แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

เป็นหนี้ไม่ว่า ได้หน้าเป็นพอ

 

'นักธุรกิจ ต้องเข้าใจวิธีคิดการจ่ายเงินของลูกค้ารุ่นใหม่'


ทุกวันนี้การจ่ายเงินของลูกค้า เหมือน การ Vote ว่าตัวฉันเป็นยังไง 


- 'จ่ายเงินซื้อเพื่อแสดงตัวตน แสดงจุดยืน' 


หลายคนสงสัยว่า แล้วการจ่ายเงินของคนยุคนี้มันต่างกับการจ่ายเงินของคนยุคก่อนๆ ยังไง ?


- ง่ายมาก ..ก็ยุคก่อนคนจ่ายเงินยาก เน้นของถูกเข้าว่า จนบ้านฉันเต็มไปด้วยขยะ เพราะ สินค้าในสมัยก่อนแข่งกันถูก ลดราคา ก็ลดคุณภาพตาม ..เราก็อยู่ท่ามกลางขยะ ..คนแต่ก่อนเลยเจอปัญหา คือ มีบ้านหลังใหญ่ แต่เอาไว้เก็บขยะ 


'บ้านคือถังขยะ แรงอ่ะ!!'


- แต่ยุคนี้ บ้านหลังเล็ก จะซื้อของเน้นถูกไม่ได้ละ ไม่มีที่เก็บ ก็เลยต้องเลือก ..แถมซื้อแล้วมันก็ต้องโชว์ ..ทุกสิ่งที่ซื้อมันเลยต้องแสดงตัวตนฉัน 


- ไม่ง่าย!! ถ้าธุรกิจไหนไม่ปรับตัว มัวแต่ขายของแบบเดิมๆ แล้วสงสัยว่า ลูกค้าหายไปไหน ..ก็นี่แหละคำตอบ


- สินค้าและบริการ ต้อง เป็นเสมือนสิ่งแทนตัวตน นิสัย คุณภาพ หน้าตา ...ราคาไม่เกี่ยง ทุ่มสุดตัว ไม่ต้องถามว่าไปเอาเงินมาจากไหน - มีละกัน


'เป็นหนี้ไม่ว่า ได้หน้าเป็นพอ'


เพราะประสบการณ์สำคัญกว่าเงิน ...เข้าใจตรงกันนะ !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ปรับให้ได้ เปลี่ยนให้โดน

 

ปรับตัวอย่างไรให้เข้าใจลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง


วันนี้ถ้าคุณทำธุรกิจอะไรอยู่แล้วรู้สึกว่า ลูกค้าหายไป (หายไปเรื่อยๆ) ...เศรษฐกิจแย่ก็ส่วนนึง แต่ที่หนักกว่าคือ 'พฤติกรรมการใช้เงินของลูกค้าเปลี่ยน'


ทุกวันนี้เวลาผมเดินสาย ก็มักได้คุยกับนักธุรกิจรุ่นใหม่ ตัวจริงของแต่ละจังหวัด ลูกค้าธนาคารกรุงเทพ ..ก็จะได้คุยกับนักธุรกิจที่หลากหลาย เข้าใจเลยว่า วันนี้ตลาดมันเปลี่ยน


- อย่างการโฆษณา สมัยก่อนธุรกิจอสังหา มักใช้ป้าย ใช้ billboard หรือ จ้างคนมาใส่ชุดหมี ถือป้ายคอยโบกรถที่ผ่านไปมาให้เข้าโครงการ เน้นขายต่อหน้า ...เดี๋ยวนี้เปลี่ยน 


- เจ้าของโครงการเปลี่ยนงบโฆษณา เอามาออนไลน์หมด เช่น ทำ Facebook หรือ Google เขาบอก Target เม็ดเงินได้ตรงจุดกว่า ..ผมก็ถามว่า แล้วใครทำให้ ..ก็น้องๆ บริษัทเด็กรุ่นใหม่ ...เขามาเสนอ นอกจากโฆษณา เขายังช่วยหาลูกค้าให้ด้วย เพราะ ออนไลน์มันรู้เลยว่าคนที่สนใจดูโฆษณาคือใคร ..ทำให้เจ้าของโครงการได้เข้าใจลูกค้าตัวเองมากขึ้น


- บางจังหวัด มีลูกค้าต่างชาติ ที่สามารถต่อยอด แล้วใช้ออนไลน์เข้าถึงเข้าได้ตรงจุดมากขึ้น


นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ ที่ทำให้ผมเห็นการเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งในต่างจังหวัด 


ถ้าธุรกิจที่เราทำอยู่เริ่มลูกค้าลดลง ..ขั้นแรกลองถอยมามอง แล้วปรับเปลี่ยนวิธีการดู


อย่างคน Gen Y วันนี้รายได้ไม่สำคัญ แต่ใช้ของแพงสุดๆ เน้นประสบการณ์ แล้วเชื่อเพื่อนมากกว่าองค์กร ..ของถูกแทบไม่มีผลกับเขา แต่ของโดนใจขายดิบขายดี แม้แพงหูฉี่ ก็ไปสร้างหนี้มาซื้อโชว์กัน ..กลุ่ม Gen Y นี่ตัวตนหนาสุดๆ 


แต่ถ้ารุ่น Gen Z พวกนี้ไม่สนตัวตนเลย หรือ ถอยไป Baby Boomer หรือ Gen X นี่เน้นของ ถูก กับ คุ้ม ก็มันมองโลกคนละมุม การใช้เงินมันเลยต่าง 


...ลูกค้าเปลี่ยนต้องตามให้ทัน แค่อายุยังเปลี่ยนขนาดนี้เลย ต้องปรับให้โดนครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



ทำตรงข้ามคนส่วนใหญ่ก็ได้เงินในหุ้นละ

 

การออมในหุ้น ต่างกับพวกที่เล่นหุ้นซิ่งอย่างไร ?


ก็มันอยู่คนละด้านกัน


คนเล่นหุ้นซิ่ง ก็พวกเล่นหุ้น ซื้อขายตามข่าว ซื้อหุ้นที่ราคาแพงเกินไป เน้นทำกำไรเร็ว ไปตามกระแส ..ปัญหาคือ ส่วนใหญ่ติดดอย 


ส่วนออมในหุ้น คือ เล่นตรงข้าม ไม่ไปตามหุ้นที่มีข่าวดีๆ เลือกหุ้นตามงบ ชอบหุ้นพื้นฐานดีที่เกิดวิกฤต วางเงินในหุ้นนานๆ ไม่ค่อยดู เพราะแค่ถือรับปันผลมันก็คุ้มแล้ว ...ส่วนราคาหุ้นที่ค่อยๆ ขึ้น ก็คือ ผลพลอยได้


ฟังดูง่ายจัง ออมในหุ้น แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ทำไม่ได้


1. ใจร้อน พออยากได้เงินเร็วๆ ก็ทนไม่ได้


2. ไม่เข้าใจว่า หุ้นพื้นฐานดีคืออะไร พอไม่เข้าใจก็ซื้อแต่หุ้นข่าวดี 'นั่นแหละ ถึงพื้นฐานใช้ได้ ก็ใกล้ดอย'


3. อ่านงบการเงินไม่เป็น อันนี้จะมโนเองเยอะ


4. เปิดกราฟหุ้นไม่เป็น ก็ไม่รู้ว่า จุดที่เราเข้ามันต่างกับต้นทุนคนอื่นยังไง 'เปิดกราฟก็เห็นแล้วครับ'


ปรับ 4 ข้อนี้ได้ ...พอร์ตการลงทุนจะดีขึ้น แจ๋วขึ้น


'ความรู้เปลี่ยนชีวิตได้จริงในตลาดหุ้น เพราะเมื่อคุณยิ่งรู้ คุณยิ่งทำตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่'


ลองศึกษาดูซิครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


-----------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

เจ้าของธุรกิจ คิดระดับโลก

 

เพื่อนผมมาเยี่ยมจากต่างประเทศ เขา งง มากว่า 'ปั๊มน้ำมันเมืองไทย นี่มันสุดยอดที่สุดในโลก' 


..คือ ในสายตาเขา ปั๊มบ้านเรานี่ลงทุนกันหนักมาก มีการจัด Landscape มีทุกอย่าง


ห้องน้ำไม่ต้องพูดถึง สะอาดที่สุดในโลก (ญี่ปุ่นยังอายเลย) ..แล้วเข้าห้องน้ำเสร็จ ตามด้วยกาแฟสดเข้มข้นทุกปั๊ม 


ร้านสะดวกซื้อ ทุกค่าย แย่งกันเข้าปั๊ม ..ตั้งแต่ 7-11 ไปจน Tesco , Big C


เป็นศูนย์กลางสินค้าชุมชน ..แล้วผมบอกไปว่า อีกหน่อย เขาจะมีการเปิดโรงแรมในปั๊ม - อยู่กินกันในปั๊มได้เลย


- ฝรั่งเพื่อนผมมันก็สนใจ ถามว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ?


- ผมบอก ปั๊มน้ำมันเมืองไทย นี่จดทะเบียนเข้าตลาดหุ้น ..เฮ้ย !! P/E 40 เท่า ..สูงกว่า ธุรกิจผูกขาดอีก (ฮา โคตรๆ) -- 40 ปี คืนทุน 'ถ้าเป็นยุคก่อน เจ้าของนี่ ขายทิ้งไปแล้ว ..ไปปั้นบริษัทใหม่ดีกว่า ..555'


สิ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้ ผมว่าเป็นกรณีศึกษาได้เลยว่า


1. คนไทย ถ้าทำอะไรจริง มันสามารถดีที่สุดในโลก ..ปั๊มน้ำมันยังทำได้เลย อย่างอื่นทำไมจะทำไม่ได้


2. สาเหตุที่มันดี เพราะ นักธุรกิจไทยเข้าใจกลไกการเงิน แล้วกล้ามองไกล ..การเข้าตลาดสมัยก่อน เจ้าของได้เงินก็เปิดตูดหนีแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เขาเอาเงินมาใส่พัฒนาธุรกิจจริง 


อย่าง P/E 40 เท่า มันหมายความว่า ทุกบาทที่กำไร เจ้าของได้ 40 บาท ในราคาหุ้น - เฮ้ย!! แบบนี้ทำใจขาด ทุกบาท ของกำไร ไม่มีหมกเม็ด 


เรื่องนี้มันเป็นตัวอย่างให้เห็นในตลาดหุ้นว่า ขนาดเจ้าของ ถ้า คิดยาว ก็รวยกว่า ...รวยกว่าพวกบริษัทที่เข้ามา หวังขายธุรกิจ 


'คิดยาว รวยกว่า ..ทำให้ดี แล้วมัน Win Win ทั้งเจ้าของ และ นักลงทุน - รวมทั้งนักท่องเที่ยว ...โอวว Amazing Thailand คนไทย ตั้งใจทำอะไร มันดีที่สุดในโลกครับ'


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

เกมนี้ไม่ได้ยากเกินไป

 

ยุคก่อนหาเงินล้านนี่แสนยาก แล้วยุคนี้ที่เขารวยกันหมื่นล้าน มันคืออะไร ..หลายคนไม่เข้าใจว่า วิธีสร้างเงินแต่ละยุคมันไม่เหมือนกัน !!


วันนี้เห็นคนอายุไม่เท่าไหร่ เอาธุรกิจเข้าตลาด หุ้นพุ่งรวยเป็นหมื่นล้าน ..เฮ้ย !! ทำไมเงินสำหรับเขามันง่ายจังวะ


แต่สำหรับฉัน นี่เงินเดือน โดนหักภาษีก็อ่วมแล้ว ..ลองทำธุรกิจเล็กๆ ก็ทำไปทำมา รายจ่ายเกินรายได้ ..ไม่เห็นมันง่ายเหมือนคนอื่นเขาเลย


โอเค ..ผมขอแนะนำ 2 ข้อเบื้องต้น ดังนี้


1. ยุคนี้คนรวยไม่ได้รวยจากรายได้ เขารวยจาก Asset ถ้ายังไม่เข้าใจว่าอะไรคือ Asset หรือ คนอย่างเราจะสร้างและสะสม Asset ได้ยังไง ให้รีบไปศึกษาด่วน ...ผมแนะให้เลยว่า ถ้าคุณไม่เข้าใจเรื่องนี้ คุณจะทำงานเหนื่อยทั้งชีวิตแต่ไม่มีทางรวย


ให้รีบไปศึกษา Asset ..ไปหาวิธีสะสม Asset เพราะ คนรวยทุกคนยุคนี้รวยจาก Asset มันง่ายกว่า มันโตเร็วกว่ารายได้ ..แล้วมันก็รักษามูลค่าของมันเป็นมรดกก็ได้


2. อย่าคิดสั้น คนคิดแบบลูกจ้างรายวัน ทำงานหนักเท่าไหร่ก็ไม่รวย ไม่ใช่เขาไม่ขยัน ..แต่เขาทำงานที่มันจำกัดโอกาสในชีวิต ...ใครทำงานแบบนี้ต้องหางานเสริม ...จำไว้ครับ งานที่ให้เงินทันที มันไม่สามารถสร้างความร่ำรวย ..ทำไปก่อน แต่ต้องหางานเสริมที่ได้เงินช้าๆ ลงทุนวันนี้อีก 5 ปี เห็นผล - ถ้าเราค่อยๆ ปรับงานจากงานที่รับผลสั้นๆ เป็นงานที่รับผลยาวๆ เรากำลังเดินบนทางเศรษฐีครับ


ความรู้สองข้อนี้ ลองไปศึกษาพัฒนาดู ...ยิ่งเก่ง ยิ่งรวย - จัดด่วน !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


สถานีบ่มเพาะเด็กเปลี่ยนโลก

 
 

อยากทำ Startup ให้เป็น Unicorn คือ มีมูลค่าธุรกิจ 1 พันล้านเหรียญ ..ก็ประมาณ 35,000 ล้านบาท - ต้องไปเชื่อมกับมหาวิทยาลัย !! (งานวิจัยเขาบอกมา)


อย่างที่เรารู้กันว่าทุกวันนี้ เด็กรุ่นใหม่อยากทำ Startup ไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร ..แต่ความยากคือ คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร และเริ่มอย่างไร


สิ่งที่อยากจะแนะนำคือ 


หนึ่ง : เริ่มจากมหาวิทยาลัย ก็สิ่งที่เรียนนั่นแหละ ..อาจารย์ที่ปรึกษาไง - คนที่ผ่านเส้นทางนี้มาก่อน คือ เอา Project ในมหาวิทยาลัยมาสร้างธุรกิจ ก็อย่าง Google ..ส่วนผู้บริหารก็ไม่ใช่ใครอื่นก็อาจารย์ที่ให้คำแนะนำนั่นแหละ 


(พวก Unicorn ส่วนใหญ่ในอเมริกา ล้วนเชื่อมกับมหาวิทยาลัยทางใดทางนึง 'มันสมองของ Startup เลย'ร


ข้อดีของการเริ่มตอนมหาวิทยาลัยก็คือ 'ล้มได้ ลุกง่าย' แต่ข้อเสีย คือ 'อาจจะยังไม่เข้าใจการทำธุรกิจ' ..พอประสบการณ์ธุรกิจจริงๆ ไม่มี มันจะอยู่ โหมด มโน ซะเยอะ ...คิดว่าสิ่งนี้คนจะใช้ แต่พอทำขึ้นมาจริงๆ คนอาจจะใช้นะ แต่ไม่มีใครยอมจ่ายเงินก็อาจจะไปไม่รอด


ทางรอดก็คือ พยายามหาที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ตรงในธุรกิจที่เราจะลุย จะช่วยได้มาก ..เขาจะรู้ว่าต้อง focus ที่ไหน จึงจะหาเงินได้จริง (นี่คือ จุดอ่อน Startup เมืองไทยเลย ..ไอเดียบรรเจิด คนลองใช้มากมาย เพราะมันฟรีหรือมันถูก สุดท้ายมาตกม้าตายคือ ไม่มีลูกค้ายอมจ่ายเงินจริงๆ)


สอง : เริ่มจากที่ทำงาน ..อันนี้ก็เริ่มจากเห็นโอกาส บางทีไปเสนอเจ้านายแต่เขาไม่เอา ...โดยเฉพาะพวกเด็กจบใหม่ไฟแรง อยากปรับเปลี่ยนองค์กร ก็จะพยายามมองหาโอกาส ...จริงๆ เป็นสิ่งมี่ดีมาก เพราะ หลายๆ idea มันทำเป็น startup ได้จริง ...แถมเรามีคนที่รู้งานจริง ก็เพื่อนร่วมงานนั้นแหละ 


บอกตรงๆ ถ้าใครเข้าทำงาน ต้องรีบคิดและทำก่อนที่รากจะงอก หมดไฟ ..อันนี้เป็นทุกคน คือ เข้าใหม่ๆ ฟิต พอเสนออะไรก็โดนค้าน สักพักก็จะหมดไฟ จากนั้นก็จะรากงอก แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ เป็นมนุษย์เงินเดือนไปเรื่อยๆ


ข้อดีของ การเริ่มใน office คือ มีประสบการณ์ตรงในธุรกิจที่จะทำ ย่อมเห็นโอกาสที่ลึกกว่า มองขาดกว่า แต่ข้อเสีย คือ 'ไม่กล้าทำ' ..พูดง่ายๆ ว่า คนที่จะเห็นโอกาสมักจะตำแหน่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ มันทำให้ตัดสินใจยากที่จะทิ้งงานออกมาทำ startup 


ก็นั่นแหละ ทุกจุดมีข้อดี ข้อเสีย ก็ลองชั่งน้ำหนักกันดีๆ 


แต่คำเตือน คือ 'อย่าทิ้งความฝัน' ...ทุกสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในโลก มันล้วนเกิดจาก idea ขำขำ คนเล็กๆ ที่กล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างจากตัวเอง 


แล้วค่อยๆ ขยายสิ่งเล็กๆ ไปเรื่อยๆ ..จนมันเปลี่ยนทุกคนรอบข้าง - เปลี่ยนโลกในที่สุด ..โอววว 


(ไม่รู้จะไปเปลี่ยนโลกทำไมนะ แต่ก็เปลี่ยนๆไปเถอะ เพราะคนเปลี่ยนโลกมันรวยดี ..555)


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


http://bit.ly/2mjwPKz

วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

พัฒนาที่ทักษะ อย่าทนอยู่ที่เดิม

 

'วันนี้คุณจะแนะนำน้องจบใหม่ ให้ทำงานอะไรดี ?'


เป็นคำถามที่ยากสุดในสามโลก ..ขนาดตัวผมเอง ถ้าให้พ่อแม่แนะนำว่าทำอาชีพอะไร ผมก็คงจะไม่ได้ทำสิ่งที่ทำในปัจจุบัน


ใช่!! คงไม่มีพ่อแม่คนไหน แนะนำให้ลูกเป็นนักเขียน และก็เป็นวิทยากร แล้วก็ลงทุนหุ้นไปด้วย แล้วก็ทำงานเป็นที่ปรึกษาการลงทุนไปด้วยนะ ...


ถ้าพ่อแม่แนะนำ ก็คงบอกว่า เรียนเป็นหมอหรือจบวิศวะ เอากลางๆ ไว้ก่อน แต่เผอิญผมไม่เก่งเลข มันก็ไม่น่าจะได้นะ


วันนี้มีเด็กนักศึกษามาถามว่า 'พี่ช่วยแนะนำ ผมหน่อยครับว่า ผมควรทำอาชีพอะไร จะได้รุ่งๆ แล้วรวยๆ ?'


อึ้งอยู่แป๊บนึง ก็แนะนำไปว่า ...อย่าไป focus ที่อาชีพ ทำอะไรก็ได้ แต่ focus ไปที่การพัฒนา 'ทักษะ'


ยุคนี้เราใช้ 'ทักษะ' หาเงิน


ไม่ต้องอะไรหรอก ดูอย่างบริษัทต่างๆ ที่เราอยากจะไปทำงานด้วย ผมว่าบริษัทเดี๋ยวนี้ยังพูดได้ไม่เต็มปากเลยว่า ตัวเองทำธุรกิจอะไร


- บริษัทยุคนี้ดิ้นเอาตัวรอด เอาหมด ทำอะไรก็ได้ที่ทำเงิน ได้เงินเลี้ยงลูกน้อง ..ดังนั้น ต่อไปแทบไม่มีการแบ่งแล้วว่า คุณอยู่ธุรกิจสื่อนะ , ธุรกิจค้าปลีก , ธุรกิจอสังหา ...ต่อไปทุกบริษัทจะต้องมีทุกทักษะ รวมกัน 


เช่น ธนาคาร ต้องมี คนทำสื่อ - คนทำการขาย - คนทำการตลาด - เป็นธุรกิจ IT - เป็น content - เป็นโรงเรียน - เป็นร้านค้า 


- ร้านสะดวกซื้อ ก็มาแข่งกับ ธนาคาร มาหาเงินค่า fee จ่ายเงิน ..มาทำสินเชื่อ กู้มันที่ร้านสะดวกซื้อนี่แหละ ..ทำทุกอย่าง


- พัฒนาอสังหา วันนี้ก็มาเปิดธนาคาร ..จะซื้อบ้าน ก็กู้กับฉันไปเลย ..ไปขายวัสดุก่อสร้าง ..ไปทำธุรกิจปล่อยเช่า ฝากขาย ฝากซื้อ ไปเปิดห้าง ..ทำทุกอย่างว่างั้นเถอะ


- ธุรกิจพลังงาน ก็จะมาทำสะดวกซื้อ ..ไปทำโรงแรม ..ทำอสังหา ..ทำพลังงานทดแทน 


สรุป - ทักษะ ที่หาเงินดี ในยุคนี้คือ ทุกทักษะที่หาเงิน


- ทักษะการขาย / ทักษะการพูด / ทักษะการทำเรื่องยากให้เข้าใจง่าย / ทักษะการเขียน / ทักษะการใช้ Social / ทักษะการบริหารคน / ทักษะการเจรจา ..


อย่ายึดติดอาชีพ ทำอะไรก็ทำไปก่อน แต่ที่สำคัญกว่า คือ 'พัฒนาทักษะ เฉพาะตัว ที่โดดเด่น'


จะรู้ได้ไง ว่าเราโดดเด่น


1. คนอื่นมักเลือกเราให้ทำสิ่งนั้น


2. เราทำได้ดี และ มันส์ อยากทำอีกบ่อยๆ


3. มันมีลู่ทางหาเงินจากทักษะอันนี้ (ถ้าเจอ จะเริ่มเห็นทางหาเงิน ...ถ้ายังไม่เจอต้องค้นหาให้เจอ อย่ามัวแต่ทนกับสิ่งที่ไม่มีอนาคต)


จัดไป ลองดู 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

ถ้าชีวิตใครไม่เคยเปลี่ยน 10 เท่า ลองเปลี่ยนความเชื่อดู



'ให้มองการเปลี่ยนแปลงเป็นความสนุก แล้วชีวิตคุณจะพบทางออกในทุกปัญหา !!'

สิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคนี้คือ การเปลี่ยนแปลง ..ปัญหาของการเปลี่ยนแปลงคือ ความอึดอัด ความเครียด เพราะ ไม่มีใครอยากจะเปลี่ยน 

- 'การเปลี่ยน' หมายถึง การต้องยอมทิ้งความสำเร็จเดิม แล้วเริ่มใหม่ในสิ่งที่เรายังไม่แน่ใจว่า มันจะทดแทนความสำเร็จเดิมได้หรือไม่ ?

- 'การแปลง' หมายถึง การต้องปรับวิธีคิด ซึ่งอาจจะหมายถึงการกล้าที่จะทำสิ่งที่อึดอัด หรือแม้กระทั่งการที่เราต้องกล้าทำตรงข้ามกับสิ่งที่เราเคยทำมา

- 'การเปลี่ยนแปลง' จึงเป็นสิ่งที่ทั้งคนและองค์กรที่เคยประสบความสำเร็จ แทบจะทำไม่ได้เลย ...ยิ่งเราเคยประสบความสำเร็จมากแค่ไหน เรายิ่งมีกำแพงต่อการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเท่านั้น

อย่างเช่น Apple ที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้คนทั้งโลกเปลี่ยนมาใช้ Smart Phone ..ซึ่งก็เหมือนสิ่งที่ Apple เคยทำมาแล้วในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ แต่สุดท้าย Apple เลือกระบบปิด จนทำให้ Window ซึ่งเป็นระบบเปิด สามารถสร้างความยิ่งใหญ่จนเกือบจะต้องปิดตัว 

วันนี้ Apple ก็กลับมาสู่จุดเดิม ระบบปิด ซึ่งแข่งกับคู่แข่งคือ Android ของ Google ซึ่งเป็นระบบเปิด ...การต่อสู้ยังไม่จบ แต่สุดท้าย ผลลัพธ์ของเกมนี้ก็คงจบแบบที่เคยเป็นมา

ระบบปิด คือ Exclusive ทำเล็กเน้นกำไร ติสๆ Premium ไป ...ส่วนระบบเปิดคือ Mass ทำให้ ให้ถูก ให้สร้างมาตรฐาน ให้ขาดไม่ได้ - ผมว่า Microsoft ได้ส่งไม้ต่อ นักผูกขาดแห่งทุนนิยม ให้ Google เรียบร้อยแล้ว ...Apple ก็จะเดินทางในสาย ติสของเขาต่อไป 

- สิ่งที่ผมอยากจะชี้คือ ทุกการเปลี่ยนแปลงอาศัยความกล้า แต่ความกล้าที่ยากที่สุดคือ ความกล้าที่จะท้าทายความเชื่อเดิมๆ ของตัวเอง

- ทุกครั้งที่เราเพิ่มความรู้ ชีวิตเราจะดีขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าเราเปลี่ยนความเชื่อ มันจะเปลี่ยนไป 10 เท่า ..เช่น เงินเดือนหมื่น โดดไป แสน ..โดดไปล้าน ทุกๆ 10 เท่า เราต้องกล้าท้าทายความเชื่อเดิม

- วันนี้ขอท้าทายความเชื่อในตลาดหุ้น ..คนส่วนใหญ่เชื่อว่าหุ้นคือการพนัน ..ผมจะท้าทายว่า หุ้นดีคือการลงทุน ถือยาวได้ดีกว่า ที่ดิน หรือ ทองคำ ..โจทย์นี้ไม่ง่าย พอผมแกะได้มันเปลี่ยนชีวิตผม ..ผมเลยอยากให้คุณลองแกะโจทย์นี้เพื่อเปลี่ยนชีวิตคุณ 10 เท่าบ้าง ...จัดไป!!

-----------------------------------------

ใครสนใจเปิดบัญชีหุ้น เรียนรู้ และมีเครื่องมือเล่นหุ้น 
แวะมาได้เลยนะครับ Investment Space : สาขาธรรมศาสตร์รังสิต 
 'ใครๆ ก็เริ่มมีบัญชีหุ้นได้ ไม่มีขั้นต่ำ และมีเครื่องมือเล่นหุ้นให้ใช้ฟรี ..สะดวกมาก'

ส่วนคนที่ไม่สะดวกเดินทางก็สามารถเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ได้เลย แค่คลิ๊กและกรอกข้อมูลทำตามขั้นตอนในลิงค์ในนี้ https://goo.gl/n6LWL3 ถ้าติดปัญหาสงสัยอะไรก็โทรถามได้ที่ 02-618-1111

------------------------------------

เปิดให้บริการแล้ว Investment Space สาขา ธรรมศาสตร์รังสิต ..ใครจะเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น เชิญมาที่สาขาได้เลยครับ

ตั้งอยู่ที่ อาคาร ศูนย์การเรียนรู้ ชั้น 1 (ข้างๆ ร้านกาแฟอเมซอน) เบอร์ติดต่อ 02-618-1940 

- เปิดบัญชีสะดวก มีเจ้าหน้าที่ดูให้ทุกขั้นตอน สงสัยอะไรถามได้หมด (จะใช้โปรแกรม Streaming ซื้อขายหุ้น / จะใช้กราฟหุ้นฟรีอย่างไร ..)

- เปิดบัญชีไม่มีขั้นต่ำ ใช้เงินเท่าไหร่ก็ได้ (ซื้อขายหุ้นก็ไม่มีขั้นต่ำ เอาใจรายย่อยสุดๆ) ..นักศึกษา และ คนทั่วไป สามารถเปิดบัญชีได้อย่างง่ายดาย

- เครื่องมือการลงทุนของบัวหลวง มีให้ใช้หลากหลาย เช่น iTracker เอาใจคนเทรดหุ้น เพราะจับสถิตินิสัยการลงทุนให้ทุกคน และเน้นให้ความรู้ลูกค้ารายย่อยทุกคน (มี iChannel ให้มือใหม่ เรียนหุ้นออนไลน์ อย่างจุใจ - สนใจสอบถามเจ้าหน้าที่ได้เลย)

- เปิดจันทร์ถึงศุกร์ มีเจ้าหน้าที่ประจำ ตั้งแต่ 8.30 - 17.30 น. 

- ใครสนใจเรื่องการ ออมหุ้น / ออมหุ้นอัตโนมัติ (เดือนละหมื่น) หรือ สอบถามเรื่องการใช้ Robot บริหารพอร์ต เข้ามาสอบถามได้

ก็เชิญคนที่อยู่แถวรังสิต และบริเวณใกล้เคียงมาใช้บริการได้ครับ ...โทรสอบถาม 02-618-1940

จัดไปครับ

-------------------------------------

ส่วนคนที่ไม่สะดวกเดินทางก็สามารถเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ได้เลย แค่คลิ๊กและกรอกข้อมูลทำตามขั้นตอนในลิงค์ในนี้ https://goo.gl/n6LWL3 ถ้าติดปัญหาสงสัยอะไรก็โทรถามได้ที่ 02-618-1111

สามด่าน ผ่านแล้วเป็นตัวจริง

 


สามด่านผ่านแล้วเป็นตัวจริง

'ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน'

 ..ผมว่า ความสำเร็จของคนในยุคนี้มันมี 3 ด่าน

ด่านแรก : 'ทนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ'

ด่านสอง : 'ค้นหาความถนัดและงานที่ชอบ'

ด่านสาม : 'ทำงานที่ชอบนานพอ ..นานจนคนอื่นเชื่อว่า เราคือตัวจริงในสิ่งที่ทำ'

สิ่งที่ต้องมีในทุกๆ ด่านของชีวิต คือ 'ความอดทน'

- อดทนที่จะศึกษา อดทนที่จะค้นหา และ อดทนที่จะทำ !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

ต้นทุน ที่เลียนแบบไม่ได้

 

บิว ไฮเนคกี้ มีทุนแล้วคุณมีอะไร ? ..อายุ 17 ปี เริ่มทำธุรกิจเอง หิ้วกระป๋อง และเครื่องมือทำความสะอาดสำนักงาน


 ..จาก 0 สู่อาณาจักร ไมเนอร์ เจ้าของ The Pizza Company , Swenzen , โรงแรม อนันตารา , ..มูลค่านับหมื่นล้าน ..เศรษฐีอันดับ 34 ของประเทศไทยอีกคนที่สร้างตัวจากมือเปล่า - 'เพราะเขามีทุน!!'


- 'ทุน' ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เงิน แต่คือ 'ตัวเรา'


- 'ตัวเรา' ที่ไม่เคยหยุดตั้งคำถาม ว่า จะทำอะไรให้ชีวิตคนไทย ..อร่อยขึ้น - สะดวกขึ้น - สนุกขึ้น - ง่ายขึ้น - แปลกขึ้น - ใหม่ขึ้น ?


- 'ตัวเรา' ที่ไม่หยุดสร้างงานให้คนอื่น ..งานที่เปลี่ยนชีวิตเขา 


'ตัวเรา' ที่ไม่หยุดเรียนรู้ 


พบอุปสรรคที่ทำให้เราเก่งขึ้น ..พบความพ่ายแพ้ที่สอนให้เรารู้จักตัวเรามากขึ้น


 ...การเดินทางที่ดำเนินไป ในแบบที่เราเลือกเอง


สร้าง ตำนานที่มีลมหายใจ !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


 

วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

สิ่งที่เราทำ ต้องทำให้เราชอบตัวเอง

 

'รู้ได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันมาถูกทาง ?'


- เงิน !! ...เออ ก็ส่วนนึง แต่มันไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของความสำเร็จ


สิ่งที่จะทำให้เราทำสิ่งที่เราทำได้นาน นานจนประสบความสำเร็จ ..มันต้องมากกว่าเงิน นั่นก็คือ 'เราต้องทำสิ่งนั้นแล้วเราชอบตัวเอง'


- คำว่า 'ชอบตัวเอง' คือ เราทำงานนั้นแล้วเรารู้สึกดีต่อตัวเราเอง ซึ่งในช่วงเริ่มต้นสิ่งนี้อาจจะยังไม่ทำเงิน 


แต่สุดท้าย งานที่เราชอบตัวเอง เราจะทำได้ดี ได้ยาว จนสามารถผ่านอุปสรรค


- ถ้าสิ่งที่เราทำ เป็นสิ่งที่ทำร้ายคนอื่น ไม่ดีต่อคนอื่น ถึงแม้ช่วงต้นจะได้เงินมาก แต่เราจะ ไม่ชอบตัวเอง


- ถ้าสิ่งที่เราทำ เป็นสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น และเราทำสิ่งนี้ได้ดี แม้ช่วงต้นจะมีอุปสรรคมาก แต่สุดท้ายเราจะชอบตัวเองแล้วประสบความสำเร็จในที่สุด


'สิ่งที่ดี มันทำยากมันมีอุปสรรค นี่คือบททดสอบ ที่ทำให้ความสำเร็จมันคุ้มค่า'


ชีวิตที่คุ้มค่า คือ ชีวิตที่ทำสิ่งที่ดี ทำสิ่งที่ทำแล้วชอบตัวเอง และ สร้างประโยชน์ต่อผู้คน 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

พอเลิกคิดสั้น ชีวิตเปลี่ยนเลย

 

คนที่เขาดูแข็งแกร่ง ดูเก่ง เชื่อเถอะว่า ไม่ใช่พรสวรรค์ (มีแต่พรแสวงเท่านั้นในโลกใบนี้ ถ้าไม่ลงมือทำเอง ก็ไม่มีใครจะหยิบยื่นอะไรให้เราหรอก)


...มันเกิดจากการผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต


- ถ้าวันนี้เราเจอมรสุมหนักแค่ไหน ให้รู้เถอะว่า มันกำลังสร้างเราให้ยิ่งใหญ่ หลังจากพายุผ่านไป


- 'หนี้'(เกินตัว) คือ มรสุมที่หนักมากสำหรับคนส่วนใหญ่ พอเจอกับตัวจะมองไม่เห็นทางออก แต่พอผ่านไปได้ด้วยตัวเอง เราจะไม่กลับไปที่จุดนั่นอีก


- 'โดนหักหลัง' มันทำให้เรารู้ว่า เรามีมิตรแท้จริงๆ สักกี่คน 


- 'ความผิดหวัง' ทำให้เราเครียด แต่มันทำให้เราเติบโต 


..อย่าไปกลัวความผิดหวัง และอย่าไปกลัวความผิดพลาด (คนประสบความสำเร็จ ผ่านเส้นทางนี้ทุกคน กลัวอะไร มาถูกทางแล้ว!!)


- 'ความสมหวัง' มันทำให้เราหลงตัวเอง แล้วดึงเราไปสู่ความผิดหวังในอนาคต


- คนชม จริงๆ ไม่ค่อยจริงใจ แต่เราชอบ


- คนติ เป็นคนจริงใจ แต่เราไม่ชอบ


- 'ความสุขระยะสั้น' มักก่อให้เกิดความทุกข์ระยะยาว ..การพนัน ยาเสพย์ติด และ สิ่งร้ายๆ ที่เกิดในชีวิต ก่อตัวจาก ที่เราเลือกความสุขระยะสั้น


ถ้าวันนี้เราทุกข์ เรามีอุปสรรค ให้ยอมรับความผิดพลาดว่ามันเกิดเพราะเรา ..เพราะเราเลือกความสุขระยะสั้น ที่ส่งผลให้ชีวิตเราแย่ยาวในวันนี้


ทางแก้ ก็คือ กล้ารับผิด ..กล้าเปลี่ยนมุมคิดด้วยตัวเอง 


...เลิกมองสั้น แล้วมองยาว ชีวิตเปลี่ยนเลย !!


ทุกปัญหา เริ่มแก้ จากแค่เปลี่ยน วิธีคิด


'หยุดโทษคนอื่น แล้วเปลี่ยนวิธีที่เราคิด ..แล้วปัญหามันจะค่อยๆ คลี่คลาย'


ลองดูซิครับ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตอน ธนาคารมนุษย์

 

'ธนาคารมนุษย์ กับเงินล้นโลก !!' ...นี่คือ โลกที่เรากำลังจะเป็น


- หลายคนยังกลัววิกฤตเศรษฐกิจ เพราะไม่เคยรู้ว่า วิกฤตเศรษฐกิจแก้โคตรง่าย ..'แค่พิมพ์เงิน' ดังนั้น ถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอีก ก็แค่พิมพ์เงินเพิ่ม จะทำ QE หรือ จะเรียกอะไรก็ตาม ...สุดท้ายพอเงินท่วมมากพอ ตลาดหุ้น หรือ อสังหา ก็จะกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว -- 'เฮ้ย!! จริงเหรอ'


- จริง ยิ่งกว่าจริง ...สมัยก่อนผู้นำประเทศเขากลัววิกฤตเศรษฐกิจ แต่วันนี้ตรงข้าม - 'สิ่งที่ต้องกลัววันนี้คือ เงินเฟ้อ ..ภาวะที่เงินลดค่า แล้วราคาสินทรัพย์ หุ้น อสังหา ทอง สินค้าโภคภัณฑ์ ขึ้นบ้าคลั่ง ..อันนี้ซิน่ากลัว เพราะยังไม่มีเครื่องมือแก้'


- คิดดูซิ ถ้าเศรษฐกิจแย่ เงินฟืด ก็ QE ก็จบ ..รวยโคตรง่าย แค่เดาใจผู้นำประเทศ ..ยุคนี้ไม่มีใครยอมให้เศรษฐกิจพังคามือตัวเองหรอก ...เวลาสินทรัพย์ราคาลงแรง ก็แค่เข้าไปซื้อ 


- ผมนั่งคุยกับนักธุรกิจใหญ่หลายๆ ท่าน เขาเล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้โลก ไม่ได้ขาดแคลนเงินเหมือนสมัยก่อน แต่สิ่งที่โลกขาดแคลน คือ 'คนที่มีความสามารถ'


- วันนี้ธุรกิจในตลาดหุ้น แทบไม่ต้องกู้ธนาคาร เงินไม่ได้ขาด สิ่งที่ขาดคือคน ...คนเก่ง อยู่ไม่นาน / คนไม่เก่งนี่เกาะบริษัทไม่ปล่อยเลย 


- วันนี้เด็กจบใหม่ ยังไม่ทันสร้างผลงาน ก็ขอขึ้นเงินเดือน ..ที่โหดกว่านั้น คือ ธุรกิจคู่แข่งก็มาพยายามแย่งเด็กเหล่านี้ ให้ราคาเสนอซื้อตัวกันอย่างกับปั่นหุ้นแน่ะ 


- สิ่งที่น่าจะเกิดคือ 'ธนาคารมนุษย์' .ธนาคารนี้จะไม่ได้ปล่อยกู้เงิน แต่ให้กู้มนุษย์ไปใช้ได้ ..มนุษย์แต่ละคนจะถูกดูแลโดยธนาคารแห่งนี้ เหมือนกับที่ธนาคารในปัจจุบันดูแลเงิน บริหารเงิน - ธนาคารมนุษย์ก็จะดูแลมนุษย์แทน


- ธนาคารจะทำการวิเคราะห์ว่า ธุรกิจที่มาขอยืมมนุษย์ เป็นธุรกิจที่ดีมีอนาคตหรือไม่ ขาดทักษะอะไร จากนั้นก็ทำการ Matching เอาความต้องการมาชนกัน


- เฮ้ย!! แล้วมันต่างยังไงกับบริษัทจัดหางานล่ะ


ต่างซิ 


1. หางาน คือ เอาคนไปลงบล็อกของบริษัท แต่ธนาคารมนุษย์คือ เอา Skill ไป match กับงาน แล้ววัดที่ผลงาน


2. แล้วเทคโนโลยีมันทำได้หรือ ? ...ถ้า UBER ทำได้ ทำไมตรงนี้จะทำไม่ได้


ประเด็น ไม่ได้อยู่ที่ว่าทำได้หรือไม่ได้


แต่ความสำคัญ คือ 


1. เรากล้ามองจริงๆ หรือเปล่าว่าอะไรคือปัญหา ?

2. เรากล้านำเสนอวิธี ที่มันไม่อยู่ในตำราได้หรือไม่ ?

3. เรารู้สึกอย่างไร เมื่อจะมีคนมาพูดว่า เฮ้ย!! ที่คุณเสนอมา ไร้สาระโคตรๆ ?


- ธนาคารมนุษย์ ขำขำ นะ ..ช่วยคิดต่อหน่อยซิ จะแก้ปัญหาคนรุ่นใหม่ไม่อยากเป็นลูกจ้าง แรงงานขาด และ การพาคนกับองค์กร มาเจอกันที่ตรงจุดไหน ?


เอาเป็นว่า ลองถามตัวเองว่า วันนี้เราคิดหรือทำอะไรที่แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะ นั่นเป็นนิยามของการพัฒนาและการเติบโต


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม 


หุ้นไม่ใช่แพ้ชนะ แต่เป็นทักษะ ..เป็นแล้วดี



'ถ้านักศึกษาเล่นหุ้นแล้วเจ๊งจะรับผิดชอบไหวไหม ? ...เงินยังหากันไม่เป็น แหม่ จะมาเรียนวางเงินทำงานซะแล้ว ...เดี๋ยวก็ไม่มีใครทำงานซิ ทุกคนมัวแต่เล่นหุ้น ...ใช่ไหม ?'

ที่ผมอยากสอนนักศึกษาให้รู้จักหุ้น เพราะ มันเป็นเรื่องที่วันนึงเขาต้องเจอในชีวิต ถ้าไม่ทางตรง ก็ทางอ้อม ..เพราะอะไรที่เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ สุดท้ายมันโยงมาเกี่ยวข้องกับตลาดทุน(ตลาดหุ้น)เสมอ

ง่ายๆ อย่าง กองทุนประหยัดภาษี RMF / LTF ที่คนทำงานกินเงินเดือนซื้อกัน นี่ก็หุ้น ..เราทำงานบริษัทเงินสำรองเลี้ยงชีพก็เกี่ยวกับหุ้น ..เงินเกษียณต่างๆ ทั้งรัฐบาลและเอกชน ก็มีบางส่วนที่เป็นหุ้น 

- ใช่!! อย่างน้อยก็ควรรู้รึเปล่าว่า เขาเอาเงินเราไปทำอะไร ? ...อะไรวะหุ้น ?

คนที่พูดว่า เดี๋ยวก็เจ๊งหุ้น ก็คือ 'คนที่ไม่เข้าใจว่า การลงทุนในหุ้นมันคือทักษะ มันไม่ใช่การพนัน'

- ถ้ามองหุ้นเป็นการพนันก็ แทงถูกได้ แทงผิดเสีย ใช่ไหม ? 

- ถ้ามองหุ้นเป็นทักษะ เหมือนการว่ายน้ำ หรือ การเล่นกีฬา ..มันไม่สำคัญที่แพ้ชนะเลย คนลงทุนในหุ้นทุกคน มีได้บ้างเสียบ้าง ...แต่เป้าหมายไม่ใช่การได้ตลอด หรือชนะตลอด แต่เป้าหมายคือ ว่ายน้ำเป็น ..ลงทุนเป็นนั่นเอง

- ลงทุนเป็น ไม่ต้องชนะตลอด แต่คือ การบริหารความเสี่ยงเป็น ..เวลาเสียรู้ว่าจะจำกัดความเสียหายอย่างไร ..เวลาได้รู้ว่าจะ Let Profit Run อย่างไร

- ลงทุนเป็น คือ รู้ว่า 'ออมในหุ้น' ได้เหมือนออมในธนาคาร แต่ต้องซื้อให้ถูกเวลา ..ถ้ามีความรู้ อ่านงบการเงินเป็น ก็สามารถเลือกซื้อหุ้นไม่แพงได้ ถือยาวได้ ทนรวยเป็น (พวกไม่มีความรู้ต่างหากที่ตกเป็นเหยื่อ)

- หุ้น มันน่ากลัว เพราะ เราไม่เข้าใจมัน ...แต่ถ้าเข้าใจมัน ผมว่า มันเปลี่ยนชีวิตคน ...อย่างจะลงทุนในอสังหา ถ้าไม่รวยมาก่อน ก็ต้องสร้างหนี้ ...แต่หุ้นไม่ต้องสร้างหนี้ เริ่มหลักพัน หลักหมื่น ก็เริ่มได้หมด

- ค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นสิบกว่าปีก็คืนทุน แถมปันผลดีกว่าเงินฝากธนาคารเฉลี่ย 6 เท่า ...แต่ที่คนส่วนใหญ่ เจ็ง ก็เพราะไม่ยอมศึกษาแล้วเอาแต่เล่นหุ้นปั่น ก็โลภอยากรวยเร็วแบบไร้ความรู้

ดังนั้น การสอนนักศึกษาเข้าใจหุ้น เป็นการให้เขารู้เท่าทัน ระบบทุนนิยม ดังนี้

1. หุ้นคือ ทักษะ ..ถ้าให้เลือกสอนคนว่ายน้ำ ผมว่าเรียนตั้งแต่เด็ก ดีกว่าไปฝึกตอนแก่ ...ทักษะการลงทุนก็เช่นกัน ฝึกตอนอายุน้อยๆดีกว่า - พอเป็นแล้ว ก็มีทักษะนี้เอาตัวรอดได้ชั่วชีวิต

2. โลกยุคก่อนเราทำงานแล้วฝากชีวิตให้คนอื่นเลี้ยง ให้นายจ้างเลี้ยง ให้บริษัทเลี้ยง ...แต่นักลงทุนสร้างพอร์ต สร้างเงินปันผล ให้เลี้ยงเราเอง 

3. ลงทุนหุ้น ยิ่งนาน ยิ่งไม่มีความเสี่ยง ...เริ่มเร็ว ถึงได้เปรียบนั่นเอง

----------------------------------------

ใครสนใจเปิดบัญชีหุ้น อยากเริ่มเรียนรู้ทักษะการลงทุน แวะมาได้เลยนะครับ Investment Space : สาขาธรรมศาสตร์รังสิต 
 'ใครๆ ก็เริ่มมีบัญชีหุ้นได้ ไม่มีขั้นต่ำ และมีเครื่องมือเล่นหุ้นให้ใช้ฟรี ..สะดวกมาก'

ส่วนคนที่ไม่สะดวกเดินทางก็สามารถเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ได้เลย แค่คลิ๊กและกรอกข้อมูลทำตามขั้นตอนในลิงค์ในนี้ https://goo.gl/n6LWL3 ถ้าติดปัญหาสงสัยอะไรก็โทรถามได้ที่ 02-618-1111

---------------------------------------

'Investment Space' โดย หลักทรัพย์บัวหลวง
ตั้งอยู่ที่ อาคาร ศูนย์การเรียนรู้ ชั้น 1 (ข้างๆ ร้านกาแฟอเมซอน) เบอร์ติดต่อ 02-618-1940 

- เปิดบัญชีสะดวก มีเจ้าหน้าที่ดูให้ทุกขั้นตอน สงสัยอะไรถามได้หมด (จะใช้โปรแกรม Streaming ซื้อขายหุ้น / จะใช้กราฟหุ้นฟรีอย่างไร ..)

- เปิดบัญชีไม่มีขั้นต่ำ ใช้เงินเท่าไหร่ก็ได้ (ซื้อขายหุ้นก็ไม่มีขั้นต่ำ เอาใจรายย่อยสุดๆ) ..นักศึกษา และ คนทั่วไป สามารถเปิดบัญชีได้อย่างง่ายดาย

- เครื่องมือการลงทุนของบัวหลวง มีให้ใช้หลากหลาย เช่น iTracker เอาใจคนเทรดหุ้น เพราะจับสถิตินิสัยการลงทุนให้ทุกคน และเน้นให้ความรู้ลูกค้ารายย่อยทุกคน (มี iChannel ให้มือใหม่ เรียนหุ้นออนไลน์ อย่างจุใจ - สนใจสอบถามเจ้าหน้าที่ได้เลย)

- เปิดจันทร์ถึงศุกร์ มีเจ้าหน้าที่ประจำ ตั้งแต่ 8.30 - 17.30 น. 

- ใครสนใจเรื่องการ ออมหุ้น / ออมหุ้นอัตโนมัติ (เดือนละหมื่น) หรือ สอบถามเรื่องการใช้ Robot บริหารพอร์ต เข้ามาสอบถามได้

ก็เชิญคนที่อยู่แถวรังสิต และบริเวณใกล้เคียงมาใช้บริการได้ครับ ...โทรสอบถาม 02-618-1940

จัดไปครับ
 




บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ