แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

The Marshmallow Test ...อดทนถึงที่ได้ดีทุกคน จริงหรือ ?



อันนี้น่าสนใจ ‘The Marshmallow Test’ ...อดทนถึงที่ ได้ดีทุกคน จริงหรือ ?


ใช่!! ‘ความอดทน’ เป็น สิ่งที่โคตรไม่น่าสนใจ


เพราะ ยุคนี้ เขาพูดกันเรื่อง ...ความแตกต่าง ...ความกล้า ...และ ความรวดเร็ว


คนรุ่นใหม่ทุกวันนี้ ต่างออกเดินทาง ศึกษาโลก ทั้งในชีวิตจริง และ บนออนไลน์


ถ้าพูดง่ายๆ คนยุคนี้ เรียนรู้ และ เห็นโลก มากกว่าคนสมัยก่อน ....ที่เราเคยเข้าใจว่า คนแก่ เห็นโลกมากกว่า คนหนุ่มสาว เห็นทีจะไม่ใช่แล้วในปัจจุบัน 


พนันกันเลยว่า คนรุ่นใหม่ เดินทางเยอะกว่าคนรุ่นก่อน เห็นโลกมากกว่า มีความรู้รอบตัวมากกว่า แต่มีเรื่องนึง ที่คนรุ่นใหม่ สู้คนรุ่นก่อนไม่ได้เลย


ข้อ 1 ..ความร่ำรวย ...คนรุ่นนี้ หาเงินเก่ง แต่ไม่มีเงินเก็บ (คนรุ่นก่อน สะสม สินทรัพย์ คนรุ่นใหม่ สร้างหนี้ แล้วสะสมขยะ)


ข้อ 2 ...ความอดทน ...คนรุ่นใหม่ฉลาด แต่พอขาดความอดทน ก็ไม่สามารถสร้างความร่ำรวย ไม่สามารถสร้างผลงานที่ประสบความสำเร็จ


ที่พูดมาทั้งหมด มันเกี่ยวกับหนังสือ The Marshmallow Test อย่างไร ?


เขารวบรวมหลักฐานของความสำเร็จต่างๆ บนโลกใบนี้ ว่า ล้วนเกินจาก


1. ความอดทน อดกลั้น

2. การยอมลำบากในปัจจุบัน เพื่ออนาคตที่ดี

3. เลือกปฏิเสธความสุขตรงหน้า เพื่อความสุขที่ยั่งยืนกว่าในระยะยาว

4. ยอมรับรายได้น้อยในวันนี้ เพื่อโอกาสในการไปสู่รายได้แบบมหาศาลในวันหน้า

5. ไม่สนใจคำวิจารณ์ในวันนี้ เพราะรู้ว่ามีสิ่งที่ดีรออยู่ในอนาคต


ใช่!! ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกใจคนรุ่นใหม่ ...แต่มันกลับเป็นตัวตันสินคนรุ่นใหม่ว่า เขาจะสำเร็จและร่ำรวยในชีวิตมากน้อยเพียงใด


ลองตอบ คำถามทั้ง 5 ข้อนี้ จะพบว่า ‘สิ่งที่เรากำลังทำ เส้นทางชีวิตที่เราเดิน มันตอบโจทย์วันนี้ หรือ อนาคตระยะยาวมากกว่ากัน’


ไม่มีทางเลือกที่ดีที่สุด ...มีแต่ทางเลือกที่เหมาะกับเราที่สุดก็พอ


ตัวผม เลือก การสร้างสมดุลย์ระหว่าง ความสุขในปัจจุบันพอประมาณ แต่ไม่สร้างหนี้ เพื่อบริโภค ...ที่เหลือ คือ การทำงานและการลงทุนที่ตอบโจทย์ระยะยาว 


ลองตอบคำถามในแบบของคุณดูครับ !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

หนี้ ..อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลกมนุษย์



หนี้ ..อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลกมนุษย์”

ตั้งแต่อดีต จนถึง ปัจจุบัน ..มนุษย์พยายามสร้างอาวุธที่มีประสิทธิภาพทำลายล้างสูงขึ้นเรื่อยๆ 

ตั้งแต่ค้อน มีด ปืน ระเบิด ...นิวเคลียร์ ล้างโลก จนเกิดสงครามเย็น ในยุค รัสเซีย กับ อเมริกา นั่งอยู่ขอบหน้าผา ต่างก็ลุ้นกันว่า ประเทศใด จะเป็นกดระเบิด เพื่อทำลายโลกนี้

ก็โชคดีที่ผ่านยุคนั้นมาได้ ...มันทำให้มนุษย์เริ่มเรียนรู้ว่า แทนที่จะคิดระเบิดมาทำลายโลก แล้วตายกันหมด ...ต้องมี อาวุธ ที่ดีกว่านั้น 

‘หนี้’ ...ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้แน่ใจว่า ‘คนสามารถถูกควบคุม ตราบเท่าที่เขายังเป็นหนี้อยู่’

American Dream คือ การกระตุ้นให้คนสร้างหนี้ในวงกว้าง เพื่อซื้อ บ้าน ซื้อรถ และ ใช้ชีวิตตามแบบที่ทุกคนฝัน 

ความฝัน ถูกสร้างออกมา ให้เลิศ หรู อลังการ ...ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องมีบ้านหลังใหญ่ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน 

คุณต้องมีรถหรู ที่คนส่วนใหญ่เพียงแค่ฝัน แต่ครอบครองมันไม่ได้ 

คุณต้องมี ...และ แน่นอน ทั้งหมดนี้ เพียงคุณยอมเป็นหนี้ คุณก็จะได้ทั้งหมดนี้มาครอบครองทันที

‘ใครจะปฏิเสธล่ะ ?’ ...จริงไหม 

คนที่ประสบความสำเร็จในโลกยุคนี้ ไม่ใช่คนรวย แต่คือ คนที่ดูรวย 

(คนรวย คือ คนที่มีเงิน และ สามารถซื้อสิ่งที่จำเป็นในชีวิตแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ...ส่วนคนที่ดูรวย คือ คนที่ยอมสร้างหนี้ เพื่อครอบครองสิ่งที่หรูหรา เกินฐานะ โดยไม่สนใจว่า สุดท้ายเขาจะสามารถจ่ายหนี้ตรงนั้นได้ ...ไม่สน !! แค่ดูรวย ก็พอใจแล้ว)

ใน 100 คน ..ผมเชื่อว่า 90 คน เลือกที่จะดูรวย ...โดยยอมแลกกับ ความล้มเหลวทางการเงิน และ ความล้มเหลวในชีวิต 

ที่เกริ่นเรื่องหนี้ขึ้นมา เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า เราควรจัดการหนี้อย่างไร ให้ชีวิตดี 

1. ‘อย่าสร้างหนี้ ที่เราไม่สามารถจ่ายเงินเต็มได้’ ...แปลว่า เราควรสร้างหนี้ ก็ต่อเมื่อ เรามีเงินก้อนที่จะจ่ายเต็มจำนวนได้เท่านั้น

2. ‘อย่าสร้างหนี้ เพื่อซื้อสิ่งที่ไม่ใช่สินทรัพย์’ ...สิ่งที่ไม่ใช่สินทรัพย์คือ สิ่งที่เราลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ...กว่าจะผ่อนหมด สิ่งนั้นก็ไม่เหลือมูลค่า ...ถ้าผ่อนหมด แล้วเราได้ขยะ ก็ไม่ควรสร้างหนี้ตั้งแต่ต้น

3. ‘อย่าสร้างหนี้ เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เราไม่เชี่ยวชาญ’ ...ถ้าเราเป็นมือใหม่ ในธุรกิจ หรือ การลงทุนใดๆ ให้เราใช้เงินสด ...เพื่อให้แน่ใจว่า เราจะไม่จมความล้มเหลว แล้วโดนเหยียบซ้ำจากหนี้ จากสิ่งที่เราไม่มีประสบการณ์

4. ‘อย่าค้ำประกันหนี้ ให้คนอื่นเด็ดขาด’ ...ถ้าอยากค้ำประกันหนี้ให้ใคร ให้เอาเงินเราจ่ายหนี้ให้เขาไปเลยจะดีกว่า ...ก็แปลว่า ถ้าไม่อยากเสียมิตรภาพ อย่าค้ำประกันให้ใคร (คนไม่เชื่อข้อนี้ สุดท้ายจะเรียนรู้ บทเรียนความเจ็บปวดด้วยน้ำตาของตัวเอง)

5. ‘คนรวยทุกคน จะพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ในทุกโอกาส’ ...คนรวยเขาเลือกสร้างสินทรัพย์ ...เพราะในระยะยาว สินทรัพย์และหนี้ มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ...โดยที่หนี้มันทำเงินออกจากกระเป๋าเรา ในขณะที่สินทรัพย์ มันทำเงินเข้ากระเป๋าเรา

เลือกไม่ยากเลย ..แค่เริ่ม คิด และ วางแผนให้ถูกทาง

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

8 หลักการตลาดยุคใหม่ เพื่อต้านการเปลี่ยนแปลง



8 หลักการตลาด สมัยใหม่ ที่ใช้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงในยุคนี้ มันเข้ามารอบด้าน ..เจอทุกอาชีพ ...ทุกเพศ ..ทุกวัย ..คนรวย ...คนจน ..โดนกันหมด 

พูดง่ายๆ ใครปรับตัวไม่ได้ อาจถึงขั้นตกงาน , อาชีพหาย , รายได้หด , โอกาสหด 

วิธีการที่ดีที่สุด ที่ทำให้เราพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง มีอยู่ 5 ข้อหลักๆ คือ 

1. ‘ทำงานแบบนักประดิษฐ์’ ...นักประดิษฐ์คือ คนที่ต้องลองผิดลองถูกเป็นงานประจำ ...ไม่มีคู่มือ การันตีความสำเร็จ ...นักประดิษฐ์ที่ดี จึงต้อง ทดลองตลอดเวลา ....การทำงานแบบนักประดิษฐ์ คือ ให้เรากล้าที่จะทดลองสิ่งแปลกใหม่ แล้วทำให้สิ่งนี้เป็นนิสัยในการทำงาน

2. ‘เตรียมตัว หลังการทดลองที่ผิด เพื่อเดินต่ออย่างต่อเนื่อง’ ...มันหมดยุคแล้ว ที่คนทำผิด เท่ากับ ผู้แพ้ ..คนทำถูก คือ คนชนะ ...ไม่ใช่แล้ว ...ยุคนี้ เราต้องทำใจเผื่อว่าเราผิดได้ตลอด ...ความเก่งของคนยุคนี้ คือ ความสามารถที่จะเดินต่อ แม้จะผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า

3. ‘เลือกตลาดที่เล็กที่สุด ที่เรามีโอกาสชนะมากที่สุด’ ...ในโลกที่คู่แข่งทั้งเก่ง และ มีจำนวนมาก ให้เราพุ่งไปที่จุดที่เล็ก ตลาดที่เล็กที่สุด ที่เรามีโอกาสชนะมากที่สุด

4. ‘อย่าทำสินค้าให้คนชอบ แต่ต้องสร้างสินค้าให้คนรัก’ ...ถ้าลูกค้ารักสิ่งที่เราทำ เขาจะบอกต่อให้เราเอง ...การบอกต่อ คือ การตลาดที่สำคัญที่สุดในยุคนี้

5. ‘ถ้าเลือกได้ อย่าขายสินค้า โดยการลดราคา’ ...การลดราคา คือ การทำธุรกิจที่มีคู่แข่งมากที่สุด แปลว่า เป็นวิธีทำธุรกิจที่มีโอกาสรอดน้อยที่สุดนั่นเอง 

6. 'ใช้เทคโนโลยี ก่อนใคร' ...เทคโนโลยี ถูกออกแบบมาเพื่อ หนึ่ง ลดต้นทุน สอง เพิ่มผลผลิต ...การนำเทคโนโลยี มาใช้ก่อน จะทำให้เราล้ำหน้าคู่แข่งมากขึ้น

7. 'มีวิธีคิดแบบ Growth Mindset' ...วิธีคิดที่ว่านี้ คือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพราะ เราเชื่อว่า คนที่เป็นผู้นำในสิ่งที่ทำ ต้องไม่หยุดเรียนรู้ 

8. 'ใช้การตลาด ในการตอบโจทย์ และ แก้ปัญหาให้ผู้คน' ...ธุรกิจที่ดี คือ การสร้างสินค้าและบริการที่ช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่น ...การตลาดที่ดี ก็คือ การสื่อสารเพื่อแก้ปัญหา และ ตอบโจทย์ตลาดเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน มันเริ่มตั้งแต่ การเปลี่ยนโจทย์ ...จากเดิมที่การตลาด สร้างขึ้นมาเพื่อ ช่วยธุรกิจใหญ่ ในการขายสินค้าธรรมดา เพื่อให้คนส่วนใหญ่ซื้อ ...กลายเป็น การตลาดยุคใหม่ คือ การช่วยธุรกิจคิดและสร้างสินค้าที่พิเศษ เพื่อให้คนเฉพาะกลุ่มซื้อ เพื่อตอบโจทย์ และ สร้างความพอใจ สูงสุดแก่คนกลุ่มเล็ก 

การซื้อซ้ำ การบอกต่อ คือ แก่นของการตลาดยุคใหม่ 

จัดไป !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

5 หลักรวยเร็วแบบ Masa ‘ผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดใน Silicon Valley’



‘ทำไมคนรวย คิดตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ ?’ ...คิดรวยเร็วสุดๆ อย่างไร แบบ Masa !!


ในปัจจุบันเราเห็นคนที่สร้างตัวจากศูนย์ จนกลายเป็นมหาเศรษฐีจำนวนมาก ...แปลว่า โลกทุกวันนี้มีโอกาส 


แต่ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจศึกษาว่าคนเหล่านั้นเขาทำอย่างไร 


หนึ่งในมหาเศรษฐีของโลกที่น่าสนใจมากคนนึง คือ Masayoshi Son (Masa) ..เขาคือ คนที่รวยที่สุดในญี่ปุ่น และ ได้ถูกจัดอันดับว่าเป็นคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของ Start up และ เทคโนโลยี ในปัจจุบัน


ถ้าย้อนดูประวัติ ของ Masa เขาไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นโดยกำเนิด ..เขาเกิดจากครอบครัวคนชั้นกลาง ที่ย้ายมาจากเกาหลี ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่า ‘ไม่ง่ายเลยที่จะใช้ชีวิต ในญี่ปุ่น หากคุณเป็นคนต่างชาติ ในยุคนั้น’


จุดเปลี่ยนของ Masa คือ เขาได้มีโอกาสไปเรียนที่อเมริกา 


เงินล้านแรก เขาได้จากการทำงาน Part-time แต่ไม่ใช่งานเสริฟอาหาร หรือ ทำงานในร้าน Fast food แบบที่เราคิด ...งาน Part-time ของเขาคือ การประดิษฐ์อะไรบางอย่าง 


Masa มีความคิดว่า ถ้าเขาทำงานแบบคนปกติ ชีวิตเขาก็คงเหมือนคนทั้วไป ...เขาจึงเลือกใช้เวลาทุ่มสร้างสิ่งประดิษฐ์ ...ปรากฏว่า เขาสามารถสร้าง Dictionary แล้วขาย สิทธิบัตรนั้นให้กับ บริษัท Sharp แล้วได้เงินล้านแรกในชีวิต 


เขาคือ คนที่ลงทุนใน Yahoo ตั้งแต่ ยังเป็นธุรกิจ Start Up 


เขาเป็นผู้ก่อตั้ง Yahoo Japan และ Softbank ที่กลายเป็นธุรกิจดางรุ่งในยุค Dot Com Boom


เขาเคยรวยที่สุดในโลก 3 วัน ..ก่อนที่หลังจากนั้น เกิด Dot Com Crash ปี 2000 แล้วสูญเสียความมั่งคั่งกว่า 99% 


เขาเป็นผู้ให้เงินเริ่มต้น แต่ Jack Ma ในการสร้าง Alibaba ตั้งแต่มีพนักงานไม่ถึงร้อยคน ..แล้วเปลี่ยนเงิน 20 ล้านเหรียญ ให้กลายเป็น 50 พันล้านเหรียญ แล้วพาเขากลับมาสู่จุดสูงสุดแห่งความมั่งคั่งอีกครั้ง


วันนี้เขาคือ คนที่รวยที่สุดในญี่ปุ่น และ เป็นเจ้าของกองทุนที่ลงทุนในเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก 


หนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ในกองทุนของเขาคือ กษัตริย์ซาอุ ...Masa มักให้สัมภาษณ์ว่า เขาใช้เวลา 45 นาที เพื่อให้ได้เงินลงทุน $45 Billion ...นาทีละ $1 Billion (3 หมื่นล้านบาท ต่อนาที)


หลายคนตั้งคำถามว่า ความรวยของเขา ขึ้นลงแบบบ้าคลั่ง ..ตกลง เขาขึ้นมาด้วยโชค หรือ ฝีมือ


ซึ่งพอจะสรุป เป็นข้อๆ ดังนี้


1. ‘ถ้าเราสำเร็จหนึ่งครั้ง มันคือโชคดี แต่ถ้าสำเร็จหลายครั้ง มันคือ ฝีมือ’ 


2. ‘หลักคิดของนักลงทุนสุดโต่ง อย่าง Masa คือ ลงทุนในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ’ ...อะไรที่คนเข้าใจ มันขึ้นได้ไม่เยอะ ...แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ มันสามารถขึ้นได้ไม่จำกัด ...รวยไม่จำกัด


3. ‘คิดไกล ไม่สนใจระยะสั้น’ ...สิ่งที่เขาภูมิใจมากคือ แผนธุรกิจ 300 ปี ของเขา ...นอกจากวางแผนยาวแล้ว การทำธุรกิจ ก็เน้นระยะยาว เช่น เขายอมขาดทุนระยะสั้น ยอมขายของให้กำไรน้อย หรือ แม้กระทั่งยอมขาดทุนเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาดสูงสุด และ ผูกขาดในระยะยาว (คนที่คิดแบบนี้ อีกคนคือ เจ้าของ Amazon ..Jeff Bezos)


4. ‘กล้าลงทุนในคนเก่ง’ ...เขาเชื่อว่า การให้เงินคนเก่งให้มากที่สุด จะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด ...อย่างเช่น เขาให้เงิน Jack Ma มากกว่าที่ต้องการมหาศาล


5. ‘ความเร็วสำคัญที่สุด ในธุรกิจยุคนี้’ ...ยุคนี้คนเก่ง อาจแพ้ ให้กับคนที่เร็วกว่า


นี่คือ หลักการคร่าวๆ ของ Masa ผู้ซึ่งกลายเป็น ผู้ทรงอิทธิพลสูงที่สุด ใน Silicon Valley (หุบเขาแห่งคนอัจฉริยะ)


จัดไป !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ