‘รู้จักกับ เงินเฟ้อ’
ผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่รู้จักคำว่าเงินเฟ้อ ..แต่ไม่เข้าใจมัน !!
รู้จักคือ ‘ใครๆ ก็รู้ว่า เงินเฟ้อก็คือ เงินมันจะลดมูลค่าเมื่อเราถือไว้เฉยๆ ...เช่น เงิน 1 ร้อยบาท ในอดีตกินข้าวได้มื้อใหญ่ แต่ 1 ร้อยบาท วันนี้ กินได้แค่ก๋วยเตี๋ยว หรือ ข้าวแกง’
แล้วไงล่ะ ?
นี่แหละ ไอ้คำถาม ‘แล้วไงล่ะ ?’ มันเกิดจาก คนที่รู้จักเงินเฟ้อ แต่ไม่เข้าใจมัน
สิ่งที่ควรเข้าใจมีดังนี้
1. ‘เงิน เป็นสินค้าชนิดหนึ่ง’ ...ต้องเข้าใจก่อนว่า เงิน ของทุกประเทศ ก็เหมือนสินค้าชนิดหนึ่ง ..ประเทศที่เงินแพงๆ ก็เพราะ คนในโลกต้องการเงินเขา เช่น ดอลลาร์ ใครๆ ก็ต้องการ ยิ่งคุณอยู่ในประเทศที่รัฐบาลไม่มั่นคง คุณก็จะไม่อยากได้เงินของตัวเอง อยากได้ดอลลาร์แทน
(ลองนึกภาพ นักธุรกิจในประเทศที่การเมืองไม่นิ่ง ถ้าเขาขายของ เขาก็อยากรับเป็นดอลลาร์ แล้วก็อยากเอาเงินที่ได้ ไปฝากไว้ต่างประเทศ เช่น ที่สวิส , สิงคโปร์ , ฮ่องกง ...)
วันนี้เริ่มชัดเจนมากขึ้น พอเราเห็นปัญหา ค่าเงิน ในประเทศ เช่น เวเนซุเอลา , ตุรกี , มาเลเซีย , อินโดนีเซีย ...
ประเทศเหล่านี้ ค่าเงิน อ่อนลงอย่างรวดเร็ว เพราะ ทั้งนักลงทุน , เจ้าหนี้ และ ประชาชน ต่างกลัว แล้วขายเงินของประเทศเหล่านี้ แล้วไปถือเงินที่มั่นคงกว่าแทนเช่น ดอลลาร์
2. ‘ถ้ารัฐบาล สร้างหนี้เยอะๆ แล้วทำโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มากๆ สุดท้ายเงินจะพัง เงินเฟ้อจะยิ่งสูง’ ...วันนี้เรากำลังเห็นปัญหาแบบ เวเนซุเอลา ลุกลาม มาในกลุ่มประเทศ Emerging Market ...ประเทศที่โดนก่อน ก็คือ ประเทศที่สร้างหนี้ต่างประเทศเยอะๆ แล้วมีเงินทุนสำรองต่ำๆ เช่น มาเลเซีย ...ปัญหานี้เพิ่งเริ่มต้น แล้วกำลังลุกลาม ช่วงนี้ถ้าจะลงทุนที่ไหน ต้องระวังเรื่อง หนี้ และ ทุนสำรองของประเทศนั้นๆ ให้ดี
ไม่งั้น เงินที่ลงทุนต่างประเทศ อาจกำไร แต่ดันขาดทุนค่าเงิน สุดท้าย ก็ขาดทุนอยู่ดี ...ช่วงนี้ต้องระวังให้เยอะครับ
3. ‘คนรวย แต่ละประเทศ เขาสู้กับเงินเฟ้ออย่างไร’ ...สิ่งที่ตรงข้ามกับเงินเฟ้อ ก็คือ สินทรัพย์
เพราะในขณะที่เงินสด นับวันจะลดมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป ...แต่สินทรัพย์จะเพิ่มมูลค่าสวนทาง
คนรวยในทุกประเทศ จึง เอาเงินสดไปซื้อสินทรัพย์ แล้วถือครองแทน
(อันนี้คนส่วนใหญ่ ไม่รู้ คิดว่า คนรวย คือ คนที่มีเงินฝากธนาคารเยอะๆ ...แต่ไม่ใช่เลย จริงๆ แล้ว คนรวยส่วนใหญ่ จะถือครองสินทรัพย์แทน เช่น ที่ดิน , อสังหา , หุ้น , ทอง , ของสะสม)
ถ้าเป็นประเทศ ที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพอย่างเช่น เมืองไทย ...คนรวยจะเอาเงินใส่ไว้ในหุ้น เป็นสัดส่วนที่สูงที่สุด ...รองลงมา ก็คือ ที่ดิน และ อสังหา
แต่ถ้าเป็นประเทศ ที่ไม่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ...คนรวยในประเทศนั้น จะนิยม ฝากเงินไว้ต่างประเทศ , ถือครองดอลลาร์ และ ทองคำ แทน
4. ‘จะรู้ได้อย่างไร ว่าประเทศไหนมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ’ ...ก็ดูว่า ประเทศนั้นๆ ผลิตสินค้าและบริการ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนใช่หรือไม่
การที่ประเทศไทย วันนี้ค่อนข้างดี เพราะเราผลิตสินค้าและบริการที่หลากหลาย
พูดแบบไม่ได้อวยกัน ...สินค้าของไทย เป็นที่ยอมรับในประเทศเพื่อนบ้าน ในเรื่อง คุณภาพ และ ราคา
บริการเราก็มีการท่องเที่ยว ที่หลากหลาย และดึงดูด
ตรงนี้แหละ ที่เราต้องรักษาสมดุลย์ ให้ดี ไม่ประมาท แล้ว พยายามพัฒนาความรู้ ให้สามารถสร้างสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น ในราคาที่ถูกลง หรือ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้
ก็ลองทำความเข้าใจสิ่งรอบตัว เราจะใช้ชีวิต ในโลกที่เศรษฐกิจผันผวนได้ดีขึ้นครับ
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม