ขายครีม , ขายประกัน , ปล่อยกู้ , ขายขนม , ขายสุกี้ , กาแฟปั๊ม ...เริ่มจากธุรกิจบ้านๆ พวกนี้แหละ สร้างเจ้าสัวหมื่นล้าน มากมาย ....ผมว่า หลายคนไปมองแบบฝรั่ง หา Google , Facebook มันก็ไม่มีอ่ะซิ ...แต่จะบอกว่าหุ้นบ้านๆ แบบนี้แหละ Super Stock บ้านเรา

3. ‘แต่ระบบ และ การปรับใช้ ต้องดี’ ...ธุรกิจบ้านๆ แต่การจัดการและระบบต้องเทพ !! ....ใช่!! หัวใจของการขยายและเติบโต มันคือ ‘ระบบ การจัดการ การควบคุม’ เรื่องพวกนี้ ก็คือ เราไม่ต้องคิดค้นนวัตกรรม แต่เราต้อง เป็น ผู้ใช้นวัตกรรมให้มีประสิทธิภาพ 

4. ‘เจ้าของสำคัญ ต้องพริ้ว’ ...ใครทำธุรกิจสำเร็จในบ้านเรา แปลว่า คุณต้องพริ้ว ...แปลว่า ปรับตัวเก่ง ...บนโต๊ะ ใต้โต๊ะ ข้างโต๊ง ในโต๊ะ ...เตะโต๊ะ ...เจ้าของธุรกิจที่รอด ต้องปรับตัวเก่ง ...ถ้าใครกางตำราต่างประเทศมาทำธุรกิจบ้านเรา ไม่รอด ฟันธง !!

5. ‘วิ่งหาอะไรที่เหนื่อยน้อย กำไรสูง’ ...เดี๋ยว !! ไม่ได้แนะนำให้ขี้เกียจ แต่จะบอกว่า วันนี้แค่ขยันและเก่ง มันไม่พอแล้ว ...อะไรที่กำไรต่ำ มันแปลว่า ธุรกิจนั้นคู่แข่งเยอะ ...มันเหนื่อย ....ให้หาจุดที่กำไรเยอะ แล้วทำให้สุด นั่นแหละ ธุรกิจ 100 เด้ง 

6. ‘เก่งก็ส่วนนึง แต่อยู่ถูกที่สำคัญกว่า’ ...ถ้าเอาความเก่ง ไปใช้ในจุดที่มันไม่ใช่ มันดูดพลัง สุดท้ายจะหมดไฟเอาง่าย ๆ ....ระวัง หมดไฟ เพราะ แค่คุณอยู่ผิดที่ 

7. ‘เคล็ดลับการลงทุน บางทีมันแค่ซ่อนอยู่ในพอร์ตหุ้นเราเองอ่ะ’ ...เปิดพอร์ตตัวเองขึ้นมาดู ก็พบว่า หุ้นที่มันขึ้น เราดันซื้อน้อย ...ไอ้หุ้นที่ไม่ขึ้น หรือ ลง ดันมีเยอะ ...พอร์ตมันเลยแย่ ...เวลาติดดอย มีเราตลอด ...ส่วนหุ้นที่ขึ้นหลายๆ เด้ง เราไม่เคยมี ถึงมีก็ขายหมูไปแล้ว

เอาตรงๆ นะ ตั้งสติ แล้ว ลองถามตัวเองซิว่า ถ้าเราจะเอาพอร์ตเรามาแกะ แล้วทำทั้งหมด ตรงข้ามกับที่เคยทำมาทั้งหมด เราจะเริ่มทำยังไง 

ใช่!! ‘ทำตรงข้าม กับที่เคยทำมา’ นี่มัน คำภีร์รวยสุดขอบฟ้าเลยอ่ะ 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


 

4 เรื่องต้องเข้าใจ ใช้หาหุ้น Super Stock






 ‘มีคนถามว่า ทำไมพี่แพ้ท ชอบหุ้นเล็กช่วงนี้เป็นพิเศษ’ 

ต้องบอกว่า จริงๆ ชอบมาตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังโควิดมา ก็มองแต่หุ้นเล็ก ...วันนี้ก็ยังชอบอยู่ ...โอเค!! จะมาเล่าให้ฟังว่า ผมเห็นอะไร ?

1. ‘ผมเห็นประตูแห่งโอกาสที่เปิดสำหรับหุ้นเล็ก ในช่วงนี้ไปจนอีก 2 ปีข้างหน้านี้แหละ’ (2 ปี แห่งโอกาส!!) ...โดยปกติ ประตูแห่งโอกาสแต่ละช่วงมันไม่เหมือนกัน ถ้าถามว่า ช่วง 10 ปีก่อน เราต้องวิ่งเข้าหาหุ้นใหญ่ที่เติบโต แล้วถือทนรวยอย่าง AOT นี่ชัด เพราะ 10 ปี ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวไทยโตมาก 

...แล้ว AOT ผูกขาดรายได้ตรงนี้ กำไรก็โตมาเรื่อยๆ ...พูดง่ายๆ คือ มันใหญ่ มั่นคงและโตจริงๆ ในอดีต ...แต่จากนี้ไปหุ้นใหญ่ๆ แบบนี้ สิ่งที่ขาดหายไปคือ ‘การเติบโต’ ...เอาแค่ ให้กำไร กลับมาที่เดิม ยังไม่รู้เมื่อไหร่ ....แถมนักลงทุนหลายคนก็แห่กันไปซื้อเก็งว่าจะกลับมา ทั้งที่ยังไม่มีกำไรเลย 

...ก็นะ ฮึม!! มันไม่ง่ายเท่าไหร่

2. ‘ตลาดหุ้น ให้ P/E จากการเติบโต’ ...จะว่าไปแล้ว คนที่รวยเยอะๆ ก็เพราะ เข้าใจ ‘อัตราเร่ง หรือ P/E นี่แหละ’ ...ยกตัวอย่าง ธุรกิจ ธนาคาร กำไรก็เยอะ ปันผลก็สูง มั่นคงสุดๆ แต่ขาดอย่างเดียวคือ ‘การเติบโต’ ...ตลาดให้ P/E ไม่ถึง 10 เท่า 

...ถ้าธนาคารไหนเข้าใจเกมการเงิน ก็แค่ สปินบริษัทลูกมาเข้าตลาด อย่าง KTC ออกมาจากส่วนนึงของธนาคารกรุงไทยแท้ๆ แต่ KTC เทรดกันที่ P/E 40 เท่า

 (แล้วไง ?!?)

ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะ ...

สมมุติ หุ้น A กำไรต่อปี 100 ล้าน แล้วเทรดที่ P/E 10 เท่า ก็เท่ากับว่า หุ้น A มีมูลค่าทั้งหมด (Market Cap.) อยู่ 1,000 ล้านบาท

...แต่ถ้าอยู่ดีๆ นักลงทุนยอมเทรดหุ้น A ที่ P/E 40 เท่า ก็จะ กลายเป็นว่า หุ้น A จะมีมูลค่า 4,000 ล้าน ทันที !!

...ในมุมนักลงทุน ถ้าคุณซื้อที่ P/E 10 ไปขาย 40 คุณก็กำไร 4 เด้ง (400%) 

แต่คำถามก็คือ อะไรที่กำหนดค่า P/E ของแต่ละหุ้น ....’ก็ Growth นั่นเอง’ 

3. ‘การเติบโต คือ สุดยอดของตลาดหุ้น’ 

ใช่!! ...เราเลยเห็น ลูก หล่อกว่า แม่ ....KTC เด็ดกว่า KTB ...หรือ OR ย่อม sexy กว่า PTT 

ไม่ใช่บริษัทลูกมั่นคงกว่า ...แต่มันเติบโตมากกว่า ...คิดง่ายๆ ถ้าวันนี้บริษัทคุณอยู่ในตลาด มั่นคง แต่ P/E ต่ำ ก็แปลว่า ‘หุ้นมันไม่ Sexy’ มันก็ถึงเวลาที่จะ Spin off เอา ลูกที่ Sexy เข้าตลาด ...เอาส่วนที่เติบโต ไปโตก้าวกระโดด

ถ้าจะให้สรุป ก็คือ ตลาดหุ้นยุคใหม่ ไม่ให้ราคากับ conglomerate ธุรกิจกงสี หรือ ธุรกิจที่ทำทุกอย่างสากเบือยันเรือรบ แต่ ตลาดหุ้นยุคใหม่ ให้ราคากับ ‘ความชัดเจน ...และ การเติบโต’

4. ‘เล็ก และ ชัด คือ ความ Sexy ที่สุด’ 

ธุรกิจใหญ่มันต้องโตไประดับโลกซึ่งโหดมากเวลานี้ ...แต่ธุรกิจเล็กแค่ขยายให้ใหญ่ในประเทศก็รวยแล้ว 

...ถ้าเป็นภาวะเศรษฐกิจปกติ ผมคงเชียร์ธุรกิจใหญ่ของไทยให้ไปผงาดในตลาดโลก แต่วันนี้มองไปต่างประเทศ ทุกคนเขาก็เหนื่อยป่ะ ? ...เอาประเทศตัวเองให้รอดดีกว่าไหม ? ....ถ้าสู้ในประเทศ คุณต้องเล็ก เร็ว และ ชัดเจน ...ใครคุม Segment ตัวเองได้เร็วสุด นั่นก็คือ Superstock จากนี้ไป

(ที่ผ่านมา เล็ก เร็ว ชัดเจน และ คุม Segment ตัวเองได้ จนเป็นหุ้น หลายๆ เด้ง ก็เช่น MTC , SAWAD , COM7 , TQM เอาง่ายๆ ใครซื้อหุ้นเหล่านี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พอร์ตคุณโตระเบิด ...แต่!!! ....แต่คำถามที่ยากกว่า คือ แล้วจากนี้ไป คือ หุ้นอะไรล่ะ ?)

4. ‘การเติบโตของไทย อยู่ที่ Segment ไหน?’ ...นี่คือ คำถาม ร้อยล้าน พันล้าน ที่ใครตอบถูก ซื้อหุ้นถูก Segment ...ถูกตัว คุณก็จะได้เป็น เศรษฐีหุ้นคนต่อไป

อ้าว!! ...เขียนมาแค่นี้ ไม่เฉลยเหรอ ....ไม่ครับ !! เพราะ ผมเองก็ไม่รู้ ....ถ้ารู้กรูรวยสุดๆ ไปแล้วดิ ...เอาว่า Superstock ในทุกรอบ ไม่เคยเป็นหุ้นตัวเดิม ...ไม่ใช่กลุ่มเดิม ...ไม่ใช่หุ้นที่คนส่วนใหญ่ซื้อด้วย คิดง่ายๆ ถ้าหุ้นตัวนี้ใครๆ ก็ซื้อ มันจะโตระเบิด ได้อย่างไร 

หุ้นนี้คุณน่าจะไม่มี ...ถ้ามี อาจจะทนรวยไม่ได้ ...ขายไปก่อน 

‘สิ่งที่ยากที่สุด ในตลาดขาขึ้น คือ ทนรวย ...คุณคิดว่า ทนถือหุ้นให้ขึ้นเป็นสิบเด้ง มันง่ายเหรอ ? ...ไม่เลย ยากโคตรๆ ...Cut Loss ที่ว่า ทำยาก ...บอกเลย ทนรวยยากกว่า !!

เพราะอะไรน่ะเหรอ ? ....เพราะ นักเล่นหุ้นทุกคนกลัวว่า กำไรที่เป็นตัวเลขมันจะหายไป ขอกำไรน้อยๆ ขายก่อนละกัน ...ใช่!! โหดมาก ยากสุดๆ เราทุกคนต้องผ่านตรงนี้ด้วยประสบการณ์นั่นเอง

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


หนังสือ ‘หาโอกาสในวิกฤต พิชิตตลาดหุ้น’ ...หนังสือหุ้นเล่มใหม่ล่าสุดที่ผมเขียน ...เขียนตรงๆ บ้านๆ ...ชัดๆ ...โอกาสตลาดหุ้นอยู่ตรงไหน จัดไป !!!

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2564

หาโอกาสในวิกฤต พิชิตตลาดหุ้น

 



‘หลายคนสงสัยว่า คนที่รวยเป็นร้อยๆล้าน พันล้าน หรือ หมื่นล้าน โดยอาศัย Money Game ...เกมการเงินจากตลาดหุ้น เขาทำกันยังไง ?’

โอเค!! ก่อนอื่น ต้องออกตัวก่อน ผมเองก็ไม่ได้รวยขนาดนั้น ...เพียงแต่พยายามศึกษาว่า คนที่รวยเยอะๆ จากหุ้นเขาทำยังไง ก็จะเอามาเล่าให้ฟัง !!

...อย่างแรก ..’คุณต้องเข้าใจก่อนว่า การรวยเปลี่ยนหลัก โตสิบเท่าขึ้นไป ส่วนใหญ่ไม่ได้รวยจากการเทรด’ ...ใครอยู่ในตลาด ...ลองเทรดหุ้นมาพอสมควร น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี 

 ..หุ้นดี(เราคิดเองว่าดี) กับ หุ้นที่ทำให้เรารวย มันอาจจะไม่ใช่หุ้นเดียวกัน ...หุ้นที่เราซื้อเยอะ ส่วนใหญ่ขึ้นน้อย ...แต่หุ้นที่เราซื้อน้อย มันมักจะขึ้นเยอะ 

เราก็นั่งเกาหัวว่า ‘เฮ้ย!! เราโชคไม่ดีเหรอ ?’ ...แต่ไม่ใช่ เพราะ คนส่วนใหญ่ ก็เป็นเหมือนกัน ..ซื้อเยอะ มันลง ...ซื้อน้อย มันพุ่งกระฉูด ...แต่ก็ซื้อน้อยไง พอร์ตมันเลยไม่โต 

...พออยากตาม คิดเล่นเร็ว ...เข้าไปซื้อตาม ..พอขึ้นนิดหน่อย ก็รีบขายกลัวไม่กำไร (สรุป ขายหมู ...ขายปั๊บ หุ้นวิ่งกระฉูด น้ำตาไหลพราก จะตามก็ไม่กล้า - จบเลย เพราะไม่กล้าเข้าแล้ว) ...แต่พอมันลงเยอะ ก็ทนขาดทุน ไม่ขาย (แล้วมันก็ลงต่อ ลงลึกไปเรื่อยๆ คราวนี้ติดดอยยาวเลย) ...แบบนี้มันทุกรอบ ถูกไหมล่ะ !!

‘ทางแก้ คือ ปรับ วิธีคิด (Mindset)’ ...ต้องกลับมาทำความเข้าใจก่อนว่า พวกที่รวยหุ้นจริงๆ เขารวยจากการถือ ...ไม่ใช่รวยจากการเทรด

‘ถือ!!’ ...ใช่ ‘เทรด มันเห็นเงินเร็ว ได้กระแสเงินสด ..แต่ถ้าให้พอร์ตโตกระโดด มันคือ การถือ’ 

สำหรับรายใหญ่ ...หุ้นยิ่งขึ้น เขายิ่งมีเยอะ ...ไม่เหมือนรายย่อย หุ้นที่ขึ้นเยอะ ฉันมีน้อย 

‘การซื้อเพิ่ม และถือ ในหุ้นที่ดี จึงเป็นเคล็ดลับของการโตแบบก้าวกระโดด’ 

....ที่เล่ามา คือ จะแนะนำหนังสือ ที่ผมเพิ่งเขียนสดๆ 

หนังสือ ‘หาโอกาสในวิกฤต พิชิตตลาดหุ้น’ 

เป็นหนังสือ ที่ไม่เหมาะกับมือใหม่ เพราะ อาจจะอ่านแล้ว งง ...แต่ถ้าคุณเล่นหุ้นมาพอสมควร เคยเจอวิกฤต ติดดอย ขายหมู มาแล้ว เล่มนี้ เหมาะกับคุณ 

...วันก่อนมีคนมาถามว่า วางขายที่ไหน ไปร้านหนังสือไม่เห็นมี ...ต้องบอกว่า พิมพ์น้อย เพราะ มันไม่ใช่หนังสือ Mass เน้น Niche... น่าจะมีขายตามร้านหนังสือ เฉพาะร้านใหญ่ๆ ต้องถามพนักงานดูครับ (ปกติหนังสือ พิมพ์น้อยๆ เขาเอาไปวางหลบมุมอยู่แล้ว)

ส่วนมือใหม่ มีอีกเล่มนึง (เล่มสีเขียว) ‘มือใหม่หุ้น ลงทุนเก่ง’ ออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ...อันนี้แนะนำ สำหรับ มือใหม่ 

ใครสนใจ ก็ลองไปดูครับ 

‘รอบนี้ของตลาดหุ้น ต้องเรียกว่า รอมานาน ...ก็เอาใจช่วยทุกคน ให้เก็บเกี่ยวโอกาสจากตลาดหุ้นไทยกัน ที่ไม่ได้มีโอกาสแบบนี้กันบ่อยๆ’

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2564

9 ข้อ ความแตกต่าง หุ้น growth กับ หุ้นปั่น

 

9 ข้อ มองยังไงให้ได้ หุ้น Growth มาในพอร์ต

‘วันนี้ เล่นหุ้น Growth ดีกว่า หุ้นปันผล จริงหรือเปล่า’

ปีนี้ใครๆ ก็เชียร์ หุ้น Growth ...เขาบอกว่า มันจะโตกว่าหุ้นปันผล จริงไหม ?

...พอเชื่อปั๊บ ‘จัดเลย’ ...จัดปั๊บ ก็ รุ่งขึ้น ‘ดอยเลย’ เฮ้ย !! ใครอธิบายหน่อย !! 

มาทำความเข้าใจกัน 

1. ‘หุ้น Growth ใกล้กับหุ้นปั่นมาก’ ...ใช่!! พอมันใกล้กัน ...คนก็หลงไปซื้อหุ้นปั่น ซวยเลย 

2. ‘หุ้น Growth ดันด้วย มวลชน ..หุ้นปั่นด้วยเจ้ามือ’ ...เจ้ามือ คือ ไม้ใหญ่ๆ ดันขึ้นเชือด ...มวลชน ดัน เพราะ อยากถือหุ้นนั้นจริงๆ 

3. ‘หุ้นปั่น แรงขายเยอะ ...หุ้น Growth ไม่ค่อยมีใครขาย’ ...การสังเกตแรงขาย ช่วยให้เห็นความแตกต่าง ...หุ้นปั่น รายใหญ่ดัน เดื่อไปออกของ ...เขาไม่ได้อยากซื้อเก็บยาว ...สังเกตที่แรงขายดีๆ 

4. ‘หุ้น Growth มีพื้นฐานรอบรับ ...หุ้นปั่นไปด้วย Story’ ...ถ้ามีแต่ Story แต่งบไม่เคยมา นั่นหุ้นปั่น ...เพราะหุ้น Growth พื้นฐานต้องมาจริง งบโต กำไรมา 

5. ‘หุ้น Growth คนส่วนใหญ่ที่ถือได้เงิน หุ้นปั่นส่วนใหญ่ซวย’ ...เราจะเห็น หุ้นปั่น ที่จบไม่เคยสวย สุดท้าย ศพเกลื่อน นั่นคือ หุ้นปั่นที่ต้องระวัง ...คนปั่น เจ้ามือ รายใหญ่ ส่วนใหญ่ก็กลุ่มเดิมๆ พยายามอ่านเขาให้ออก อย่าตกเป็นเหยื่อ

6. ‘ทั้งหุ้น Growth และ หุ้นปั่น ต่างไม่ค่อยปันผล’ ...อันนี้ปกติ เพราะ หุ้น Growth เขาเอากำไรไปลงทุนต่อเพื่อเติบโต เลยปันผลน้อย ...ส่วนหุ้นปั่น เอากำไรไปลากหุ้น ก็ว่ากันไป ...ก็ปันผลต่ำ เป็นปกติของหุ้นแบบนี้ 

7. ‘หุ้น Growth กับหุ้นปั่น ตัดกันที่ระยะเวลา’ ...เดี๋ยวนี้ ถ้าเล่นกัน ต่ำกว่า 2 ปี น่าจะเข้าข่ายหุ้นปั่น ...หุ้น Growth คือ เติบโตมากกว่า 2 ปีขึ้นไป ทำให้กำไรหลายๆ เด้ง ก็คาดหวังได้ 

8. ‘เกมการเงิน ก็แบ่งหุ้นสองประเภทชัดเจน’ ...หุ้นปั่น มักใช้เกมการเงินที่ ผู้ถือหุ้นเดิม เสียเปรียบ เช่น เพิ่มทุนแพง , ออก Warrant แปลกๆ อะไรก็ว่าไป ...ทำไปโดยไม่สนใจว่า หุ้นจะมูลค่าแย่ ...แต่หุ้น Growth มักใช้เกมการเงินที่ผู้ถือหุ้นเดิม ได้ประโยชน์

9. ‘หุ้น Growth เจ้าของชัด ถือเยอะ ...หุ้นปั่น เจ้าของพร้อมทิ้งบริษัท’ ...เจ้าของหุ้น Growth เจ้าของ จะหวงหุ้น เพราะ ของดี เขาก็ไม่ค่อยอยากลดสัดส่วน ...ตรงข้ามกับหุ้นปั่น ใครมาคุย เอาไปเลย big lot ขายให้ถูกๆ (ตลกแล้ว!! ของดี ขายคนอื่นทำไม แถมขายถูกอีก ...ก็มันปั่นไง) 

ก็ลองไปสำรวจ หุ้นที่เราสนใจดู ว่า Growth หรือ ปั่น ...แต่ก็ไม่ได้ห้ามนะ อยากเล่นอะไรก็เล่นได้ เพราะ ตลาดวันนี้มันเหมือนสวนสัตว์เปิด น่าจะเป็นแบบนี้อีกเป็นปี ....ก็เอาว่า เล่นอะไร ก็ระวัง ดูหลังเราเองดี ก็พอ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


9 หลัก วัดความเสี่ยง ที่สำคัญในชีวิต

 



‘เมื่อเราเข้าสู่ยุคที่ ความไม่เสี่ยง คือ ความเสี่ยง ...เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรกัน’ 

‘ความเสี่ยง’ เอาจริงๆ คนแต่ละรุ่น เข้าใจไม่ตรงกันนะ ...เอาว่า เข้าใจแบบตรงข้ามกันเลยดีกว่า 

- ‘Baby Boomer คนอายุ 50 ขึ้นไป’ ...เขาถูกสินว่า ‘ค้าขาย มันเสี่ยง’ เป็นลูกจ้างบริษัทใหญ่ๆ มั่นคง ...แต่คนยุคนี้ตรงข้ามเลย ...ยุคนี้ถ้าคุณอยากเห็นเงิน 100 ล้าน ต้อง ‘ค้าขาย’ เลย 

- ‘ดารา’ แต่ก่อนมองว่า เป็นอาชีพเต้นกินรำกิน โดนดูถูก ...แต่ยุคนี้ ชื่อเสี่ยง ความดัง เอามาต่อยอดได้มหาศาล ...ถ้า ‘ทำเป็น’ เป็นดาราตัวประกอบ อาจรวยกว่า พระเอก นางเอก ...หลายคนบอกว่า ตัวประกอบ ดู real ไม่ fake ...ฮาดี ...ขายของคนก็อยากสนับสนุน

- ‘ลงทุน’ ...เดี๋ยวนี้ใคร ไม่ลงทุนคือ ความเสี่ยง ...ฝากเงินธนาคารนี่การันตีว่า ไม่รวยแน่นอน 

มา List กันเลย เพื่อเข้าใจ ‘ความเสี่ยง’ ให้ทันสมัย ไม่ตกยุค

1. ‘ฝากธนาคาร’ เสี่ยง เพราะ ไม่มีดอกเบี้ย ...การันตีเลยว่า แพ้เงินเฟ้อ ...จนลงแน่นอน ถ้าเอาแต่ฝากเงิน ...เดี๋ยวนี้การ ฝากเงิน เพื่อ ‘พักเงิน รอเอาไปทำอย่างอื่น แค่นั้นแหละ’ 

2. ‘เอาเงินมาใส่บัญชีซื้อหุ้น แต่ยังไม่ได้ซื้อ’ ...หลายคนบอก แค่คิดซื้อหุ้นก็เสี่ยง จริงๆ ไม่ใช่ ...ถ้าเอาเงินมาใส่บัญชีหุ้น แต่ยังไม่ได้ซื้อ ‘พักเงิน’ ตรงนี้ ได้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีเงินฝาก เกือบเท่าตัว และ ไม่เสี่ยง เพราะ เรายังไม่ได้ทำอะไร ....แต่ต้องดูว่า โบรคเกอร์ ที่เราใช้ให้ดอกเบี้ยเท่าไหร่ (บางโบรค อาจไม่ให้ดอกเบี้ย อันนี้ต้องดูดีๆ ด้วย)

3. ‘ตราสารหนี้’ ...แต่ก่อนไม่เสี่ยง ...เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ เสี่ยง และ ก็ไม่คุ้มเสี่ยง ...โดยปกติตราสารหนี้ที่ไม่เสี่ยงอย่าง พันธบัตรรัฐบาล ไม่เสี่ยง แต่ผลตอบแทนเอกเบี้ยมันน้อยๆ พอๆ กับเงินฝากเลย ....บางคนก็เลี่ยงไปซื้อ ตราหนี้เอกชน เช่น หุ้นกู้ , Bond อะไรก็ว่าไป ...พวกนี้ผลตอบแทนอาจจะดูสูง แต่ต้องระวัง Default คือ เสียเงินต้นทั้งก้อนเลย !! ....เอาเป็นว่า ตราสารหนี้ ยุคนี้เสี่ยง และ โดยมากไม่คุ้มเสี่ยง (คิดง่ายๆ คนส่วนใหญ่ ชอบซื้อตราสารหนี้ที่ไม่เสี่ยง พอคนอยากซื้อเยอะ มันก็แพงขึ้น แพงขึ้น จนไม่ค่อยคุ้มนั่นเอง)

4. ‘อสังหา’ ...คนชอบพูดว่า ‘จับต้องได้ ยังไงก็เป็นของเรา ...ไม่อยู่ก็ปล่อยเช่า ได้กระแสเงินสดสบายๆ’ ...แต่ก่อนใช่ ...เดี๋ยวนี้พอใครๆ ก็คิดแบบนี้ มันเลยตรงข้าม ...เราจะหาอสังหาที่ราคาถูกๆ มันหายากมาก ...ปล่อยเช่ายิ่งยาก เพราะ Supply มันมากกว่า Demand ...ส่วนใหญ่ซื้อแล้วติดมือ ‘คนรวย คือ คนปล่อยกู้ และก็คนขาย ต่างหาก’ (ถ้าผลตอบแทนมันเทพจริง ทำไมเขาสร้างแล้วขายล่ะ ...ก็สร้างแล้วถือซิ จริงไหม ?)

5. ‘ทองคำ’ ...หลายคนบ่น ขาดทุน ซื้อแล้วราคาลง ...ก็ใช่ ก็คุณซื้อผิดจังหวะ ...จริงๆ ระยะยาว ทองคำ เสี่ยงต่ำ ...แต่ด้วยเศรษฐกิจโลกปัจจุบันผันผวน ทำให้ ทองคำ ถูกดึงขึ้นมาเก็งกำไรกันเยอะขึ้น ส่งผลให้ ระยะสั้น เสี่ยง ราคาผันผวนอย่างที่เห็น ...เอาว่า ทอง เล่นสั้นเสี่ยง ...ซื้อสะสมยาวๆ ไม่เสี่ยง

6. ‘Cryptocurrency’ ...ตอนนี้ฮิตมาก เพราะ มันขึ้น ...แต่ถ้าถามว่าเสี่ยงไหม ต้องบอกว่า ‘เสี่ยง’ ...แต่เสี่ยงน้อยกว่า หวย ...555 ...ถ้าคุณกล้าเล่นหวย Crypto ก็เด็กๆ ...เอาว่า ถ้าเล่น Crypto อย่าคิดแบบลงทุน มันเสี่ยง ให้คิดแบบ ลงน้อย หวังฟลุ๊ค อันนี้ก็พอได้อยู่ ...เหมือน หวย ถ้าไม่ถูก คุณไม่หมดตัว ...รอบหน้า แทงใหม่ (เอาตรงๆ นะ เรื่อง Crypto คนรุ่นเก่า กับ รุ่นใหม่ ชอบเถียงกัน แต่พอผมคุยกับคนรุ่นใหม่ เขาบอกว่า ไม่เห็นเสี่ยงเลย ...ศูนย์หรือหลายเด้ง ...สมมุติแทงทีละ 1,000 ถ้าเสีย เขาก็พร้อมเสีย 1,000 แต่ถ้าไ้ด้ เขาได้หลายพัน) ...ใช่!! มันเหมาะกับ เงินเล็ก ไม่เหมาะกับ เงินใหญ่ ‘ก็เกมของใครของมัน ใครไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องเล่น ง่ายๆ’

8. ‘หุ้น’ ...ทุกวันนี้ พอเงินมันเฟ้อมากขึ้น ..หุ้นกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ของคนที่เงินเยอะมากขึ้น ...สรุปง่าย หุ้นถ้าเล่นสั้นๆ เสี่ยง ...แต่ถ้าลงยาวๆ ความเสี่ยงมันลดลงเรื่อยๆ ผลตอบแทนมันสูงขึ้นเรื่อยๆ 

9. ‘ความรู้’ ...แต่ก่อนความรู้คือ ใบปริญญา แต่เดี๋ยวนี้ ความรู้ ก็คือ หาที่ไหนก็ได้ ...วิธีวัดความรู้มันดีไหม ง่ายๆ ให้ดูว่า ‘สิ่งที่เรารู้ มันลดความเสี่ยงในชีวิตลงไหม แล้วผลตอบแทนเพิ่มไหม ?’ ...ถ้าใช่ ก็คือ ความรู้ที่ดี !!

ก็ลองสำรวจดู ‘ความเสี่ยง’ จะลดลง เมื่อ ‘ความรู้’ เพิ่มขึ้น จบ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2564

9 หลักการ ‘ไม่ตกรถ ไม่ติดดอย ไม่ขายหมู’ ปี 2021

 


9 หลักการ ‘ไม่ตกรถ ไม่ติดดอย ไม่ขายหมู’ ปี 2021

เฮ้ย!! ...พวก ‘ตกรถ’ ส่วนใหญ่ไปกล้าซื้อปลายรอบเลย ‘ติดดอยยาว’ 

พวก ‘ติดดอย’ เวลาขาดทุนน้อยๆ จะไม่กล้า Cut Loss แต่พอมันลงหนักจนจะสุดแล้ว จะชอบมาขายแถวๆ นั้นแหละ (อย่าตลก เพราะ คุณอาจเป็นคนนั้น)

พวกขายหมู ...คิดว่าราคามันไม่ไปต่อ หรือแพงแล้ว พอขายปั๊บ มันวิ่งไปอีกไม่รู้กี่เด้ง เซ็งโคตรๆ 

เรามาดูกัน 

1. ‘ถ้าคิดว่าซื้อไม่ทัน แต่มันน่าจะไปต่อ’ ให้ซื้อ 10% ของที่ตั้งใจจะซื้อ ....เพราะถ้ามันย่อ ก็มีเงิน 90% ไว้รอรับ ...หรือ ถ้ามันไปต่อ ก็มีเงิน 90% ไว้ซื้อเติม

2. ‘ถ้าคิดว่าหุ้นแพงไปแล้ว ให้พร่องออก 10-30% แค่นั้น’ เพราะส่วนมาก เวลาเรารู้สึกว่าแพง มันจะไปต่อ ...แต่ถ้าไม่พร่องออกเลย แล้วมันลงจริง เราจะเสียดาย และทำอะไรไม่ถูก ...การพร่อง ช่วยให้เราพร้อมรับสถานการณ์ได้ดีกว่า

3. ‘ระหว่างหุ้นแม่ กับ หุ้นลูก’ ...ปีนี้เลือกหุ้นลูก เพราะ เทรนด์การลงทุนตอนนี้มันไปทาง ‘เล็กและชัด’ มากกว่าแต่ก่อนที่ ‘ใหญ่และผูกขาด’

4. ‘ระหว่างหุ้นใหญ่ กับ หุ้นเล็ก’ ...ปีนี้เลือกหุ้นเล็ก เพราะ การเงินโลกวันนี้ผันผวนเหมือน สึนามิ ถล่ม ...เวลาสึนามิมา อะไรเล็ก มันปลิวไปไกลกว่า (อย่าไปคิดซับซ้อนมาก เดี๋ยวจะพาลไม่ได้เงิน)

5. ‘ถ้ากำไรแปลว่า มาถูกทาง’ ...เฮ้ย!! เอางั้นเลยเหรอ ...ใช่!! ถ้ามึน ลองดูซิว่า ตอนนี้เรากำไรหรือขาดทุน ...ถ้ากำไร คือ มาถูกทางละ ...จากนั้น คิดต่อว่า จะรักษากำไรที่ได้มาแบบมีสติอย่างไร (ครับ!! ถ้ากำไรแล้วอย่าโลภ ให้เพิ่มสติ แล้วเราจะพอประคองกำไรนั่นได้ ...แต่ถ้าโลภต่อ ระวัง กำไรหาย ติดลบนะ)

6. ‘เทคนิคนำ พื้นฐานแค่ประกอบ’ ...ตลาดภาวะนี้ ถ้าเอาพื้นฐานนำ จะ งง ทำอะไรไม่ถูก เพราะ หลายๆ อย่างไม่ make sense ...ให้ใช้เทคนิคนำ แล้วเอาพื้นฐานแค่มาประกอบก็พอ

7. ‘ปีนี้ต้องพาตัวเองไปอยู่ในที่เสี่ยงในการลงทุน’ ...ภาวะปกติ ควรเน้นปลอดภัย Safe ...แต่ภาวะแบบนี้ ควรเลือกจุดที่เสี่ยง ...เวลาเจอทางเลือก 2 ทาง ให้เลือก Choice ที่เสี่ยงกว่า 

8. ‘เสี่ยงแต่อย่าคิดรวยเร็ว เพราะ จะเจ็บหนัก’ ...ให้อยู่ในที่เสี่ยงก็จริง แต่ต้องกระจายความเสี่ยง ...ตอนนี้โอกาสอยู่ในที่เสี่ยงทั้งหมด แต่เราไม่รู้ว่า อันไหนจะมา ...ถ้าเราโลภแล้วไปอัดเงินทั้งหมดในจุดเสี่ยงที่เราคิดว่ามาแน่ ส่วนมากจะเสีย ให้กระจายหน่อย (คิดง่ายๆ อะไรที่เราซื้อน้อย มันมักขึ้นเยอะ ...แต่อะไรที่เราซื้อเยอะ มันมักขึ้นน้อย) 

9. ‘ภาวะนี้ไม่มีผู้รู้ มันเหลือแต่ผู้มีประสบการณ์’ ...วันนี้ใครก็ตามที่พยายามสอนว่า เขารู้ชัวร์ เก่งชัวร์ แปลว่า มันขาดประสบการณ์ ....อย่าเชื่อ !! เพราะ ผู้รู้ ที่ขาดประสบการณ์จะพาเราไปเสียหายหนักเสมอ (คนเราเวลามีความรู้ มันเลยยังไม่รวย ...พอร์ตมันจะโต เมื่อเรามีประสบการณ์ ..เข้าใจยัง?)

ทั้ง 9 ข้อนี้ เหมาะกับ การเงินการลงทุนผันผวนบ้าคลั่งเวลานี้ ...ถ้าสถานการณ์เปลี่ยน เดี๋ยวผมจะมา เล่าให้ฟังต่อ 

ลุย !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


‘สิ่งที่อยากลงทุน ขึ้นไปเยอะ แพงแล้ว อยากซื้อแต่ไม่กล้า ทำไงดี’

 

‘สิ่งที่อยากลงทุน ขึ้นไปเยอะ แพงแล้ว อยากซื้อแต่ไม่กล้า ทำไงดี’ 

ใครเป็นแบบนี้ ผมมีคำแนะนำ !!

จากประสบการณ์ที่ผ่านวิกฤตมาแล้ว หลายๆ รอบ ...เห็นมาทุกรอบ 

‘ต้นรอบ’ คือ มีแต่ข่าวร้าย ไม่มีใครกล้าซื้อ ...ใครซื้อแบบนี้ แปลว่า ซื้อต้นรอบ (แต่ส่วนมาก พวกที่ซื้อต้นรอบ ก็มักจะขายเร็ว ...ทนรวยไม้ได้ว่างั้นเถอะ !!) 

สิ่งที่ช่วยดูต้นรอบ คือ RSI ...ก็จะ RSI Oversold อยู่ต่ำกว่า 30 อะไรแถวๆ นั้น ....ถ้าดู Volume ก็จะเหือดแห้ง ไม่มีคนซื้อขายว่างั้นเถอะ ...Bid นี่เบาบาง ไม่มีคนตั้งซื้อ นั่นแหละ ต้นรอบ!!

‘กลางรอบ’ คือ มีทั้งข้าวร้าย และ ข่าวดีผสม ..พื้นฐานเริ่มดูดีขึ้น เช่น ธุรกิจขาดทุนน้อยลง (แม้ยังไม่มีกำไร จะดูว่า ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว) 

ถ้าดูด้วยเทคนิค ก็คือ RSI ดีดขึ้นมากลางๆ ...Volume การซื้อขายเริ่มมี ....ส่วนมาก RSI อาจดีดขึ้นไปถึง Overbought ก็มักจะไปได้ต่อ เพราะ โดยมาก การ Overbought ครั้งแรก พอราคาย่อ มันมักจะวิ่งต่อ ทำ New High ได้อีกพอสมควร 

(เหมือนอารมณ์แบบ เราถอนคันเร่ง แต่ความเร็วของรถยังพุ่งไปต่อ ...แต่คิดง่ายๆ เจ้าเขาหยุดซื้อแล้ว เขาถอนคันเร่งแล้ว แต่รายย่อย มักอารมณ์ค้าง มันส์ต่อ นี่แหละ) 

‘ปลายรอบ’ คือ มีแต่ข่าวดี คนเชียร์เยอะ และ เราอยากซื้อ ...หลักๆ ของปลายรอบคือ ‘เราอยากซื้อนี่แหละ’ ...ไอ้พวก ต้นรอบ เราไม่คิดจะซื้อ ...กลางรอบ เราก็ไม่กล้าซื้อ ...แต่ปลายรอบ มันอารมณ์แบบว่า อยากซื้อจนทนไม่ไหว ...เราคงไม่ซวยหรอก เข้าแป๊บเดียว เดี๋ยวกำไรก็ขายละ 

อารมณ์ปลายรอบนี่แหละ ...น่ากลัวสุด เพราะ ติดดอยนาน ...พอซื้อสูง เวลาขาดทุนมันก็ลึกมาก ...แถมใช้เงินเยอะอีก ยิ่งไม่กล้า Cut Loss ...ก็หายนะดิครับ !!

ด้วยเทคนิค ...RSI จะ Overbought มากกว่า 1 ครั้ง ...ถ้าสังเกตง่ายๆ Overbougt ครั้งหลัง ถ้าสูงกว่า ครั้งก่อน ยังไม่น่ากลัว แปลว่า ราคาไปได้ต่อ ...แต่ไอ้ที่น่ากลัวคือ Overbought ครั้งหลังที่ต่ำกว่าครั้งก่อน ...ภาษาเทคนิค เขาเรียก Divergence ...มันจะเกิดในภาวะที่ราคา วิ่งทำจุดสูงสุด แต่ RSI เริ่มย่อ นั่นแหละ นักเทคนิค จะเริ่มระวังละ ว่า The Dip !! กำลังจะมาเยือน

....ประมาณนี้ เอามาให้เป็นความรู้กัน 

ถ้าถามว่า วันนี้ไอ้สิ่งที่เราอยากลงทุน ราคามันสูงแล้ว แต่อยากเข้า ทำไงดี ?

คำแนะนำ คือ ‘ซื้อเลยครับ’ ...จัดเลย แต่ ซื้อแค่ 10% ของจำนวนที่อยากจะซื้อ ....พูดง่ายถ้าเดิมทีตั้งใจจะซื้อ 100,000 บาท ให้ซื้อเลย แต่ซื้อแค่ 10,000 บาท 

ด้วยวิธีคิดแบบนี้ เราจะไม่รู้สึกเสียโอกาส ...เพราะโดยมาก เราเข้าปลายรอบ มันจะกำไรทันที ...แต่ถ้ามันไม่ใช่ มันเริ่มลงหนัก เราก็เสียหายนิดเดียว ...เพราะ เรายังมีเงินอีก 90% ไว้เตรียมรับมือได้ไม่ยาก

ส่วนใหญ่พวกที่เจ๊งหนักๆ เพราะ เข้าปลายรอบแบบจัดเต็ม พอมันย่อ ก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะ ขาดทุนเยอะ ...พอราคาลงมาในจุดน่าซื้อ ก็ไม่มีเงินช้อน สรุป ดอยกับดอย 

ก็ลองไปปรับใช้ดูครับ ....ถ้าคิดว่าปลายรอบ แต่คิดว่าไปต่อ ใส่เลย 10% จากนั้น ดูเชิง ...เพราะ ถ้าย่อ ก็ทยอยรับเพิ่มได้ ...หรือ ถ้ามันไปต่อแรง ก็เติมได้

‘รอบนี้’ ไม่ใช่สำหรับคนเดาเก่ง ‘ถูกผิดไม่สำคัญ ต้องถามว่าสุดท้ายเราได้เงิน คือ จบ จริงป่ะ!!’ 

...รอบนี้มันสำหรับ คนบริหารความเสี่ยงเก่ง ต่างหาก 


จัดไป ...ลุย !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2564

5 เรื่อง ต้องจับตา ในตลาดหุ้นปี 2021

 


5 เรื่อง ต้องจับตา ในตลาดหุ้นปี 2021

1. ‘เมื่อธุรกิจใหญ่ เริ่มไม่ได้เปรียบ’ ..ในอดีตธุรกิจยิ่งใหญ่ ยิ่งได้เปรียบ เราจึงเห็นบริษัทที่เติบใหญ่แบบทำทุกอย่าง คุมทุกสิ่ง ...แต่เมื่อการโตถึงขีดสุด มันโตต่อไม่ได้ นอกจากไปแข่งระดับโลก ซึ่งภาวะตอนนี้ ต้องบอกว่า ไม่ใช่จังหวะเลย ...กีดกันการค้า โควิด ติดทุกเรื่อง 

2. ‘แตกแล้วโต’ ...การแตกแล้วโตเป็นสิ่งที่น่าจับตามองจากนี้ไป ...”ลูกจะ sexy กว่าแม่” ในภาวะแบบนี้ ...แตกบริษัทลูกที่กำไรดีกว่า โตกว่า มาเข้าตลาด 

3. ‘หุ้นปันผลไม่โต หุ้นเติบโตแทบไม่ปันผล’ ...แต่ก่อน เราสามารถหาหุ้นที่ ทั้งเติบโตและจ่ายปันผล ในเวลาเดียวกัน ...แต่ตลาดปัจจุบัน มันบังคับให้เราต้องเลือก ถ้าเลือกปันผล มันจะไม่ค่อยโต ...แต่ถ้าเลือกหุ้นโต มันจะไม่ค่อยปันผล ...ทางแก้ เราเลยต้องมา ปรับพอร์ตเราแทน ...กระจายหุ้นมากขึ้น

4. ‘หุ้นสภาพคล่องดีไม่วิ่ง หุ้นวิ่งเราไม่มี’ ...ไม่แปลก ..หุ้นจะวิ่งได้ แรง พุ่ง ต้องไม่มีคนขาย และ มีแต่คนไล่ซื้อ ...หุ้นที่ว่า มันจึงไม่ใช่หุ้น Blue Chip ...ภาวะแบบนี้ สร้างโอกาสให้คนที่บริหารความเสี่ยงได้ดี

5. ‘ถ้าไล่ซื้อตามจากสื่อ เตรียมดอยตลอด’ ...มีคนถามผมว่า ทำไงถึงซื้อหุ้นได้ถูกๆ ...คุณต้องกล้าซื้อเวลาที่หุ้นมันไม่มีอะไรดี ไม่มีคนเชียร์ นั่นแหละ ‘ต้นรอบ’ ...ถูกสุดๆ ซื้อข้างล่าง ....แต่ถ้าเราซื้อตามเชียร์ หุ้นแนะนำ กองทุนน่าซื้อ มันก็คือ ช่วงข่าวดี และดอยของทุกรอบนั่นเอง 

ใช่!! ‘ยาก’ ...ทุกข้อ ...ขัดความรู้สึกโคตรๆ ...เพราะ ถ้ามัน ‘ง่าย’ คนส่วนใหญ่คงรวยหุ้นไปหมดแล้ว 

อ้าว!! งั้นถ้าไม่ลงทุนล่ะ ?? ...ก็เตรียมพบกับ เงินเฟ้อแฝง ...เงินลดมูลค่า ..ค่าครองชีพขึ้น ...สินทรัพย์ฟองสบู่ ขึ้นไปเรื่อยๆ แบบ งงๆ ...คนอื่นรวย แต่เรากลับไม่รวย .....เฮ้ย !!

เอาใจช่วย ...ศึกษาเรื่อง ‘รอบ’ ครับ ....ใครเข้าใจเรื่อง’รอบ’ มันช่วยชีวิตคุณได้ ทุกสินทรัพย์ ....ซื้อมันต้นรอบ กระจายความเสี่ยงหน่อย คิดสวนตลาดหน่อยๆ แค่นี้ก็สบายละ 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

สนใจเปิดบัญชีหุ้น หรือ ออมหุ้น คลิ๊กที่นี่เลย

http://bls.tips/pawawitTeam 

หรือ โทร 02-618-1111 บอกทีมงาน ว่า “เอาแบบออมหุ้นอัตโนมัติ ที่พี่แพ้ทแนะนำ” 


วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2564

7 ข้อ “เลือกลงทุนสินทรัพย์อย่างไร ในโลกที่มีแต่ของใหม่ที่เราไม่รู้จัก”

 


7 ข้อ “เลือกลงทุนสินทรัพย์อย่างไร ในโลกที่มีแต่ของใหม่ที่เราไม่รู้จัก”

1. ‘สินทรัพย์ที่เราไม่เข้าใจมัน ถ้าลงน้อยๆ ส่วนใหญ่ กำไร ...ใส่เยอะเมื่อไหร่ เจ๊งสะบัด’ ...คนที่ได้กำไรจากอะไรมาด้วยความไม่รู้ สุดท้ายก็จะเสียมันไปจากความไม่รู้นั่นแหละ ...ดังนั้น ถ้าอยากจริงจัง ต้องทำการศึกษาค้นคว้าในเรื่องนั่นจนเข้าใจถ่องแท้

2. ‘สินทรัพย์ ต้องมีจำนวนจำกัด’ ...อะไรที่มีไม่จำกัด ถึงมีประโยชน์ต่อมนุษย์ก็ไม่สามารถเป็นสินทรัพย์ได้ เช่น อากาศ , น้ำ (แต่ถ้าบรรจุลงขวด จำกัดมัน จึงมีราคาได้)

3. ‘เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ’ ...ความต้องการทำให้เกิดราคา เพราะ มีคนยอมจ่ายเงินที่จะซื้อมัน ...ยิ่งคนต้องการ แล้วมีจำนวนจำกัด ราคาจะแพง (พวกสินค้า Luxury Brand เอาตรงนี้มาเล่น จึงทำกำไรมหาศาล)

4. ‘สามารถเปลี่ยนมือได้’ ..พูดง่ายคือ มันต้องซื้อขายได้เท่านั้น จึงจะสามารถมีราคาขึ้นลงได้ ...ย้ำว่า ควรเปลี่ยนมือได้ถูกกฏหมายด้วยนะ 

5. ‘สินทรัพย์มีรอบการเล่นเสมอ’ ...ถ้าเราศึกษาบรรดาสินทรัพย์ต่างๆ จะพบว่า ...ราคาของทุกสินทรัพย์จะขึ้นลงเป็นรอบเสมอ ...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ...แล้วก็เกิดรอบใหม่ ...ซี่งไม่เว้นแม้แต่ ทองคำ , ที่ดิน , หุ้น , Digital Asset ....คนที่ไม่เข้าใจตรงนี้ มักจะไปซื้อสินทรัพย์ในช่วงราคาสูง แล้วเอาไปขายเวลาต่ำ ...ซื้อข่าวดี ขายข่าวร้าย ไม่ว่า สินทรัพย์อะไร คุณก็เจ๊งดิครับ !! 

6. ‘ยิ่งผ่านการทดสอบ จบรอบ เยอะ ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ดี’ ...ทอง , หุ้น , ที่ดิน ค่อนข้างชัด ...ได้รับการทดสอบอย่างยาวนาน ...จนแทบจะพูดได้ว่า ใครกล้าซื้อเวลาที่มีวิกฤต หรือ ข่าวร้ายมากๆ แล้วถือ ก็จะรวยจากมันได้นั่นเอง 

7. ‘สินทรัพย์ที่ดี สามารถถือ แล้วส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานได้’ ...มีคนถามผมว่า อะไรจะทำให้เรารวยได้แบบเปลี่ยนชีวิต ? ...ต้องบอกว่า สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่เรา มีความรู้ และ ความเชื่อ ...ทั้งหมดจะกลายเป็นความมั่นใจ แล้วกล้าที่จะใช้เงินของเราส่วนใหญ่ซื้อมัน 

...สำหรับผม ในเวลานี้ คือ ‘หุ้น’ นั่นเองครับ

อย่างอื่น ก็ซื้อบ้าง เอาไว้ประดับความรู้ สร้างความมันส์ 

แต่สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเราจริงๆ ผมแนะนำว่า มันควรเป็นสิ่งที่เราศึกษา และเข้าใจมันมากที่สุดครับ

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

สนใจเปิดบัญชีหุ้น หรือ ออมหุ้น คลิ๊กที่นี่เลย

http://bls.tips/pawawitTeam 


หรือ โทร 02-618-1111 บอกทีมงาน ว่า “เอาแบบออมหุ้นอัตโนมัติ ที่พี่แพ้ทแนะนำ” 


บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ