แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !!

 7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !!


1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขันน้อย …ยิ่งน้อย แปลว่า การแข่งขันสูง


2. ’Income’ …รายได้ อันนี้ ดูขนาดตลาด ใช้ร่วมกับ ข้อ 1 จะช่วยให้ภาพครบ …สมมุติว่า NPM ดีแปลว่า การแข่งขันไม่สูง แต่ถ้า รายได้น้อย แปลว่า ตลาดมันเล็ก …ต้องสงสัยต่อว่า มันขยายได้ไหม ?


3. ’Debts’ …หนี้สิน ลองเทียบกับ ส่วนของเจ้าของ และ ก็เทียบกับยอดขาย และกำไร …ยุคนี้ ดอกเบี้ยกำลังขึ้น ต้องระวังเรื่องการสร้างหนี้


4. ’การจ่ายปันผล’ …ประวัติการจ่ายปันผล สามารถดูความถูกแพงของหุ้นด้วย …เช่น บริษัทที่จ่ายน้อยกว่า 1% เราจะเริ่มสงสัยว่า ราคาหุ้นแพงไปรึเปล่า ?


5. ‘P/BV ที่สูงมากๆ’ …ตัวนี้เทียบดู ต้นทุนเจ้าของ ถ้ามันสูงมาก เราต้องสงสัยว่า หุ้นแพงไปรึเปล่า ?


6. ’Market Capitalization’ …มูลค่าทั้งบริษัท …เราต้องดูว่า ถ้าซื้อทั้งบริษัท ธุรกิจสามารถสร้าง ยอดขาย กำไร ปันผล ให้เราคุ้มกับราคาที่เราซื้อหรือไม่ ?


7. ’Free Float’ …ดูสัดส่วนที่รายย่อยถือครองหุ้น …สูงๆ แปลว่า เจ้าของถือน้อย ไม่ค่อยดี …ถ้าต่ำๆ แปลว่า เจ้าของถือเยอะ จริงๆ ดีกว่า


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน

 7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน


1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 


2. ‘ข้อเสนอของเขามัน Too Good (to be true)’ …เขาจะเสนออะไรที่ผลตอบแทนมันดูดีเกินปกติ …เช่น ฝากธนาคารอย่างมากได้ 1% …เขาให้เลย 10%


3. ’เขาใช้ชีวิตหรูหรา ไฮโซกว่าเรามากๆ’ …เอาตรงๆ มันก็ไม่ make sense แล้ว ที่เศรษฐี หรือไฮโซ จะมาขอกู้ หรือขอเงินลงทุน กับคนปกติอย่างเรา …ไม่แปลกเหรอ ? ’คนขับ Lamborghini มาขอเงินคนขับ Toyota ???


4. ‘มีสินทรัพย์ค้ำประกัน น่าเชื่อถือ’ …เอาที่ดิน มาค้ำ พอเอาจริง เราไปยึดอะไรไม่ได้ …เอาหุ้นมาค้ำ เอาจริงเราขายไม่ได้ หรือ พอขายได้ราคาหุ้นพังไปแล้ว …ไม่ได้ซวย แต่เขาวางแผนมาดีแล้ว …เช็นต์เช็คให้ล่วงหน้า พอเอาจริง เด้ง!!


5. ‘เราไม่เข้าใจโปรเจคของเขาเลย’ …ส่วนใหญ่เขาจะพูดเรื่องที่เราไม่เข้าใจ …เพราะถ้าเราเข้าใจเราจะรู้ว่า สิ่งที่เขาเสนอมันเป็นไปไม่ได้ …แปลว่า จริงๆ เราต้องไม่ลงทุนในสิ่งที่เราไม่เข้าใจนั่นเอง


6. ‘อ้างชื่อว่า คนนั้นคนนี้(ที่น่าเชื่อถือ) ก็ลงเหมือนกัน’ …โห!! ขนาดคนระดับนั้น ยังลงเหมือนกัน เราต้องลงด้วยแล้ว …ที่ไหนได้ คนมีชื่อเสียงคนนั้นก็โดนหลอกเหมือนกัน 


7. ’สุดท้าย เราต้องดูแลตัวเอง’ …เอาตรงๆ ในโลกการลงทุน การเสียหาย โดนหลอก มันเป็นของคู่กัน …กลับมาที่เราเองต้องลงทุนแบบ Money Management ที่ดี นั่นคือ ‘กระจายความเสี่ยงให้เหมาะสม‘ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม






วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ

 6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ 


หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 


1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้นใหญ่จะทนทานต่อเศรษฐกิจผันผวนได้ดีกว่า 


2. ’ดูการจ่ายปันผล ต่อเนื่องในอดีต‘ …ประวัติการจ่ายปันผลที่ผ่านมา ช่วยให้เราเห็นความสามารถในการจ่ายปันผล


3. ’บริษัทต้องไม่มีหนี้มากจนเกินไป’ …ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก บริษัทต้องพยายามลดหนี้ เพื่อเตรียมรับกับดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้


4. ‘ทำธุรกิจที่มีอนาคต และเข้าใจง่าย’ ..การที่ธุรกิจเข้าใจง่าย เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้หุ้นปันผลยาวๆ 


5. ’ผู้ถือหุ้นใหญ่ น่าเชื่อถือ’ …ใช่!! เราไม่เอาพวกหุ้นที่ผู้บริหาร หรือเจ้าของ มีประวัติไม่ดี …เน้นเจ้าของดี


6. ’ต้องซื้อในเวลาที่ RSI อยู่ข้างล่างเท่านั้น’ …หุ้นพวกนี้โตน้อย ถ้าไม่ได้ซื้อเวลา RSI ถูกๆ ก็ไม่ควรซื้อแล้ว 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0

 6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0


1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ


2. ‘Deregulation แก้กฏระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการทำธุรกิจ’ …กฏระเบียบต่างๆ ของอเมริกาก่อนหน้านี้ ไม่เอื้อในการแข่งขัน ต้องลดความยุ่งยาก ให้ธุรกิจเติบโดได้


3. ’ลดภาษี ทั้งบริษัทและบุคคล & เพิ่มภาษีประเทศคู่ค้า’ …อันนี้จะช่วยให้บริษัทและคนอเมริกัน เหลือเงินในกระเป๋าเพื่อจับจ่ายใช้สอยคล่องตัวขึ้น …บวกกับการตั้งกำแพงภาษี ประเทศที่เกินดุลอเมริกา (อันนี้จีน กระทบมากที่สุด)


4. ‘Crypto 2.0’ …จะให้อเมริกาเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายจริงจัง ถูกกฏหมาย …อันนี้เอาใจคนรุ่นใหม่ …ถ้าทำได้จะเกิดธุรกิจใหม่มากมายที่เติบโตรายรอบ Crypto


5. ‘เปลี่ยนสงครามโลก เป็นสงครามการค้า’ …ลดความขัดแย้งต่างๆ ทุกวันนี้ที่กำลังเสี่ยงประทุเป็นสงครามโลก เช่น ยูเครน , ไต้หวัน …เปลี่ยนมาสู้กันทางการค้าแทน


6. ‘เข้าสู่ยุคที่เงินเฟ้อจะกลับมาอีกครั้ง’ …เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น โลกจะต้องสู้กับเงินเฟ้อที่แฝงตัวในสินทรัพย์ต่างๆ จุดนี้นักลงทุนต้องทั้งมอฃหาโอกาส และระวังตัว


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

6 ข้อ มาคุยกันเรื่อง Why Nations Fail ?

 6 ข้อ มาคุยกันเรื่อง Why Nations Fail ? 


สิงค์โปร์ไม่ทีทรัพยการเลย ทำไมรวย …เวเนซุเอลา มีน้ำมันมากที่สุดในโลก ทำไมจน ..แล้วสวิส ประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีพื้นที่ออกทะเลเลย ทำไมรวย ?


1. ‘ทำไมประเทศที่มีทรัพยากรเยอะๆ อย่าง Africa ถึงจนกว่า ประเทศเกาะเล็กที่ไม่ทีทรัพยากรเลย อย่าง สิงค์โปร์‘ ….เพราะโลกปัจจุบันความรวยจากการค้าขาย มันเยอะกว่าการขายทรัพยากร


2. ’ประเทศที่มี Institutions เข้มแข็ง รวยกว่า’ …เพราะ ประเทศที่ กฏระเบียบ และ รัฐบาลเข้มแข็ง อย่างเช่น ยุโรป …รวยกว่าประเทศที่สถาบันต่างๆ อ่อนแอ อย่างเช่นประเทศเอเชีย


3. ‘ประเทศที่ คอรับชั่นน้อย รวยกว่า ประเทศคอรับชั่นเยอะ’ …แน่นอนพอคอรับชั่นน้อย คนที่เก่งและสร้างงานคุณภาพ จะได้สร้างผลงานคุณภาพ …ต่างกับประเทศคอรับชั่นเยอะ ที่งานขึ้นกับแค่คอนเนคชั่น


4. ‘ประเทศที่มี Right to Property’ …เพราะ คนในประเทศสามารถสะสมความมั่งคั่งได้อย่างมั่นคง …ทำให้คนตั้งใจทำมาหากิน มากกว่าทะเลาะกัน …เช่น ประเทศประชาธิปไตย คนจะร่ำรวยกว่า คอมมิวนิสต์ 


5. ‘ประเทศที่ค่าเงินมั่นคง รวยกว่า’ …ยกตัวอย่าง ประเทศที่ค่าเงินแย่ เช่น เวเนซุเอลา แม้ว่า น้ำมันเยอะ แต่ค่าเงินอ่อนแอ คนก็ยากจน ….อย่าง ตุรกี แม้ว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว …แต่เกิด ปัญหา Hyperinflation ค่าเงินอ่อน ก็ทำให้คนยากจน สะสมความมั่งคั่งไม่ได้


6. ‘ประเทศที่มีคนเก่ง อยากย้ายเข้ามา ย่อมรวยกว่า’ …ตัวอย่างชัดๆ คือ อเมริกา คนเก่งจากทั่งโลกอยากย้ายเข้าไปอยู่ เลยสามารถดึงดูดคนเก่ง เข้าไปสร้างผลงาน และ ความมั่งคั่ง


สรุปคือ ประเทศจะร่ำรวย เมื่อ สถาบันต่างๆ เข้มแข็ง …คอรับชั่นน้อย …คนตั้งใจสร้างอาชีพ สร้างงาน และ สะสมความมั่งคั่งได้ ผ่านสินทรัพย์ในประเทศได้ ถึงจะร่ำรวยได้ นั่นเอง


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

5 ข้อ ชวนคุย Generation และการเปลี่ยนแปลง วิธีคิดและการใช้ชีวิต

 5 ข้อ ชวนคุย Generation และการเปลี่ยนแปลง วิธีคิดและการใช้ชีวิต


เราแบ่งมนุษย์เป็นหลายแบบ ถ้าแบ่งตามภูมิศาสตร์ คนแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน …แต่ถ้าตามอายุ ก็ทั้งเหมือนและแตกต่าง ยังไง ?


1. ‘Babyboomer’ อายุ 61-79 ขวบ …เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 …ทุกประเทศเริ่มต้นใหม่ รุ่นสร้างประเทศยุคใหม่ …‘ใครขยัน คนนั้นเจริญ‘ - ทำงานที่เดียวจนเกษียณ เน้นองค์กรใหญ่ที่มั่นคง เติบโตตามสายอาชีพ ตามลำดับ ..อดทนสูง ทำทุกอย่างเพื่อสร้าง ตระกูล ..เก็บความมั่งคั่งใน ที่ดิน , ทองคำ


2. ‘Gen X’ อายุ 46-60 ขวบ …ยุค Professional หรือ มืออาชีพ …ให้ความสำคัญกับอาชีพ (แต่ไม่ภักดี ต่อองค์กรเหมือนรุ่นก่อน  มีการเปลี่ยนงาน แต่ยังยึดมั่นในอาชีพ) …เน้นทักษะ …มีความยืดหยุ่นสูง เป็นผู้นำระดับสูงของธุรกิจปัจจุบัน …ลงทุนในหุ้นไทย , กองทุนไทย และ ธุรกิจส่วนตัว


3. ’Gen Y’ อายุ 29-45 ขวบ …ยุคอายุน้อยร้อยล้าน …อยากรวยเร็ว สำเร็จเร็ว …ไม่สนใจในวิธีการ …พยายามแหกกฏ (บางครั้งอาจแหกกฏหมาย) …อยากทำงานน้อยได้เงินเยอะ ชอบ Worklife balance …ลงทุนในหุ้น&กองทุน ทั้งไทยและหุ้นต่างประเทศ , ธุรกิจ Startup , สินทรัพย์ดิจิทัล


4. ‘Gen Z’ อายุ 16-28 ขวบ …ยุค Digital Native เกิดมาโลก Digital …ทำงานแบบ Multitask …เรียนรู้ด้วยตัวเอง …ต่อต้านกฏระเบียบเดิมๆ (อยากเปลี่ยนประเทศ / ประชาธิปไตย / ความเท่าเทียม) …อยากรวยเร็ว สำเร็จเร็ว มีเป้าหมายที่ชัดเจน …สนใจในหุ้น/กองทุน ต่างประเทศ , สินทรัพย์ดิจิทัล 


5. ‘Gen Alpha’ อายุน้อยกว่า 16 ขวบ …ยุค AI และ Global Citizen …เกิดมาในโลกที่ AI เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก …มองตัวเองเป็น Global Citizen…‘ชาวโลก‘ 


หลังจากนี้ Gen ต่างๆ จะค่อยถูกหลอมรวม เพราะ Technology ทำให้หลายๆ อย่าง ที่ในอดีตทำไม่ได้ ให้ทำได้ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม




บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ