แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ทำไมหุ้นยอดฮิต ถึงไม่น่าซื้อ

 ‘ซื้อสิ่งที่ฮิต ทำไมใช้ไม่ได้กับตลาดหุ้น’

โดยปกติ อะไรที่ฮิต เราก็อยากซื้อบ้าง อยากลอง ...บางทีไปต่อแถว เข้าคิวซื้อกันเลยทีเดียว

แต่!! สำหรับหุ้น เราทำแบบนั้นอาจซวยได้เลย 

1. ‘หุ้นที่คนอยากซื้อเยอะๆ ราคาย่อมแพง’ ...ราคาหุ้นขึ้นกับ คนซื้อ กับ คนขาย ...ถ้าคนต้องการซื้อเยอะ คนขายก็อาจชะลอการขาย รอให้ราคาสูงขึ้น หรือ ไม่ยอมขาย ...คนซื้อก็ต้องเสนอซื้อแพงขึ้นไปเรื่อยๆ ...จนต้องยอมซื้อแพงมากๆ

2. ‘อะไรที่ฮิต จะเต็มไปด้วยมือสมัครเล่น’ ...ก็หุ้นมันขึ้นแล้ว ก็เลยซื้อตาม เดี๋ยวตกรถ ...ส่วนใหญ่เวลาแห่ซื้อตาม หุ้นกำลังขึ้น ก็ไม่ได้ศึกษาอะไรมาก ซื้อตามๆ กันไป ...ภาวะแบบนี้ ทำให้หลายๆครั้ง หุ้นขึ้นไปเกินพื้นฐานมากๆ 

3. ‘มืออาชีพ มักอยู่ในหุ้นที่ตลาดยังไม่สนใจ’ ...การจะซื้อหุ้นได้ตั้งแต่ต้นรอบ มักต้องซื้อตั้งแต่ มีแต่ข่าวร้าย ตลาดยังไม่สนใจ หรือ แม้กระทั่งต้องซื้อตั้งแต่บริษัทยังขาดทุนอยู่เลย ...ตรงนี้แหละที่ประสบการณ์และ ความมืออาชีพต้องใช้เยอะ 

4. ‘ทุกสิ่งที่มีราคา ย่อมมีรอบเสมอ’ ...ใช่!! ทุกสิ่งที่มีการซื้อขาย มันมี รอบ มี Cycle ...เกิดขึ้น - ตั้งอยู่ - ดับไปเสมอ ...ก่อนซื้อทุกครั้งต้องคิดให้หนักว่า จุดที่เราซื้อ อยู่ตรงไหนของรอบ ...ส่วนใหญ่หุ้นยอดฮิต มักซื้อกันตอน ตั้งอยู่ เตรียมดับ นั่นแหละ 

5. ‘ถ้าอยากซื้อ เพราะมันกำลังขึ้น มีเครื่องมืออะไร คุมความเสี่ยงให้เราได้ไหม ?’ 

‘มีครับ!!’ ...นี่เลย Trade Master ของบัวหลวง ...เราใช้ ซื้อ-ขายหุ้น แทนโปรแกรม Streaming ได้เลย ...ข้อดีคือ Trade Master สามารถ ทั้ง Stop Loss อัตโนมัติ และ Let Profit Run อัตโนมัติได้เลย

ใช่!! ‘อัตโนมัติ’ เพราะ เรา ตั้งไว้ล่วงหน้าได้เลย ว่า
- จะซื้อหุ้นตรงไหน 
- ซื้อแล้ว เรายอมเสี่ยงกี่% ตั้งไว้ได้เลย (ไม่ต้องมานั่งเฝ้า ถ้าหุ้นลง มัน Stop Loss อัตโนมัติ คุมความเสียหายให้เราตามที่ตั้งเลย)
- ส่วนหุ้นที่ขึ้น มันก็เฝ้าอัตโนมัติได้ว่า Let Profit Run ที่กี่% ...ดังนั้น ตราบใดที่หุ้นยังขึ้นต่อ มันก็ถือไป ...แต่ถ้าหุ้นเริ่มลง มันก็จะ ขายทำกำไรให้เราอัตโนมัติ ไม่มีติดหุ้น

ใครสนใจเรียน ความรู้ดีๆ สำหรับมือใหม่ รวมทั้งเรียนและฝึกใช้จริงกับ Trade Master สามารถ สมัครเรียน The Stock Master ได้เลยครับ 

‘เรียนออนไลน์ ฝึกเทรดจริง ดูย้อนหลังก็ได้ ...ทั้งหมดนี้ ค่าเรียนเพียง 999 บาท เท่านั้น’

สนใจสมัคร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิ๊ก
www.bualuang.co.th/thestockmaster

รับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึง 12 สิงหา เท่านั้น ...จัดไป!!

3 จุดใหญ่ ที่มือใหม่ ต้องระวัง

‘3 จุดใหญ่ ..กับดักมือใหม่ ที่ใครๆ ก็โดน’

มันมี 3 จุดใหญ่ๆ ที่มือใหม่หุ้น ส่วนใหญ่จะเจอปัญหาอะไร ...มาดูกัน จะได้ระวัง 

1. ‘ชอบซื้อหุ้นแพง แล้วติดดอย’ ...เพราะ หุ้นที่มีคนเชียร์ อยู่ในกระแส มักจะแพง 

...ข้อสังเกต คือ P/E ค่อนข้างสูง และ หุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว 

...ทางแก้ อาจใช้เครื่องมืออย่าง Trade Master ของบัวหลวง แทน Streaming แล้วตั้ง Trailing Stop อัตโนมัติเลย ...แค่นี้ก็ไม่มีทางติดดอยแล้วครับ

2. ‘หุ้นถูกไม่กล้าซื้อ’ ...เพราะ มีแต่ข่าวร้าย ทุกคนพูดว่าไม่ดี พื้นฐานก็ยังไม่ดี

...ข้อสังเกต คือ หุ้นลงมาจากยอดค่อนข้างเยอะ ประมาณ 50-70% แล้ว มีแต่ข่าวร้าย แต่ราคามันเริ่มหยุดลง !!

...ทางแก้ ...อาการที่ข่าวร้าย ไม่มีใครเชียร์ แต่ราคาหยุดลง อันนี้ดี เพราะแปลว่า แรงขายหมด ...ถ้าแรงขายหมด จุดนั้น อาจจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบก็ได้ ...วิธีแก้ง่ายๆ คือ ใช้ Trade Master เหมือนกัน แต่คราวนี้ ตั้ง Trailing Stop ล่วงหน้าเลย 

เอาง่ายๆ ว่า พอซื้อปั๊บ ก็ให้ โปรแกรมมันเฝ้าหุ้นให้เราเลย ...ถ้ามันขึ้นก็จะ Let Profit Run ไปเรื่อยๆ ...แต่ถ้ามันลงต่อก็ขาย Stop Loss จำกัดความเสียหายออกไปก่อน

3. ‘เวลาหุ้นขึ้นได้กำไรน้อย เวลาลงเสียหนัก’ ...เพราะ โดยธรรมชาติ เวลาที่หุ้นเริ่มขึ้น ต้นรอบ มันยังมีแต่ข่าวร้าย เราก็เลยซื้อน้อย ...เวลากำไรเลยได้น้อย ...แต่พอหุ้นมันขึ้นไปเยอะๆ แล้ว ปลายๆ รอบ มันมีแต่ข่าวดี มีแต่คนเชียร์ ...คราวนี้เราก็คึก จัดเต็ม ทุ่มสุดตัว ...พอหุ้นลงหนัก จบรอบ ก็เลยขาดทุนจากเงินเยอะ

ข้อสังเกต ...ให้พยายามดูตัวเราเอง ...ถ้าเรารู้สึกว่าช่วงไหนอยากซื้อหุ้น แปลว่า เราต้องระวังให้มาก ...แต่ถ้าช่วงไหน เรากลัว คนอื่นก็กลัว ...อาจต้องกัดฟันซื้อ เพราะ แปลว่า หุ้นถูก

ทางแก้ ...ศึกษาเรื่อง ‘รอบ’ อ่านพื้นฐาน และ ดูกราฟ ให้เป็น ก็จะช่วยได้ครับ ...สำหรับมือใหม่ สามารถเริ่มศึกษากับโครงการ The Stock Master ได้ครับ

- ในโครงการ เราเรียนออนไลน์กัน 1 เดือน เนื้อหา 4 ครั้ง แล้ว workshop อีก 3 ครั้ง ...เป็นคลาสออสไลน์ทั้งหมด ดังนั้น สามารถดูย้อนหลัง และทบทวนซ้ำได้ตลอด

- เรียนทั้งพื้นฐาน อ่านงบ / การดูกราฟ เข้าใจจังหวะ และ สอนการใช้โปรแกรม Trade Master 

ค่าเรียนตลอดหลักสูตรเพียง 999 บาท 

ใครสนใจรีบสมัครครับ ตั้งแต่วันนี้ถึง 12 สิงหานี้เท่านั้น ..คลิ๊กสมัครดูรายละเอียดที่นี่ www.bualuang.co.th/thestockmaster

แล้วเจอกันในคลาสนะครับ !!

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

9 คำถามยอดฮิต มือใหม่หุ้น

9 คำถามยอดฮิต มือใหม่หุ้น

1. ‘ต้องมีเงินขั้นต่ำเท่าไหร่ ถึงจะเล่นหุ้นได้’ ...ตอบ ..ไม่มีขั้นต่ำ จะเล่นเท่าไหร่ก็ได้ ..การซื้อขั้นต่ำคือ 100 หุ้น ...สมมุติ หุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท ...เราซื้อขั้นต่ำก็ใช้เงิน 1,000 บาทครับ

2. ‘เล่นหุ้นต้องถือนานแค่ไหน’ ...ตอบ ...หุ้นสามารถเล่นสั้น ที่เรียกว่า ‘การเทรด’ ซื้อเช้า ขายตอนบ่าย ..ขายพรุ่งนี้ ทำได้หมด ...ส่วนการถือยาว เรียกว่า ‘การลงทุน’ ก็คล้ายๆ เราซื้อที่ดิน ถือไว้ราคาหุ้นก็จะค่อยๆ ขึ้น ตามพื้นฐานที่เติบโต ...ระหว่างที่ถือ เราก็จะได้ เงินปันผล

3. ‘จะรู้ได้อย่างไรว่า หุ้นที่เราซื้อ พื้นฐานดี’ ...ตอบ ..หนึ่ง ก็ต้องอ่านงบการเงินให้เป็น ...สอง เราก็ต้องวิเคราะห์กิจการว่า มีอนาคตไหม ใครเป็นเจ้าของ ธุรกิจโตได้ไหม มีปันผลไหม (อันนี้สามารถมาเรียนได้ ในโครงการ The Stock Master ครับ)

4. ‘เราจะรู้จังหวะยังไง ว่า ตอนนี้ควรซื้อหรือขาย’ ..ตอบ ต้องอ่านกราฟหุ้นให้เป็น ...อันนี้ก็มีสอนในโครงการ The Stock Master เช่นกัน

5. ‘ต้องฟัง หรือเชื่อนักวิเคราะห์คนไหน ค่ายไหน’ ...ตอบ...นักวิเคราะห์ก็มีทุกโบรค ...เอาตรงๆ เราฟังได้หมด ...เขาก็แค่ช่วยเรา หาข้อมูล แนะนำหุ้นที่เขาสนใจในช่วงเวลานั้นๆ ...แต่สุดท้าย เราต้องกลับมาตัดสินใจเอง เพราะจริงๆ นักวิเคราะห์แต่ละคนก็มองหุ้นต่างกัน จังหวะเร็ว หรือ ถือยาว ก็ไม่เหมือนกัน ...สรุป ฟังได้ แต่อย่าเชื่อ ...ต้องมาวิเคราะห์ต่ออยู่ดี

6. ‘คนเจ๊งหุ้น เป็นอย่างไร’ ...ตอบ ก็คือ ซื้อหุ้นแล้วราคามันลง จนขาดทุน ...ส่วนใหญ่ มือใหม่ ที่เสียหายเยอะๆ คือ พวกที่ซื้อหุ้นตามเชียร์ ...’ฉันขอหุ้นเด็ดหนึ่งตัว พรุ่งนี้ซื้อเลย’ ...แบบนี้ เจ๊งมาเยอะแล้ว 

7. ‘ทำไงถึงจะไม่เจ๊งหุ้น’ ...ตอบ ...ก็อย่างที่กล่าวมา เราต้อง อ่านงบได้ ดูกราฟเป็น ฟังข่าว ฟังข้อมูล แต่อย่าเชื่อ ต้องมาวิเคราะห์เอง ...สำคัญสุด คือ ‘การคุมความเสี่ยง’

8. ‘คุมความเสี่ยง ทำยังไง’ ...ตอบ ถ้าเล่นสั้น คือ Stop Loss ถ้าหุ้นไม่ขึ้นตามที่เราคิด ต้องยอมขาดทุนเล็กน้อย เพื่อให้ไม่ติดดอย หรือ เสียมาก (เครื่องมืออย่าง TradeMaster ของบัวหลวง สามารถตั้ง Stop Loss ล่วงหน้าอัตโนมัติได้เลย ...ถ้าเราใช้เป็น ก็จะแก้ปัญหาติดดอย ได้เลย) 

...ถ้าเล่นยาว คือ ‘การกระจายความเสี่ยง’ ...ต้องลงทุนเป็นพอร์ต ไม่ทุ่มตัวใดตัวหนึ่ง ...ใคร Master ทั้ง 2 เรื่องนี้ได้ ‘ไม่มีทางเจ๊งครับ’ ถึงเสียหาย ก็กลับมาได้ ไม่ยาก !!

9. ‘ที่เขาบอกกันว่า หุ้นให้ Passive Income สามารถสร้างอิสรภาพทางการเงิน นี่จริงหรือไม่’ ...ตอบ อันนี้มันคือ การลงทุนระยะยาว หรือที่เรียกว่า ออมในหุ้น ...ก็คือ ซื้อหุ้นพื้นฐานดี ในวิกฤต จะได้ราคาถูก จากนั้น ไม่ต้องขายเลย ...ก็ถือ ‘รับปันผลไปเรื่อยๆ นี่คือ Passive Income ให้หุ้นเลี้ยงเรา’ ...ความยาก คือ การสร้างประสบการณ์และชั่วโมงบิน ...ระยะเวลาในการถือหุ้นให้เรามีอิสรภาพทางการเงิน ต้องค่อยๆ สะสมหุ้น สั่งสมประสบการณ์ ก็อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป 

(คิดง่ายๆ ถ้า คิดจะถือหุ้น แล้วให้ปันผลคืนเงินต้น แล้วเก็บปันผลตลอดไป ...ต้องถือประมาณ 10-20 ปี ...ใครทำได้ ทนได้ ก็จะมีอิสรภาพทางการเงินครับ)

ใครสนใจเรียนรู้ แนะนำโครงการ The Stock Master ครับ ...รับสมัครวันนี้ถึง 12 สิงหาคมนี้ครับ
รายละเอียดคลิ๊กที่นี่เลยครับ
www.bualuang.co.th/thestockmaster

(ค่าเรียน 999 บาทตลอดโครงการ 1 เดือน เรียนออนไลน์ ...สอนทั้งพื้นฐาน กราฟ และ เครื่องมือ TradeMaster...เรียกว่า ครบเครื่องสำหรับมือใหม่ !!)






8 จุดต้องดู เล่นหุ้นยังไง ให้ทันเจ้า

8 จุดต้องดู ..เล่นหุ้น อย่างไร ให้ทันเจ้า !!

ทุกวันนี้ สิ่งที่อ่านยากกว่างบ คือ ‘อ่านเจ้า!!’ ...อ่านอย่างไร ให้ไม่โดนหลอก 

1. ‘หุ้นต้องมีเจ้าของ’ ...มีคนถามว่า ดูยังไงว่า หุ้นนี้มีเจ้าของ ...อย่างแรกเลยคือ ดู ‘ผู้ถือหุ้นใหญ่’ ...ถ้าไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ ต้องระวัง ...เพราะคิดง่ายๆ ถ้าของดี เราก็ต้องอยากมีหุ้นเยอะ ...ถ้าหุ้นไหน ไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ ต้องเริ่มระวังละ

2. ‘ปันผลดี’ ...เอาตรงๆ นะ ถ้าเราถือหุ้นบริษัทเยอะ เราก็ต้องอยากได้ปันผลเยอะๆ ...ถ้าหุ้นปันผลในสัดส่วนที่น้อย ต้องระวัง

3. ‘ถ้าปันผลไม่ดี ต้องขยายธุรกิจเยอะ’ ...ในกรณีที่หุ้นปันผลน้อย ก็แปลว่า ต้องเอาเงินไปขยายธุรกิจ เช่น ควบรวมกิจการ , ซื้อคู่แข่ง ...ถ้าไม่ปันผล และ ยังขยายน้อย อันนี้แปลกๆ ละ

4. ‘ไม่เพิ่มทุนซี้ซั้ว’ ...หุ้นที่ P/E สูง หุ้นแพง มีแนวโน้มที่อาจเพิ่มทุนซี้ซั้ว ...ต้องดูให้ดีว่า มีเหตุผลสมควรหรือไม่ 

5. ‘ถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ ซื้อเพิ่ม หุ้นต้องขึ้น’ ...ผมจะชอบหุ้นที่ กลุ่มเจ้าของซื้อสะสมเพิ่ม ...วิธีดูง่ายสุดว่า เจ้าของซื้อเพิ่ม คือ หุ้นจะหยุดลง แล้วเริ่มขึ้น ...ดูกราฟก็รู้แล้ว ว่า เจ้ากำลังสะสม ...หุ้นจะเริ่มเป็นขาขึ้น !!

6. ‘ตลาดยังไม่ค่อยสนใจหุ้นตัวนี้’ ...เดี๋ยวนี้ หากผมจะซื้อหุ้นตัวไหนเยอะๆ ผมต้องดูก่อนว่า มีใครเชียร์หุ้นตัวนี้เยอะไหม ...ถ้าคนเชียร์เยอะ ต้องระวัง เพราะ เราอาจโดนหลอกได้ ...ก่อนหุ้นจะหุ้นครั้งใหญ่ ส่วนมากจะลงก่อน และ แทบไม่มีใครเชียร์ 

7. ‘ธุรกิจมีอนาคต’ ...อันนี้ลึกกว่า งบการเงิน ...ต้องวิเคราะห์ไปถึง ส่วนแบ่งตลาด และ Net Profit Margin ...ธุรกิจที่จะรอดและโตหลังวิกฤตครั้งนี้ ต้องมีส่วนแบ่งตลาดที่เยอะในธุรกิจที่ทำ และ กำไรดี ...พูดง่ายๆ เขาต้องเป็นผู้นำในธุรกิจที่เขาอยู่นั่นเอง 

8. ‘หนี้ไม่สูง’ ...ธุรกิจแห่งอนาคต ไม่ควรเป็น capital intensive ..เอาง่ายๆ ว่า ธุรกิจที่ดี มีอนาคตในยุคนี้ ไม่ควรต้องลงทุนสูง ...ยิ่งหนี้น้อย และโตได้โดยไม่ต้องกู้มาก ก็ยิ่งสุดยอด

ก็ประมาณนี้ ...การดูธุรกิจสุดยอด ต้องเอาปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา ...มาวิเคราะห์ ควบคู่กับราคาหุ้น ก็จะทำให้เราหาหุ้นดี มีอนาคตได้นั่นเองครับ 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ขายหุ้นทีไร ไปต่อทุกที เฮ้อ



‘ทำไมฉันขาย แล้วหุ้นไม่ลง’ ...มันขึ้นต่อเยอะเลย ขายหมูอ่ะ ...เซ็ง !!

มีมือใหม่เยอะมาก ที่สงสัยว่า ‘ทำไมพอเขาคิดว่าหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว ก็รีบขาย แล้วก็ดีใจ ..โอ้!! ได้กำไรแล้ว ...แต่สุดท้ายหุ้นวิ่งไปต่อ ..ขายหมู ...แล้วก็ไม่กล้าซื้อคืน ...ที่สุดก็ตกรถครั้งใหญ่’ ...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ?

...นี่แหละ ความยากของตลาดหุ้น ...เป็นตลาดของ คนฉลาด เจอคนเก่ง เจอกับเซียน ...เสือ สิงห์ กระทิง แรด เต็มไปหมด 

‘อย่างแรก คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ...ไม่มีใครโง่ ...ทุกคนที่เข้ามาในตลาดหุ้น มีทั้งเงิน และ ก็มีความฉลาดพอตัวทุกคน’ 

ดังนั้น ไม่แปลกเลย ...ที่บางครั้งเราคิดว่า หุ้นที่เราซื้อมากำไรแล้ว เราคิดว่าราคามันไม่น่าจะไปต่อ เราตัดสินใจขาย เพื่อถือเงินสด ...สบายใจละ !! ...แต่หุ้นกลับวิ่งขึ้นไป จนเราเครียด

มาดูกัน

1. ‘หุ้นขาขึ้น ไม่เคยหยุดขึ้นเพราะแค่ราคามันแพง’ ...หุ้นเป็นสินทรัพย์อย่างนึงที่มีลักษณะคล้ายๆ ที่ดิน ...พูดง่ายๆ ถ้าที่ดินทำเลดี ถ้าเราไม่ขาย ถือเก็บๆ ไว้ สุดท้ายราคามันก็ขึ้นไปอีก ...หุ้นก็เหมือนกัน แต่จะดีกว่าที่ดิน ตรงที่มีเงินปันผลให้ด้วยระหว่างที่ถือ อันนี้เป็นเสน่ห์ที่เศรษฐีหลายๆ คน ถือหุ้นแทนเงินฝาก เพราะ แค่ปันผล ก็เรียกว่า เก็บกินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องขายเลยก็ได้

2. ‘ทุกครั้งที่เราขาย มีคนอีกคนที่เขาซื้อจากเรา’ ...ต้องถามว่า เฮ้ย!! ฉันว่าแพงแล้วนะ ...แล้วทำไมมีคนที่ยอมซื้อแพง ...เขารู้อะไรที่เราไม่รู้รึเปล่า ...การพยายามเข้าใจเหตุผลของคนที่ซื้อ จะช่วยให้เราเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น ...ตรงนี้แหละ ที่ประสบการณ์มีราคาสูงที่สุด ...ยิ่งมีประสบการณ์เรายิ่งเก่งขึ้นในตลาดหุ้น

3. ‘โลกทุกวันนี้ สิ่งที่ไม่ใช่สินทรัพย์ ราคาถูกลงเรื่อยๆ ...ในขณะที่สินทรัพย์ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ’ ...ยกตัวอย่างรถยนต์ คนที่สามารถซื้อรถยนต์ในอดีต ต้องเป็นคนมีเงิน แต่เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ซื้อรถได้ เพราะ เทียบกับค่าครองชีพ ราคารถยนต์ไม่เคยขึ้น มีแต่ถูกลง ก็เพราะ มันไม่ใช่สินทรัพย์ ....แต่ถ้าเราดูสิ่งที่เป็น สินทรัพย์ เช่น ที่ดิน , ทองคำ , หุ้น ...สิ่งเหล่านี้ ในระยะยาว ไม่มีถูกลง มันมีแต่แพงขึ้นเรื่อยๆ 

4. ‘สิ่งที่กำหนด ราคาหุ้นในระยะสั้นคือ คนซื้อ คนขาย ...แต่สิ่งที่กำหนดราคาในระยะยาว คือ พื้นฐานและอนาคตของกิจการ’ ....การที่เราขายหุ้นอาจจะเพราะราคามันขึ้นมาเยอะแล้ว ....แต่อย่าลืมว่า คนซื้อจากเรา เขาอาจจะไม่ได้มองแค่ราคาในระยะสั้นเหมือนเรา ...เขาอาจจะมองที่อนาคตของกิจการว่า สามารถโตได้อีกเยอะ ...นั่นก็อาจทำให้เขายอมซื้อแพง ยอมถือนานกว่าเรา ...เพื่อไปขายแพงกว่าในอนาคตนั่นเอง

5. ’เงินมันต้องมีที่ไป’ ...วิกฤตเศรษฐกิจโลกในรอบนี้ มีการพิมพ์เงินจากรัฐบาลเยอะมาก โดยเฉพาะอเมริกา ...ซึ่งการอัดเงินจำนวนมหาศาลเข้าระบบ เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ มันก็จะส่งผลให้ มูลค่าของเงินลดลงในที่สุด ....แปลว่า สุดท้ายค่าครองชีพก็จะสูงขึ้น ของทุกอย่างก็จะแพงขึ้น รวมถึงสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงหุ้นด้วย

ก็คร่าวๆ ประมาณ 5 ข้อ เพื่อให้เราเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น

แต่สุดท้าย ก็ต้องระวัง ไม่ Bullish จนเกินไป เพราะ ถ้าราคาหุ้นตัวไหน วิ่งเกินพื้นฐานมากๆ ...การปรับฐาน ราคาลงแรง ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ระหว่างทาง ...ใครที่จับจังหวะได้เก่ง ก็อาจใช้เป็นจังหวะในการขายตรงแพง แล้วมารับตรงที่ถูก เรียกว่า Short Against Port ก็สามารถทำได้ 

เออ!! แต่มันไม่ง่ายนะ ‘เพราะส่วนใหญ่จะขายหมู แล้วไม่กล้าซื้อคืน สุดท้ายตกรถครั้งใหญ่ อิ อิ’ ...ก็ลองฝึกฝนกันไป 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

สนใจเปิดบัญชีหุ้น หรือ ออมหุ้น คลิ๊กที่นี่เลย
http://bls.tips/pawawitTeam 

หรือ โทร 02-618-1111 บอกทีมงาน ว่า “เอาแบบออมหุ้นอัตโนมัติ ที่พี่แพ้ทแนะนำ” 


วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

หุ้นขึ้น ไม่ได้แปลว่าหุ้นดี



‘หุ้นขึ้นไม่ได้แปลว่า หุ้นดี’ 

วันนี้มีมือใหม่เข้ามาเล่นหุ้นจำนวนมาก เลยอยากจะแชร์ให้ศึกษากันดู

1. ‘หุ้นขึ้น’ แปลว่า มี Bid มากกว่า Offer ...คนซื้อมากกว่าคนขาย หุ้นก็วิ่งขึ้นแล้ว ...ยิ่งหุ้นที่มี Volume ซื้อขายน้อย ยิ่งขึ้นลงง่ายมากๆ

2. ‘หุ้นลง’ ก็ไม่ได้แปลว่า หุ้นไม่ดี ...เพียงแต่ ณ จุดนั้น คนขายเยอะกว่าคนซื้อมันก็ลง

3. ‘รายย่อย ชอบซื้อหุ้นที่เชียร์กัน ราคาขึ้นเยอะๆ มีการซื้อขายมาก’ ...สาเหตุหลักๆ ก็มาจาก รายย่อย ไม่ได้รู้จักหุ้นมากมาย ก็แค่เห็นตัวไหนเชียร์กันก็แห่เข้าไป ...บทสรุปของหุ้นเหล่านี้ ส่วนใหญ่คือหุ้นปลายรอบ แกว่งเยอะ หุ้นแพง ...เวลาได้ ได้น้อย แต่เวลาเสีย มักเสียหนัก

4. ‘หุ้นที่ซื้อแล้วได้กำไรหลายเด้ง’ ...มักเป็นหุ้นนอกสายตา รายย่อยไม่ค่อยรู้จัก ...ใช่!! รายย่อยที่อยากพอร์ตโต ต้องทำการบ้านศึกษาหุ้นให้เยอะกว่าเดิม ...ถ้าเรารู้จักแค่หุ้นตลาด พอร์ตเราก็จะเป็นแบบตลาดๆ !! 

5. ‘หุ้นจะขึ้นแรงได้ มันต้องทุบแรงก่อน’ ...คนเราจะกระโดดต้องย่อขา แล้วค่อยดีดตัวขึ้น ...หุ้นก็เช่นกันครับ

6. ‘งบการเงิน อ่านได้แค่ย้อนหลัง’ ...การอ่านงบการเงินเข้าใจเป็นประโยชน์มาก เพราะ ทำให้เรารู้ว่าธุรกิจดีหรือไม่ ...แต่ข้อควรระวังคือ งบมันบอกอดีต ...ส่วนอนาคต เราต้องใส่ ‘สมมุติฐานที่สาเหตุสมผลเข้าไป’ ...นี่แหละ ที่แยกระหว่าง นักลงทุนทั่วไป กับ นักลงทุนมืออาชีพ

7. ‘กำไรหุ้นถ้าไม่ขาย ก็ไม่ถือว่ากำไร’ ...อันนี้ถูกครึ่งเดียว เพราะ คนที่พูดแบบนี้ ส่วนใหญ่ ‘ขายหมูประจำ’ ...ขายแล้วหุ้นไปต่อจนไม่อยากจะดู !!

8. ‘ยิ่งเทรดเร็ว โอกาสกำไรยิ่งลดลง’ ...หลายคนคิดว่า ยิ่งเทรดหุ้นเร็ว ยิ่งมีโอกาสทำกำไรมากขึ้น ...ถ้าใครเทรดได้ๆ เสียๆ ลองเทรดให้ช้าลง อาจได้กำไรมากขึ้น

9. ‘ยุคนี้ไม่มีใคร ซื้อหุ้นเพื่อกินปันผล จริงเหรอ?’ ...ผมว่า จากนี้ไป จะมีคนซื้อหุ้นเพื่อกินปันผล แทนเงินฝากมากขึ้นเรื่อยๆ 

10. ‘หุ้นเล็ก เอาไว้ถือยาว ...หุ้นใหญ่ เอาไว้เทรด’ ...เฮ้ย!! กลับกันหรือเปล่า ?? ....ถูกแล้ว!! ทุกวันนี้ เครื่องมือการเงินต่างๆ มันเอื้อให้เทรดหุ้นใหญ่มากขึ้น เช่น Block Trade ...ลองไปสังเกตดู หุ้นที่มี Block ส่วนใหญ่ Technical เป๊ะเลย ...ยุคนี้ถ้าจะไปสายหุ้นใหญ่ ต้องไปสายเทคนิคละ 

ไว้เอามาแชร์อีก ...’ตลาดหุ้นยุค New Normal มันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ’ ...ลองทำความเข้าใจดีๆ เราจะได้รู้ว่าช่วงนี้ควรทำอะไร !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ