แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2567

7 ข้อ ต้องรู้เมื่อ FED ลดดอกเบี้ยลง

 7 ข้อ ต้องรู้เมื่อ FED ลดดอกเบี้ยลง


1. ‘เป็นสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจ’ …ก่อนหน้านี้ FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อปราบเงินเฟ้อ …ตอนนี้ต้องกลับมาลด ก็แสดงว่าเศรษฐกิจเริ่มไม่ไหว ถ้าไม่ลดดอกเบี้ยลง


2. ’เงินจะเริ่มไหลออกจากอเมริกา’ …เราพูดถึง Fund Flow ที่ก่อนหน้านี้วิ่งไปที่อเมริกา ..ตอนนี้ทิศทางจะเริ่มเปลี่ยน


3. ‘ตลาดหุ้นที่เงินไหลออกก่อนหน้านี้ จะได้ประโยชน์’ ..เช่น ตลาดหุ้นไทย เงินไหลออกต่อเนื่องก่อนหน้า จะได้รับผลดีในการไหลกลับของ Fund Flow ในรอบนี้


4. ’หุ้นเติบโตจะเริ่มกลับมา sexy กว่าหุ้นปันผล‘ …ก่อนหน้าหุ้นปันผล จะดีกว่าหุ้นเติบโต แต่พอทิศทางดอกเบี้ยเปลี่ยน หุ้น Sexy ก็จะเปลี่ยนกลุ่ม


5. ‘การลงทุนจะกลับมาสู่ Risk On’ …ก็คือ นักลงทุนจะเริ่มเปลี่ยนโหมดจาก ไม่เสี่ยง ไปสู่การลงทุนที่เสี่ยงแทน


6. ‘ต้นทุนการเงินจะลดลง’ …อันนี้ธุรกิจที่กู้เยอะๆ จะเริ่มหายใจ ได้สะดวกขึ้น เพราะจ่ายดอกเบี้ยลดลง …นี่อาจทำให้หุ้นหลายๆ ตัว เปลี่ยนทิศทางจากขาลง เป็นขาขึ้น


7. ‘การลดเบี้ยอาจไม่ใช่ภาพใหญ่‘ …แปลว่า เราต้องระวังแม้ตลาดหุ้นจะดีขึ้น แต่ภาพใหญ่เรายังต้องกลัวเงินเฟ้อ …ซึ่ง FED สามารถเปลี่ยน จากลดดอกเบี้ย เป็นขึ้นดอกเบี้ยได้ …ทั้งหมดขึ้นกับเงินเฟ้อ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2567

5 ข้อแลกเปลี่ยน ของการใช้ชนะใจ และบริหารคนเก่ง

5 ข้อแลกเปลี่ยน ของการใช้ชนะใจ และบริหารคนเก่ง 


'เวลา' คือ สิ่งที่เราแต่ละคนมีจำกัด ...คนยิ่งเก่ง ยิ่งใช้เวลาไม่เป็น ถ้าเขาไม่ฝึกที่จะเรียนรู้ในเรื่องของเวลา


ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนก็ตาม เวลาคือ ข้อจำกัด ...


ผมมีเพื่อนเก่งๆ หลายคนที่บ่นว่า 'อยากมีเวลาเกินวันละ 24 ชั่วโมง จะได้มีเวลาสะสางทุกอย่างที่อยากทำให้เสร็จ' ...แต่มันทำไม่ได้


สิ่งที่เศรษฐีมักสอนลูกคือ 'การรู้จักใช้คน' ..การใช้คนคือ การที่เราสามารถใช้เวลาของคนอื่นมาช่วยในการทำให้เราทำงานได้มากขึ้น และทำให้เราบรรลุเป้าหมายเร็วขึ้น


แต่ปัญหาก็คือ 'ทำไมคนอื่นต้องเอาเวลาที่มีคุณค่าของเขามาให้เราล่ะ ?'


ข้อแลกเปลี่ยนมีดังนี้ 


1. คนเก่งต้องการมีคุณค่าและมีความหมาย ...ความเก่งทำให้คุณทำอะไรได้มากมาย แต่ความเก่งไม่ได้ให้ความหมายในชีวิตเรา ..เพราะคนเรามีความหมาย เพราะเราได้ทำเพื่อคนอื่น และเราได้เป็นส่วนนึงของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา (เศรษฐีต้องมองการณ์ไกล มีฝันที่ชัดเจน และกำหนดเป้าหมายนั้น ให้เป็นสิ่งที่จับต้องได้)


2. คนเก่งต้องการโอกาสในการทำงานร่วมกันคนอื่น ..ปัญหาของคนเก่งคือ คนที่ชอบทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ..การที่เขามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคนเก่ง จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ


3. คนเก่งต้องการปิดทุกประตูความเสี่ยง ..การที่คนเก่งยอมทำงานให้ใคร ก็เพราะคนนั้น ยอมรับความเสี่ยงแทนให้ ลงเงินให้ รับความเสี่ยงแทน ..ปิดประตูความผิดพลาดให้


4. คนเก่งต้องการการยอมรับในผลงานที่ตัวเองทำ สิ่งนี้สำคัญกว่าเงินเสียอีก (คนเก่งไม่เคยอดตาย เพราะเขาเอาตัวรอดได้เสมอ แต่การได้รับการยอมรับต่างหากที่สำคัญกว่า)  ..เงินก็ดี แต่การยอมรับสำคัญที่สุด 


5. รางวัลที่ดีพอ ...เศรษฐีสามารถรักษาคนเก่งได้ เพราะเศรษฐีให้รางวัลคนเก่งมากพอที่ไม่คุ้มจะไปทำงานที่อื่น ..คำว่า ไม่คุ้ม คือ 'ให้ผลตอบแทน น้อยที่สุด แต่เพียงพอที่จะไม่คุ้มไปทำงานที่อื่น' ..Always Underpaid!!


สรุป 'การบริหารเวลา' คือ การรู้จักใช้คนเก่ง รู้จักการดูแลคนเก่ง ให้คนเก่งมาร่วมทำงานตามเป้าหมายยิ่งใหญ่ที่เราฝันไว้


ถ้าบริหารคนเก่งได้ คุณจะเป็นคนสุดท้ายของตระกูลที่รู้จักคำว่า ยากจน


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2567

7 สิ่ง ที่จะต้องดูในการเล่นหุ้นไทยขาขึ้น รอบใหม่

 7 สิ่ง ที่จะต้องดูในการเล่นหุ้นไทยขาขึ้น รอบใหม่


1. ‘เด้งจากหุ้นใหญ่‘ …ในการเริ่มขาขึ้นรอบใหม่ จะเริ่มจากหุ้นใหญ่ เพราะ เม็ดเงินต่างๆ จะเข้ามาที่หุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นฐานสำคัญของการขึ้นรอบใหม่


2. ’เงินฝรั่ง Fundflow ไหลเข้า‘ ….อันนี้สำคัญเพราะ ถ้าตลาดไทยจะขึ้นได้จริง ต้องอาศัย Fundflow ที่ไหลเข้าจริงจัง และ ต่อเนื่อง อย่างน้อย 1 ปี 


3. ‘ทิศทางของเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ’ …จริงๆ เงินบาทอ่อน ดีต่อประเทศส่งออกและเน้นการท่องเที่ยวแบบบ้านเรา …แต่ตลาดหุ้นมักจะเป็นขาขึ้น ในช่วงที่ทิศทางเงินบาทแข็งค่า ….แสดงถึง เงินไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง


4. ’การเทรดจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ’ …ในขาลง การเทรด มักจะยาก แต่ตลาดขาขึ้น เราจะเริ่มรู้สึกว่า การเทรดง่ายขึ้น เป็นการ Confirm ภาพขาขึ้นจริงๆ 


5. ‘การเมืองนิ่ง‘ …ตรงนี้นโยบายต่างๆ ต้องชัดเจนต่อเนื่อง …เพราะ ฝรั่ง เขามองการเมืองเป็นส่วนสำคัญมากในการตัดสินใจลงทุน


6. ’หุ้นแถวสองเริ่มทำงาน‘ …หุ้นแถวแรก ก็คือ หุ้นใหญ่ จากนั้น พอหุ้นใหญ่วิ่งไปถึงราคาเป้าหมาย ตลาดก็จะเปลี่ยนกลุ่มเล่น มาหาหุ้นแถวสอง …เสี่ยงกว่า แต่โอกาสเด้งก็จะไกลกว่า


7. ’จบด้วยปลาหมึกแถว 3’ …ก่อนตลาดจะจบรอบ ก็จะมีการปลุกผี หาหุ้นแถว 3 เป็นช่วงที่ เจ้าเข้า ..คึกคัก …แล้วก็จะจบวงจรของขาขึ้นครั้งใหม่


วนเวียนไป ตาม วัฏจักร และ Market Cycle


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2567

7 เรื่อง เบื้องลึกเบื้องหลังของคำว่า ‘เงิน’ ในโลกปัจจุบัน

 7 เรื่อง เบื้องลึกเบื้องหลังของคำว่า ‘เงิน’ ในโลกปัจจุบัน


1. ‘เงินในปัจจุบัน เป็นเงิน Fiat’ …เงิน Fiat สร้างจากหนี้ แปลว่า เงินในปัจจุบัน ไม่ได้มีสินทรัพย์เช่น ทอง หนุนหลัง แต่มี หนี้ หนุน …ดังนั้น เงินปัจจุบัน สร้างจากหนี้


2. ‘ในระยะยาว หนี้มีแต่เพิ่ม ดังนั้น มูลค่าเงินจะลดลงเสมอ‘ …หนี้ในโลกนี้ไม่เคยลดลง มันต้องเพิ่ม ดังนั้น มูลค่าของเงินทุกสกุลก็ย่อมลดลง สิ่งนี้เรียกว่า ’เงินเฟ้อ’


3. ‘ทำไมไม่เอาทอง กลับมาใช้หนุนเงินเหมือนในอดีต’ …อย่างแรกคือ ทองคำ ไม่ได้มีปริมาณมากพอจะเอามาเป็นตัวค้ำเงินทั้งโลก และสอง ..ถ้าใช้ทองคำ หนุนเบื้องหลังเงิน โลกจะเข้าสู่ ‘เงินฟืด‘ และ โลกจะเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ เพราะ เศรษฐกิจจะไม่หมุนเวียน คนจะไม่ใช้เงิน ‘เพราะเก็บเงิน คุ้มกว่าใช้‘ ..ธุรกิจจะย่ำแย่ 


4. ’ทำไมไม่ใช้ Bitcoin มาหนุนแทนเงิน’ …ก็เหตุผลคล้ายๆ ทองคำ …เพราะ Bitcoin ก็ถูกกำหนดให้มีจำนวนที่จำกัด คล้ายๆ ทองคำ ดังนั้น ไม่สามารถเอามาใช้หนุนหลังเงินได้ 


5. ‘แสดงว่าเงินไม่ใช่สินทรัพย์‘ …เงินไม่ใช่สินทรัพย์ เพราะ สินทรัพย์ คือ สิ่งที่มีจำนวนจำกัด ทำให้ระยะยาว สินทรัพย์จะมีราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตรงข้ามกับเงินที่ระยะยาวต้องมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆ สวนทางกับสินทรัพย์ 


6. ‘สาเหตที่คนรวยยิ่งรวย และคนจนยิ่งจน เพราะอะไร’ …ก็เพราะคนรวย หาเงิน มาเพื่อซื้อสินทรัพย์แล้วเก็บสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนทั่วไป แค่หาเงิน มาใช้ยังแทบไม่พอ จึงไม่สามารถสะสมสินทรัพย์ …พอเวลาผ่านไปราคาสินทรัพย์มีแต่เพิ่ม …ความแตกต่างของความร่ำรวยก็ยิ่งสวนทางกันไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่วิกฤต !!


7. ‘จุดวิกฤต ของระบบเงิน Fiat จะเกิดอะไรขึ้น‘ …จุดวิกฤตคือ คนรวย ครอบครองสินทรัพย์มากเกิน จนคนทั่วไป ไม่สามารถทำงานหาเงินปกติ แล้วยังไม่สามารถอยู่ได้


 …ทางแก้ คือ หนึ่ง ลดความเหลื่อมล้ำ (พูดง่าย ทำยาก หลักคือ ต้องทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลด แต่ต้องทำให้รายได้เพิ่ม) เช่น การขึ้นภาษีในการครอบครองสินทรัพย์ (ที่หนักสุดคือ บ้านและที่ดิน) , เพิ่มภาษีมรดก 


สอง ลดเงินเฟ้อ …แบบง่ายที่สุด ก็คือ การขึ้นดอกเบี้ย 


สาม เพิ่มทางเลือกในสกุลเงิน ที่มากกว่าแค่ US dollar 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

7 ข้อควรรู้ การลงทุนยาว กับ การเทรดสั้น อะไรรวยเร็วกว่าในเวลานี้

 7 ข้อควรรู้ การลงทุนยาว กับ การเทรดสั้น อะไรรวยเร็วกว่าในเวลานี้


1. ‘การเทรดได้เงินเร็วกว่า’ …แต่ข้อเสียก็คือ เสียเงินเร็วพอๆ กัน ถ้าจับจังหวะไม่ดี 


2. ‘ถ้าตลาดออกข้าง Side way การเทรดจะกำไรกว่า‘ …ในกรณีที่ตลาดไร้ทิศทาง การทำกำไรสั้นๆ ย่อมทำเงินได้มากกว่า


3. ‘ถ้าตลาดขึ้นเยอะ การถือยาวจะรวยกว่า‘ …ถ้าหุ้นขึ้นรอบใหญ่ การถือทนรวย จะได้กำไรแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า


4. ’ใคร Stop Loss ไม่เด็ดขาด ไม่ควรเทรด‘ …หัวใจของการอยู่รอดในระยะยาวของการเทรด คือ ถ้าผิดทางต้องขายทิ้ง Stop Loss ทันที …ถ้าทำไม่ได้ อย่าเทรดสั้น


5. ’หัวใจของการถือยาว คือ กระจายความเสี่ยง’ …จริงๆ ก็คล้ายๆ การ Stop Loss แต่การถือยาว จะใช้การกระจายความเสี่ยง ในการกำหนด % ในการซื้อหุ้นแต่ละตัวให้เหมาะสม ไม่เสี่ยงในหุ้นตัวไหนเกิน จนพอร์ตโย้


6. ‘สภาพคล่องของหุ้นตัวนั้นๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่บอกว่าเราควรเทรด หรือถือ’ …หุ้นที่สภาพคล่องต่ำ จริงๆ ไม่ควรเทรด เพราะ อาจทำให้เราติด และไม่สามารถ Stop Loss ในจุดที่เรากำหนด ทำให้ขาดทุนหนักได้


7. ‘หุ้นที่สภาพคล่องต่ำ ถือยาว อาจช่วยให้กำไรได้มากขึ้น‘ …หลายคนเห็นหุ้นบางตัว สภาพคล่องต่ำ ไม่ค่อยมีการซื้อขาย แต่จริงๆ หุ้นแบบนี้ ถ้าเราจับจังหวะดี ก็กำไรได้เยอะเหมือนกัน ….แนวคิดนี้คือ ‘ซื้อหุ้นตอนซื้อยาก แล้วถือไปขายตอนขายง่าย‘ นั่นเอง


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

7 ความแตกต่างระหว่าง ลงทุนหุ้นไทย กับ หุ้นโลก

 7 ความแตกต่างระหว่าง ลงทุนหุ้นไทย กับ หุ้นโลก


1. ‘Level Playground’ …เดิมทีคนที่สามารถไปลงทุนต่างประเทศต้องเป็นคนรวยมากๆ ใช้เงินเยอะ แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว ใครก็เริ่มลงทุนได้หมด


2. ’หุ้นต่างประเทศ เวลาเติบโตมันไปหลายเด้งๆ มาก’ …ยกตัวอย่าง อเมริกาและจีน ที่เขาขายสินค้าไปทั่วโลก ..หุ้นเลยสามารถโตได้เป็น 100 เป็น 1,000 เท่า ในขณะที่หุ้นไทย ส่วนใหญ่คือขึ้นลงเป็นรอบ เพราะเราไม่ได้ Scale ได้ขนาดนั้น


3. ’ความหลากหลายในสินทรัพย์ที่ลงทุน‘ …ในต่างประเทศมีสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า แต่เราก็ต้องศึกษาหาความรู้ที่เยอะกว่า


4. ‘รอบ ที่ไม่เหมือนกัน’ …การลงทุนระยะยาวต้องยอมรับว่า การซื้อต้นรอบ กับ การซื้อปลายรอบ ให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง …การไปลงทุนประเทศไหน จึงต้องดู‘รอบ’ให้ดี


5. ‘ค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน มองข้ามไม่ได้’ …หลายคนตกม้าตาย เพราะ กำไรหุ้นแต่ขาดทุนค่าเงิน …ค่าเงินคือภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ ต้องศึกษาให้ดี


6. ’เรื่องของภาษี ที่ต้องดู‘ …การเสียภาษี ในสินทรัพย์บางอย่าง อาจทำให้ไม่คุ้มในการลงทุน เราต้องประเมินความคุ้มในเรื่องภาษีให้ดีด้วย


7. ‘Geopolitic การเมืองเรื่องใกล้ตัว’ …ทุกวันนี้การเมืองระหว่างประเทศ จะมีผลในการลงทุนระยะยาวอย่างมาก เพราะ มันคือเทรนด์การลงทุนในภาพใหญ่


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ