แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

รู้ไว้ ไม่จน

 

'รู้ไว้ ไม่จน !!'

หนึ่งเรื่องที่ต้องรู้แล้ว ไม่จน ก็คือ 'ถ้าเราทำตัวให้เป็นประโยชน์ ไม่นั่งเฉยๆ ก็จะไม่จนแล้ว ..'

ถ้าคุณอยากได้แรงบันดาลใจ ลองอ่านประวัติเศรษฐี ทุกคนที่สร้างตัวจากเสื่อผืนหมอนใบ จากศูนย์สู่หมื่นล้าน จากจับกังสู่เศรษฐี ...ทุกคนมีอะไรที่คล้ายๆ กัน คือ 

1. 'ขยัน' อันนี้ไม่ได้บอกว่า ฉลาดนะ ..คนไม่ฉลาดก็ขยันได้ ..ความขยันคือความตั้งใจ ถ้าตั้งใจ คนเห็นแล้วรู้เลย ไอ้นี่ตั้งใจ ...ถ้านายจ้างจะหาใครสักคนมาทำงาน ลองโชว์ความตั้งใจ อันนี้เกือบร้อยทั้งร้อย คุณได้งานครับ

2. 'รู้จักเรียนรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ' ..สมมุติเราเริ่มจากงานใช้แรงงาน งานก่อสร้าง งานเครื่องจักร งานช่าง งานฝีมือ งานอะไรก็ได้ ..พยายามเรียนรู้ ศึกษาพัฒนาต่อยอด ทำไปเรียนรู้ไป ...คนที่ไม่ก้าวหน้า มีคนประเภทเดียวคือ พวกทำไปเรื่อยๆ ทำแค่งานฉัน ไม่ยอมเรียนรู้เพิ่มกลัวเหนื่อย กลัวหนัก (คนที่ทำงานอยู่ 10 ปี ก็ทำอยู่เหมือนเดิม ตำแหน่งเดิม ก็เพราะ เขาไม่ได้เรียนรู้เพิ่ม ...แค่เรียนรู้เพิ่ม เดี๋ยวโอกาสก็เปลี่ยน)

3. 'ทำงานเกินค่าจ้าง' ..คนส่วนใหญ่พยายามทำงานให้เท่าค่าจ้าง หรือน้อยกว่า เราจะได้สบาย หารู้ไม่ว่า คนคิดแบบนี้มันโตไม่ได้ ...คนที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง ได้โอกาสในชีวิต ก็คือ คนที่ทำเกินค่าจ้าง(แบบเกินเว่อร์) เงินเดือนหมื่น ทำเป็นแสน ขยันชิบ!! ..พวกนี้สุดท้ายมันเจริญ (ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย โลกเราตรงๆ แบบนี้แหละ)

4. 'เมื่อพร้อมต้องเสี่ยง' ..เมื่อเราทำ 3 ข้อที่ผ่านมาได้ดี มันจะมีโอกาสดีๆ ในชีวิตเข้ามาให้เราเลือก ..ฮืม!! ถ้าใครยังไม่มี ลองทบทวนตัวเองซิว่า ไอ้ 3 ข้อที่ผ่านมา คุณยังทำไม่ดีพอ (อย่ามองเข้าข้างตัวเอง เปิดใจแล้วมอง) ...มาถึงข้อ 4 นี่ คือ การเลือกโอกาสที่เข้ามา ..เชื่อไหม ทางเลือกที่ดูมั่นคง มันมักไม่ค่อยเจริญ ...แต่ทางเลือกที่เสี่ยงกว่า มักจะดีกว่า - ถ้าให้ผมแนะนำนะ 'เลือกอันที่เสี่ยงตรงกลาง ...อันที่มั่นคงสุด ไม่เอา , อันที่เสี่ยงสุดก็ไม่เอา - เลือกเอาที่เสี่ยงตรงกลาง

(กับดักคนเก่ง จะมาติดที่ข้อ 4 คือ พอมีโอกาสมาให้เลือก ก็เลือกที่เสี่ยงน้อยสุด ..มันก็เลยสำเร็จน้อยสุดไง - โอกาสมันมาพร้อมความเสี่ยง ถ้าเราพัฒนาความรู้ดีแล้ว จงเชื่อมั่นในความรู้เรา อย่ากลัว!!)

5. ทุกคนน่ะมีค่า แค่ต้องพาตัวเรา ไปทำอะไรสักอย่าง ...เริ่มง่ายๆ เลย เลือกงานอะไรก็ได้ ทำไปก่อน จากนั้นค่อยๆ เรียนรู้เพิ่มต่อยอดจากตรงนั้น ...เริ่มยิ่งเร็ว ยิ่งดี ..ไม่มีหรอก shortcut ทางสำเร็จไว ..วันนี้ใครเริ่มก่อน ได้เรียนรู้ก่อน ได้เปรียบ 

มัวรออะไรอยู่ล่ะ ...อย่าอยู่เฉยๆ ถ้าไม่มีใครจ้าง ก็อาสาช่วยผู้คน ..ไม่มีเงิน ก็อาสาออกแรง ..ทำไป เรียนไป ..เคยดูหนังจีนไหม พระเอกทำงานให้ เจ้าสำนัก ขอแค่ที่อยู่กับข้าวกิน ..เรียนรู้ ฝึกวิทยายุทธ ..สุดท้ายได้ทุกอย่าง !! ...ไม่มีทางลัด ..นี่แหละศูนย์สู่เศรษฐี 

...อาสา + เรียนรู้ + ออกแรง !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


คนแบบไหนที่โชคไม่ช่วย เหมือนเกิดมาซวยตลอดชีวิต

 

'คนแบบไหนที่โชคไม่ช่วย เหมือนเกิดมาซวยตลอดชีวิต' ..เฮ้ย !! มีด้วยหรือคนที่ซวยแบบนี้ 

'มีครับ เยอะด้วย' ..แต่จริงๆ มันไม่ได้เกี่ยวกับโชคหรือดวง แต่มันอยู่ที่ 'วิธีคิดของเขา ที่พาเขาซวย'

เอาว่า ถ้าใครคิดแบบนี้ ต้องรีบเปลี่ยนวิธีด่วนให้ด่วนเลย

1. 'คนที่คิดอยากรวย แบบไม่เหนื่อย' ...พวกนี้ซวยทุกคน เพราะ เขาจะไม่เคยพยายามหรือขวนขวายอะไรเลย ..ผมเคยเป็นคนแบบนี้ ตอนที่เรียนอยู่มหาลัย ผมนั่งคิดว่าเมื่อไหร่ โอกาสดีๆ จะวิ่งมาหาผมเหมือน Bill Gates หรือแบบ Steve Jobs ...จนวันนึงมีเพื่อนมาชวนให้ผมไปทำงานอย่างนึง เขาบอกว่า ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องลงทุน และแทบจะการันตีความสำเร็จ แถมได้อิสรภาพทางการเงิน

ถ้าวันนี้ใครมาชวนผมแบบนี้ 'ผมก็จะชี้ทางให้เขา มาทางไหน มึงกลับไปทางนั้นเลย ..ถ้าดีจริง กรูเชื่อว่ามึงไม่มาชวนกรูหรอก ...ของดี โดยไม่เหนื่อย -- มึงไอ้แชร์ลูกโซ่ !!'

 2. 'คนรอให้โอกาสดีๆ วิ่งมาหา' ...เฮ้ย!! คุณอ่าน 3 ก๊ก มากไปหรือเปล่า ...คุณคงไม่ใช่ขงเบ้ง ที่อยู่ดีๆ เล่าปี่ ต้องมาเชิญคุณจากบ้านในหุบเขา ให้ไปช่วยบริหารบ้านเมือง ...เฮ้ย!! นี่ปี 2017 นะครับ ...คนเก่งเต็มไปหมด ขนาดเดินชนกันเป็นว่าเล่น

 ...ถ้าอยากได้โอกาส ต้องเหนื่อยเดินทางไปหาโอกาส

ถ้ารออยู่บ้าน จะมีแต่ พนักงานขายตรง นั่นแหละ ที่มาถึงหน้าบ้านคุณ หรือ ถ้าทันสมัยหน่อย ก็จะมีโทรศัพท์มาให้หลอกให้คุณไปโอนเงิน 

โอกาสยุคนี้ อยู่นอกบ้าน ...อย่านั่งรอ เพราะนั่นไม่ใช่โอกาสแน่นอน 

'นั่งรอเฉยๆ จะเจอโอกาสถูกต้ม ซะมากกว่า'

3. 'ตลาดหุ้น' ..คนที่ ขอหุ้นเด็ดสักตัวซิ ...พวกนี้ เจ๊งหนักทุกคน เพราะ คนแบบนี้ คิดจะรวยโดยไม่ศึกษา ...เขาเองยังไม่รู้เลยว่า หุ้นดีๆ ที่ขึ้นเป็นสิบเด้ง ร้อยเด้ง ถ้าเขาไม่ศึกษา เขาก็เจ๊งได้อยู่ดี 

...คนบางคนซื้อหุ้น 400 เด้ง อย่าง SCC ยัง สามารถซื้อแพง ขายถูกแล้วเจ๊งได้เลย (เก่งเว่อร์) หรือ หุ้น 10 เด้ง อย่าง PTT ที่เข้าตลาด 35 บาท วันนี้ 400 ..เขาก็ยังสามารถซื้อแพง แล้วขายถูกๆ เจ๊งมัน ไม่รู้กี่รอบ (บ้าไปแล้วครับพี่น้อง ทำได้ไง)

จริงๆ !! เลิกคิดว่า คนเราสามารถ รวยโดยไม่เหนื่อย หรือ รวยโดยไม่ต้องศึกษา 

ถ้าวันนี้อยากดี อยากสำเร็จ ...เราเตรียมศึกษา เตรียมเหนื่อย ...หนักวันนี้ เดี๋ยวดีวันหน้า

เชื่อซิ ..คนที่สู้งานหนัก แล้วพัฒนาความรู้ตัวเอง ...ชีวิตมีแต่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ 

พวกอยากสบาย เอาง่าย ...พวกนี้เหนื่อยระยะยาวทุกคน 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ถามส่วนตัวเรื่องหุ้น ..ขอตอบรวมๆนะ

 

มีหลายคน Message ส่วนตัวมาถามผมว่า 'อยากเริ่มลงทุนต้องเริ่มจากอะไร ?' ...เลยจะขอตอบรวมๆ กันเลยดังนี้

1. ตลาดหุ้น สร้างผลตอบแทนได้ดีจริง ถ้าเรามีความรู้ที่ถูกต้อง ...แต่เตือนก่อนว่า ที่เขาบอกกันว่า คนส่วนใหญ่ 80% ที่เข้าตลาดเสียหาย อันนั้นก็สถิติจริง

 ..หลักๆ ก็มาจาก 'ความโลภ และก็ไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจ ก็เลยไปซื้อหุ้นในตอนที่มันแพง พอราคามันลงมาถูก ขาดทุนก็ขาย เสียหายกัน ทั้งที่จริงๆ ถ้าศึกษาให้ดีจะพบว่า หุ้นที่หลายๆคนเสียหายนั้น ก็เป็นบริษัทที่ดีและมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ..ปัญหามันอยู่ที่ตัวเราเอง ไม่เข้าใจจังหวะ แล้วก็ไปโทษว่าตลาดหุ้นไม่ดี'

2. ต้องเรียนหุ้นไหม เรียนอะไร แนะนำได้ไหม ? ...ก็เหมือนถามผมว่า จะทำงานต้องเรียนหนังสือไหม ไม่เรียนก็ได้ ก็ลองผิดถูกไป ...ส่วนการเรียนก็ช่วยให้เราเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้นก็เท่านั้นแหละ ไม่ได้มีการันตีอะไรว่าเรียนหนังสือแล้วต้องรวย 

..แต่รู้ก็ดีกว่าไม่รู้ เพราะความรู้มันลดความเสี่ยง

ที่ถามว่าต้องรู้อะไร ?...ผมมีเปิดคอร์สสอนมือใหม่ทั้งสอนสดและออนไลน์ หลักๆก็คือ สอนสิ่งที่จำเป็นในการคุมความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้น - หลักๆ ที่เราต้องรู้ ก็คือ 

หนึ่ง : 'เราซื้อหุ้น ณ ราคานี้ กี่ปีควรจะคืนทุน' 

สอง : 'ราคาที่เราซื้อ เทียบกับต้นทุนเจ้าของหุ้น มันถูกหรือแพงเท่าไหร่ ..เราซื้อแพงกว่าเจ้าของกี่เท่า'

สาม : 'ระหว่างถือหุ้น รอคืนทุน เราได้ปันผล คิดเป็นปีละกี่เปอร์เซ็นต์ (ตรงนี้ ก็เทียบกับ ฝากเงินธนาคารก็ได้ เช่น วันนี้ฝากธนาคารได้ ดอกเบี้ยประมาณ 0.5 % แต่ถ้าซื้อหุ้นธนาคารบางตัววันนี้ได้ตั้ง 4% ก็แสดงว่า การถือหุ้นเป็นเจ้าของธนาคารยาวๆ แค่ปันผล ก็ได้มากกว่า ฝากธนาคาร 8 เท่า)

อันนี้ Basic เลย ..เราต้องเข้าใจความเสี่ยง ไม่ใช่ไปลงทุนตามข่าว อันนั้นมันพวกนักเก็งกำไร ..ถ้าเก็งแบบมั่วๆ ผมเรียกว่า นั่นคือ นักพนัน - พวกนั้นซิ เจ๊ง !!

ส่วนพอมีความรู้เบื้องต้น เราควรรู้เรื่อง กราฟเทคนิค ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่า หุ้นที่เราอยากซื้อมันขึ้นมาจากไหน ความเสี่ยงแค่ไหนแล้ว

3. ถ้าให้แนะนำหลักสูตรที่ผมสอนแบบมือใหม่ ถ้าอยากเรียน แบบสอนสด หรือ ออนไลน์ ผมก็มีครับ ตามนี้

- "คอร์สมือใหม่ สอนสด" : อันนี้เรียน 2 วัน สอนตั้งแต่วิธีคิด + อ่านงบ + อ่านกราฟ 'ก็เรียกว่าค่อนข้างครบเตรียมความรู้ให้มือใหม่พร้อมเข้าลงทุนในตลาดหุ้นได้เลย' ..ผมสอนประมาณเดือนละครั้ง รอบต่อไป ก็ 
11-12 กุมภาพันธ์ ราคาคือ 7,000 บาท รวมอาหาร และอาหารว่าง ทั้งสองวัน 

ถ้าสนใจก็คลิ๊กจองได้ที่นี่ครับ http://www.stock2morrow.com/course/seminar_courses_list.php?id=1

- "คอร์สออนไลน์" ..อันนี้เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกมาเรียนสด ก็เรียนผ่าน Facebook Close Group เลย ..อันนี้เรียนเป็นวีดีโอ วันละประมาณ 20 นาที เรียนต่อกัน 15 วัน คือ ดูคลิ๊ปเป็นเรื่องๆ ถ้าสงสัยก็ถามในเฟส ใต้คลิ๊ปเลย แล้วผมจะตอบให้ทุกข้อสงสัย ตามเนื้อหา 

...อันนี้เริ่มเรียน 15 กุมภาพันธ์ ราคาเต็ม 4,500 แต่ลดให้พิเศษเหลือ 3,500 บาท (ราคาพิเศษนี้ ต้องชำระเงินก่อน 7 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้นนะครับ)
สอบถามเพิ่มเติม 063 191 0816
สอบถามทาง line@ : @basicblueprint   
หรือแค่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40basicblueprint

ใครสนใจเรียนอันไหน ก็เลือกเรียนได้ตามสะดวกเลยครับ 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ล้างมือในอ่างทองคำจากตลาดหุ้น

 

'ในที่สุด ผมก็จะเลิกเล่นหุ้น แต่ผมจะไม่หยุดให้หุ้นทำงานทำเงินให้ผมไปเรื่อยๆ ...ล้างมือในอ่างทองคำจากตลาดหุ้น' ....ทำอย่างไร ?


ปีนี้เป็นอีกปี ที่หุ้นเริ่มสร้างความประหลาดใจให้หลายๆ คน ..ต้นปีนี้หุ้นใหญ่อย่าง PTT ขึ้นมาแตะ 400 บาท จากที่ต้นปีที่แล้ว หุ้น PTT ยังอยู่ที่ ราคา 200 บาทอยู่เลย 


จำได้ไหม แค่ปีที่แล้ว ที่ราคา PTT อยู่ 200 บาท ก็มีแต่คนพูดว่า ต่อไปน้ำมันจะเลิกใช้ ราคาน้ำมันร่วงไปแตะ 30 เหรียญ ...วันนั้นใครก็ตามที่คิดแบบ 'ออมในหุ้น คือ ซื้อหุ้นดีในข่าวร้าย (หุ้นดี ยิ่งวิกฤต ยิ่งโคตรถูก - คนที่กล้าซื้อเวลาวิกฤต ไม่ใช่คนบ้า แต่คือคนที่มีความรู้!!!) .. ก็น่าจะซื้อกันแถวๆ 200 กว่าๆ ...วันนี้ก็คงชิวกันไปตามๆ กัน'


มีหลายๆ คนมาถามผมอีกว่า 'พี่แพ้ท วันนี้หุ้นที่ผมซื้อมันขึ้น 100 % แล้ว ผมว่าเดี๋ยวมาต้องย่อแน่ๆ ผมอยากจะขายตรงไหนดีครับ ?'


ผมก็ตอบไปว่า 'เอาแบบนี้ซิ หลักการซื้อหุ้นดีในข่าวร้ายมากๆ ถือไม่นาน มันก็เห็น 1 เด้งแล้ว ..แล้วโดยปกติ พอหุ้นขึ้นเท่าตัว มันก็ต้องปรับฐานก่อนไปต่อ ...ง่ายสุดนะ ถ้าหุ้นเรากำไร 1 เด้ง เราแบ่ง ครึ่งนึง ขายเอาทุนออกไปเลย - ดังนั้น หุ้นที่เหลือคือกำไร เพราะเราขายเอาทุนออก'


ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายใน พอร์ตหุ้นเรา จะไม่มีต้นทุนเลย ...พอถอนทุนก็ไปหา หุ้นดีในวิกฤต ตัวต่อไป ...ทำไปเรื่อยๆ แรกๆ อาจจะยังไม่เก่ง แต่ทำไปเถอะ พอเวลาผ่านไปเดี๋ยวเราก็เก่งในที่สุด


นี่แหละ ยิ่งเก่ง ยิ่งรวย ยิ่งลงทุน ยิ่งไม่มีต้นทุน


เอางี้ใครสนใจ ผมแนะนำคอร์สที่ผมสอน มีเรียนสด กับ ออนไลน์ ..ให้ลองเรียนศึกษาแล้วจริงจัง ผมว่ามันจะเป็นการเรียนรู้ที่เปลี่ยนชีวิตได้ ลองดู ดังนี้


- "คอร์สมือใหม่ สอนสด" : อันนี้เรียน 2 วัน สอนตั้งแต่วิธีคิด + อ่านงบ + อ่านกราฟ 'ก็เรียกว่าค่อนข้างครบเตรียมความรู้ให้มือใหม่พร้อมเข้าลงทุนในตลาดหุ้นได้เลย' ..ผมสอนประมาณเดือนละครั้ง รอบต่อไป ก็ 

11-12 กุมภาพันธ์ ราคาคือ 7,000 บาท รวมอาหาร และอาหารว่าง ทั้งสองวัน 


ถ้าสนใจก็คลิ๊กจองได้ที่นี่ครับ http://www.stock2morrow.com/course/seminar_courses_list.php?id=1


- "คอร์สออนไลน์" ..อันนี้เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกมาเรียนสด ก็เรียนผ่าน Facebook Close Group เลย ..อันนี้เรียนเป็นวีดีโอ วันละประมาณ 20 นาที เรียนต่อกัน 15 วัน คือ ดูคลิ๊ปเป็นเรื่องๆ ถ้าสงสัยก็ถามในเฟส ใต้คลิ๊ปเลย แล้วผมจะตอบให้ทุกข้อสงสัย ตามเนื้อหา 


...อันนี้เริ่มเรียน 15 กุมภาพันธ์ ราคาเต็ม 4,500 แต่ลดให้พิเศษเหลือ 3,500 บาท (ราคาพิเศษนี้ ต้องชำระเงินก่อน 7 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้นนะครับ)

สอบถามเพิ่มเติม 063 191 0816

สอบถามทาง line@ : @basicblueprint   

หรือแค่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40basicblueprint


ใครสนใจเรียนอันไหน ก็เลือกเรียนได้ตามสะดวกเลยครับ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

ยุคนี้ ระวังโดนหลอกนะ

 

'หนึ่ง ได้เงินง่าย 


สอง ไม่ต้องศึกษา 


สาม การันตีแบ่งจ่ายประจำ 


สี่ ไม่มีความเสี่ยง' ...เคยเจอไหม การลงทุนแบบนี้ ?


ใช่!! เขาเรียกว่า 'แชร์ลูกโซ่!!' ...อ้าว!! ก็นึกว่า เราโชคดี เพิ่งมีคนมาเสนอให้ลงทุนแบบนี้เลย 


(ใครมันจะโชคดี แบบอยู่เฉยๆ นั่งอยู่บ้านก็มีคนมาเสนอการลงทุนเปลี่ยนชีวิตให้ ...บ้าแล้ว!! คนที่จะได้โอกาสการลงทุนเปลี่ยนชีวิต ต้องเหนื่อย ต้องศึกษาเอง วิ่งไปหาเอง) 


...ถ้าเหงื่อไม่ออก เราอาจกำลังโดนหลอกนะ !!


เดี๋ยวนี้ผมเจอหลายๆ คนมาเล่าให้ฟังว่า 'โดนหลอก!!' 


เอางี้ ผมมีหลักการดูง่ายๆ มาแชร์กันว่า อะไรคือ 'การลงทุนจริงๆ' แล้วอะไรคือ 'โดนหลอก' ดังนี้


1. ไม่ต้องศึกษา ..ถ้าเป็นการลงทุนเราต้องศึกษาถึงจะคุมความเสี่ยง และลดความเสี่ยง ..ไอ้ที่บอกไม่ต้องศึกษา มันไม่น่าจะใช่การลงทุน


2. การันตีผลตอบแทน ...การลงทุนหรือทำธุรกิจมีขึ้นมีลง มี Cycle ..ถ้าบอกว่าได้ ต่อเนื่อง การันตี อันนี้ไม่น่าใช่


3. ไม่มีความเสี่ยง ...ถ้าเราคิดว่าอะไรไม่มีความเสี่ยง แปลว่า เรากำลังโคตรเสี่ยง ...ฝากเงินธนาคารถ้าธนาคารเจ๊ง เงินก็หาย ..นั่งเฉยๆ ไม่ลงทุน เจอเงินเฟ้อ มูลค่าเงินยังหายเลย ...ซื้อพันธบัตรรัฐบาล หลายๆ ประเทศที่เจริญแล้ว ยังเบี้ยวหนี้เลย 


สรุป ถ้าเราบอกว่า อะไรไม่เสี่ยง แปลว่า เราโคตรเสี่ยง !!


อย่างผมสอนหุ้น สอนลงทุน เริ่มจากการสอนเรื่องความเสี่ยง และการควบคุมความเสี่ยง ..พอคุมความเสี่ยงเป็น นั่นแหละ เราถึงจะพูดได้ว่า 'เราคือนักลงทุน'


ยุคนี้โดนหลอกกันเยอะ โดยเฉพาะคนที่เกษียณมีเงินก้อน และอีกพวกที่โดนหลอกเยอะคือคนอายุน้อย ..ยิ่งเป็น Target ของมิจฉาชีพ 


ฝากเตือนกันไว้ครับ


'สิ่งที่ลดความเสี่ยง คือ มีความรู้ในสิ่งที่ทำ มีความรู้ในสิ่งที่ลงทุน' - มีความรู้นี่แหละของจริง


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

หลักคิดแบบ inside-out ในแบบ Gen Y

 

'เมื่อ bedrooms เป็น boardrooms ..เมื่องานส่งอาจารย์ เอามาสร้างเป็น Start-ups ...เด็กอายุต่ำกว่า 21 ยุคนี้เลยเป็น CEO บริษัทได้'


คนยุค Millennials 'Gen Y' อายุ 18-35 ปี กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลง ทั้งใน ตลาดหุ้น และ โลกธุรกิจ


งานวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับ Gen Y พบว่า 


- Gen Y เกิดมาในยุคที่พ่อแม่ไม่ลำบาก เหมือน Gen ก่อนๆ ..จึงทำให้ Gen Y มีแนวโน้มที่จะกล้าคิดและกล้าทำอะไรที่เสี่ยงและนอกกรอบ ส่งผลให้ Gen Y จะกล้าสร้างธุรกิจเป็นผู้ประกอบการมากกว่า


- เมื่อพ่อแม่สบายขึ้น ภาระในการดูแแลคนอื่นลดลง ทำให้ Gen Y มีอิสระที่จะวิ่งตามฝันของตัวเองมากขึ้น


- Gen Y เกิดท่ามกลางเปลี่ยนแปลงของ Technology ครั้งใหญ่ ซึ่งมันเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจในหลายๆ อุตสาหกรรมอย่างสิ้นเชิง (ใครจับทางไม่ทัน อาจเจ๊งเลย ..ใครจับถูก ก็รวยเร็วเลย)


- Gen Y เกิดในช่วงเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม และ การทำงาน แต่ระบบการศึกษายังปรับตัวตามไม่ทัน ส่งผลให้ Gen Y กลายเป็น 'Gap Generation' ที่สับสนมากที่สุด ..ทำให้ Gen Y แต่งงานช้า มีลูกช้า ..อยู่กับพ่อแม่นานกว่า Generation อื่น เพราะ อยากเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลง


- 'การท่องเที่ยวที่เยอะของ Gen Y' เพราะต้องการเข้าใจ 'การเปลี่ยนแปลงของโลก' สิ่งนี้จะเพิ่มขึ้น และทำให้ การท่องเที่ยว การหาประสบการณ์ จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต Gen Y 


...ยุคของ Gen Y ประสบการณ์มีค่ายิ่งกว่าเงิน 


- Gen Y เกิดในโลกที่เจอกับวิกฤตเศรษฐกิจตลอดเวลา ทำให้คน Gen Y มองความสำเร็จที่สั้น ต้องการความเร็ว ..อันนี้เป็นทั้งจุดแข็ง และจุดอ่อนในเวลาเดียวกัน ทำให้คน Gen Y มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง แต่ขาดความอดทน ...เห็นจากตลาดหุ้นได้ว่า คน Gen Y เน้นการลงทุนระยะสั้น มากกว่าการลงทุนยาว


คำแนะนำของผมในฐานะ คนที่สัมผัสและทำงานท่ามกลางคน Gen Y คือ 


'ให้มองความยั่งยืน ให้อดทน ให้เน้นพัฒนาตัวเองจากข้างในออกข้างนอก (inside - out)


..ในขณะที่คนส่วนใหญ่ อยากโชว์ความสำเร็จเร็วๆ อยากโชว์รวย ให้เราเก็บความรวย และสั่งสมพอร์ตการลงทุนระยะยาว สั่งสมความรู้และความแน่นไม่ต้องโชว์ (อย่าสนคำวิจารณ์จากคนที่ไม่เข้าใจเรา)


..ค่อยๆ สร้างเพื่อน สร้างเครือข่าย ที่คิดและทำในเป้าหมายระยะยาวแบบยั่งยืนคล้ายๆเรา ร่วมเดินไปด้วยกัน


สุดท้ายผลลัพธ์จะพิสูจน์ให้เห็นเมื่อถึงเวลาของมัน'


ความสำเร็จ ไม่ใช่การพยายามโชว์ในสิ่งที่เราไม่มี ...แต่ความสำเร็จคือ การขยายสิ่งที่เรามี ให้เกิดประโยชน์ต่อคนรอบข้าง 


ไม่จำเป็นต้องโชว์ แต่ให้ผลลัพธ์ของสิ่งที่เราทำ การเปลี่ยนชีวิตคนรอบข้าง ให้มันค่อยๆ เล่าเรื่องความสำเร็จในแบบของเราเอง 


- 'ผมเรียกสิ่งนี้ว่า แรงบันดาลใจในสิ่งที่เราเลือกทำ'


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม




วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

ถ้าไม่ฝึกควบคุมเงิน เงินจะคุมเราแทน



'เงิน คืออะไร ทำไมทั้งหาและเก็บ มันยากเย็นแสนเข็ญ ?' ...หลายคนสงสัยว่า คนที่สามารถหาเงินและเก็บจนมีเงินเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน ...ทำได้อย่างไร 

หนึ่ง : 'เงินคือหนี้ ไม่ใช่สินทรัพย์' - เงินยุคนี้สร้างจากหนี้ ต่างกับเงินยุคก่อนที่สร้างจากสินทรัพย์ ...แต่ก่อนจะพิมพ์เงินต้องมีทองค้ำประกัน ใครเก็บเงินสมัยก่อนถึงรวย ..แต่พอเงินสร้างจากหนี้ คนยิ่งเก็บ ก็ยิ่งแพ้

ทองคำและสินทรัพย์ ไม่ได้งอกเพิ่ม ..แต่ 'หนี้' มันเพิ่มตลอด ..เมื่อหนี้เพิ่มมูลค่าของมันจึงลด 

ทางแก้คือ 'เอาเงินไปเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ แล้วถือแทน' ...สิ่งที่ผมพูดนี้ คนรวยทั้งโลกเข้าใจเหมือนกัน และก็ทำเหมือนกัน

สอง : 'มูลค่าสินทรัพย์ โตเร็วกว่ารายได้เสมอ' ..นี่เป็นคำตอบที่ว่า คนที่มีอาชีพลูกจ้าง แทบไม่มีโอกาสรวย(ยกเว้นจะพัฒนาความรู้ ให้ลูกจ้างเป็นนักลงทุนควบคู่ไป) ..แต่นักลงทุนกลับรวย เพราะเน้นไปที่การสร้างสินทรัพย์ ที่สุดท้ายมูลค่าโตกว่ารายได้ไปเรื่อยๆ 

สาม : 'เงินคือเครื่องมือที่คนส่วนน้อยใช้ควบคุมคนส่วนใหญ่' ...ถ้าไม่เรียนรู้วิธีควบคุมเงินแบบนักลงทุน เราจะถูกเงินควบคุมเราแทน

สี่ : 'เงินยิ่งใช้เป็นยิ่งเพิ่ม' ..เงินถ้าเก็บเฉยๆ มูลค่าจะลดไปเรื่อยๆ ...การใช้ให้เป็นคือ เอาเงินไปสร้างคุณค่าเพิ่ม ..เอาเงินไปต่อยอดงานและการลงทุน เงินจะยิ่งเพิ่มขึ้น

ห้า : 'คนรวยจะเลือกวางเงินทำงานให้ไกลตัวที่สุด' ...เงินถูกออกแบบใช้เราใช้ง่าย ดังนั้น ถ้าเราไม่วางในจุดที่ใช้ยาก มันจะหมดอย่างรวดเร็ว

นี่คือ 5 ข้อ ที่เป็นหลักคิด ของ 'การออมในหุ้น' - สร้างสินทรัพย์ให้ปันผลเลี้ยงเรา ให้รวยแบบอัตโนมัติ

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

คนรวยมองไกล คนทั่วไปมองสั้นๆ



'ทำไมคนรวย คิดเหมือนกัน ?' - ทำไม นักลงทุนชั้นนำ คิดเหมือนกัน / คนที่เป็นผู้นำ คิดคล้ายๆ กัน / ทำไม ? 

...คำถามนี้ชวนให้คิดว่า คนรวยทั่วโลก เขาแทบไม่ได้รู้จักกัน แต่ทำไมคนเหล่านี้ 'คิดเหมือนกัน' ...แน่นอน ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ !!

'ก็เพราะ ผลลัพธ์ของชีวิต มาจาก ความคิดของเรานั่นเอง' ...ถ้าพูดให้ชัดเข้าไปอีกก็คือ ถ้าเราอยากจะเป็นผู้นำ หรือ เก่งในเรื่องใด ให้เอาคนเก่งในเรื่องนั้นๆ มาแกะวิธีคิด

- มีคนถามผมว่า 'อะไรคือแรงบันดาลใจของผมในการเขียนหนังสือครั้งแรก' ...ตอบง่ายๆ เลย คือ ในเวลานั้น ผมอยากเป็นนักลงทุนที่เก่ง ก็เลยพยายามแกะวิธีคิดของ Warren Buffett โดย เริ่มจากค้นคว้า จากหนังสือหลายๆ เล่ม ที่เขียนเกี่ยวกับเขา

ค้นคว้าจาก Internet อ่านบทความจำนวนมากมาย เกี่ยวกับ Buffett ...แต่สิ่งที่ผมทำเพิ่มนอกจากแค่อ่านเฉยๆ คือ 'ผมพยายาม แกะความคิดเขา'

การแกะความคิด คือ 'การแปลความหมาย จากสิ่งที่เราเห็นจริง'

1. มองสิ่งที่เขาทำ มากกว่าสิ่งที่เขาพูด ...อย่าง Buffett เขาแทบไม่เคยตามกระแสหรือตามเทรนด์เลย จะพูดว่าเขา สวนกระแสก็น่าจะได้ ...ผมแปลว่า 'แก่นของการลงทุนของเขา จะทำตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ หรือ สวนกระแสหลักเสมอ' 

..คนทั่วไปตามเทรนด์ คนรวยทวนกระแส

2. ดูการใช้ชีวิต ...อย่าง Buffett เขาไม่ใช่ชีวิตหรูหราเลย ...ผมแปลว่า 'ความสนุกในชีวิตของเขาคือ เรื่องงาน ไม่ใช่การพักผ่อน(หรือเที่ยวใช้เงิน) เหมือนคนส่วนใหญ่' 

...คนสนุกกับการหาเงิน มันรวยอยู่แล้ว จริงไหม ?

3. ดูการบริหารเวลา ...อย่าง Buffett ไม่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่เฝ้าหน้าจอ ซื้อขาย แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านหนังสือ ...ผมแปลว่า 'การลงทุนยิ่งซื้อขาย ให้น้อย จะยิ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า' 

...คนทั่วไปมัวแต่มองผลลัพธ์สั้นๆ จนลืมเป้าหมายจริงๆ 

4. ดูการบริหารคน ...อย่าง Buffett เขาเป็นเจ้าของธุรกิจมากมาย แต่เขาไม่จับเรื่องการบริหารคนเลย (เรื่องคนปวดหัวที่สุด) เขาคุมแต่การบริหารเงิน ...ผมแปลว่า 'ผู้บริหารที่เก่ง เขาบริหารตัวเองและลูกน้อง รวมทั้งมองโอกาสธุรกิจได้ ..ดังนั้น คุมที่การจัดสรรเงินให้ดี ก็พอแล้ว' 

...เจ้าของคุมเงิน ผู้บริหารคุมคน !!

5. ดูการบริหารเงิน ...อย่าง Buffett เขาแทบไม่สนใจผลตอบแทนระยะสั้นเลย ซึ่งต่างกับคน 90% ที่สนใจหุ้นแค่ผลตอบแทนระยะสั้น ...ผมแปลว่า 'สิ่งที่ Buffett สนใจไม่ใช่การเก็งกำไร แต่เป็นการมองหาที่ให้เงินทำงาน และหลักๆ เขาก็ Focus มุ่งวางเงินให้ทำงานเป็นหลัก จนเชี่ยวชาญที่สุดในสิ่งที่เขาถนัด' 

..คนทั่วไปวุ่นแต่หาเงิน คนรวยหาไปด้วย วางให้เงินทำงานด้วย

ข้อต่อไป ลองช่วยกันแกะต่อซิครับ ...เชื่อไหม คนรวยคิดไม่ต่างกัน - ปรับวิธีคิด เดี๋ยวชีวิตก็ดีเอง !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม









วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

5 ปรับ ยุคเราต้องสร้างงานเอง



ถ้าโลกเปลี่ยนจาก 'เราต้องหางานทำ' มาเป็น 'เราต้องสร้างงานเอง' คุณจะปรับตัวกันอย่างไร ?

- ถ้ายุค 'หางาน' คือ สร้าง Profile ตัวเองให้ดี ..เพื่อจะได้สมัครงานบริษัทที่มั่นคง ..แต่ยุคนี้แม้แต่งาน ราชการ ยังไม่มั่นคงเลย ..สรุปได้เลยว่า ยุค 'หางานทำ' มันจบลงแล้ว ...ไม่มันไม่ได้หายไป เพียงแต่ใครคิดในมุมนี้จะเหนื่อยมากขึ้น และตกยุคไปเรื่อยๆ 

- อันนี้รวมถึงใครมีลูกแล้วยังสอนให้เขา 'หางานทำ' ชีวิตเขาจะ กดดัน งุนงง ..เหมือนคน Gen X (อย่างพวกผมนี่แหละ) ...พ่อแม่สอนผมว่า ให้หางานมั่นคง เหมือนพ่อแม่ส่วนใหญ่ ...แต่วันนี้ผมยิ่งทำงาน ยิ่งมองไม่เห็นว่า งานอะไรมั่นคง ...วันนี้ Gen X ส่วนใหญ่เริ่มเครียด และไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก และ การทำงานยุคต่อไป

- วันนี้ต้องสอนให้ลูก 'สร้างงานเอง' ...เด็กสมัยนี้ต้องปลูกฝังให้เขาคิดเรื่อง สร้างงานเอง ดังนี้

1. อย่ายึดติดใบปริญญา (ต้องเรียนนะ เป็นพื้นฐาน) แต่อย่ายึดติด เพราะ การสร้างงานเอง เราเอาลูกค้าเป็นที่ตั้ง - 'ลูกค้าจะถามว่า คุณแก้ปัญหาและสร้างประโยชน์อะไรให้ฉันได้บ้าง ..ลูกค้าไม่ได้สนใจว่าเราจบอะไรมา (ไม่สน)'

2. 'ลูกค้าสนว่าเราชำนาญเรื่องไหน' ..ยิ่งเราทำงานเร็ว ฝึกทำจริงๆ ไม่ใช่แต่เรียนจากตำรา ยิ่งน่าเชื่อถือ ยิ่งได้งาน

3. 'เก่งสักเรื่องให้สุดๆ' ...อย่าเก่งทุกเรื่อง (ถึงคุณเก่งทุกเรื่อง ก็อย่าโชว์ เพราะมันทำให้ คุณดูจับฉ่าย) - เก่งเรื่องเดียว

4. 'มุ่งสร้างผลงาน และพัฒนาตัวเอง' ...วันนี้ไม่ต้องตกแต่ง Resume แต่ให้มุ่งสร้างผลงาน สร้างประสบการณ์และ พัฒนาความรู้ตัวเอง ...นี่คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ

5. 'ดูแลตัวเอง' ...ความมั่นคงในชีวิตคือการสร้างพอร์ตลงทุนระยะยาวที่เลี้ยงเรา ...ใช่!! ออมในหุ้น แบบถูกวิธี รีบทำเลย

ทั้ง 5 ข้อนี้ จะช่วยให้เรารับมือ กับโลกยุคใหม่ ...เปลี่ยนแปลงหนักแค่ไหน เราก็ยังโอเค !!!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560

ให้เริ่มลงทะเบียน The Stock Blueprint 2017



เริ่มเปิดให้สมัครครับ คอร์สสดปีละครั้ง The Stock Blueprint 2017 !!

คอร์สนี้เป็นคอร์สประจำปี ที่ร่วมกันสอนโดย ผม และ คุณ หยง : จะเรียกว่า 'คอร์สจัดเต็ม สอนครบเครื่อง ทั้งลงทุนสั้น โดยคุณหยง และ สอนลงทุนยาวโดย ผม' ..เครื่องมือใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา นอกจาก อ่านพื้นฐาน , กราฟเทคนิคเข้มข้นจากคุณหยง , เรื่องรอบราคา , การเทรดแบบวางพอร์ต จำกัดความเสี่ยง ..ยังมี BP Zone การวัดเป้าราคาเป้าหมาย ซึ่งนำมาช่วย การเข้าออกให้แม่นยำขึ้นในตลาดผันผวนในปัจจุบัน

- คอร์สนี้จัดปีละครั้ง อันนี้เป็นรอบ 'สอนสด' ถามตอบได้อย่างละเอียด ทุกข้อสงสัยแบบลึก ทั้งลงทุนสั้นและยาว (แล้วก็มีการบันทึกเทป ให้กลับไปดูทบทวนได้ อีก 1 ปีเต็มๆ) 

- เรียน 5 วันเต็ม ในวันที่ 11 ,12 ,18 ,19 และ 25 มีนาคม : เรียนที่ รร. S31 (สุขุมวิท 31) มีอาหารเที่ยงและขนมเบรค 2 ครั้ง ทุกวันที่เรียน

- ค่าเรียน 32,500 บาท (ค่าเรียนอันนี้คุณได้เรียนทั้งรอบสัมมนาสด 5 วันเต็ม และได้สิทธิในการดูออนไลน์อีกตลอด 1 ปีเต็ม 'เรียนซ้ำ กี่ครั้งก็ได้' พร้อมเข้าสัมมนาใหญ่ 'ฟรี' ที่นั่ง VIP พร้อม รอบออนไลน์)

- 'มือใหม่เลย จะเรียนได้ไหม' ..เรียนได้ครับ เพราะ เราแถมสัมมนาพิเศษ มือใหม่มาก มูลค่า 3,500 บาท 'ฟรี!!' ให้ทุกคนเข้าเรียนปูพื้นฐานในเดือนกุมภาพันธ์ (อันนี้เป็นการเรียนออนไลน์ บน Facebook Close Group เรียนวันละไม่เกิน 20 นาที ปูพื้นฐานก่อน)

- ส่วนคนที่เรียนคอร์สมือใหม่มาก มาแล้ว ไม่ต้องปูพื้นซ้ำ เราให้เป็นส่วนลดในคอร์สไปครับ (แจ้งทีมงานได้เลย)

ใครสนใจสมัคร ดูรายละเอียดเต็มๆ ของหลักสูตร แล้วสมัครได้ที่นี่ครับ 

(คุยกับทีมงาน โทรได้ที่เบอร์ 063-191-0816)

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

คนเราต้อง 'หางาน' หรือคนเราต้อง 'สร้างงาน'



'คนเราต้อง หางานทำ' ..กับ 'คนเราต้อง สร้างงานทำ' คุณคิดแบบไหน ?

ถ้าเอาตาม Generation ..คน ที่คิดว่า 'คนเราต้อง หางานทำ' คุณคือ Gen X ..เราถูกสอน ให้เรียนดีๆ เก่งๆ เพื่อสุดท้ายพอเรียนจบ เราจะได้งานดีๆ ..มีงานมั่นคง เงินเดือนสูงทำ 

ปัญหาคือ ทุกคนไม่ได้เรียนเก่งนี่น่า ...แล้วถ้าเรียนไม่เก่ง มันแปลว่า อนาคตฉันจะไม่ดี มันแค่นั้นเลยหรือ โคตรแย่ เหมือนชีวิต มีเส้นทางนี้เท่านั้นหรือ ที่จะประสบความสำเร็จ ?

ถ้าคุณคิดว่า 'คนเราต้อง สร้างงานทำ' คุณคือ Gen Y หรือ คุณคือ Baby Boomer รุ่นเก๋าสุด ...

ใช่!! Baby Boomer รุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ..มันเริ่มต้นใหม่ ..เสื้อผืน หมอนใบ ..ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ ...นั้นแหละ StartUp รุ่นเก๋า ...สมัยนั้นไม่มี Venture Capital ...มีแต่ 'โต๊ะแชร์' ...นั่นแหละ ที่เขาช่วยกัน Funding Business ..คนรุ่นนั้น คือ ผู้ประกอบการโดยสายเลือด ...ทุกอย่างต้องสร้างจากสองมือ

Baby Boomer รุ่นนั้น หลายๆ กลายเป็น 'เจ้าสัว' เป็นผู้สร้างตระกูล ...คุณคือ ลอดลายมังกร ...คุณรักแผ่นดินนี้ คุณกตัญญู คุณรู้ว่าแผ่นดินให้คุณทุกอย่าง ทั้งอำนาจ ทั้งความมั่งคั่ง 

คนเหล่านี้เขาทำงานหนัก ทุกอย่างที่เขามีได้มาด้วยสมองและสองมือ ของเขาจริงๆ ...คุณต้องเข้าหาด้วย Respect ...ทุกอย่างต้องมองความยั่งยืน อย่ามาฉาบฉวย ..พวกรวยเร็ว มันของปลอม ..กลวง ไม่แน่น 

เอาล่ะ วันนี้รุ่นหลาน (ไม่ใช่รุ่นพ่อแม่นะ) รุ่นหลาน กำลังได้ Gene ผู้ประกอบการจากรุ่นปู่ Baby Boomer ..เขากำลังทำสิ่งที่รุ่นปู่เคยทำ ...วันนี้เขาอยากสร้างธุรกิจด้วยตัวของเขาเอง แต่ปัญหาคือ มันมีธุรกิจเดิมอยู่ 

ทางเดียว คือ Disrupt ไง ...'ทำทุกอย่างที่ธุรกิจเดิมไม่ทำ' ...เฮ้ย !! มันคิดอะไร ของมัน

อ้าว!! มันไม่ Make Sense หรือ ?

คิดดีๆ คนรุ่น Gen Y เขาก็มีเหตุผลของเขานะ ...ที่แน่ๆ Gen Y ไม่ทำเหมือนพ่อเขาแน่นอน ..เขาเรียนรู้ สิ่งที่ผิดพลาดโดยตรงจากพ่อแม่ของเขา ...สมมุติพ่อแม่ เขาเป็นผู้บริหาร เขาก็จะทำทุกอย่างให้เขาไม่เป็นอย่างที่พ่อแม่เขาเป็น 

(การเรียนแบบไหน เหมาะกับยุครู้ไหม ...ปู่สอนหลาน ..เราก็สอน ลูกของลูกเรา ...คิดดีๆ ซิ นั่นแหละ สุดยอดคำแนะนำ ของ สุดยอดเลย ..เพราะความสำเร็จของคนแต่ละ Gen ไม่ใช่การทำเหมือนคน Gen เดียวกัน - เรื่องนี้ตลก แต่มันจริง ...ถ้าคุณและทำเหมือนคนรุ่นเดียวกัน คุณก็จะมีผลลัพธ์แบบคนรุ่นเดียวกัน 'คนธรรมดา')

- ความพิเศษ คือ 'การคิดแตกต่างจาก Generation' ...อันนี้ ซับซ้อน ผมได้คุยกับ ผู้นำของแต่ละ Gen ต้องยอมรับเลยว่า คนเหล่านี้ 'ล้ำ' โคตรๆ ...เขาทั้งคิดและทำ แตกต่างแบบสุดขั้ว ...แต่ขอค้างประเด็นนี้ไว้ จะค่อยๆ เล่าให้ฟังทีหลัง (รับรองว่า Surprise และ สนุก!!)

- รุ่นนี้ Gen Y เขาไม่ชอบ กู้ธนาคาร แต่เขาคิดแบบรุ่นปู่ คือ 'โต๊ะแชร์' เพียงแต่โต๊ะแชร์ยุคนี้มันคือ Venture Capital หรือ Crowdfunding นั่นเอง

- ไม่!! โลกนี้ไม่ได้มีอะไรใหม่ ...คนที่สำเร็จ ยังคงต้องทำงานหนัก และ มองไกล Vision ยาว เหมือนทุกยุคที่ผ่านมา

- ความยาก มันอยู่ที่เรามักหลง กับ สภาพแวดล้อม ..หลงอยู่กับเปลือก จนลืมว่า แก่นของความสำเร็จมันอยู่ตรงไหน 

กลับมาเรื่องการ 'สร้างงาน'

- การหางาน ใครๆ ก็เข้าใจ ..ก็ไป สมัครงาน หางานทำ ..พัฒนาตัวเองก็เรียน ปริญญาอีกใบซิ ...นั่นแหละหางาน ..ทำ Resume เขียนประสบการณ์ให้ดี ...เกมนี้ คุณต้องทำตัวให้ 'น่าเลือก' เพราะเราต้องนำเสนอตัวเองให้นายจ้างเลือก

- 'การสร้างงาน' คือ อะไร ..ลองถาม Gen Y ซิ ...ช่วงหลังผมเดินสายคุยตามสถาบันการศึกษา และคนรุ่นใหม่ ..เขาทำให้ผมประหลาดใจได้เสมอ ...เขาเริ่มหาเงินกันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ...คนรุ่นใหม่ เริ่มเข้าใจว่า โลกออนไลน์ และธุรกิจยุคใหม่ ...เขาไม่ได้สนว่า คุณจบอะไรมา ...บางที ไม่ได้แคร์เลยว่า คนที่เขาติดต่ออยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นใคร อยู่ที่ไหน ...จะเป็น หมา แมว เขาก็ไม่สน ...สิ่งที่สนมีอย่างเดียวคือ

คุณสามารถ แก้ปัญหา และ สร้างประโยชน์ ให้ผู้คนได้มากแค่ไหน ?

นี่แหละ นิยามใหม่ของการทำงาน ...ทำที่ไหนก็ได้ ...ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ...จะไปทำที่ทะเล ..ทำในป่า หรือนั่งในร้านกาแฟ 

- สิ่งที่ผู้บริโภค ต้องการคือ 'คุณตอบความต้องการเขาได้ดีแค่ไหน ...ฉันต้องการสิ่งนี้ และ ต้องการเดี๋ยวนี้' 

โลกเปลี่ยนไปเร็วจริงๆ ...วันหลังเรามาคุยกันดีกว่า ยุคสร้างงานเอง (สร้างเงินเอง) เราต้องมี ทักษะอะไร

'ต้องเก่งอะไร' 

ไหนช่วยกันคิดซิครับว่า ยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น Gen ไหน ...คุณต้องเก่งอะไร ?

'สร้างงานด้วยตัวเอง ...สร้างเงินในแบบของตัวเอง ...รับผิดชอบชีวิตในแบบของตัวเอง!!'

คำว่า 'รวย' โคตรล้าสมัยไปแล้ว ...ยุคนี้ 'คนที่รับผิดชอบ ดูแลตัวเองได้ในแบบของตัวเอง โคตรเท่ห์ครับ'

 ...ยิ่งคนๆ นั้นทำสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น ยิ่งเท่ห์ระเบิด !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


'เก็บเงินเที่ยว' กับ 'ทำไปเที่ยวไป' คุณคือ Gen ไหน

 

'เก็บเงิน แล้วไปเที่ยว' กับ 'เที่ยวไป ทำงานไป' คุณเลือกแบบไหน ?

ถ้าคุณเก็บเงิน แล้วไปเที่ยว คุณน่าจะเป็น Gen X 

แต่ถ้าคุณ 'เที่ยวไป ทำงานไป' คุณน่าจะเป็น Gen Y 

...แต่ถ้าใครทำงานเก็บแต่เงิน แล้วมองว่าการท่องเที่ยว ..เที่ยวทำไม สิ้นเปลือง เงินเหลือนักเหรอ ..นั่นคุณ อาจจะเป็น Baby Boomer 

Baby Boomer 'กลุ่มประชากรที่รวยที่สุดในโลก ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำงานหนัก รักอาชีพ รักองค์กร ..หน้าที่ ความรับผิดชอบ สังคม ประเทศ' ...ไม่ คุณยังไม่แก่ วันนี้อายุ 60 ยังไม่แก่เลย โดยเฉพาะคนไทย 

คุณแข็งแรง และมีเงินเยอะ ...วันนี้คุณเริ่มมีเวลามากขึ้น แต่คุณก็ยังคงหงุดหงิด Gen X ผู้เป็น คนสานต่องานของคุณที่ไม่ได้ดั่งใจคุณเอาเสียเลย

ขัดนุ่น ขัดนี่ ..คิดอะไร เสี่ยงไปป่าว ..อย่างนี้จะให้เชื่อมือได้อย่างไร ?

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา โลกเราเจอ Technology Disrupt ถล่ม Legacy ของหลายๆ อุตสาหกรรม ตั้งแต่ อุตสาหกรรมเพลง , สื่อ , มือถือ , โฆษณา , หนังสือ , นิตยสาร , สิ่งพิมพ์ , รถยนต์ , พลังงาน , การศึกษา , ...ล่าสุด การเงิน (Fintech) - คุณพอจะเดาได้ไหมว่า อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ?

- เอาล่ะ ที่เล่ามาเพราะ ช่วงที่ผ่านมา ผมพยายามคุยกับ คนที่ผมคิดว่าเขาเป็นผู้นำในแต่ละ Generation ..พบว่า จริงๆ มันมีโอกาสเกิดขึ้นสำหรับทุก Generation

- ยกตัวอย่าง วันนี้ Gen X หลายๆ คนอายุ ขึ้นเลขสี่แล้ว แต่กำลังพบการเปลี่ยนแปลง ในงานที่ตัวเองคิดว่ามั่นคง องค์กรที่คิดว่าเขาฝากอนาคตได้ ...วันดีคืนดี เริ่ม Lay Off คน ..ลดตำแหน่ง ..เงินหาย ..กดดันต่างๆ นานา - 'ถามจริงๆ คุณมองสิ่งนี้เป็น วิกฤต หรือ โอกาส'

- ถามได้ ส่วนใหญ่ก็ต้องมองเป็นวิกฤตซิ ...แต่เชื่อไหมว่า Gen X บางคนมองเป็นโอกาส ...บางคนเริ่มเจอตัวเองจริงๆ ว่า ชีวิตเขาต้องการทำอะไร

- แล้วคุณล่ะ มองเป็น วิกฤต หรือ โอกาส ?

สงสัยไหมว่า คนที่อายุ 35 ปีลงมา หรือ Gen Y ..เขาจะมีอนาคตเป็นอย่างไร ? ..งานเขาจะรุ่งไหม ? ..เขาจะรวยกันเมื่อไหร่ ? 

ไม่สงสัย !! เพราะ แค่ตัวเราเองยัง งง 

เอาเป็นว่า ผมเกริ่นประเด็นเหล่านี้ขึ้นมา ให้ช่วยคิดกัน เพราะผมกำลังทำ Project ที่เจาะลึกของ ปัญหาและโอกาส ของแต่ละ Generation

ยุคนี้ เราจะมอง 'โอกาส และ วิกฤต' แบบเหมารวมไม่ได้ เพราะแต่ละ Generation มีโจทย์ความท้าทายที่ต่างกัน

แล้วผมจะทยอย เล่าให้ฟังในสิ่งที่ผมเจอ

แต่ก่อนอื่นขอถามหน่อยว่า เพื่อนๆ ในเพจนี้ คุณคือ Gen ไหนกันบ้าง

Baby Boomer / Gen X / Gen Y หรือ Gen Z ..คุณคิดว่าคุณเป็น Gen ไหนกันบ้างครับ ?

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

จาก 'หางาน' สู่การ 'สร้างงาน' ยุคนี้ดูแลตัวเองนะ

 

'Gen X กับ Gen Y มองเรื่อง งาน กับ ชีวิต คนละมุมเลย' ...คน Gen X มีพ่อแม่ที่เข้มงวด 'นี่พ่อนะ อย่าเถียง!!' ..พวกเขาถูกพ่อแม่สอนมาว่า ให้เรียนเก่งๆ เรียนสูงๆ แล้ว 'หางาน' 


ใช่!! ที่ผ่านมาคน Gen X ก็ทำได้ค่อนข้างดี วันนี้หลายๆ คนมีตำแหน่งบริหาร มีหน้าที่การงานใหญ่โตในองค์กรใหญ่ ..ส่วนพวกที่รับช่วงต่อกิจการพ่อแม่ อันนี้คนอื่นอาจจะอิจฉาเขา แต่ลึกๆ กลุ่มนี้มีเงินนะ แต่โคตรเครียดเลย 


...มันมีทางเลือกซะที่ไหนล่ะ ต้องรับช่วงธุรกิจครอบครัว ทั้งๆ ที่ไม่ได้มี Passion อะไร ...ก็ Legacy แต่ละคน มันไม่ได้เหมือนกัน ..ยิ่งพ่อลูกนี่ แทบฝันธงได้เลยว่า สิ่งที่ชอบแทบจะตรงข้ามกัน แต่พอทำงานต้องใส่รองเท้าต่อจากพ่อ ...ไม่ง่ายเลย ...ลูกน้องพ่อ ก็มองเราอ่อน ..จะคิดจะทำอะไร โดนขัดไปหมด ...ทำมาจน หมดไฟ เหนื่อย - รู้นะ ว่าจะทำไงให้ธุรกิจดีขึ้น แต่มันเปลี่ยนไม่ได้ ผู้ใหญ่เขาไม่เอาด้วย !!


'เห็นไหมล่ะ สิ่งที่ Gen X บอกให้เปลี่ยน แล้วไม่ยอม ..วันนี้ไงล่ะ ..ธุรกิจมันเริ่มเปลี่ยน เงินมันเริ่มลดลง ..บ่อน้ำที่ตักเท่าไหร่ก็ไม่หมด วันนี้มันแทบไม่มีน้ำแล้ว ...เห็นหรือยังล่ะ - แล้วทีนี้จะเอาไงต่อครับพ่อ?'


- ชีวิตของ Gen X ผูกกับ องค์กร และ ธุรกิจ อย่างเหนียวแน่น ...เรียนสูง ..เข้าใจโลกเข้าใจการเปลี่ยนแปลง ...เข้าใจผู้ใหญ่ด้วย ...อยากกบฏนะ ก็ฉันมีความคิดตัวเอง มีความอินดี้ ...แต่ที่ Gen X มีมากที่สุดคือ มีความอึดอัด


- เข้าใจผู้ใหญ่ ..รู้วิธีเปลี่ยนแปลง ...แต่ไม่มีอำนาจ ...มองลงไปที่ Gen Y อยากจะตบกระโหลกมัน ...อะไรของพวกมรึง ...ทำงานไป เที่ยวไป ...เปลี่ยนงานกันเป็นว่าเล่น ...ไม่เข้าใจ !!



Gen Y เขาไม่ได้มองเรื่องงานเหมือน Gen X เขาไม่มองว่าคนเราต้อง 'หางาน' เหมือน Gen X 


แต่เขามองงานคือการ 'สร้างงาน' ..เป็นลูกจ้างได้นะ แต่เป็นเพื่อเรียนรู้ ท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้ แต่สุดท้าย 'ฉันเท่านั้น ที่จะต้องนับผิดชอบชีวิตของฉันเอง ...ฉันไม่เชื่อหรอกว่า บริษัทจะดูแลฉันได้ ..ตลก!! หลายๆ บริษัทขนาดใหญ่ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย จะให้ฉันผูกชีวิตฉันให้บริษัท เหมือน Baby Boomer หรือ Gen X น่ะเหรอ ..ฉันไม่เอาด้วย ...ฉันต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ..ฉันต้องพัฒนาตัวเอง'


หลายคนไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว Gen Y ที่ดูเหมือนทำงานไป เที่ยวไป ไม่รู้จักวางแผนในชีวิต ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ...ที่ว่ามานั้น เป็นความคิดของ Gen อื่น ..คุณไม่ได้เข้าใจ Gen Y


- Gen Y จริงๆ ทำงานโคตรหนัก ..การมี Smart Phone ทำให้ไปเที่ยว กรูยังคิดจัดการเรื่องงาน ..คิดตลอด วางแผนตลอด มองหาโอกาสตลอด


- Gen Y วางแผนชีวิตตัวเองตลอด ...เขาแค่ไม่ได้วางแผนให้บริษัท แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาไม่ได้วางแผนให้ตัวเอง


- Gen Y เข้าตลาดหุ้นส่วนนึง อยากได้เงินเร็ว แต่คนที่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นจนเข้าใจแล้ว มักจะเริ่มลงทุนระยะยาว เพราะ เขารู้ดีว่า การลงทุนคือความมั่นคงจริงๆ ในชีวิต


- Gen Y เป็น Generation ที่ชอบ Self-Startup 


- วันนี้ Gen Y ยังมีเงินเก็บน้อย แต่เขาก็กำลังสู้ มองโอกาสให้ตัวเอง


- Gen X ก็พยายามรักษา องค์กรที่ตัวเองรัก ..พร้อมกับ ที่หลายๆ องค์กรเริ่มหักหลังเขา ...เอาไงต่อวะ ?


เกมนี้ยังไม่จบ มันแค่เริ่ม


ในฐานะที่ผมเป็น Gen X หัวใจ Y ผมขอแนะนำเพื่อนๆ ว่า ...ยุคนี้เราต้องดูแลตัวเอง แม้วันนี้ผมเอง ยังต้องทำงานหาเงิน แต่พอร์ตการลงทุนผมก็ค่อยๆ เติบโต สร้าง 'เงินทำงาน' พร้อมๆ กับ ยังทำงานเพื่อเงินไปพร้อมๆ กัน


อย่าประมาทนะครับ โลกเปลี่ยน และ ครั้งนี้โจทย์ ไม่ง่ายนะ 


อ่านแล้ว แต่ละ Gen คุณคิดอย่างไร กันบ้าง ...คุณวางแผนตัวเองยังไง ...ถ้าคุณมีลูก คุณจะสอนให้เขาทำอย่างไร ?


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560

ทำไมตลาดหุ้นขึ้นไม่รอใครเลย

 

หลายคนสงสัยว่าทำไมปีนี้หุ้นขึ้นตั้งแต่ต้นปี ไม่รีรอใครเลย ?


..ก็ถ้าคนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ซื้อ มันก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ ...


แล้วเมื่อไหร่ตลาดจะย่อหนักๆ ล่ะ ?


...ก็เมื่อคนส่วนใหญ่กระโดดตามเข้าไป แบบกลัวตกรถ มันก็จะย่อจนน้ำตาไหล


อ้าว!! แล้วทำไมตลาดหุ้นมันถึงกวน.. .น  ขนาดนั้นล่ะ ?


...มันไม่ได้กวน แค่คนส่วนใหญ่ไม่ได้พยายามรู้จักมันก็เท่านั้นเอง


- 'เมื่อคุณรู้จักตลาดหุ้นจริงๆ เขาเป็นมิตรกว่าที่คุณคาดคิดเยอะ'


...เขาทำให้คนธรรมดา เป็นเจ้าของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศได้ เริ่มจากเงินน้อยนิด


...เขาทำให้คนธรรมดา สามารถเกษียณเร็วแล้วมีเงินใช้ตลอดจากเงินปันผลได้


...เขาทำให้คนธรรมดา รวยโดยไม่ต้องเป็นหนี้ธนาคาร


...แต่เขาแค่ไม่เป็นมิตรกับคนที่หวังจะรวยเร็ว เอาง่าย ไม่อดทน แค่นั้นแหละ


- 'เลือกเอาว่าจะผูกมิตรกับตลาดหุ้นแบบไหน' 


ศึกษา สั่งสม อดทน 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


'เปลี่ยนจุดแข็ง เป็นจุดขาย' สร้างเครื่องผลิตเงินทางความคิด

 

'รวยได้ในวันเดียว เขาวางแผนกันยังไง' ..ต้องถาม Alibaba ..เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของ ความคิดล้วน ๆ (Idea นำ)


ปีที่ผ่าน อาลีบาบาขายของออนไลน์ในวันเดียวได้ 6 แสนล้านบาท ..ในวัน 'คนโสด' ..ที่เด็ดกว่านั้นคือ วันคนโสดนี่เริ่มจากจีนนี่เลย โดย แจ็ค หม่า เอามาเชื่อมกับ เทศกาลลดราคาออนไลน์ครั้งใหญ่ที่สุดในจีน ทำให้สามารถขายของได้แบบมหาศาลขนาดนี้


พูดเรื่องนี้ ผมนึกถึง คนญี่ปุ่น ที่ชอบจัดเทศกาลแปลกๆ ขึ้นมา ..แต่ก่อนผมก็ไม่ได้คิดอะไร ..พอเดี๋ยวนี้มาศึกษาวิธีคิด มันน่าทึ่งมาก เพราะเบื้องหลังเทศกาลต่างๆ มันเกิดจาก พ่อค้าหัวใส ที่หาเรื่องให้คนใช้เงิน - ซึ่งมัน Work สุดๆ ในการทำธุรกิจ


เพราะ คนอยากได้ข้ออ้างในการใช้เงิน (เราอยากได้ข้ออ้างที่ใช้เงินแล้วไม่รู้สึกผิด)


ดังนั้น การคิด วันพิเศษ อย่างวันคนโสด แล้วมาผูกกับการ Shopping แก้เครียด นี่มันสุดยอดไอเดียหาเงินจริงๆ 


ที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะอยากจะบอกว่า เราสามารถเอาวันคนโสดนี่เป็นแบบในการทำธุรกิจของเราได้ 


อย่างในประเทศไทยเรามีเทศกาลแปลกๆ เยอะมาก เพียงแต่ คนไม่ได้รู้จักกว้างขวาง ...นั่นก็เพราะ สมัยก่อนไม่มี Social Media ไง ทำอะไรมันก็ขยายยาก แต่ยุคนี้ต่างกัน เราสามารถใช้ Social Media ในการขยาย แล้วสร้างวันพิเศษขึ้นได้


ผมว่าได้ประโยชน์ ทั้ง ลูกค้า และ พ่อค้า เลย


ลองเอาวิธีคิดนี้ไปต่อยอดกับสิ่งที่เราทำน่าจะครับ


หลักๆ คือ 


1. 'หา Theme ที่น่าสนใจ' ..อย่างผมทำงานเกี่ยวกับการลงทุน ถ้าผมจะทำ อาจจะสร้างวัน 'แมงเม่าแห่งชาติ' (สำหรับเยียวยา คนติดดอยหุ้น อะไรก็ว่าไป ตามจินตนาการเลย)


2. 'กิจกรรมต้องสุด' ..อย่าง อาลีบาบา นั่นลดจริงๆ ลดสุดขีด ถึงขายของได้วันเดียว 6 แสนล้าน เพราะ มันลดจริงๆ ...อย่างวันเม่าแห่งชาติ เราจะมาพบกับคนที่มีชะตาเดียวกัน ..ซึ่งวันนั้นอาจมีกิจกรรม หุ้นเน่าแลกส่วนลดคอนโด แล้วแต่คิดเลย


3. 'ความอิน' ..การทำกิจกรรมใดก็ตาม จะสำเร็จได้ คนต้องมีใจร่วม คือ 'อิน' ว่างั้นเถอะ 


ยกตัวอย่าง

- วันเม่าแห่งชาติ

- วันพม่าแห่งประเทศไทย

- วันเที่ยวทั่วไทย (ทุกโรงแรม/สายการบิน/รถ ในไทย มาร่วมขายห้องราคาพิเศษ แทบแจกฟรี)

- วันคนเดิน (ห้ามใช้รถยนต์หนึ่งวัน ส่งเสริมให้ตระหนักสิ่งแวดล้อม - สุขภาพ และ รถไฟฟ้า)

- วัน..


ใครมีไอเดียดีเสนอหน่อย ..ส่วนใครทำได้ เตรียมการเลย ..จัดไป


ธุรกิจมันเริ่มที่ไอเดีย ...ทำไมเราต้องทำธุรกิจตามคนอื่น ...ทำไมพอเขาทำอุตสาหกรรมเราต้องทำอุตสาหกรรม ..ประเทศเราเหมาะกับประเทศอุตสาหกรรมตรงไหน ?


ผมว่าคนไทย เหมาะกับ ความ Creative ...ความติสแตก ...รอยยิ้ม ..บริการดี ...ดราม่าเยอะๆ 


ศูนย์กลาง ดราม่า และ Creative แห่ง เอเชีย 


...อาหารสุดยอดของโลก 


...ละครและโฆษณาซึ้งและกินใจที่สุดในโลก


 ...การท่องเที่ยวและเทศกาล เอาให้สุด


ถามต่างชาติที่มาไทย ใครๆ ก็อยากอยู่ที่นี่ 


'ใครๆ ก็เห็นจุดแข็งของประเทศไทย - สร้างสรรค์ สบายๆ น่าอยู่ ชิว ..มีแต่เราเองไม่ได้พัฒนาจุดแข็งให้เป็นจุดขายก็เท่านั้นเอง'


อย่าเป็นเลยประเทศโรงงานนรกของโลก ...เป็นประเทศสร้างสรรค์และนวัตกรรมการท่องเที่ยว(บ้านที่สองของคนทั้งโลก) ล้ำความคิด นำการศึกษา และศูนย์กลางธุรกิจการบริการของโลกจะเหมาะกว่า


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2560

อยากเหนือเงิน อย่าเอาแต่บ่น ลงมือทำซิ

 

อยากเหนือเงิน อย่าเอาแต่บ่น ลงมือทำซิ !!

เกลียดเงินไหม ? ..เกลียด !! 


แต่ไม่มีได้ไหม ? ..ไม่ได้ ซวยดิ !! 


หลายคนคิดว่า ฉันไม่ใช้เงินก็ได้ ไปอยู่ต่างจังหวัด ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ กินเอง ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวโลกภายนอก ...ก็ดีนะ ถ้าทำได้ - แต่เอาเข้าจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้นซิ ...พอป่วยทำไงล่ะ ...เอาไก่หลังบ้าน ไปแลกกับค่ารักษาเหรอ ?


ลูกหลานทำไงล่ะ ...? ...ไม่มีเงินให้ลูกนะ ไม่ต้องเรียนหนังสือหรอก ..หาความรู้ในทุ่งหญ้านี่แหละ 


...เรียนพิเศษ ไม่ต้องไปเรียนหรอก ลูกได้สมองของฉัน สอบจุฬาติดแน่นอน ...เอางั้นเลยหรือ ?


...โคตรเครียดเลย ระบบ ทุนนิยม ...ก็เพราะมัน หมุนโดยใช้เงินเป็นที่ตั้ง 


..ทางเดียวที่จะชนะ ในระบบนี้ คือ 'มีความรู้ เรื่องการลงทุน'


...การลงทุนคือ 'ความรู้ที่พวกคนรวย เขาใช้เพื่อรักษาเงินของเขาให้เพิ่มขึ้น โดยจัดสรรแล้ววางให้มันทำงาน'


...อยากชนะเงิน - 'ต้องเหนือเงิน'


เหนือเงินไม่ใช่หนีเงิน แต่คือ 'การเป็นนายเงิน' (ใช้เงินให้มันทำงานให้ ...วางเงินให้มันโตเลี้ยงเราแทน)


- เริ่มจาก 'เป็นลูกน้องเงินก่อน' เรียนจบทำงาน แลกเงิน อันนี้ลูกน้องเงิน


- พอเก็บเงินได้ ให้เริ่มศึกษา การลงทุน


- จากนั้น พอเราเริ่มวางเงินทำงาน 'วันนั้นถึงจะพูดได้เต็มปากว่า เราเหนือเงิน'


การชนะเงิน คือ เรียนรู้การเป็น 'นักลงทุน' ครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

เงินเฟ้อรุนแรงช็อคแพร็บ

 

เจอข้อมูลที่น่าสนใจจาก Bloomberg BW เลยเอามาแชร์ให้ดูกันเรื่อง Hyperinflation 


เรื่องนี้ก็คือ ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง บางครั้งแรงจนเงินลดมูลค่ากลายเป็นกระดาษในเวลาสั้นๆ ..นึกภาพว่า เงินเก็บที่คุณมี กลายเป็นกระดาษ โคตรช็อก !!! 


วันนี้ล่าสุดกำลังเกิดที่ เวเนซุเอลา ...กำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ ..ซึ่งก่อนหน้านี้ปี 2008 เกิดที่ ซิมบับเว่ ..ไอ้ที่เขาบอกว่า พอเกิดเงินเฟ้อรุนแรงทุกคนจะกลายเป็นมีเงินเป็นล้านๆ ..แค่ซื้อขนมปัง ต้องขนเงินไปเป็นกระสอบ ภาพแบบนั้นเลย


เดี๋ยวๆ ..หลายคนคิดว่า อันนี้เรื่องไกลตัว แต่ข้อมูลที่ Bloomberg เอามาให้ดูนี่ บอกว่า ประเทศพัฒนาแล้วอย่าง Germany , France , China , Taiwan , Russia ...เคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น (ดูภาพที่ผมแนบให้ดู)


ที่ยกเรื่องนี้มาให้ดูกัน เพื่อให้ทุกคนอย่าประมาท ...ต้องรู้จัดวางแผนการลงทุนให้ดี ..การมีเงินสดอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ต้องแบ่งไว้ในสินทรัพย์ต่างๆ ด้วย


อย่างในเวเนซุเอลา เวลานี้เกิดเงินเฟ้อรุนแรงมาก ..แต่สิ่งที่ขึ้นตรงข้ามกับมูลค่าของเงินที่ลด ก็คือ สิ่งของ เครื่องใช้ อาหาร พลังงาน ..ทอง ก็เหมือนกัน มันไม่ได้ลด เพราะมันไม่ใช่กระดาษ !!


สิ่งที่อยากให้ศึกษากันให้เยอะ คือ การเข้าใจวิถีนักลงทุน ..นั่นคือ เราต้องเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว 'เงินคืออะไร?' 


1. มูลค่าของเงินขึ้นกับอะไร ? ...จริงๆ ขึ้นกับเศรษฐกิจ ถ้าดี เงินแข็ง ถ้าแย่ สุดท้ายอาจซวยแบบ อาเจนติน่าก็ได้ ...แล้วเราป้องกันตัวเองยังไง 


2. ทางเลือกในการออม นอกจากเงินสด แล้ว เราออมที่ไหนได้บ้าง ? ...เช่น เรารู้วิธีออมในสินทรัพย์ ออมในหุ้น ไหม


3. อะไรคือ Wealth ที่แท้จริง ? ...มันคือ ความสามารถที่แท้จริงของตัวเรา ...คนที่มั่งคั่งจริงๆ คือ คนที่ทำงานที่มีประโยชน์ต่อผู้คน


ยิ่งงานของเรามีประโยชน์ต่อผู้คนมากแค่ไหน ...เราก็ยิ่งมีความมั่งคั่ง ที่เกิดจากตัวเรา (เงินมันเป็นเรื่องรอง มันแค่เป็นเครื่องมือ ที่เราวางมันทำงานแค่นั้นเอง)


4. คนที่แก้ปัญหาและสร้างประโยชน์ให้คนอื่น จะร่ำรวย ทุกยุคสมัย ทุกสังคม ทุกประเทศ ...เพราะ คนเหล่านี้คือ ผู้นำ !!


เริ่มจาก นำตัวเอง ..หาจุดเด่นของตัวเอง ..พัฒนาจุดเด่น ให้ชัดเจน ...แล้ว ความเป็นผู้นำในตัวเราจะถูกปลุกขึ้น


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ