แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565

6 สิ่ง ที่เราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวิกฤตครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น

 6 สิ่ง ที่เราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวิกฤตครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น 


1. ‘ทุกๆ 10 ปี จะมีวิกฤตครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น’ …วิกฤตใหญ่หมายความว่า หุ้นทั้งตลาดจะลงอย่างน้อย 50% …รวมทั้งพอร์ตหุ้นของคนที่ถือหุ้น จะลงอย่างน้อย 50% เช่นกัน


2. ‘หลังเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ หุ้นที่โดดเด่นจะเปลี่ยนกลุ่ม’ …พูดง่ายๆ หุ้นที่เคยดีก่อนวิกฤตใหญ่ จะไม่ดี หลังจากนั้น …ใช่!! ควรเปลี่ยนกลุ่มเล่น


3. ‘หลังวิกฤตครั้งใหญ่ หุ้นกลุ่มใหม่จะขึ้นแรงหลายๆ เด้ง’ …แปลว่า หุ้นที่คนส่วนใหญ่ติด ขาดทุน จะไม่ดี หลังจากผ่านวิกฤต …แต่หุ้นกลุ่มใหม่ที่คนส่วนใหญ่ไม่มี จะเกิดการขึ้นครั้งใหญ่ 


4. ‘ระหว่างรอบขาขึ้น 10 ปี ก็จะมีวิกฤตย่อยๆ เข้ามาตลอด’ …แปลว่า ระหว่างทางขึ้นจะมีบททดสอบ ให้เราขายตลอด …การทนรวยไม่ใช่เรื่องง่าย!!


5. ‘ถ้าเราหนีวิกฤตไม่ได้ เราก็ต้องหาเงินมาซื้อหุ้นในวิกฤต อย่าถอดใจ’ …เหตุผลก็คือ หลังวิกฤตใหญ่ ตลาดจะให้ผลตอบแทนดีแบบน่าประหลาดใจ …ต้องหาเงินมาเติม แล้วก็ต้องกล้า


6. ‘จุดที่เรามั่นใจในตัวเองมากที่สุด คือจุดที่ต้องระวังตัว’ …ในตลาดหุ้น อีโก้ คือ สิ่งที่ทำให้เราเสียหายมากที่สุด …ให้สังเกตตัวเองว่า เมื่อไหร่เราอีโก้เยอะๆ แปลว่า หายนะ กำลังจะเข้ามาเยือนเรา


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2565

6 สิ่งที่ทำให้หุ้นราคาแพง และแพงขึ้นเรื่อยๆ

 6 สิ่ง ที่ทำให้หุ้นบางตัวราคาแพงมากๆ และ แพงขึ้นไปเรื่อยๆ 


1. กำไรของบริษัทโตขึ้นไปเรื่อยๆ …ยิ่งกำไรโตขึ้น ราคาก็มีแนวโน้มจะโตขึ้นเช่นกัน


2. นักลงทุนยอมซื้อแพงขึ้น …ก็คือ ค่า P/E สูงขึ้นเรื่อยๆ (นักลงทุนยอมซื้อที่ P/E สูงขึ้น) มักเกิดขึ้นในช่วงขาขึ้นของธุรกิจ และกำไรของบริษัทกำลังขาขึ้น


3. ธุรกิจมี Story ที่นักลงทุนสนใจ …สมมุติว่า ช่วงนี้นักลงทุนสนใจ EV …การที่หุ้นมี Story ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ EV ก็จะดึงดูดความสนใจของนักลงทุน


4. เจ้าของและนักลงทุนรายใหญ่ไม่ขาย …หุ้นสามารถขึ้นไปแพงมากๆ หากเจ้าของและนักลงทุนรายใหญ่ยังไม่ขาย …พอเริ่มขาย นักลงทุนก็อาจขายตาม


5. มีการขยายธุรกิจที่ไม่ใช่ Organic ด้วย …เช่น การซื้อธุรกิจอื่น ..การขยายธุรกิจที่เพิ่มเติมจากรายได้ปกติ


6. การเอากำไรกลับมาซื้อหุ้นตัวเอง …ก็เป็นการลดจำนวนหุ้นที่มีอยู่ ทำให้หุ้นที่เหลืออยู่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น (ตลาดอเมริกา มีการซื้อหุ้นคืนค่อนข้างเยอะ เพราะบริษัทมีเงินเหลือมากนั้นเอง)


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

6 สิ่งที่ทำให้ สินค้าสามารถตั้งราคาได้แพงมากๆ

 6 สิ่ง ที่ทำให้ สินค้า สามารถตั้งราคาแพงมากๆ


1. จำนวนผลิตจำกัด ….ยิ่งจำกัดยิ่งสามารถตั้งราคาได้สูง


2. คุณภาพสินค้า …คุณภาพที่สูงกว่า ย่อมสามารถตั้งราคาได้สูงกว่า


3. ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย …ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่รวยกว่า ก็สามารถตั้งราคาได้สูงกว่า …แต่ที่ต้องถามคือ ‘แล้วทำไมคนรวยต้องซื้อสินค้าเรา ?’ …ส่วนมากก็เพราะ มันทำให้เขาดูพิเศษนั่นเอง


4. ความคงทนของสินค้า …สินค้าที่คงทน ก็สามารถตั้งราคาได้แพงกว่า เช่น นาฬิกาดิจิตอล ไม่สามารถตั้งราคาได้สูงกว่านาฬิกาไขลาน


5. เรื่องราวของสินค้า …ยิ่งมีเรื่องราวพิเศษ ก็ย่อมสามารถตั้งราคาได้แพงกว่า …คนยอมจ่ายให้กับตำนาน เช่น งานศิลปะต่างๆ 


6. ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา …ค่าบำรุงรักษาไม่สูง ก็ย่อมดีกว่า …ของสะสมที่มีค่าบำรุงรักษาสูง มักไม่สามารถรักษามูลค่าในระยะยาว เช่น บ้านไม่สามารถรักษามูลค่าได้ดีเท่ากับที่ดิน


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2565

เมื่อเราไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้แล้วว่า วันพรุ่งนี้มันจะดีกว่านี้ เด็ดกว่านี้

 ‘เรามักจะคุยกับเพื่อนว่า ถ้าวันนึงเรารวย เราจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ …แต่พอเราถึงเป้า เราก็มักจะเขยิบเป้าไปอีกนิด อีกนิด …ก็เลยไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำสักที’ …เคยเป็นไหมครับ ? 


ผมว่า ยิ่งคนอายุเยอะ ยิ่งเจอปัญหานี้ เพราะ Gen เรา ถูกสอนให้ Value การทำงานหนัก การอดทน มีเงินก็ไม่ใช้ …เก็บไว้ก่อน เผื่อไว้ก่อน มันอาจมีสิ่งไม่คาดฝัน เราต้องปลอดภัยไว้ก่อน 


จนผมเจอรุ่นพี่คนนึง เขาบอกผมว่า ‘ไอ้น้องชาย เอ็งรู้ไหมว่า วิกฤตวัยกลางคน มันคืออะไร ?’ 


‘ไม่รู้ครับพี่’ …แปลว่า จิตตกหรือเปล่า ?


ไม่ใช่เลยน้องชาย …’มันแปลว่า คนเรามาถึงจุดที่หลอกตัวเองต่อไปไม่ได้แล้ว ว่าชีวิตมันจะมีสิ่งที่ดีกว่านี้ !!’ 


เชี่ย!! โคตรแรง !!! 


คนสมัยก่อน ทำงานหนักตลอดชีวิต ไม่ใช้เงิน สุดท้ายเมื่อเขาตายไปด้วยมะเร็ง เพราะ แม่งเครียดไม่เคยหาความสุข …สุดท้าย ลูกหลานได้มรดก เอาไปซื้อ Supercar คนละคัน แล้วขับมางานศพอากง ผู้ล่วงลับ …ประมาณจะบอกอากงว่า …อากงไม่ใช้ เดี๋ยวพวกผมใช้ให้ดู …555


เอาตรงๆ เรื่องนี้ มันไม่มีใครผิดหรือถูก …เพียงแต่ผมได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ว่า ‘คนทุกคนมีปม และปมชีวิตนั่นแหละ ที่ทำให้คนแต่ละรุ่นสุดโต่งไปคนละแบบ …จุดที่ดีที่สุด คือ จุดที่เราหาสมดุลย์ของเราให้เจอต่างหาก’ 


…ใช่!! ‘เมื่อเราถึงจุดที่เราหลอกตัวเองต่อไปไม่ได้ว่า ชีวิตข้างหน้าจะมีความสุข และดีกว่านี้’ …มันคือ จุดที่เราปลดล็อค ปมชีวิต และ ความรู้สึกผิดต่างๆ 


1. เราจะอนุญาตให้ตัวเอง ทำงานน้อย แต่ได้เงินมากได้  (ยอม work smart แทน work hard)


2. เราจะให้รางวัลตัวเอง กล้าซื้อสิ่งที่เราเคยอยากได้บ้าง แบบสมเหตุสมผล (เออจริงๆ เราก็ซื้อได้นี่หว่า สบายๆ เลย)


3. เราจะไม่ Spoil คนรุ่นหลัง …เราจะยอมให้เขา ไปผิดพลาดบ้าง เพื่อให้เขารู้จักว่า โลกนี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่เขาคิด (ถ้าเราไม่ยอมเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง ..สุดท้ายสังคมจะสอนเขาเรื่องนี้อย่างสาสมในที่สุด) 


….เอาตรงๆ การทำงานหนักและวิ่งไปข้างหน้าแบบไม่ลืมหูลืมตา ในระยะยาว มันอาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป


โคตรชอบเลย …’เราไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้แล้วว่า ชีวิตข้างหน้า มันมีอะไรที่ดีกว่านี้’ …คำพูดนี้มันทำให้คนที่ใช้ชีวิตแบบกระสวยอวกาศอย่างผม ที่เอาแต่พุ่งไปข้างหน้า โดยไม่สนอะไรเลย ให้กลับมาช้าลงบ้าง มองปัจจุบันบ้าง ยอมมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ มากขึ้น 


ไม่ได้หมายความว่า เราจะหยุด ไม่พยายามต่อ …ผมก็ยังมีไฟ เพียงแต่ผมแค่เลือกงานมากขึ้น ไม่ได้เอาทุกอย่างที่ขวางหน้า …เอาเฉพาะงานที่มันใช่ก็พอ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

10 ปัญหา ที่สร้างโอกาสมหาศาล

 10 ปัญหา ที่สร้างโอกาสมหาศาล


ในทุกปัญหา มันมีคนที่เห็นช่องทาง ได้ประโยชน์ และ เติบโตจากตรงนั้น …ลองมาทำความเข้าใจกับปัญหาใกล้ตัวกันดู ว่า เราเห็นโอกาสอะไรกันบ้าง ?


1. ‘การไม่มีเวทีให้คนตัวเล็ก’ …ทำให้เกิด Social Media และการเกิดของ Influencers ในทุกวงการ


2. ‘การต้องการโชว์ความสำเร็จของคนรุ่นใหม่’ …ทำให้เกิด Street wear …ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นกระแสหลักของวงการแฟชั่นเรียบร้อยแล้ว 


3. ‘การไม่มีที่ไปของเงินสีเทา’ …ทำให้เกิดการปั่นหุ้นเล็ก …การเกิดเศรษฐีใหม่จากหุ้นขนาดเล็ก


4. ‘การขาดโอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่’ …ทำให้เกิดวงการคริปโต …เป็นทางเลือกของการทำงานและความสำเร็จแบบคนรุ่นใหม่ (ซึ่งกำลังถูกท้าทายอย่างหนักว่า จะสามารถไปต่อได้หรือไม่) 


5. ‘การไร้วินัยทางการเงินของรัฐบาลอเมริกา’ …ทำให้เกิดสูญญากาศทางการเงินในปัจจุบัน เพราะ ยังไม่มีสกูลเงินใด ที่สามารถทดแทนดอลลาร์ได้อย่างสมบูรณ์ในเวลานี้ ทำให้การเงินทั้งโลกเกิดความผันผวนอย่างหนัก


6. ‘การทำธุรกิจโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อม’ …ทำให้เกิดอุตสาหกรรม EV และ เศรษฐีบ้าระห่ำอย่าง Elon Musk 


7. ‘การถึงจุดเปลี่ยนของดอกเบี้ย’ …จากขาลง กลายเป็นขาขึ้น …ส่งผลให้ ยุคทองของ Startup จบลง …กลับสู่โลกของ SME แบบในอดีต


8. ‘หุ้นใหญ่ถึงทางตัน หุ้นดวงรุ่ง ถึงจุดยอดดอย’ …หุ้นเด็ดในยุคต่อไป คือ SME สายเติบโต จากเล็กไปใหญ่ …หมดยุคการ Burn เงินเล่นๆ (เพราะต้นทุนการเงินมันสูงขึ้น)


9. ‘เราเข้าสู่ยุคเงินเฟ้อสูง’ …ธุรกิจที่เติบโตในยุคเงินเฟ้อสูง ก็คือ ธุรกิจ Luxury ทุกอย่าง …ทำอะไรก็ได้ ที่จับลูกค้ามีเงิน เพราะ เงินเฟ้อสูง คนมีเงิน รวยขึ้น 


10. ‘การลงทุนดูเสี่ยงไปหมด จนเราอยากจะลงทุนแบบ Conservative’ …สรุปง่ายๆ คือ ยุคที่ทุกอย่างดูน่ากลัวในการลงทุน อย่าไปหาการลงทุนที่ดูปลอดภัย …แต่ให้ไปหาการลงทุนที่ดูเสี่ยง …สุดท้ายเราจะปลอดภัยและกำไรมากกว่า


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

7 เรื่อง ที่ได้เรียนรู้จากหุ้นปี 2022

 7 เรื่อง ที่ได้เรียนรู้จากหุ้นปี 2022 …บทเรียนส่งท้ายปีเสือ !!


ปี 2022 นับเป็นปีที่การลงทุนผันผวนมาก มาดูกันว่าเราได้เรียนรู้อะไร 


1. ‘พื้นฐานกับราคาหุ้น ไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน’ …ปีนี้เราเห็นหุ้นมากมาย ที่พื้นฐานกับราคาไม่สัมพันธ์กันเลย …เรื่องนี้สอนว่า อย่ามั่นใจในความรู้ของเรามากเกินไป


2. ‘ถ้าอะไรที่คนจำนวนมาก มองว่าเป็นโอกาส มันจะวิกฤตทันที’ …เรื่องนี้สอนว่า อย่าแห่ตามคนอื่น …ถ้าเราตกรถ ให้รอตรงนั้นแหละ เดี๋ยวคนที่ขึ้นรถไป มันจะตกลงมาหาเราเอง …555


3. ‘วิกฤตทุกครั้งไม่จำเป็นต้องเป็นโอกาส’ …เรื่องนี้สอนว่า ไม่ใช่ทุกวิกฤตจะเป็นโอกาส …โดยเฉพาะวิกฤตที่มีคนเยอะๆ …รอให้คนเงียบก่อน ค่อยมองหาโอกาส


4. ‘หุ้นที่อยู่ด้านล่าง น่าลุ้นกว่าหุ้นที่อยู่ด้านบน’ …ปีนี้หุ้นหลายๆ ตัว ราคารูดเหมือนตกสวรรค์ …ที่ดีคือ หุ้นด้านล่างที่เริ่มเด้งขึ้น


5. ‘อย่าตามเซียนหุ้น ตลาดแบบนี้เซียนก็โดน’ …ช่วงนี้เซียนหุ้นก็โดนหนักไม่ต่าง โดนเฉพาะเซียนที่ไปต่างประเทศ ก็จะโดนหนักเข้าไปอีก


6. ‘การติดตามข้อมูลข่าวสารมากเกินไป อาจซวยเพิ่ม’ …ใช่!! ทุกอย่างมีทางสายกลาง ..การติดตามข่าวสารและข้อมูลก็เอาแต่พอดี ฟังหูไว้หูบ้าง


7. ‘การพยายามหาหุ้นดีปันผลสูง มันไม่ได้ทำได้ทุกปี’ …ปี 2022 เป็นหนึ่งในปี ที่เรียกได้ว่า Value Trap ‘กับดักหุ้นมูลค่า’ เพราะ เมื่อทุกคนมองหา สิ่งนั้นจะไม่ work ทันที 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ความสุขของชีวิตของคนวัย 40

 ความสุขของชีวิต ของคนวัย 40 


คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ก็เข้าใจอะไรมากขึ้น และ นี่คือ สิ่งที่ผมเข้าใจ 


1. ‘ทางสายกลาง เป็นสิ่งที่ทำยากที่สุด ในทุกเรื่องของชีวิต’ …มันจึงเป็นความสุข เมื่อเราเจอทางสายกลาง


(อ้าวพี่!! อย่างนี้ชีวิตก็ไม่สุดดิพี่ เสียดายแย่ …เฮ้ย!! มรึงก็เอาเลย ไปให้สุด มันไปสุดตรงไหน แล้วกลับมาเล่าให้พี่ฟังด้วยนะ) 


2. ‘เราจะมีเวลามากที่สุด เท่ากับคนที่ไม่ว่างที่สุดในครอบครัวเรา’ …เราจะเห็นนักลงทุนที่มีเงินและมีเวลา ไปส่งและไปรับลูกด้วยตัวเอง แต่ในเวลางาน เขามักพูดกับลูกน้องว่า ‘พูดให้เข้าประเด็นหน่อย แบบนี้มันเสียเวลา!!’ 


3. ‘การพยายามทำงานหนักที่สุด ควรทำเมื่อเรายังไม่รู้ว่าจะเดินทางไปไหน …แต่พอเรารู้แล้วว่า เราต้องเดินทางไปไหน ต้องเปลี่ยนเป็นทำงานอย่างฉลาดแทน’ 


4. ‘อย่าเอาบรรทัดฐานของคนอื่น มากำหนดชีวิตของเรา’ … เพราะ บรรทัดฐานของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน …เช่น คนนึงให้ความสำคัญกับการทำงาน กับ อีกคนให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ …ทั้งสองไม่มีใคร ผิด หรือ ถูก …แค่เขาให้ความสำคัญกับคนละเรื่อง มันก็แค่ คุยกันไม่รู้เรื่อง นั่นเอง (เดี๋ยวนะ !! แล้ว งาน กับ ผลลัพธ์ มันคนละเรื่องเหรอ ? …ก็ใช่ไง …ในโลกทุกวันนี้ คุณ Focus อะไร เราก็จะได้สิ่งนั้น …ซึ่งมันอาจจะไม่เกี่ยวข้องกันก็ได้ แปลว่า คนทำงานหนัก ไม่จำเป็นต้องรวย อะไรแบบนั้นไง) 


5. ‘เราจะสบายใจเมื่อใช้เวลากับคนที่คิดคล้ายๆ กัน’ …นี่คือ หลักการเลือกคู่ครอง ที่อยู่แล้วสบาย …แต่ถ้าเลือกคนที่ต่างกัน มันก็ต้องมีการปรับตัว …จริงๆ เราเลือกคนคิดต่าง เวลาทำงาน ก็ทำให้เราพัฒนา แต่เวลาพักผ่อน ขอคนที่คิดคล้ายๆ เราจะสบายกว่านะ (คนรุ่นใหม่ เลือกคู่ครอง ที่ตื่นเต้น แตกต่าง ..ช่วงแรกๆ ก็ท้าทาย แต่พออยู่ๆ ไป ก็เลยแยกทาง หย่าร้างกันเยอะ เพราะ มันต่างกันมากเกินไป) 


6. ‘คนดีไม่มีอยู่จริง …คนไม่ดีก็ไม่มีอยู่จริง’ …แต่ให้หลีกหนี คนที่ชอบพูดว่า ตัวเองเป็นคนดี …คนแบบนี้น่ากลัวชิบหาย !!


7. ‘ทุกอย่างมันจะดำเนินต่อไปแบบนั้นแหละ โดยที่มีเราหรือไม่มีเราก็ได้’ …ใช่!! อย่าคิดว่า เราสำคัญ …ทุกอย่างมันไปได้อยู่แล้ว แม้ไม่ต้องมีเรา …บางคนคิดว่า บริษัทจะเจ๊ง ถ้าขาดฉันไป แต่พอไม่มีเรา บริษัทกลับอยู่ได้ ดีกว่าเดิมอีก (เออ!! อย่าสำคัญตัวผิด) 


8. ‘การวิ่งมาราธอนไม่ได้ทำให้สุขภาพดี แต่การวิ่งวันละนิดทุกวัน ทำให้สุขภาพดีมากกว่าเยอะ’ …ใช่!! ทำอะไรสุดโต่งมันเท่ห์ แต่ทำทีละนิด เป็นประจำ จะส่งผลลัพธ์ ที่ดีกว่า …เปลี่ยนชีวิตมากกว่า !!


9. ‘ตอนเด็กๆ อยากมีเพื่อนให้เยอะที่สุด …พอวันนี้มีแค่เพื่อนที่รู้ใจ ไม่กี่คนก็พอแล้ว’


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


คุยกับหยง Freedom Trader

 คุยกับ หยง (หนุ่มใหญ่ไว้หนวดเครา นามว่า ‘Freedom Trader รุ่นแรกๆ ของไทย’) …


สิบปีก่อนผมเคยเขียนหนังสือเล่มนึง ชื่อว่า ฟรีด้อมเทรดเดอร์ …หนังสือเล่มนั้นได้แรงบันดาลใจจากที่ผมเจอเทรดเดอร์คนนึง …หยง!! นั่นเอง


ย้อนกลับไปสิบกว่าปีที่แล้ว อาชีพ Trader ไม่ใช่อาชีพที่มีคนทำมากนัก …หลักๆ เพราะ พ่อแม่ไม่เห็นด้วย นั่นแหละ …555


…ผู้ใหญ่สมัยก่อน อยากให้ลูกทำงานที่มั่นคง และ ขยันขันแข็ง …‘หยง เล่าว่า วันที่เขารวยจากการเทรดแล้ว ..พ่อแม่ก็ยังพูดว่า ทำไมลูกไม่หางานทำเป็นชิ้นเป็นอันซะที !!’ 


‘อ้าว!! แล้วที่กรู ทำอยู่ ได้เงินมากกว่างานประจำ …และก็เวลาทำงานยืดหยุ่น ขนาดที่ว่า สามารถพาพ่อแม่มากินข้าว (ในเวลาที่คนอื่นต้องทำงาน) เพื่อที่จะโดนพ่อแม่ด่า ว่า ทำไมมรึงไม่หางานทำ …555 …ตลกชิหาย’


ถามจริงๆ นะ ‘อาชีพ Trader มันอิสระ และ สบายจริงๆ รึเปล่าวะ หยง ?’ 


ตอบจริงๆ นะ …’มันก็คือ อีกหนึ่งอาชีพ ที่มันก็ทั้งหนัก และ มีความกดดันไม่แตกต่างจากอาชีพอื่น …เพียงแต่มันแค่สามารถยกเอางานไปทำที่ไหนก็ได้ แค่นั้นเลย’ …แปลว่า มึงไปเทรดริมทะเลสาบซีหูก็ได้ แต่ถ้าตอนนั้น โดน เสียเงิน …จะนั่งอยู่ที่ไหน มันก็เครียดเหมือนกันแหละ …555’ 


แต่เอาจริง อาชีพคนรุ่นใหม่ทุกวันนี้ ก็คล้ายๆ Freedom Trader นะ …แค่คอมหรือมือถือเครื่องเดียว ก็ไปทำงานที่ไหนก็ได้ ….แต่ปัญหาคือ คนรุ่นก่อนเขามีบรรทัดฐานว่า ถ้าเราไม่แสดงให้เขาเห็นว่า เราเหนื่อย เราหนัก เขาก็จะสรุปว่า เราไม่ได้ทำงาน ซะงั้น !!!


แล้วหยง มรึงแก้ยังไง …ปรับความเข้าใจกับพี่บ้านยังไง ?


‘ก็ไม่ต้องแก้’ …


แล้วปรับความเข้าใจยังไง ?


‘ก็ไม่ต้องปรับ’ 


เฮ้ย!! 


‘เอาตรงๆ เราทุกคน มีวิธีคิดที่ต่างกัน …เราเปลี่ยนวิธีคิดคนอื่นไม่ได้ (กรูลองมาแล้ว …ฮ่า ฮ่า …ยิ่งผู้ใหญ่ คนอายุเยอะ เขายิ่งไม่เปลี่ยน) …สรุป เราต้องเปลี่ยนเอง’ ….ใช่!! เราก็แค่ Support ดูแล คนที่เรารัก ในแบบที่เราทำได้ ….เขาอยากได้อะไร ถ้าเราทำได้ เราก็หาให้เขา


‘แต่เขาก็ยังมองมรึงว่า เมื่อไหร่ หยง จะหางานทำเป็นชิ้นเป็นอัน อยู่ดีใช่ไหม?’ 


ใช่ …555


โอเค !! …ช่วยสรุปหน่อยว่า ‘นิทานชีวิตเรื่องนี้ สอนอะไรเราได้บ้าง ?’ 


…มันสอนว่า 


1. การทำอะไรใหม่ๆ แปลกๆ มันย่อมทำให้คนอื่นอึดอัดไม่เข้าใจ …แต่ถ้าเราคิดว่า มันใช่ เราก็แค่ทำในแบบของเราให้ดีที่สุด


2. ใช้เวลากับคนที่เข้าใจเราให้มากที่สุด …และก็ไม่ต้องพยายามไปเปลี่ยนความคิดคนอื่นที่ไม่ได้เข้าใจเรา มันเสียเวลา ทั้งเขาและเรา (เสียเวลา และ เปลืองพลังงาน) 


3. ดูแลคนที่เรารักในแบบของเรา …’ทำดีที่สุดในแบบของเรา ไม่จำเป็นต้องทำดีที่สุดในแบบของเขา’ (จบไหม ?) 


….


ไอ้แพ้ท!! …’มรึงถามกรูอยู่ได้ …ไอ้แพ้ท มรึงแม่ง ชิวกว่ากรูอีก แสรดดด !! …แล้วมรึง จัดการเรื่องนี้ยังไง ?’


อ๋อ!! นี่ไง กรูก็มีงานประจำไง ‘ที่ปรึกษาการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงไง’ …พ่อแม่กรู ภูมิใจแล้ว ลูกกรูมีงานประจำ เป็นถึงระดับผู้บริหารเลยนะ …555


แสรดดด!! 


ผม กับ หยง คุยกันทุกเรื่องแหละ หลักๆ คือ บรัฟกันตลอด แซวกันตลอด …อันนั้นปม ก็หยิบขึ้นมาขยี้กัน …นี่ปมมึงใช่ไหม …ขอขยี้หน่อย …ปมชีวิต ฮ่า ฮ่า 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2565

6 ความแตกต่างระหว่าง ‘เล่นหุ้นตามกระแส’ กับ ‘เล่นตามเทรนด์’

 6 ความแตกต่างระหว่าง ‘เล่นหุ้นตามกระแส’ กับ ‘เล่นตามเทรนด์’ 


เรามักจะแปลกใจ เมื่อตลาดหุ้นสร้างคนรวยจากผู้เล่นหลากหลายแนว …แต่หลักคนที่ซวย มักเกิดจาก ไม่มีแนวทางชัดเจน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา นั่นละเจ็บหนักเลย


1. ‘จับกระแส คือ เล่นสั้น ..เล่นตามเทรนด์ คือ เล่นยาว’ 


2. ‘จับกระแส ใช้กราฟ Day …จับเทรนด์ ใช้กราฟ Week’


3. ‘จับกระแส ต้องตามข่าว …จับเทรนด์ ต้องสวนข่าว’ 


4. ‘จับกระแส ต้องรอ Volume …จับเทรนด์ ต้องหนี Volume’ 


5. ‘จับกระแส ต้องเก่งเรื่อง Stop Loss …จับเทรนด์ ต้อง ทนการย่อได้’ 


6. ‘จับกระแส ต้องซื้อเมื่อกล้า …จับเทรนด์ ต้องซื้อเมื่อกลัว’ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2565

6 สัญญาณอันตรายในหุ้นที่เราต้องระวัง

 6 สัญญาณอันตรายในหุ้น ที่ต้องระวัง


1. ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขาย …เจ้าของขายทิ้ง ต้องระวังให้ดี ..เพราะถ้าดี เขาต้องไม่ขายเยอะ


2. ปริมาณการซื้อขายหุ้นขึ้นเยอะมากเกินไป …คำว่า มากเกินไป คือ มันเยอะกว่า การซื้อขายปกติมากๆ 


3. กรรมการลาออก …ถ้ามีการเปลี่ยนกรรมการบ่อยๆ นี่ต้องระวังละ เพราะ ถ้าธุรกิจมีอะไรผิดพลาดคนซวยก็คือกรรมการ


4. ธุรกิจเริ่มสร้างหนี้มากเกินไป …ปกติช่วงธุรกิจขาขึ้น การขยายก็เป็นเรื่องปกติ แต่ส่วนมากเวลาหุ้นขึ้นปลายๆรอบ ธุรกิจจะสร้างหนี้เยอะ มันเป็นสัญญาณของ ‘เฮือกสุดท้ายแล้ว !!’ 


5. ผู้บริหารให้ข่าวดีถี่ๆ …เยอะไปป่าว ? …เวลาหุ้นแพง ผู้บริหารก็จะพยายามให้ข่าวดี เยอะๆ เป็นการเชียร์คนมาซื้อ …แบบนี้ต้องระวังว่า การขึ้นรอบนี้ใกล้จบแล้ว


6. หุ้นขึ้นโดยไม่สอดคล้องกับพื้นฐาน …ระวังเขาลากไปเพิ่มทุน ‘เติมเงิน!!’ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2565

เรียนหุ้นมาทุกสำนัก เล่นมาหลายปี แต่พอร์ตยังไม่โต

 มีรุ่นน้องมาถาม เรียนเทรดหุ้นมาทุกสำนัก เทรดมาหลายปีแล้ว ก็เทรดได้ตังค์แต่พอร์ตไม่โต …มีเทคนิคแก้ยังไงครับพี่ ?


อันนี้ปัญหาใหญ่วงการหุ้นเลย …แต่มันไม่ได้แก้ที่ ‘เทคนิค’ แต่มันต้องแก้ที่ ‘Mindset’ 


ใช่!! คนพูดเยอะ เรื่อง Mindset แต่พูดกันผิวมากๆ …ซึ่งเรื่อง Mindset ต้องบอกว่า โคตรสำคัญ …ไอ้เรื่องเทรดได้เงินใครๆ ก็ทำได้ แต่การปั้นให้พอร์ตโต แล้วไม่กลับไปที่เดิมนี่แหละ โคตรยาก


…’พี่แนะนำได้ ก็แค่เบื้องต้น เพราะ สุดท้ายเราต้องเอาไปปรับ Mindset แล้วแก้เอง ถึงจะได้’ 


1. ‘เทคนิคมันได้แค่ 40%’ …เฮ้ย!! เรียนตั้งเยอะมันยังไม่ถึง 50% แล้วจะเรียนไปทำไม ? …โอเค!! ถึงมันจะแค่ 40% แต่มันเป็นพื้นฐานที่ต้องมีก่อน เช่น คุณต้องอ่านงบการเงินเบื้องต้นได้ , ต้องอ่านพื้นฐานเป็น และ ก็ต้องรู้ว่ากราฟทรงนี้ มันขาขึ้น หรือขาลง


2. ‘Mindset ที่จะไม่เสียหายหนัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น’ …ตรงนี้สำคัญมาก เพราะ ส่วนใหญ่พอเรามีวิชาเทรด อ่านงบเก่ง เราจะ Self จัด คิดว่า เทคนิคนี้สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์ …แต่มันไม่ใช่ไง ‘ไม่มีเทคนิคอะไรที่ใช้ได้ดีในทุกสถานการณ์’ 


3. ‘Mindset ที่ต้องกล้าเวลาที่เรากลัว’ …ตรงนี้ประสบการณ์จะสอนเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ …ให้ลองสังเกตว่า มันมีบางช่วงที่เราพลาดเยอะๆ เสียเยอะๆ พอถึงจุดที่ไม่ไหวแล้ว จุดนั้นแหละ เป็นจุดที่หลายๆ คนเลิก …หยุด …ถอดใจ ….แต่จุดนั้นเอง มักจะเป็นจุดต่ำสุดของตลาดในแต่ละช่วง (มันเป็นจุดที่หลายคนเจอจุดเปลี่ยนชีวิต พอร์ตโตเปลี่ยนหลัก ก็จุดแถวๆ นี้แหละ)


4. ‘คนที่อยากทำกำไรเร็วๆ เอาทุกๆรอบ จะขายหมูรอบใหญ่และทำให้พอร์ตไม่โต’ …นี่เป็น Mindset ของคนเก่งที่ เทรดแม่น เทรดเก่ง กำไรตลอด แต่จุดแข็ง มันคือจุดอ่อนที่ทำให้รอบใหญ่ ถือไม่สุด …ทนรวยไม่ได้ …สุดท้ายได้แต่คำเล็ก พอร์ตก็เลยไม่โต


5. ‘ขยันมาก โฟกัสมากเกินไป ก็พอร์ตไม่โต’ …อันนี้ก็กับดักคนเก่งเหมือนกัน …บางคนทำธุรกิจสำเร็จ ก็เอา Mindset ของการทำธุรกิจมาใช้ในการลงทุน …ก็คือ ทำให้หนักกว่าคนอื่นแล้วคิดว่าเราได้เปรียบ ….ตลาดหุ้นไม่ใช่เลย …’ตลาดหุ้นถ้าขยันผิดเวลา มีแต่หายนะ’ …บางช่วงตลาดหุ้น ไม่ควรเล่น ก็ต้องรู้ว่า ช่วงนี้ให้อยู่เฉยๆ แต่ดันไปบู๊ อันนี้เสียแรง แถมจะทำให้ Mindset พังได้ 


…คร่าวๆ จะเห็นว่า มันคล้ายๆ ‘ทางสายกลาง’ …เร็วมากก็ไม่ได้ …ช้าไปก็ไม่ดี …จุดกลางๆ นี่แหละ ที่เราต้องหาสมดุลย์ด้วยตัวเราเอง 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

นานๆ คุยกัน แต่มันส์ระเบิด


 นานๆ คุยกัน แต่มันส์ระเบิด


เรานัดรวมตัว แก๊งค์ลุง …เฮ้ย!! ไม่ใช่ แค่ Daddy …รุ่นใหญ่แต่ยังไหวอยู่ …555


พี่ใหญ่ (พี่ชายแสนดี กินนมเย็นสีชมพู) , ดร.ต้อง (นักแกะปม ปรับมุมมอง สายอบอุ่น) , โค๊ซเป๊ก (พ่อบ้านมือใหม่ สายหลบเมียไม่พ้น) …ขนาดนั่งคุยกันอยู่ดีๆ คุณภรรยา video call มาเฉยเลย …เป๊กตกใจรีบลุกจากโต๊ะ …ลืมตัว ว่า นี่นั่งอยู่ในไอริสผับธรรมดา (ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น…555) 


ช่วงนี้ ดร.ต้อง เดินสายเยอะ โดยเฉพาะ สายจัดเวทีประกวดนางงาม ช่วยปรับ Mindset ..ปรับวิธีคิดผู้บริหาร และ สาย AI ที่กำลังหาจุดลงตัวในการเข้ามาปรับใช้จริงๆ ในชีวิต


ผมสงสัย ดร.ต้องเป็นพิเศษ เลยถามว่า ‘พี่ต้อง ผมถามจริงๆ นางงาม นี่เขาคิดเหมือน นางปกติไหม …555’ 


…สงสัยจริงๆ 


(แกเล่ายาวมาก แต่ขออุบไว้ก่อน ยังไม่เล่า) …ขอเล่าประเด็น สังคมยุคใหม่ก่อนที่ ถึงจุดเปลี่ยน ถึงจุดแตกหัก และ ถึงจุดที่ต้องปรับ Mindset กันขนานใหญ่ เพื่อเดินต่อ


1. โลกซึมเศร้าเกิดกับคนใกล้ตัวเรามากขึ้น และมักเกิดกับ High Performer ด้วยซิ …คนเก่ง ผู้บริหารระดับสูง เด็กเรียนดี พร้อมทุกอย่าง ครอบครัวอบอุ่น …ทำไมเสี่ยงหนักเลย ? (เรานั่งเกาหัว ทำไมล่ะ ?)


2. การอยากสำเร็จเร็ว กลายเป็น อุปสรรคทาง Mindset ของคนรุ่นใหม่


3. ผู้บริหารระดับสูง กลัวตกยุคและเสียจุดยืน เมื่อเจอกับวิธีทำธุรกิจในโลกดิจิตอล และไม่เข้าใจเด็กรุ่นใหม่ที่เป็น High Potential 


4. อาชีพแปลกๆ ที่โคตรทำเงิน แต่คนอย่างเราๆ แทบไม่รู้จัก (เฮ้ย!! มันทำเงินได้ขนาดนี้เลยหรือ ?)


5. รุ่นน้องที่งานดี เงินเดือนสูง แต่ทนไม่ไหว อยากเปลี่ยนงาน (มรึงไม่ไหว อะไรวะ)


6. นักธุรกิจที่เล่นใหญ่จนลงไม่ได้ ต้องเล่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะอีโก้ค้ำ …รู้ตัวอีกที ก็สายเกินแก้ …เสี่ยงอาจจะพังทั้งกระดาน



คุยไปคุยมา …ดร.ต้อง บอก เราน่าจะทำ รายการ คุยแบบนี้ แต่ให้คนอื่นฟังด้วยน่าจะเป็นประโยชน์นะ …มันเป็นเรื่องที่คนอยากรู้ แต่ไม่ค่อยมีใครกล้าถาม


เช่น คนสำเร็จเยอะๆ แต่โคตรจิดตก ครอบครัวพัง …จะกล้าไปถามใคร ? …ถ้าถาม คนอื่นคงมองว่า ‘แหม!! ชีวิตดีขนาดนี้ แล้วยังไม่พอใจอีก …ไปตายซะ’ …เออ …ก็แบบนี้มันก็ยิ่งเครียดดิ (ถามใครก็ไม่ได้)


…‘น่าสนใจ’ …เราคุยกันลึกๆ ไปเลย 


จาก 4 มุมมอง ของคน 4 คน ที่โคตรแตกต่าง แต่ลงตัวเพราะ เราเข้าใจกัน


…เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว …เดี๋ยวเริ่มจัดรายการเมื่อไหร่ จะแจ้งให้ทราบ มาดู มา Comment ร่วมถกประเด็น ที่คนไม่กล้าคุย …ลึกๆ กัน 


บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ