‘ความมหัศจรรย์ของจีน ...เราเรียนรู้อะไรได้ จากจีน’
ปี 1978 ประเทศจีนมี GDP แค่ $150 Billion ...แต่ปัจจุบัน GDP ของจีน แซงทั้ง เยอรมัน , อังกฤษ , ญี่ปุ่น ขึ้นมาเป็นที่ 2 ของโลกที่ $17,000 Billion ($ 17 Trillion) เป็นรองแค่อเมริกา ที่ $19 Trillion
แปลว่า 30 กว่าปีที่แล้ว จีนเศรษฐกิจเล็กกว่าประเทศไทยในเวลานี้เสียอีก ...วันนี้ GDP ของไทย เรา คือ $455 Billion (อยู่ในอันดับที่ 26 ของโลก)
พูดตัวเลขมาก งง เปล่าๆ ...เอางี้ ‘จะบอกว่า จีนขยายเศรษฐกิจประเทศ เร็วมาก ถ้าย้อนไปไม่กี่สิบปีที่แล้ว คนจีน ส่วนใหญ่ยังจนกว่าคนไทย’
ก็สมัยก่อนที่ คนจีนโพ้นทะเล นั่งสำเภาหนีความจนจากจีนไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งเมืองไทย ...สมัยนั้นจีนยากจนมาก ...พี่น้องที่มาตั้งตัวได้ในต่างประเทศ ต้องส่งเงิน ส่งของไปช่วยเหลือ
เผลอแป๊บเดียว วันนี้ GDP ต่อหัวของคนจีน แซงไทยไปแล้ว แปลว่า ‘ค่าเฉลี่ยคนจีนวันนี้ รวยกว่าคนไทยไปแล้ว’
จุดที่น่าสนใจ คือ จีนเพิ่งมาเปิดประเทศจริงจังเมื่อ 1978 สมัย เติ้ง เสี่ยวผิง เป็นประธานาธิบดี ..ไม่ถึง 40 ปีเลย ...เวลานั้น จีนยังเดินทางมาดูงานประเทศไทยเลย ...แต่หลักๆ ที่จีนไปดูคือ สิงคโปร์
จีนพยายามศึกษาว่า ในเวลาสั้นๆ สิงคโปร์ ทำให้เศรษฐกิจโตได้อย่างไร ...ก็ได้ขอความร่วมมือ จากลีกวนยู ให้ไปสร้างนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ในประเทศจีน พาคนไปลงทุน ....จากวันนั้นถึงวันนี้ จีนกลายเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก ขนาดที่อเมริกายังกลัว
เพราะจีน มีทั้งอุตสาหกรรม ..เทคโนโลยี ..เงิน ...คน ..และ ก็ Jack Ma
เฮ้ย!! Jack Ma ด้วยหรือ ?
ใช่!! วันนี้ผมว่า เรามีอะไรที่ต้องเรียนรู้จากจีนเยอะทีเดียว ...จากประเทศที่ไม่มีเทคโนโลยี วันนี้มีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ..ทำดาวเทียมได้ ...ทำเครื่องบินของตัวเองได้ ...IT Start up ก็ทำอเมริกาอายเลย - ทำได้ไง ?
1. ‘หมั่นเรียนรู้’ ...ต้องยอมรับว่า คนจีน ก๊อปปี้เก่งมากๆ แถมไม่ใช่แค่ก๊อปปี้เฉยๆ ...เขาต่อยอดด้วย ..จำได้โทรศัพท์มือถือ ..อเมริกาออกมายังไงก็มี ซิมเดียว ...ของจีนได้หลายซิม ...ตัวอย่างนี้ขำขำนะ แต่จะบอกว่า จีนนอกจากเรียนรู้แล้ว ต่อยอดด้วย
จีนให้ความสำคัญกับการศึกษามาก ...แข่งกันเรียนสุดๆ ...ถ้าวัดกันตรงๆ จีนน่าจะมีคนจบปริญญามาก และ สูงที่สุดในโลก (นี่คือ แรงงานความรู้ ที่ต่อยอดได้มากที่สุดในยุคนี้)
2. ‘ทำอะไร ใหญ่สุดๆ’ ...ตรงนี้เป็นความได้เปรียบส่วนนึงในเรื่องของความใหญ่ของประเทศ ..ทำให้เวลาจีนทำอะไร จะทำใหญ่ ทำเยอะ เน้นผลิต Mass
3. ‘อุตสาหกรรมแข็งแรง’ ...จีนเน้น การผลิต จึงมีโรงงานเยอะมาก ...จุดนี้เอง เป็นการสร้างแรงงานคุณภาพ จำนวนมาก ที่ประเทศอื่นทำไม่ได้ ...อย่าง Apple CEO คุณ Tim Cook เคยให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้คนที่คิดว่าจีน คือ ฐานการผลิตราคาถูก อาจต้องคิดใหม่ เพราะวันนี้แรงงานจีน แพงแล้ว ....แต่สิ่งที่จีนมี ในขณะที่อื่นทำไม่ได้ คือ แรงงานคุณภาพ ในพื้นที่เดียวกัน จำนวนมหาศาล ต่างหาก ที่หาไม่ได้ใน Scale นี้
4. ‘สภาพแวดล้อม ที่เอื้อในการต่อยอด’ ...วันนี้เราอาจรู้จัก Silicon Valley ในอเมริกา แต่จริงๆ ที่อเมริกา เก่งในเรื่อง Software ...ถ้าพูดถึงเรื่องการทำสินค้าจริงๆ หุ่นยนต์ สินค้า อุปกรณ์ ที่จับต้องได้ ต้องมาที่เซินเจิ้น (Shenzhen = Silicon Valley of Hardware) ...นี่คือ ฐานทัพของ innovation startup ในสินค้าที่จับต้องได้
5. ‘การที่ไม่ยึดติด รูปแบบการค้าเดิมๆ’ ...วันนี้จะเห็นว่า ecommerce ของจีน แซงอเมริกาไปแล้ว ...เพราะ อเมริกา การค้าออนไลน์เป็นแค่ส่วนเสริมจากการค้าปกติ ...แต่จีนการค้าออนไลน์ คือ การค้าหลัก ...เพราะ การค้าเดิมในจีน ไม่มีด้วยซ้ำ
ทำให้คนรับออนไลน์ เป็นการค้าหลักได้ทันที
ข้อดี คือ จีนไม่ต้องไปลงทุนสร้างระบบการค้าแบบเดิม ที่เป็นค้าส่ง ค้าปลีก สร้าง ห้างสรรพสินค้า สร้างร้านค้า ..เขาตัดจากโรงงาน ส่งถึง ลูกค้า ตรงเลย ...เขาเลยสร้างธุรกิจออนไลน์เร็ว และล้ำหน้าอเมริกาไปแล้ว อย่างเช่น
- การส่งของที่รวดเร็ว เพราะ มีธุรกิจรายย่อยส่งสินค้าจำนวนมหาศาล พวกนี้เก่งและเร็วกว่า บริษัทขนส่งระดับโลก เพราะเขาคือคนท้องถิ่น
- เงินออนไลน์ วันนี้จีนรับเงินออนไลน์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
6. ‘การสนับสนุนธุรกิจโดยภาครัฐ’ จะเห็นว่า จีนเป็นไม่กี่ประเทศ ที่ Amazon เจาะไม่ได้ , Google เข้าไม่ได้ , Facebook ก็เข้าไม่ได้ ...ขนาดโปรแกรม chat ก็มี wechat ของตัวเอง ซึ่งทำได้มากกว่า ทั้งซื้อสินค้า จ่ายเงิน เป็นกระเป๋าสตางค์
ประเทศส่วนใหญ่ เสียอธิปไตยในออนไลน์เรียนร้อย ยกเว้นจีน
7. ‘สิ่งที่เราควรเรียนรู้จากจีน คือ การขายออนไลน์ และ การสร้างระบบการค้า การส่งสินค้า ให้ได้แบบจีน’
....จริงๆ ไทยเราคล้ายจีน เราเป็นฐานการผลิตของโลก ...เราต้องเอาวิธีการขายของจีนมาปรับใช้ ...โรงงาน สู่ลูกค้าปลายทาง !!
เคล็ดลับความสำเร็จของจีน ก็คือ การค้า
ยิ่งสามารถเคลื่อนสินค้าได้เร็ว และ ชำระเงินง่าย ก็จะยิ่งเกิดการค้าขายมหาศาล ...ยิ่งเกิดการหมุนเวียน ทุกคนก็จะยิ่งได้ประโยชน์
ยุคนี้ต้องเร็ว มันเป็นยุคที่พ่อค้า แม่ค้า กำลังมาแรง
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น