‘สนามแข่ง หาเงิน ที่เปิดกว้าง และใหญ่ขึ้น’
ตั้งแต่เด็กจนโต โดยเฉพาะเด็กไทยอย่างผม ...ผมมีความคิดที่จะร่ำรวย เหมือน IDOL อย่าง Bill Gates หรือ Steve Jobs และเศรษฐีระดับโลกอีกหลายคนๆ
มันทำให้ผมชอบศึกษาประวัติเศรษฐี และ เส้นทางการสร้างตัวของคนเหล่านี้
สิ่งที่น่าสนใจคือ ‘คนเหล่านี้ ล้วนมีวิธีหาเงิน ที่ไม่เหมือนเรา’ ....ไม่เหมือนยังไง มาดูกัน
1. ‘คนเหล่านี้ ไม่ได้สนการหาเงินแบบคนทั่วไป’ ..ที่พยายาม ทำงานหนักแล้วเก็บเงินให้มากๆ เพื่อวันนึงจะได้สบาย ..แต่เขาสนใจ และ หมกมุ่น ที่จะสร้างอะไรบางอย่าง
เช่น Reed Hasting ผู้ก่อตั้ง Netflix เขาอาจจะเริ่มจาก ธุรกิจให้เช่าวีดีโอเล็กๆ ออนไลน์ แต่จริงๆ สิ่งที่เขาต้องการสร้างคือ การต้องการสร้างธุรกิจร้านวีดีโอของเขา ให้ทุกคนสามารถเช่าวีดีโอ โดยที่ไม่ต้องคืนก็ได้ ด้วยราคาที่ถูกที่สุด ...สิ่งนี้คือ การตอบสนองฝันของคนมากมายในโลก ที่อยากดูหนังดีๆ ในราคาถูก แล้วก็ไม่อยากจะต้องมีภาระ ในการที่จะต้องดูตามเวลา หากไม่คืนตามเวลาก็โดนค่าปรับ (จนบางครั้ง ค่าเช่าวีดีโอ มันแพงกว่าซื้อวีดีโอเสียอีก) ...ไหนจะปัญหา วีดีโอ ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเก็บ รกบ้าน แล้วถ้าไม่ดูนานๆ ก็เสียหาย
วันนี้ Netflix ยก ร้านวีดีโอ มาให้ทุกคนสามารถ ดูอะไรก็ได้ ในราคาต่อเดือนที่ถูกกว่าเดิมมาก ...วันนี้ เขาเดินมาไกล มีลูกค้าเป็นร้อยล้านคนที่ชอบ idea นี้ แล้วยอมจ่ายเงินเป็นลูกค้า
2. ‘คิดทำ คิดแก้ปัญหา ในสิ่งที่ไม่เคยมี’ ...ในอดีตหากเราอยากจะสั่งอาหารมากินที่บ้าน ..มีแต่ Pizza ครับ ..ซึ่ง Pizza Delivery ในสมัยนั้น โคตรล้ำ ...คนทำสำเร็จ วันนี้เป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทยไปแล้ว คือ คุณ บิว เฮเนกกี้ ผู้ก่อตั้ง Minor Group จากร้าน Pizza เป็นอาณาจักรอาหารที่ให้บริการคนทุกเพศ ทุกวัย
วันนี้ล้ำกว่าเดิม ...เราสามารถสั่งอาหาร ในร้านดัง ที่เดิมต้องต่อคิว ...มาส่งบ้าน โดยไม่ต้องต่อคิว เกิดเป็น ธุรกิจดาวรุ่ง อย่าง Line Delivery , Wongnai ...เส้นทางของกลุ่มหลังเป็นจุดเริ่มต้นที่รอการพิสูจน์ ...แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ คนเหล่านี้ พยายามคิดและแก้ปัญหาในสิ่งที่ไม่มี และ นั่นคือ หัวใจของคำว่า “โอกาสในยุคนี้”
3. ‘คิดใหญ่ หน้าตาเป็นอย่างไร’ ...ถ้าคิดปกติ แค่ทำงานหนัก เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ก็ไม่ง่ายแล้ว ...แต่คนเหล่านี้ไม่เคยคิดแค่นั้น ...เขาคิดว่า สิ่งที่ทำ จะเลี้ยงคนเป็นล้านคนได้อย่างไร
ถ้าสิ่งที่เราทำ เพื่อเลี้ยงตัวเรา แก้ปัญหาให้ครอบครัวเรา ก็ไม่ผิด แต่มันโตไม่ได้ ...ถ้าคิดใหญ่ ต้องตั้งโจทย์ใหม่ว่า ‘ถ้าสิ่งที่ฉันทำ จะเลี้ยงคน 1 ล้านคนได้อย่างไร ?’ - อันนี้คิด การเริ่มตั้งโจทย์ใหญ่ ที่ต้องใช้พลังสมอง และ แรงกายมหาศาล
4. ‘ภาษา เป็นอุปสรรคของเราใช่หรือไม่’ ...อันนี้คือ ขนาดของตลาด ที่เราอยากตอบสนอง
ถ้าเราคิดที่จะ เอาของมาขาย คนในซอย เราก็คือ ‘ร้านชำหน้าปากซอย’
แต่ถ้าเราจะขายของให้คนทั้งโลก คุณอาจเป็น Amazon หรือ Alibaba
ความยากของคนไทย คือ เราถูกจำกัดที่ภาษาไทย เพราะ ประเทศเราใหญ่เพียงพอที่จะคิดเล็ก ...คิดขายคนในประเทศก็พอกิน
ต่างจากประเทศเล็กๆ อย่าง สิงคโปร์ หรือ ฮ่องกง ที่เล็กเกินกว่าจะขายคนในประเทศ ...เขาจึงต้องคิดใหญ่
เมื่อคิด เลยภาษา เราก็จ้างลูกน้องฝรั่งได้ ...ตัวอย่างที่น่าสนใจของคนไทย อย่าง King Power ..ถ้าใครคิดว่า จะหาเฉพาะคนไทยที่เตะบอลเก่ง แล้ววันนึงฉันจะไประดับโลก อาจไปไม่ถึงฝัน
แต่ King Power ไปอังกฤษเลย ...เอานักบอลระดับโลกมาเป็นลูกทีม ...ก็เหมือนบริษัทไทย ถ้าเราคิดแบบว่า ต้องเอาคนไทยไปชนะทั้งโลก อาจไปไม่ถึง
แต่ลองเปลี่ยนโจทย์ ...แล้วถ้าทรัพยากรเราคือ ทั้งโลก ...คราวนี้ ข้อจำกัด ตรงนั้นก็จะหายไป
...คุณ ธนินท์ แห่ง CP เคยกล่าว ไว้ว่า ‘คนเก่งทั้งโลก เป็นของ CP ..ทรัพยากรทั้งโลก ก็เป็นของ CP’ ...โคตรล้ำ !!
ต่อไป เราจะเริ่มเห็น ธุรกิจระดับโลกที่เป็นของคนไทย เพราะ นักธุรกิจรุ่นใหม่ เขาเปิดใจเรื่องนี้ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่ม
......
ที่เล่ามา คือ ส่วนเล็กๆ ที่โลกนี้ กำลังจะ เปลี่ยนไป ...โอกาสมันมากขึ้น สนามมันเปิดขึ้น
....ผมได้เรียนรู้ว่า ...ข้อจำกัดที่แท้จริง มันคือ ‘วิธีคิดของเรานั่นแหละ’
ไม่ใช่ฝรั่งเก่งกว่า เรา แต่เขาเปิดใจ เดินทางไปค้าขายทั่วโลก ตั้งแต่สมัยพระนารายณ์แล้ว ...เขาสั่งสม วิธีคิด แล้วส่งต่อให้รุ่นต่อๆ มา
แต่วันนี้ ผมเชื่อว่า ‘เมื่อคนไทย เดินทางมากขึ้น เห็นโลกมากขึ้น ...เราก็สามารถเติบโต ก้าวหน้าได้ไม่แพ้ใคร’
ถ้าวันนี้ใครติดปัญหา ลองถอยมามองความคิดตัวเองใหม่ ...บางครั้ง มันอาจจะแค่เส้นผมบังภูเขา ที่กั้นไม่ให้เราเดินต่อ ก็เป็นได้
- สินค้าและบริการของฉัน ขายให้ทั่วโลก
- เราจ้างคนเก่ง จ้างฝรั่งเป็นลูกน้องก็ทำได้
- สิ่งที่ไม่เคยถูกแก้ปัญหา อาจเป็นโจทย์ตั้งต้น ที่พาให้ฉันเป็นเศรษฐีระดับโลก
- ถ้าติดเรื่องภาษา ก็เรียน ก็แก้ปัญหาได้
- อะไรที่ฉันไม่เก่ง ก็หาคนเก่งมาร่วมกันได้
- เงินไม่มี อาจไม่อยู่ที่เงิน แต่อยู่ที่ Idea มันยังไม่ดีพอ
...ถ้า Jack Ma ตอนเริ่มสร้าง Alibaba ตอนไม่มีเงิน แล้วสามารถกล่อมให้ Joe tsai นักการเงินดาวรุ่ง เงินเดือนล้าน ให้มาทำงานเงินเดือนไม่กี่พันให้ Jack Ma ได้ ....ก็แปลว่า มันไม่ได้อยู่ที่ ไม่มีเงิน ...แต่มันอยู่ที่ เรา ต่างหาก !!
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม