‘หลักการสร้าง Billionaire กับ การเกิดขึ้นของคนบ้า มันมีเส้นแบ่งบางๆ เท่านั้นเอง’
ทุกวันนี้เราต่างพยายาม ร่ำรวย และ สำเร็จ ในชีวิต โดยการเล่นเกมเศรษฐี
ว่าแต่ เคยเล่นไหมครับ ‘เกมเศรษฐี’ หรือ ของฝรั่งคือ เกม Monopoly ...ตอนผมเด็กๆ นี่ชอบมาก ก็จะเรียกเพื่อนมา 3-4 คน มาเล่นเกมนี้
มันเป็นเกมจำลองของระบบเศรษฐกิจ ...โดยผู้เล่นทุกคนก็จะ ทอยลูกเต๋า แล้วก็เดินวนไปในกระดาน ...ความเด็ดมันอยู่ที่ พอใครเดินไปตกจุดไหน ก็สามารถซื้อที่ดินได้
หลายคนไม่รู้ว่า จริงๆ เคล็ดลับที่จะชนะเกมเศรษฐี มีเรื่องเดียว คือ พยายามซื้อที่ให้เร็วที่สุด แค่นั้นเอง
(คนที่เดินไปเรื่อยๆ ไม่ซื้อที่เลย สุดท้ายจะแพ้ เพราะเวลาเดินไปตกตรงไหน ก็ต้องจ่ายเงินให้เจ้าของที่ตลอด ...เทียบง่ายๆ คนที่ไม่ซื้อที่เลย ก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนคนนึง ที่ทำงานได้เงินเดือน แต่ไม่ซื้อสินทรัพย์เลย ..สุดท้ายจะแพ้)
ลองมาเทียบเกมเศรษฐี กับชีวิตจริง ก็ไม่ต่างกัน ...คนที่สะสมเงินสด สุดท้ายแพ้ ...ส่วนคนที่สะสมสินทรัพย์ สุดท้ายรวยกว่า ชนะ ...จะว่าไปแล้ว ผมว่าคนรุ่นผมเล่นเกมนี้ทุกคนนะ ..แต่เชื่อว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้สนหรอกว่า เกมนี้มันสอนอะไร ‘เดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายแพ้ ...เหมือนชีวิตจริงเลย (เศร้า) ทำงานไปเรื่อยๆ เวลายิ่งผ่านไป ยิ่งจน ไม่รวยซะที ...ก็มันไม่เข้าใจแก่นของเกมนั่นไง !!’
ชีวิตเราทุกวันนี้ ก็เหมือน ‘เกมเศรษฐี’ ..วิ่งวนทำสิ่งซ้ำซาก ทนอยู่ในระบบทุกนิยม เพียงเพื่อให้ระบบให้รางวัลเฉพาะคนมีสินทรัพย์ ...บอกตรงๆ ใครรู้เรื่องนี้ช้า นี่โคตรซวย
เอ่อ !! จริงๆ นึกอะไรสนุกละ ถ้าอยากสอนเพื่อนเรื่องการเงิน ให้เขามาเล่นเกมเศรษฐีด้วยกัน แล้วพอเพื่อนแพ้ คุณก็เฉลยว่า ‘เทคนิคการชนะคือ สะสมที่ดิน แค่นั้นเอง’
มีเทคนิคเพิ่มคือ ‘พวกบ้า’ ..ผมกับเพื่อนๆ เล่นเกมนี้บ่อย จนเบื่อกฏแบบเดิมๆ ...ผมกับเพื่อนๆ ก็เลยมาตั้งกฏของเกมใหม่ โดยที่ สร้างธนาคารขึ้นมา
กฏมีอยู่ว่า ทุกคนสามารถยืนเงินธนาคารเท่าไหร่ก็ได้ ตราบเท่าที่อยากจะยืม ...ดังนั้น พอเดินตรงตรงไหน ผมซื้อที่ จากนั้น ซื้อบ้าน 4 หลัง แล้วใส่โรงแรมเข้าไป ...ลองนึกภาพว่า ใครเดินมาตกตรงนี้มีหนาว
‘ตั้งกฏเอง’ ...ใช่!! ผมอยากจะรู้ว่า พวกเจ้าสัว เขารู้สึกอย่างไรในชีวิตจริง ...เพราะชีวิตจริง เจ้าสัวสามารถกู้เงินธนาคารแทบจะได้ไม่จำกัด ...ชอบที่ดินไหน ก็ซื้อมันได้ทุกอย่างด้วยเงินธนาคาร
พอเล่นแบบนี้ ผมชนะเกือบทุกครั้ง เพราะคนอื่นคิดไม่ทันว่า ควรกู้ซื้อสินทรัพย์ให้มากที่สุด ...พอเพื่อนเริ่มรู้ทัน ทุกคนก็ทำแบบเดียวกัน ...คราวนี้เหมือน เกมเจ้าสัว ปะทะเจ้าสัว ...เหมือน CP ชน เบียร์ช้าง มันส์โคตรๆ !!
เขียนมาตั้งยาว จะมาบอกว่า ‘คนบ้า’ กับ ‘Billionaire ‘ ต่างกันแค่เส้นบางๆ ดังนี้
1. คนบ้า ใช้ชีวิตไม่แคร์สายตาใคร มีแนวของตัวเอง ไม่ต้องแคร์ว่า ขับรถอะไร ถือกระเป๋าอะไร ...พวก Millionaire แคร์มากเรื่องเหล่านี้ แคร์ว่าคนอื่นคิดยังไง ...แต่ Billionaire เจ้าสัว ไม่แคร์ครับ ใส่อะไรก็เท่ห์ ..Mark Zuckerberg ใส่ขาสั้น รองเท้าแตะ มาเที่ยวผับแถวทองหล่อ ยามยังไม่ให้เข้าเลย ..โคตรแนว
2. คนบ้าสร้างกฏของชีวิตของตัวเอง ...คนทั่วไปความสำเร็จ คือ เรียนสูง เรียนให้เก่ง แต่งงาน หาความมั่นคงในชีวิต เก็บเงิน ตั้งใจ ..ว่าไป .....แต่พวก Billionaire ก็แนวเดียวกับคนบ้าเลย ไม่สนเลย บ้าทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ...เผอิญดีกว่าคนบ้านิดนึง ตรงที่สิ่งที่คนบ้าเชื่อมันไม่ทำเงิน ..แต่อันนี้ทำเงิน ก็แค่นั้นแหละ
3. คนบ้าทำเพื่อโลกส่วนตัวของตัวเอง แต่ Billionaire ทำเพื่อเปลี่ยนโลก ...โลกของตัวเอง กับ โลกของคนอื่น นั่นแหละความแตกต่าง
สรุปรวมความบ้า ความแนว แล้วเอาพลังมาเปลี่ยนอะไรสักอย่างในโลกให้ดีขึ้น ก็เป็น Billionaire ได้
- คนเข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น ก็เป็น Google
- เปลี่ยนรถน้ำมัน เป็นรถไฟฟ้าก็เป็น Tesla
- เปลี่ยนให้คนธรรมดาเป็นเจ้าของสื่อก็ Facebook
- ถ้าเมืองไทย คนรุ่นใหม่ระดับหมื่นล้าน ก็เช่น FSMART ตู้เติมเงิน ที่พม่าทุกคนชอบ เพราะครึ่งนึงของเงินเดือน ใช้กับตู้นี้ , BEAUTY เครื่องสำอางค์ที่เจาะใจคนจีน ...สาหร่าย , SPA ..ก็ว่ากันไป
ส่วนจะดีหรือไม่ดี ในอนาคต ค่อยตัดสินอีกที แต่ประเด็นที่ Billionaire มี คือ การไม่ใช้ชีวิตตามกรอบ ไม่ใช้วิธีเหมือนใคร และ สร้างความเปลี่ยนแปลงชีวิตคนจากสิ่งที่เขาทำ และ เก็บสะสมสินทรัพย์ !!
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม