แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

7 เรื่องที่"คนไม่เคยเล่นหุ้น" ไม่รู้?

มีความจริงหลายเรื่องที่ "คนไม่เคยเล่นหุ้น" ไม่รู้
ความไม่รู้นั้นเองที่ทำให้หลายอย่างบิดเบือน
"หุ้น" จึงกลายเป็นเรื่องเข้าใจยาก
เป็นเรื่องของคนรวย ๆ เขาทำกัน
หรือแม้กระทั่งเป็นการพนันที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว
แต่มันใช่เหรอ?
อะไรคือ 7 เรื่องที่คนไม่เคยเล่นหุ้นไม่รู้? ไปดูกันเลย

1.การเปิดพอร์ตหุ้น ไม่ต้องใช้เงินสักบาท

ไม่ต้องแสดงบัญชีว่ามีเงินเท่าไหร่
ไม่ต้องถูกตรวจสอบเครดิต
ใช้แค่สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
และสำเนาหน้าบุ๊กแบงค์ (เพื่อใช้รับเงินปันผล)

2.บัญชีหุ้นมีดอกเบี้ยมากกว่าบัญชีออมทรัพย์ 2 เท่า

ไม่ต้องซื้อหุ้น แค่โอนเงินมาไว้ในบัญชีหุ้น
ก็รับดอกเบี้ย 1.1% ต่อปี
ย้ำว่าไม่ต้องซื้อหุ้น แค่ย้ายเงินมาวางไว้ในบัญชีหุ้น
จะถอนออกก็ได้ เพียงแต่ต้องบอกล่วงหน้า 1 วัน

3.ไม่ต้องมีเงินหมื่นเงินแสนก็ซื้อหุ้นได้

กติกาก็คือ เราต้องซื้อหุ้นไม่ต่ำกว่าครั้งละ 100 หุ้น
ในตลาดหุ้น มีหุ้นหลายบริษัทที่ราคาไม่ถึง 5 บาท
จึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อหุ้น

4.หุ้นมีเงินปันผลให้ทุกปี โดยเฉลี่ย 2 ครั้ง/ปี

คนส่วนใหญ่คิดว่าเล่นหุ้นต้องซื้อมาขายไปอย่างรวดเร็ว
แต่หากเราเลือกหุ้นที่มีปันผล
แล้วถือหุ้นไว้ให้ครบรอบบัญชี
เราจะได้เงินปันผลโอนเข้าบัญชีที่แจ้งไว้ในข้อ 1 นั่นเอง

5.รายได้ที่เกิดจากการขายหุ้น ไม่ต้องเสียภาษี

ไทยเป็นไม่กี่ประเทศที่กำไรจากขายหุ้น ไม่ต้องเสียภาษี
ไม่ว่าจะได้กำไรมากเท่าไหร่ ก็ไม่ต้องเสียภาษี
(เสียภาษีเฉพาะรายได้ที่เป็นเงินปันผลเท่านั้น)

6.หุ้นไม่ใช่การพนัน และไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวัน

การลงทุนหุ้นมีทั้ง เก็งกำไรระยะสั้น และปันผลระยะยาว
ถ้าเก็งกำไรระยะสั้น ก็ต้องเฝ้าหน้าจอ ซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
ถ้าหวังปันผลระยะยาว ก็ต้องใช้เวลาเลือกหุ้นดี
แล้วถือยาว ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ

7.ความเสี่ยงของการเล่นหุ้น เกิดจากการไม่หาความรู้

95% ของคนเจ๊งหุ้นไม่เคยเรียนรู้เรื่องหุ้น เล่นตามข่าว
เท่านั้นไม่พอ นอกจากไม่มีความรู้ ยังมีความโลภด้วย
การจำกัดความเสี่ยงจึงทำได้โดยการศึกษาหาความรู้
ก่อนที่คิดจะลงทุน

 
 



 
 

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

เล่นหุ้นอย่างไร ให้กำไรเกินคาด


'เล่นหุ้นอย่างไรให้กำไรเกินคาด ?'

คุณเห็นคน 80% ที่เล่นหุ้น มักคาดทุนเกินคาด ..แต่คุณทราบไหมว่า เหรียญอีกด้านนึงของตลาด มีนักลงทุนอีก 20% ที่เขากำไรเกินคาด ...'คุณว่าเขาทำอย่างไร ?'

แน่นอน !! เขาคงไม่ได้ทำเหมือนคน 80% ที่เข้าตลาด - หวังรวยเร็ว อยากรวยทันใจ เล่นหุ้นตามเชียร์ เข้าตลาดแบบใช้ความโลภนำความรู้ ..สุดท้ายก็หดหู่พอตลาดหุ้นจบรอบ ก็อยู่บนดอย 'เฮ้ย!! ทำไมฉันติดหุ้นปั่น ..ทำไมพอร์ตฉันขาดทุน 50% ...ทำไมหุ้นที่ฉันติดมันไม่ขึ้น ทั้งที่ตัวอื่นไปหมดแล้ว ...ตัวที่ขายทิ้งกลับเด้ง ..ตัวที่ทนถือกลับซวย' - เดี๋ยว!! คุณไม่แปลกใจเหรอที่คน 80% เจ๊งแบบเดียว กันเป๊ะ ..เหมือนโลกกลั่นแกล้ง 

'ผมเรียก สิ่งนี้ว่า Mindset ที่ตั้งโปรแกรมสู่ความล้มเหลว หรือ วิธีคิดของเม่าขั้นเทพ' ...พูดแต่ข้อเสีย แล้วทางแก้ล่ะ ?

'จริงๆ ถ้าคุณคิดทบทวนสิ่งที่ทำด้วยตัวเอง ก็จะพบทางแก้แล้ว ...ลองนึกดูซิครับ' ...ผมจะบอกวิธีปรับ Mindset แบบง่ายๆ 5 ข้อ ดังนี้

1. แทนที่จะซื้อหุ้นด้วยความโลภ ลองใช้ความรู้นำ (ใครอ่านมูลค่าเป็น จะแยกแยะหุ้นดีกับหุ้นปั่นได้ ..ส่วนใครเข้าใจกราฟเทคนิค จะแยกแยะระหว่างขาขึ้นและขาลงได้)

2. เลิกซื้อตามข่าวดี ให้ค้นหุ้นในข่าวร้าย จะเห็นหุ้นได้ตาสว่าง (สังเกตเวลาตลาดลงแรง หุ้นปั่นจะลงเละ ดังนั้น ช่วงวิกฤต จะช่วยให้เราคัดหุ้นด้วยตาสว่างมากขึ้น)

3. คนส่วนใหญ่ซื้อหุ้นเยอะไปน้อย คือ ไม่มีการซื้อเฉลี่ย เจอหุ้นผีบอกก็ขายบ้านขายรถจัดเต็ม หวังรวยทันที ..ทางแก้คือ เวลาซื้อหุ้น(โดยเฉพาะแนวระยะยาว) ให้ทยอยซื้อเป็นพอร์ตจากน้อยไปเยอะ (ไม้แรก คุณมักซื้อผิด จริงไหมล่ะ ? ..ดังนั้น เริ่มจากซื้อน้อยแล้วค่อยเยอะขึ้น)

4. มือใหม่ให้ใช้เงินเย็นเล่นหุ้นดี ..คนส่วนใหญ่ใช้เงินน้อยเล่นหุ้นปั่น แล้วเจ๊งอย่างเสียสติ ..คุณก็เล่นตรงข้าม ใช้เงินเย็นซื้อหุ้นดี เพราะถ้าติดหุ้นดี สุดท้ายมันก็หลุดได้ เพราะคุณดีทั้งมูลค่าและราคามีแต่ขึ้นในระยะยาว

5. ถ้าไม่มีเวลาอย่าเทรดสั้น ให้เริ่มจากฝึกออมในหุ้นก่อน ..เพราะออมในหุ้น คือ เน้นแต่ฝั่งซื้อ และซื้อที่มูลค่าในยามที่หุ้นราคาถูก ..มันจะง่ายกว่า เล่นทั้งซื้อและขาย ...คิดง่ายๆ ซื้อให้เป็นก่อน ออมหุ้นให้ชำนาญ จากนั้นค่อยต่อยอดทำกำไรสั้นได้เมื่อเราเชี่ยวชาญขึ้น

ใช่!! แค่เราเปลี่ยนวิธีคิดแบบผิดๆ ให้มันถูก แค่นี้ก็รวยหุ้นได้แล้วครับ

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

งานไม่ประจำทำอย่างไร ให้รายได้มั่นคง


'10 หลักคิด เพื่อเริ่มและเพิ่มรายได้หลายทาง

'คำถามยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ คือถ้างานไม่ประจำทำอย่างไร ให้รายได้มั่นคง'

ยุคนี้อาชีพอิสระ คือ งาน ที่ทุกคนใฝ่ฝัน ..แต่ปัญหาก็คือ จะทำอย่างไรให้รายได้มั่นคง ต่อเนื่อง มาตลอด ...ผมมีข้อแนะนำ ดังนี้

1. 'ช่วงงานเข้า' ..ต้องผันรายได้ให้เป็น พอร์ตการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสด

2. 'ช่วงงานหด' ..ต้องหมั่นพัฒนา ความรู้ ให้ทันสมัย ในเรื่องที่เราเชี่ยวชาญและยึดเป็นอาชีพ ..อ่านเยอะ/เรียนเยอะ/ฟังเยอะ - ต้องสร้างประตูโอกาส อย่ามัวแต่รอโอกาส

3. 'อย่าพึ่งพิงรายได้ทางเดียว' ..ไม่มีใครสามารถมั่นคงจากรายได้ทางเดียว

4. 'เรียนรู้เรื่องการออมในหุ้น' ..เพื่อสร้างทางเลือก ของรายได้ ให้มีกระแสเงินสดไหลมาอย่างต่อเนื่อง

5. 'ขยายขอบเขตการทำงาน จากสิ่งที่เราถนัดให้กว้างขึ้น' เช่น เรียนรู้วิธีทำเงินจากออนไลน์ เพิ่มเติมจากงานเดิมที่ทำ

6. 'ขยายเครือข่ายของการเรียนรู้และการทำเงิน' ..การเรียนรู้สิ่งใหม่ เจอกลุ่มเพื่อนใหม่ที่สนใจเหมือนๆกัน จะเพิ่มโอกาสในอาชีพและการสร้างเงิน

7. 'อาสาช่วยเหลือ และทำในสิ่งใหม่ๆ' ..ในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ..เราจะเห็นช่องทางใหม่ๆ จากการลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ

8. 'เรียนรู้การให้ และรับอย่างต่อเนื่อง' ..การอาสาขึ้นเวทีแสดงความรู้ แชร์ความรู้ ทั้งที่ได้เงิน หรือบางครั้งไม่ได้เงิน มันเป็นการต่อยอดให้เราเจอลู่ทางใหม่ๆในชีวิต

9. 'ไม่ต้องอวดรวย เพราะไม่ช่วยในอาชีพ' ..ในยุคที่ทุกคนต่างโชว์หรู โชว์รวย - เราโชว์ความรู้ แชร์ความคิด มันทำให้ต้นทุนชีวิตเราถูกและช่วยให้เราก้าวหน้าได้ไวกว่า

10. 'ฉายแสง แสดงความเป็นผู้นำ' ..ถ้าอยากโชว์หล่อ โชว์สวย ให้โชว์ความมุ่งมั่นในสิ่งที่เราทำ เช่น เป็นแกนนำในการออกกำลังกาย , ลดน้ำหนัก , รักษาสุขภาพ ..ความเท่ห์ที่เงินซื้อไม่ได้ ถ้าเราทำได้ มันเท่ห์กว่า ..แถมพาโอกาสดีๆมาแบบที่เราไม่คาดคิด !!

"ผู้นำ" คือ คนที่ลงมือทำ มุ่งมั่น และเดินตามฝันอย่างมีวินัย ...ผิดถูกก็เรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์ 

เส้นทางนี้อาจไม่โก้เก๋ ไม่ไฮโซ แต่สุดท้าย เชื่อเถอะว่า 'เราจะเหลือเงินในกระเป๋าเยอะกว่า มั่นคงกว่า และเราจะภูมิใจในสิ่งที่เราทำ'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



10 จุดอุดรูรั้ว ให้พอร์ตหุ้นคุณดีขึ้น


10 จุดอุดรูรั้ว ให้พอร์ตหุ้นคุณดีขึ้น

หลายคนซื้อหุ้นทีไร ติดดอยทุกที ขายทิ้งทีไร หุ้นไปต่อทุกครั้ง ..'อย่าแปลกใจ เพราะมือใหม่ส่วนใหญ่ก็เป็นเหมือนคุณแหละ' 

ผมเอา 10 จุดรูรั้ว ..ลองไปพิจารณาดูค่อยๆ อุดพอร์ตหุ้น ให้ดีขึ้น รวยขึ้นต่อไป

1. 'ไม่มีเป้าหมายชัดทุกครั้งที่ซื้อว่า จะซื้อหุ้นเล่นยาวหรือเล่นสั้น' ..ถ้าเรามั่ง เราจะไม่รู้ว่า หุ้นแบบไหนที่ควรเลือก กำไรแค่ไหนควรขาย แล้วถ้าขาดทุนจุดไหนควร Cut Loss

2. 'ถ้าเลือกเล่นสั้น ต้องขายทิ้งทันทีหากหุ้นลงถึง 10%' ..เพราะถ้าเล่นสั้นแล้วปล่อยให้ลงลึกกว่านั้น มันผิดวัตถุประสงค์ตั้งแต่เริ่มแล้ว ..เล่นสั้น ต้องมีจุด Stop Loss 'เวลาซื้อต้องขึ้นเลย ถ้าลงต้อง Stop แค่นั้น ชัดเจน'

3. 'ถ้าเลือกเล่นยาว ต้องใช้เงินเย็น และไม่มี Stop Loss' ..ใช่!! มันเหมือนเราเล่นสวนกับคนเล่นสั้น แต่จริงๆ เราเล่นหุ้นคนละประเภท 

4. 'เลือกหุ้นเล่นสั้น มองที่ราคา' ..ใช้กราฟเป็น - มีจุด Stop Loss / รู้วิธี Let Profit Run - ก็เล่นสั้นได้ 

5. 'เลือกหุ้นเล่นยาว มองที่มูลค่า' ..ถ้าปันผลน้อยกว่า 3% เราแทบไม่ต้องดู ก็ควรรู้ว่า ราคาหุ้นแพงกว่ามูลค่า ..เราอาจต้องเล่นสั้นแทน หากหุ้นดีแต่ปันผลต่ำกว่า 3% และมันดูแพง ..ไปเล่นสั้นเล่นรอบแทน

6. 'ถ้าเล่นสั้น ซื้อแล้วต้องขาย' วางแผน และ ให้เวลากับมัน

7. 'ถ้าอยากซื้อหุ้นแล้วไม่ขาย ถือกินปันผล ให้หุ้นเลี้ยงเรา ต้องศึกษาวิธีเล่นยาวแบบออมในหุ้น'

8. ทุกคนควรมี พอร์ตหุ้น 2 พอร์ต แยกชัดเจน อันนึง เล่นสั้น 'เราทำงานเพื่อเงิน'(เทรดหุ้น) อีกพอร์ตเล่นยาว 'เราวางเงินทำงาน' (ออมในหุ้น)

9. ที่พูดมามันไม่ง่าย ผมกับคุณหยง ถึงออกแบบหลักสูตร 'แพ้ทยาว & หยงสั้น' : The Stock Blueprint เพื่อสอนให้ครบและใช้ได้จริงทั้ง สั้น และ ยาว !!!

10. 'คนที่ซื้อหุ้นตามคนอื่นมักซื้อแพง และปลายรอบเสมอ' ..ก็พวกที่กว่าจะสนใจซื้อหุ้น ก็แถวแล้วใกล้ๆ ดอย ซื้อปั๊บก็ติดดอย ก็พวกนี้แหละ ..วิธีแก้คือ หยุดเล่นหุ้นตามข่าว หยุดเล่นหุ้นที่คนอื่นเชียร์ ให้ศึกษาวิธีหาหุ้นด้วยตัวเอง (ถ้าไม่รู้ทำไง มันเรียนรู้กันได้ อย่างหลักสูตร Stock Blueprint ก็สอนการหาหุ้นเอง)

ลองพิจารณาดูว่า คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดแค่ไหน ..ยิ่งเข้าใจ พอร์ตจะดีขึ้น ..อุดรูรั้ว และกำไรหุ้นมากขึ้นครับ

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

อย่าเสียดาย และอย่าเสียใจกับหุ้น


'อย่าเสียดาย และอย่าเสียใจกับหุ้น' 

เสียดายที่ไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนั้น... และก็เสียใจที่ได้ซื้อหุ้นตัวนี้ แต่ดันถือทนรวยไม่ได้ ...ไม่งั้นรวยไปแล้ว !!

'คุณว่า มีคนพูดแบบนี้กี่คนในตลาดหุ้น?' ..ใช่!! ทุกคนก็พูดแบบนี้ ..."ก็เสียดายไม่ได้ซื้อ - เสียใจไม่ได้ถือ"

มาแก้ปัญหานี้กัน ..ถ้าแก้ได้ ก็รวยได้ มาปลดล็อคความรวยด้วยวิธีแก้ง่ายๆ กัน (ง่ายแต่ต้องทำนะ) 

หนึ่ง 'เสียดายไม่ได้ซื้อ' ก็ซื้อซิ ถ้าอยากซื้อ ซื้อก่อนเลย 100 หุ้นขั้นต่ำ ..เพราะอะไรรู้ไหม เพราะคนส่วนใหญ่ที่เห็นหุ้นถูก แล้วมัวแต่รอ 'รอให้ถูกกว่านี้' ส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อครับ ...ตอนรอขาลงก็ไม่ได้ซื้อ รอจนราคาเริ่มเด้งขึ้นก็ยังไม่ได้ซื้อ ..จากนั้นยิ่งรอราคายิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ - สรุปก็ไม่ได้ซื้อ ...ทางแก้คือ ซื้อเลย ซื้อน้อยๆ เขาเรียกแหย่ขาก่อน 'มันจะช่วยให้เรากล้าซื้อมากขึ้น เมื่อเราแหย่ขาแล้ว' ..100 หุ้นจัดก่อนเลย

สอง 'ทยอยซื้อแบ่ง 3 ไม้' ..ครั้งแรกน่ะ 100 หุ้น 'ไม้นี้ซื้อแหย่' (โดยมากซื้อแล้วจะลงต่อ)  ..ไม้ที่สอง 'ซื้อมากขึ้น' ..และไม้ที่สาม 'ซื้อมากขึ้นอีก' ..แบ่งเงินเท่าไหร่แล้วแต่คุณ อย่างน้อยถ้าแบ่งเงินแบบนี้ ..ไม้แรกมันซื้อให้กล้า / ไม้สอง จะซื้อได้ราคาดี / ไม้สาม เผื่อฟลุ๊คได้ราคาถูกมากๆ (ในชีวิตจริง ไม่ได้ซื้อไม้สาม ก็ไม่เดือดร้อน เดี๋ยวก็มีตีวใหม่ ตลาดหุ้นวิกฤตคือโอกาส) ...วิกฤตโคตรจะเยอะ ก็โอกาสก็เลยโคตรเยอะไง 

สาม 'เสียใจไม่ได้ถือ' ..ผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในตลาดหุ้น ก็ล้วนเคยซื้อหุ้น 10 เด้ง ร้อยเด้ง แต่เราไม่ได้ถือให้มันเป็นเด้ง ..หุ้น 10 เด้ง คนส่วนใหญ่ถือกำไร 10% ก็ไปแล้ว คิดว่าทำรอบได้ เดี๋ยวคงได้เยอะกว่า ..หมูครับ!! - ทางแก้ก็คือ กันเงินออกมาส่วนนึง มาเปิดพอร์ต ออมในหุ้น (เริ่มจากสัก 10 % ของเงิน หรือ 10% ของเงินเดือน ค่อยๆ ฝึกเรียนรู้สร้างวินัยการออมหุ้น)

ทำได้ 3 ข้อนี้ ชีวิตจะเปลี่ยน ..เปลี่ยนจากเคยเล่นหุ้นแบบ งงๆ ได้ๆ เสียๆ เป็นยิ่งอยู่ในตลาดยิ่งนานยิ่งรวย

ยิ่งแก่ ยิ่งรวย ..ยิ่งนานยิ่งเก๋า ..ออมหุ้นไปๆมาๆ เงินปันผลเลี้ยงเราจนไม่ต้องทำงานอีกต่อไป 

ถ้ามีความรู้ที่ถูกต้อง - และเรารู้จักวางแผน - ไม่ต้องคิดมากเลย ชีวิตรวยแน่นอน ...จุดเริ่มคือ คิดและเดินให้ถูกทาง จัดไป!!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

5 สิ่งต้องห้ามในตลาดหุ้น


5 สิ่งต้องห้ามในตลาดหุ้น !!

'ไม่มีเงิน - บ้านไม่ได้รวย - ไม่มีเวลา - ความรู้น้อย - โอ๊ย!! ไม่กล้า ใครๆ ก็เจ๊ง' ..ให้ไอ้พวกคนรวยเล่นไปเถิด !!

เดี๋ยว!! ...'มีเงินเท่าไหร่ใช้เริ่มเล่นหุ้น ?'

 ...คำสาบ ที่ทำให้หลายคนไม่เคยสนใจมองหุ้นเลย ก็คือคำพูดที่ว่า 'คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น!!'

จริงๆ คำพูดนั้น มันแฝงความหมายบางอย่างหากตั้งใจคิดดีๆ ...'ก็เล่นหวยโอกาสถูกมันต่ำมาก คนเล่นเลยไม่รวย อันนั้นก็ใช่ คนถูกหวยมีน้อยกว่าคนถูกหวยกิน ...ในส่วนหุ้น มันก็ไม่ใช่ต้องเป็นคนรวยเสมอไป เพราะจริงๆ มีเงินหลักพัน ก็ซื้อหุ้นได้แล้ว'

อย่างเปิดบัญชีหุ้น คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าเปิดที่ไหน ทั้งๆที่เดี๋ยวนี้ ไปสาขาธนาคารก็เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นได้แล้ว

1. เปิดบัญชีหุ้น ง่ายเหมือนเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร แค่เดินเข้าสาขา อย่าง ธนาคารกรุงเทพสาขาไหนก็ได้ ก็เปิดบัญชีหุ้นได้แล้ว 

2. เงินขั้นต่ำที่ใช้เปิดบัญชีหุ้นคือ ศูนย์บาท ..เปิดบัญชีธนาคารต้องใส่เงิน แต่เริ่มเปิดบัญชีหุ้น ไม่ต้องมีเงินก็เปิดบัญชีหุ้นได้ 

3. ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวย ถึงจะซื้อหุ้นได้ ..เพราะขั้นต่ำ เขาบังคับซื้ออย่างน้อย 100 หุ้น สมมุติอยากซื้อหุ้น บริษัท BTS คือ 'อยากเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า BTS' ตอนนี้ราคาประมาณ 8 บาท ..คุณมี 800 กว่าบาทก็เป็นเจ้าของรถไฟฟ้าได้แล้ว (ไม่ต้องเป็นเศรษฐีคุณก็เป็นส่วนนึงของเจ้าของกิจการใหญ่ได้)

4. หลายคนบอกไม่มีเวลา เล่นหุ้นไม่ได้ ..แต่คุณรู้ไหมว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่เขา ออมในหุ้น คือ ซื้อหุ้นพื้นฐานดี เวลาเกิดวิกฤต เขาจึงสามารถซื้อหุ้นดีได้ในราคาถูก จากนั้นก็ถือเฉยๆ กินปันผล ให้หุ้นจ่ายปันผลเลี้ยงเขาทุกปี ...ไม่ต้องซื้อๆ ขายๆ ซื้อแล้วถือกินปันผลไม่ขาย ก็รวยได้ 'รวยแบบไม่เหนื่อยด้วย!!'

5. หลายคนบอกไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีที่ดิน ไม่มีมรดก จะซื้อที่ดินเก็บให้ลูกก็ไม่มีปัญญา เพราะเดี๋ยวนี้ที่ดินแสนจะแพง จะแบ่งซื้อก็ไม่มีใครแบ่งขาย ...ก็นี่ไง เก็บหุ้นเป็นมรดก ค่อยๆ ออมสะสม แบ่งซื้อได้ ยิ่งเก็บราคายิ่งเพิ่ม ระหว่างถือ ก็ได้ปันผลกินทุกปี ..นี่แหละ มรดกชั้นดี ถ้ารู้จักมอง !!

ยุคนี้มันมีสิ่งที่รู้แล้วเปิดโอกาสชีวิตอีกเยอะครับ !! ..ยุคนี้ คนจะรวยต้องเริ่มที่ความรู้ ..อย่าจมอยู่กับความเชื่อเก่าๆ ที่เขาบอกมา เขาสอนมา ..ยุคนี้โอกาสเกิดจากเราศึกษาให้รู้จริง ใช้ความรู้ที่เกิดจากตัวเรา เข้ากับยุคสมัย จัดไป !!
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

-----------------------------------

ใครสนใจอยากเรียนหุ้นทั้งสั้นและยาว หลักสูตร The Stock Blueprint : 'แพ้ทยาว & หยงสั้น'...ตอนนี้ยังสมัครทันครับ !!

เราเปิดรอบเพิ่ม "รอบ 30 ตุลาคม"

 - การเรียน Blueprint เป็นหลักสูตรออนไลน์ผสมออฟไลน์ ..สมัครแล้วเริ่มเรียนได้เลย โดยเรียนออนไลน์ก่อน 30 ชั่วโมง จากนั้นมาเรียนสดอีก 2 วันเต็ม คือ 30 ตุลาคม และ 5 มีนาคม

 (รวมทั้งหลักสูตร 42 ชั่วโมง) - แถม Audiobook ปรับ Mindset สำหรับมือใหม่ให้ฟังอีก 5 ชั่วโมงเต็ม

ดูตัวอย่างหลักสูตรและสมัครเรียนได้ที่นี่ครับ www.thestockblueprint.com หรือโทร  063-191-0816

ความสำเร็จในตลาดหุ้น เราใช้วิธี ล้มไปข้างหน้า


''เก็บสะสมแต้มความสำเร็จในชีวิต เราใช้วิธีล้มไปข้างหน้า' 

เฮ้ย!! มีด้วยหรือ ล้มไปข้างหน้า ..นึกว่าคนล้มต้องถอยหลัง สำเร็จช้า - 'มีซิ!! นี่คือหนึ่งในเคล็ดลับวิชาสุดยอดของชีวิต ..วิชาล้มไปข้างหน้า'

มันมีหลักปฏิบัติ 10 ข้อดังนี้

1. 'ทำสิ่งใหม่' ถ้าทำสิ่งใหม่ เวลาล้มไม่ต้องอาย เพราะคนอื่นมันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ..ล้มแล้วไม่เป็นตัวตลก

2. 'ทำเพื่อคนอื่น' ผมมักนิยามการหาโอกาสธุรกิจในยุคนี้ คือ ต้องเริ่มจากแก้ปัญหาและสร้างประโยชน์ให้อื่น ..ถ้าล้มเพราะทำเพื่อคนอื่น ก็ดูแมนๆดี ปัดฝุ่นที่ก้นหน่อย แล้วกลับมายืนใหม่เท่ห์ๆ 

3. 'ผมคนธรรมดา' ..เราก็คนธรรมดาๆ จะล้มบ้างแล้วเป็นไง 

4. 'ใช้เงินเริ่มให้น้อย' ถ้าในมุมธุรกิจ ผมชอบ Lean Start-Up ประมาณว่า ทำอะไรก็ทำเถิดขอให้ต้นทุนต่ำ ใช้เงินให้น้อย ..ยิ่งอายุน้อย เรียนอยู่ หรือเป็นลูกจ้าง มันล้มแล้วลุกง่าย

5. 'เรียนรู้ อย่างน้อยหนึ่งกฏจากสิ่งที่ล้ม' ผมมีกฏอยู่ว่า ทุกครั้งที่พลาด ก็เหมือนได้เรียนวิชาพิเศษอย่างน้อยหนึ่งข้อ ...อันนี้แหละจะเปลี่ยนเป็นกฏแห่งความสำเร็จเมื่อผมลุกขึ้น

6. 'หาเพื่อนล้ม' ฟังดูจะแนวเพื่อนพาซวย แต่เชื่อผมเถอะ ทุกธุรกิจยิ่งใหญ่ เริ่มจากคนอย่างน้อย 2 คน ..ยุคนี้คิดอะไรใหม่ หาแนวร่วม คิดซะว่า ถ้าไอเดียของคุณไม่สามารถจูงใจใครได้เลย ไปคิดใหม่ไป !!

7. 'ให้รู้ไว้ว่า จุดที่เราล้มเคยมีคนล้มมาก่อนแล้ว' ..สิ่งที่เราคิดว่าโคตรใหม่ เชื่อไหมว่ามีมนุษย์เคยคิดและทำมาก่อน เพียงแต่มันอาจจะอยู่ผิดที่ ผิดเวลา ..คิดได้ รีบทำเลย 

8. 'ไม่ได้มีใครมีเวลามาจับตาคุณหรอก' บางคนไม่กล้าทำอะไร เพราะคิดว่า คนอื่นเฝ้าจับผิด ..คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจใครมากกว่าตัวเองหรอก ..ถึงคุณทำอะไรผิดพลาด ดูเปิ่นๆ สักพักคนก็ลืม จะกลัวอะไร 

9. 'ความสำเร็จครั้งใหม่ จะลบความล้มเหลวในครั้งก่อน' ..ผมยึดคติล้มให้เยอะ แต่เจ็บน้อย แล้วลุกเร็ว เพราะเราจะฝังใจและเจ็บปวดที่สุดกับแผลใหม่ ..ชีวิตที่เป็นตำนาน คือ ชีวิตที่มีเรื่องเล่า ล้มแล้วลุก ..ลุกแล้วล้ม แล้วลุก ..ชีวิตเราก็แค่ละครอีกเรื่อง สุดไปเลย กลัวไรฟระ !!

10. 'ทุกความล้มเหลวของเราสามารถเอามา สร้างหนัง เขียนหนังสือ สร้างเรื่องราว' ..ถ้าล้มเหลวแล้วยังไม่สำเร็จอะไรเลย ก็ขอเป็นนักเขียน นักเล่าเรื่องที่ประสบความสำเร็จได้นะครับ ..สุดยอดนักเขียน ผู้รวบรวม และ เขียนหนังสือ ล้มไปข้างหน้า 108 ความล้มเหลวสะท้านโลก 

ใช่!! ล้มไปเถอะ ..แล้วลุกขึ้นมา ล้มไปข้างหน้า ..เดี๋ยวสักวันต้องเป็นวันของคุณ !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

อย่ารวยตามกระแส เพราะมันของปลอม


'อย่ารวยตามกระแส เพราะมันของปลอม!!'

วันนี้เราดูชีวิตคนรวยผ่านละคร หรือภาพผ่าน Social เราจะเห็นภาพของคนรวยคือ 'ชิวๆ จิบกาแฟ ..คุณชาย ..ไม่ต้องทำอะไร ..พ่อรวยหมื่นล้าน ..วันๆ ก็โฉบรถซูปเปอร์คาร์(ของพ่อ) ไปรับสาวๆ ไฮโซที่ไม่แพ้กัน' ..จะว่าไปมันก็ Slow Life ดีนะ สบายดี แต่ถ้าเราไม่ได้เกิดมาโชคดีแบบนั้น ผมมีคำแนะนำบางอย่างจะให้คุณ

1. ลึกๆ แล้ว คนเราจะภูมิใจในสิ่งที่เราสร้างเอง ..จงเริ่มจากความภูมิใจในความเป็นเรา และเริ่มสร้างทุกอย่างจากจุดที่คุณยืน 

2. ให้เลือกวิธีสร้างตัวที่เหมาะกับตัวเรา ..ไม่ว่าจะเริ่มจากศูนย์ หนึ่ง สอง สาม สี่ ..มันมีวิธีการสร้างตัวจากทุกจุดที่เรายืน ..เริ่มจากค้นหาตัวอย่าง ..อาจเริ่มจากการอ่านประวัติของคนที่สำเร็จจำนวนมาก เพื่อจะค้นหาว่า คนที่เริ่มจากจุดที่เรายืน เขาคิดและทำอย่างไร ? 

(อย่าหาข้ออ้างที่จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ให้หาตัวอย่างที่จะสำเร็จ)

3. คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริงต่างจากละครตรงที่ว่า ..ในชีวิตจริง คนเหล่านี้คือผู้ที่รับใช้และแก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้กับผู้คน 

4. โลกนี้มีคนเพียงสองแบบ คือ หนึ่ง 'ผู้สร้าง' กับ สอง 'ผู้ใช้' ...คนส่วนใหญ่ใช้ทั้งชีวิตแบบผู้ใช้จึงไม่เคยรวยจริง ..คนรวยจริงเขาใช้ชีวิตแบบผู้สร้าง

5. คนที่เก่งใช้เงิน อาจรวยได้ แต่ไม่นาน ..ยิ่งเราพยายามโชว์มากแค่ไหน คนจะเข้าใจว่าคุณขาดสิ่งนั้น ..เราจะชื่นชมกับคนที่สร้างอะไรบางอย่าง แก้ปัญหาและเปลี่ยนชีวิตผู้คน ..อย่าเสียเงินซื้อของเพื่อโชว์คนอื่น เพราะคนอื่นไม่ได้มองแบบที่เราคิด 

6. อาชีพอะไรก็หาเงินได้มาก ถ้าหากเราเป็น 'ผู้นำ' ในอาชีพนั้น (ทำตัวให้น่านึกถึง เวลาคนคิดถึงสิ่งนั้น ..คุณมีโอกาสรวยแน่นอน)

7. การค้นหาตัวเองเป็นเรื่องจำเป็น จงมุ่งมั่นทำหลายๆอย่างให้เจอว่า แท้จริงแล้วเรามีความสุขกับการทำอะไร (บางครั้งวิกฤตที่เข้ามาในชีวิตนั่นแหละ ที่จุดประกายให้เราเจอกับตัวจริงของเรา)

8. คนที่เจอความชอบของตัวเอง จะใช้เงินน้อยลง แล้วใช้เวลาทุ่มเททำสิ่งที่ชอบให้เกิดผลงาน ...นี่แหละคือเวลาที่ชีวิตจะรวยขึ้นและสุขขึ้นแบบก้าวกระโดด

 (ผู้บริโภค Consumer คือ คนที่ใช้ชีวิตท่ามกลางความสับสน จึงหลงคิดไปเองว่า การได้ใช้เงิน มันคลายเครียด มันทำให้มีความสุข ..แต่ยิ่งจ่าย กลับยิ่งว่างเปล่า)

9. คนที่เจองานที่ตัวเองชอบ จะคิดบวกมากขึ้น ..ไม่!! โลกไม่ได้สวยขึ้น เพียงแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเข้าใจตัวเรามากขึ้น เราจะมองโลกในแบบที่มันเป็น ยอมรับความเป็นจริง เข้าใจสิ่งที่เป็น ...นั่นคือจุดที่มุมมองบวกจะเปลี่ยนทุกด้านให้ชีวิตเรา 

10. ช่วงต้นของชีวิต เราล้วนใช้ชีวิตแบบผู้รับ ผู้ขอ ผู้ค้นหา ..แต่เราจะเติมเต็มและมีความสุขในชีวิตจริงๆ ก็เมื่อถึงวันที่เรากระโดดไปอีกด้านของชีวิต คือ ผู้ให้ ...ผู้ให้ไม่จำเป็นต้องร่ำรวย แจกเงิน เสมอไป

 ..ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ คนที่ให้ในสิ่งที่ตัวเองเต็ม - คนที่เต็มในความรัก ก็ให้ในความรัก / เต็มในความรู้ ก็ให้ความรู้ / เต็มในเงิน ก็ให้ในเงิน / เต็มในโอกาส ก็แบ่งปันโอกาส / เต็มสิ่งใด ยิ่งให้ ยิ่งมีความสุข

รวยจริงไม่ต้องตามกระแส แต่แชร์ในสิ่งที่เราเติมเต็ม 
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

ไม่ต้องทำนายตลาด แต่รวยไปกับตลาดดีกว่า


'บทเรียนราคาแพงพี่ผมได้เรียนจากตลาดหุ้นไทย' ..ก็คือ 'อย่าพยายามทำนายตลาด!!'

ใช่!! มันดูเท่ห์ถ้าตลาดขึ้นลงตามที่เราพูด - เทพมาก !! แต่ประเด็นคือ เราไม่สามารถรวยจากการคาดเดาตลาด ...ทำไมล่ะ?

สมมุติเรามองว่าขึ้น ยิ่งเรามั่นใจเราก็ยิ่ง ซื้อหุ้นเต็มพอร์ต ..ถ้าขึ้นก็ดี แต่ถ้าลงก็ซวย ..มันเหมือนเอาเงินเราไปเสี่ยงกับความไม่แน่นอน เพราะสุดท้าย มันจะขึ้นหรือลงเราก็ 'เดา' ทั้งคู่อยู่ดี

จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถลงทุน วางพอร์ตของเราให้ รับได้ทั้งขาขึ้นและขาลง คือ ถ้าขึ้นก็รวย ..ถ้าลงก็ยิ่งรวย !!

ครับ!! มันดีกว่าเยอะ ...การทำนายตลาดหรือจะนับ Wave ก็ทำไปสนุกๆ แต่สิ่งที่เราต้องทำจริงๆ ก็คือ การวาง พอร์ตให้รับกับตลาดทั้งขึ้นและลง

ทำดังนี้

1. แบ่งเงินเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 'เล่นสั้น' (ส่วนนี้มี Stop Loss ถ้าผิดทาง ต้องรีบ Cut Loss แล้วเสียหายไม่เกิน 10% ของเงินทั้งก้อน) ..ส่วนสอง 'เล่นยาว' ส่วนนี้ทยอยซื้อหุ้นดี ตามวิกฤต ตามรอบ หวังยาว หวังปันผล 

2. สร้างสมดุลย์พอร์ตให้เหมาะกับนิสัยเรา ..ในช่วงที่เรายังมือใหม่ อาจวางยาวแค่ 10% ของเงินเดือน นอกนั้นฝึกเล่นสั้น ..แต่พอเราเก่งขึ้นเราก็ค่อยๆ เพิ่มการวางยาว อาจถึง 50/50

3. ถ้าวาง 2 พอร์ต เป็น 'สั้น และ ยาว' จะทำให้เราเข้าใจตลาดหุ้นในทุกสภาวะ

4. การเล่น 'สั้น และ ยาว' จะช่วยให้เราอยู่ในตลาดได้นานกว่า การเล่นขาเดียว เพราะเราจะเข้าใจผู้เล่นในตลาด และเข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อเราเจอประสบการณ์มากขึ้น

5. พอร์ตที่สมดุลย์จะทำให้เรา ยิ่งรวยเมื่อตลาดหุ้นลงหนัก ..เพราะเราจะมีเงินจากพอร์ตสั้นมาเติมพอร์ตยาว แล้วให้ผลตอบแทน 'หลายเด้ง' เมื่อตลาดพ้นวิกฤต 
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

--------------------------------

ใครสนใจอยากเรียนสั้นยาว กับ อาจารย์แพ้ท และ อาจารย์หยง ใน The Stock Blueprint ...ตอนนี้ยังสมัครทันครับ !!

เราเปิดรอบเพิ่ม 'แพ้ทยาว & หยงสั้น' รอบ 30 ตุลา

 - การเรียน Blueprint เป็นหลักสูตรออนไลน์ผสมออฟไลน์ ..สมัครแล้วเริ่มเรียนได้เลย โดยเรียนออนไลน์ก่อน 30 ชั่วโมง จากนั้นมาเรียนสดอีก 2 วันเต็ม คือ 30 ตุลาคม และ 5 มีนาคม

 (รวมทั้งหลักสูตร 42 ชั่วโมง) - แถม Audiobook ปรับ Mindset สำหรับมือใหม่ให้ฟังอีก 5 ชั่วโมงเต็ม

ดูตัวอย่างหลักสูตรและสมัครเรียนได้ที่นี่ครับ www.thestockblueprint.com หรือโทร  063-191-0816

-------------------------------

แล้วเจอกันครับ 30 ตุลาคมนี้ ..The Stock Blueprint !! : 'แพ้ทยาว - หยงสั้น'

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

10 คิดรู้ไว้ ใช้'ทนรวย'


10 คิดรู้ไว้ ใช้'ทนรวย'

หนึ่งในคำพูดที่เจ็บแสบที่สุด ที่บอกว่า เรายังไม่รวยหุ้น เพราะ 'ทนรวย' ไม่เป็น ...จะบอกว่า การทนรวยมันสุดแสนยาก เพราะนักเล่นหุ้นโดยเฉพาะมือใหม่ ทนได้แต่ขาดทุน !!

1. มือใหม่เวลาขาดทุนหุ้นทนได้เท่าไหร่เท่ากัน ..แต่เวลาหุ้นกำไรยิ่งขึ้นยิ่งคัน สถิติพบว่า มือใหม่ทนเห็นหุ้นขึ้นได้ไม่เกิน 6 เดือน 'กลัวรวย!!'

2. เวลาขาดทุน จะรู้สึกสบายใจเมื่อหุ้นลงน้อย ๆ แต่พอหุ้นลงจนใกล้จุดต่ำสุด คือ ลงตั้งแต่ 50-70% จะคันและอยากขายมาก ..ขายปั๊บเด้งเลย จึงเป็นลักษณะการขายขั้นเทพของคนเหล่านี้

3. มือใหม่ชอบ 'ทนรวย' ตอนหุ้นปลายรอบ ..ก็ช่วงเวลาที่หุ้นพื้นฐานแพง P/E โคตรสูง , P/BV  โคตรสูง และปันผลโคตรต่ำ - ซึ่งจริงเวลาที่เจาอยากถือยาว มันคือเวลาที่น่าขาย เพราะจุดนั้นคือ ใกล้ยอดดอย !!

4. คนที่อยากใช้สูตร 'ทนรวย' แบบวิถีออมในหุ้น ต้องซื้อในจุดที่ถูกต้อง คือ ซื้อหุ้นปันผลในเวลาวิกฤต ...ถ้าไม่ได้ซื้อหุ้นในวิกฤต อย่าแม้แต่จะคิดถือยาว 

5. กราฟเทคนิค สามารถช่วยมือใหม่ 'ทนรวย'  ได้ ถ้ารู้จักใช้ เช่น เครื่องมืออย่าง Moving Average ก็ช่วยให้เราทนรวย ถือหุ้นได้นานขึ้น

6. การทนรวย ต้องเข้าใจเรื่อง 'รอบ' ต้องเข้าใจ RSI ..ถ้าไม่เข้าใจไปเรียนซะ ..เพราะถ้าไม่เข้าใจรอบ มันจะเป็นการทนรวยที่เจ็บปวดที่สุดครั้งนึงในชีวิต

7. ซื้อทุกเดือนสร้างวินัยการออมที่ดี แต่มันไม่ได้สอนให้เราเป็นนักลงทุนที่ดี เพราะนักลงทุนที่ดี ต้องเข้าใจ รอบ เข้าใจความโลภและความกลัว ..การเข้าใจมนุษย์คือแก่นของการเข้าใจการลงทุนและประสบความสำเร็จในระยะยาว

8. 'ทนรวย' เป็นเส้นทางที่ต้องผ่าน 'ทนขาดทุนระหว่างทางที่ทนรวย' ..ก็เพราะหุ้นทุกตัว วิ่งเป็นรอบ เป็น Cycle ไปเรื่อยๆ ..การทนรวยก็ต้องผ่านความผันผวนของราคา 

9. คนที่จะ 'ทนรวย' แบบเจ้าของบริษัท , นักลงทุนระยะยาวแบบออมในหุ้น ต้องสามารถเห็นพอร์ตของตัวเองแกว่งได้ถึง 50% ...เราจึงเน้นย้ำว่า 'เงินที่เอามาออมในหุ้น ให้เงินเลี้ยงเรา ต้องเป็นเงินที่เราตัดมันออกจากขีวิตได้'

10. 'เงินที่ตัดออกจากชีวิตได้' เริ่มง่ายๆ ที่ 10% ของเงินเดือน แบ่งออกมารอซื้อ ..ซื้อหุ้นออมตามรอบ ทำไปเรื่อยๆ ..นี่คือวิถีการสร้างเครื่องผลิตเงินให้มีปันผล ทนรวย ชั่วชีวิต !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

10 ข้อควรรู้ เพื่อเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น


10 ข้อควรรู้ เพื่อเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น

1. ตลาดหุ้นสามารถเล่นแบบการพนัน และก็สามารถเล่นแบบการลงทุน คนกำหนดคือคนเล่นเอง ไม่ใช่ตลาด ..คนส่วนใหญ่เลือกเล่นแบบพนันแล้วโทษตลาด

2. หุ้นพื้นฐานที่มีปันผล สามารถซื้อแล้วถือเหมือนลงทุนในที่ดิน ไม่จำเป็นต้องขายก็ได้ ..ถ้าถือได้นานพอ ปันผลก็คืนเงินทุนในที่สุด หลังจากนั้นหุ้นนนี้จะกลายเป็นเครื่องผลิตเงินเลี้ยงเราชั่วชีวิต ..นี่คือ อิสรภาพทางการเงินที่ตลาดหุ้นให้เราได้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้

3. หุ้นสามารถปั่นราคาขึ้นลงได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเป็นเหยื่อในเกมนั้น ..ถ้าเราลงทุนแบบออมในหุ้น คือซื้อหุ้นดีในเวลาวิกฤต มันเหมือนอยู่คนละเกมกับคนอื่น ..ใช่!! อินดี้ในแบบของเราเอง

4. ถ้าหุ้นที่เราถือ มันขึ้นเร็วไป หรือ เราอยากใช้เงิน ก็สามารถขายหุ้นได้ โดยส่วนต่างจากกำไรในตลาดหุ้น เป็นรายได้ที่สุดยอด เพราะไม่เสียภาษี 

5. โอกาสในชีวิตไม่ได้หาง่าย แต่โอกาสในตลาดหุ้นมาหาเราบ่อยมากๆ ..สำหรับนักลงทุนระยะยาว เช่น แนวออมในหุ้น ผมมองทุกวิกฤตเป็นโอกาส ..หาวิกฤตตลาดหุ้นให้เจอ แล้วเราจะเห็นโอกาสตลอดเวลา

6. หุ้นที่เราซื้อตามคนอื่น ไม่มีทางซื้อได้ในจุดที่ดีเท่ากับเราเลือกเอง ..อย่าหวังจะรวยจากตลาดหุ้นหากคุณเลือกหุ้นด้วยตัวเองไม่เป็น

7. ถ้ากระจายความเสี่ยงเป็น ไม่มีทางเจ๊งในตลาดหุ้น ..คิดดีๆ หุ้นลงได้แค่ 100% แต่หุ้นขึ้น ขึ้นได้เป็น 1,000% ..ดังนั้น คนที่รู้วิธีออมในหุ้นอย่างถูกต้อง ไม่มีทางเจ๊งเลย !!

8. ตลาดหุ้นถ้าใครลงทุนแล้วไม่เลิกเล่น รวยทุกคน เพราะหุ้นดีมันเหมือนที่ดิน มันคือสินทรัพย์ที่โตขึ้นเรื่อยๆ ปันผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ..ถือที่ดินยิ่งนานยิ่งรวย ถือหุ้นปันผลก็เหมือนกัน

9. ความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้นมีผลกระทบต่อคนเล่นสั้นโดยตรง แต่แทบไม่มีผลกระทบอะไรเลยกับนักลงทุนระยะยาว ..ดังนั้น ถ้าคุณมีงานประจำหรือมีธุรกิจส่วนตัว ควรเน้นลงทุนระยะยาว

10. ความสุดยอดของอาชีพนักลงทุน คือ 'สามารถวางเงินทำงานได้ (เกษียณแล้วยังมีปันผลจากหุ้นเลี้ยงเราต่อ) และก็เป็นอาชีพเดียวในโลกที่ยิ่งแก่ ก็ยิ่งรวย' เพราะหุ้นดีมูลค่ามันขึ้นไปเรื่อยๆ และปันผลก็โตไปเรื่อยๆ ...รวยไปเรื่อยๆ 

ต้องถามตัวเองว่า 
หนึ่ง คุณพร้อมศึกษาให้ รู้จริง ในตลาดหุ้นหรือเปล่า ?
สอง 'คุณทนรวยเป็นหรือไม่?'

#ภาววิทย์ กลิ่นประทุม

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

ขยายรอบ Blueprint จัดไป !!


เรื่องเล่า 'หุ้นลงฉันซวย - เปลี่ยนเป็นทุกครั้งที่หุ้นลงคือโอกาส ..ทำได้ไหม - ทำยังไง ? !!'

หลายคนชอบมากหุ้นปั่น หุ้นผีบอก ..หรือพวกไลน์เทรดเดอร์ (พวกเทรดหุ้นตาม Line)

ปัญหาคือ คนเหล่านี้จะซวยทุกครั้งที่ตลาดหุ้นลง ..สังเกตดีๆ ตลาดหุ้นมีขึ้นลงตลอดเวลา แต่แปลกมากที่คนเหล่านี้จะขาดทุน ร้องโอดครวญทุกครั้งที่ตลาดลง (ทำเหมือนว่า ตลาดหุ้นไม่เคยลง)

ประเด็นที่จะชี้คือ 'ตลาดหุ้นมันก็ลงตลอด ทำยังไงคุณจะเปลี่ยนวิธีคิดตัวเอง ให้คุณยิ้มทุกครั้งที่ตลาดลง?'

ยากไหม ? ..เพราะปกติ เวลาตลาดหุ้นลง คนเหล่านี้ซวยทุกที - ลองเปลี่ยนโจทย์ช่วยคนเหล่านี้ซิว่า ให้ทำยังไง ถึงจะเปลี่ยนเป็น ทุกครั้งที่หุ้นลง ฉันโชคดีทุกที  

โอเคง่ายๆ วิธีการมีดังนี้

1. ศึกษาเรื่อง 'ออมในหุ้น' (ทุกครั้งที่หุ้นลง มันคือโอกาสในการเก็บหุ้นดีเข้าพอร์ต)

2. เริ่มแบ่งเงินสัก 10% จากเงินเดือน ก่อนใช้ ..กันเอามาออมในหุ้น

3. ฝึกอ่านงบการเงิน ให้เราเข้าใจพื้นฐานของหุ้นที่เราอยากซื้อ 'พอเรามีความรู้เรื่องพื้นฐาน เราก็จะกล้าซื้อเวลาหุ้นนั้นๆมีข่าวร้าย' ...ซื้อหุ้นถูกเป็น ไม่เอาแบบคนส่วนใหญ่ที่ซื้อแต่หุ้นแพง

4. ศึกษาเรื่องกราฟหุ้นสักนิด เพื่อเข้าใจจังหวะการซื้อที่ดี

5. ฝึกฝนเอาจริงเอาจัง เพื่อไปถึงเป้าหมาย คือ มีปันผลจากการลงทุนเลี้ยงเราแม้จะเลิกทำงานแล้ว

ผมกับหยง ขอเสนอตัวเป็นอาจารย์ สอนแนว 'แพ้ทยาว - หยงสั้น' เรียนรู้สั้นยาว พิชิตตลาดหุ้น ..ใครสนใจเรียนหลักสูตร The Stock Blueprint ยังมีที่ว่าง สมัครแล้วเรียนออนไลน์ทันที แล้วยังมีมาสัมมนาเจอกันอีก 2 ครั้ง คือ 30 ตุลา และ 5 มีนาคม 
สนใจดูรายละเอียดที่ www.thestockblueprint.com หรือโทรสอบถามที่ 063-191-0816

ปีนี้ให้เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยความรู้ครับ !!

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

การค้าที่ดี เสี่ยงต่ำ ถ้าทำความเข้าใจมัน - 'หุ้น'


เมื่อรุ่นน้องมาถามว่า 'ผมอยากทำธุรกิจ ขายอะไรดีพี่ ..อยากรวย ?' 

มาดูกัน ..

หนึ่ง 'ทองคำซิ' ถ้าขายไม่ได้ เก็บเอาไว้ราคาก็ขึ้น ..'ฮึม!! น่าสนใจ' ..แต่ทองถือเอาไว้ไม่มีปันผล ต้องขายถึงจะได้เงิน ..ถ้าเงินไม่เย็น อาจถือไม่ได้นาน  ..ถ้าราคาดันลงตอนเราอยากจะใช้เงิน อาจต้องขายเวลานั้นก็มีโอกาสขาดทุน

สอง 'ที่ดินซิ' ถ้าขายไม่ได้ เก็บเอาไว้ราคาก็ขึ้น ..แต่ที่ดินสภาพคล่องน้อย ราคาสูง ขายยาก ..ถ้าไม่มีเงินทุนหนา เก็งราคาที่ดิน ไม่ใช่เรื่องง่าย

สาม 'หุ้นซิ' แบ่งซื้อได้ ..ยิ่งถ้ามีความรู้เรื่อง รอบ เรื่องจังหวะ ซื้อหุ้นปันผลดีเวลามีข่าวร้าย ก็ยิ่งซื้อได้ราคาถูก ..ถือเก็บไว้ไม่ได้มีค่าเก็บรักษา แถมระหว่างถือไว้ก็ได้ปันผลทุกปี ..ถ้าราคาขึ้นอยากขาย ก็ขายได้ ...ได้กำไรก็ไม่ต้องเสียภาษี

ถ้าผมจะเป็นพ่อค้า ..ผมจะเลือก 'หุ้น' ..สร้างความเชี่ยวชาญในหุ้น เพราะเป็นสิ่งที่น่าหลงไหลที่สุดแล้ว

'สิ่งที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นการพนันอย่างหุ้น ผมมองมันเป็นการลงทุนและการค้าที่ดีที่สุด'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

ใช้เงินให้รวย ต้องซื้อของมือสองให้เป็น


'ใช้เงินให้รวยขึ้น ต้องซื้อของมือสองให้เป็น' ..พ่อผมสอนว่า ถ้าอยากจะเป็นคนรวยต้องรู้จักวิธีจ่ายเงินให้รวยขึ้น

คนซื้อ ส่วนใหญ่ยิ่งใช้เงินก็ยิ่งจน เพราะซื้อของก็ขาดทุน เก็บสะสมของนั้นก็มูลค่าลดลงจนกลายเป็นขยะ

สิ่งที่ผมเรียนรู้จากพ่อคือ 'วิถีของนักสะสม'  ดังนี้

1. 'ถ้าอยากรู้ว่าของสะสมอันไหนเป็น สินทรัพย์ (Asset) หรือเป็นขยะ (Junk) ให้ซื้อของมือสอง' เพราะเราจะรู้ก็ต่อเมื่อ สิ่งนั้นขายต่อแล้วยังมีราคา

2. 'คนซื้อของมือสองเป็น จะได้ส่วนลดอย่างมาก'

3. 'คนซื้อของมือสอง ต้องมีความรู้ในสิ่งที่จะซื้อมากกว่า' ..เหมือนบังคับให้เราต้องศึกษา ให้มีความรู้ ในสิ่งที่เราจะซื้อ

4. 'ซื้อของมือสอง ได้ฝึกทักษะการต่อรอง' นี่คือทักษะที่สร้างเศรษฐี

5. 'ซื้อของมือสอง ได้เรียนรู้จากพ่อค้า' ..บางครั้งการโดนหลอก ก็เป็นส่วนนึงของการเรียนรู้ ..สุดท้ายเราก็จะเชี่ยวชาญในสิ่งที่เราเก็บสะสม 

6. 'เมื่อเราเชี่ยวชาญ เราจะเริ่มกำไรดังนั้นวันแรกที่จ่ายเงิน' ..พ่อผมใช้เวลากว่า 20 ปี ในการเข้าใจการซื้อของเก่า ..พ่อเล่าว่าของเหล่านี้เราต้องกำไรตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ 

7. 'พ่อค้าคือคนที่นำกำไรมาให้เรา' ..คนส่วนใหญ่มักมองว่า พ่อค้าของมือสอง จะพยายามที่จะหลอกเรา ..จริงๆ ถ้าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่เราสะสม - พ่อค้าต่างหากที่เสาะแสวงหาของดีมานำเสนอให้เรา

8. 'ความรู้เพิ่มคือกำไรที่เพิ่มขึ้น' ..คุณค่าของนักสะสมอยู่ที่ความรู้ ยิ่งเราหาความรู้ในสิ่งที่สะสมมากเท่าไหร่ เรายิ่งได้กำไรเป็นผลตอบแทน

9. 'สะสมสิ่งที่รัก' ..มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากเราเป็นนักสะสมเพื่อหวังแค่กำไร ..มันจะดีกว่า ถ้าเราได้ซื้อ ได้ใช้ในสิ่งที่เรารัก แถมได้กำไรจากมันเป็นผลพลอยได้ 

10. 'ของสะสมคือมรดก' ..พ่อบอกว่า สิ่งที่พ่อสะสม สุดท้ายมันคือของเอ็ง ..พ่อไม่ได้มีที่ดินหรือมรดกแบบของคนอื่น แต่พ่อจ่ายและสะสมในสิ่งที่พ่อรัก ...ของเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ที่ยิ่งมีราคาเพิ่มขึ้น และคุณค่าเพิ่มเมื่อเวลาผ่านไป

...ใช่!! พ่อบอกว่า 'มรดกที่กูจะให้คือ ความรู้ ..ส่วนของสะสมเหล่านี้ถ้าอยากขายก็เปลี่ยนเป็นเงินได้ทุกเมื่อ ก็แล้วแต่เอ็ง'

'พ่อผม โคตรแนว ..ให้ทั้งวิธีคิด วิธีดำเนินชีวิต ที่ไม่ตามใคร!!'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

10 เรื่องทำไว้ ไม่เสียใจภายหลัง


10 เรื่องทำไว้ ไม่เสียใจภายหลัง

ทุกวันนี้เราได้อ่านบทความมากมายที่คนจำนวนมาก เสียดายที่ไม่ได้ทำ หนึ่ง ทำงานหนักจนไม่มีเวลาใช้เงินที่หา ..สอง ทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้คนที่เรารัก ..สาม ทำงานหนักจนไม่ได้ตอบแทนคนที่รักเรา

จริงๆ โลกยุคนี้ เราอาจโชคดีกว่า ยุคก่อน เพราะเราหาจุดสมดุลย์ได้ ถ้าเราเข้าใจเทคโนโลยีและเราเข้าใจตัวเอง

1. 'งานไม่จำเป็นต้องทำแล้วทุกข์' มีบางคนมีความสุขในงานที่ทำ ลองหาตัวอย่างแล้วศึกษาจากเขา

2. 'ไม่ใช่ทุกงานที่บังคับให้เราต้องขายเวลา' งานในโลกนี้มีทั้งงานที่ 'ใช้เวลาแลกเงิน' และก็งานที่ 'ใช้ผลงานแลกเงิน' ลองหาตัวอย่างแล้วศึกษาจากคนที่เขาใช้ผลงานแลกเงิน

3. 'งานอดิเรกไม่จำเป็นต้องเสียเงิน' มีงานอดิเรกบางอย่างที่ทำเงิน ..งานอดิเรกผมคืออ่านหนังสือ ผมอาจจะเสียเงินซื้อหนังสือ แต่มันทำให้ผมมีงานอดิเรกเป็นนักเขียนและวิทยากรที่ทำเงิน หรือ บางคนชอบออกกำลังกาย จนสุดท้ายมีงานอดิเรกเป็นเทรนเนอร์ก็ได้ ..แสดงว่า งานอดิเรกที่เราทำจริง เอาจริง มันก็อาจนำทางให้เราได้เงินได้เหมือนกัน

4. 'เป็นลูกจ้าง ก็เป็นเจ้าของบริษัทได้ในเวลาเดียวกัน' ..งานอดิเรกผมอีกอันคือ การเป็นนักลงทุนแนวออมในหุ้น ..คือ เมื่อตลาดมีวิกฤต ลงหนักๆ ผมมักใช้โอกาสนั้นเข้าไปซื้อหุ้นดีมีปันผล แล้วถือไม่ขาย ถือเหมือนเจ้าของ ให้เงินทำงานเหมือนเจ้าของบริษัท ..ใช่!! ลูกจ้างอย่างผมก็เป็นเจ้าของบริษัทได้ในเวลาเดียวกัน

5. 'พ่อแม่สอนว่า ไม่ต้องซื้อของใหญ่ๆ ตอบแทนพ่อแม่ แค่ให้เวลาบ้างก็ดีพอละ' ..บางครั้งพ่อแม่อาจจะไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่ รถคันหรู แต่อยากใช้เวลากับลูกบ้างก็มีความสุขแล้ว ..ผมมักจะหาเวลาอาทิตย์ละครั้ง ซื้ออาหารอร่อยๆ ซื้อขนม แล้วไปทานข้าวกับพ่อแม่ ซึ่งท่านเกษียณทั้งคู่แล้ว ..แค่นี้ท่านก็มีความสุขแล้วครับ ...ทำสิ่งเล็กๆ บางครั้งดีกว่า รอทำสิ่งใหญ่ๆ ที่อาจไม่มีโอกาสได้ทำ

6. 'หาเงินเพื่อซื้อเวลาตัวเอง' การหาเงินไม่ใช่มุ่งเพิ่มแต่ตัวเลขในบัญชี (มันดีนะที่เงินเพิ่ม แต่เราจะหลงทำจนลืมเวลา) ..การแบ่งเงินมา วางให้มันทำงาน เช่น ออมในหุ้น เพื่อให้เงินปันผลเลี้ยงเรา สุดท้ายมันช่วยให้เราสามารถหยุดทำงานแต่มีเงินเลี้ยงเราไปเรื่อยๆ ...ผมว่าเป้าหมายการหาเงิน ก็เพื่อซื้อเวลาของเราคืน เพราะเวลาคือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตเรา

7. 'การออกกำลังกาย สร้างวินัยและทำให้เราเห็นค่าของความธรรมดาๆ' ..ผมพยายามออกกำลังกาย ซึ่งก่อนหน้านี้ผมทำแต่งาน ..ผลที่เห็นกับตาคือ ผมหุ่นดีขึ้น และที่รู้อีกอย่างคือ 'การวิ่งมันโคตรเหนื่อย!!!' มันทุกข์ จนผมรู้ว่า แค่หยุดวิ่งผมก็มีความสุขได้แล้ว ..เฮ้ย!! ผมมีความสุขกลับเรื่องต่างๆง่ายขึ้น - 'สุขง่าย รายจ่ายจะลดลง ..555'

8. 'ยอมรับความคิดต่างให้มากขึ้น' ..ยิ่งผมอายุมากขึ้น ผมยิ่งชอบฟังความคิดของคนอื่นมากขึ้น ..อย่างเพื่อนสนิทผม คุณหยง (หยงสั้น) เขาเป็นนักลงทุนที่อยู่คนละขั้วกับผมที่เน้นลงทุน ยาว ...แต่ผมกลับได้เรียนเหรียญอีกด้าน เหมือนการสะท้อนความคิด ให้เรียนรู้ได้กว้างขึ้น

9. 'ทุ่มเวลาให้กับงานที่เราถนัด' ก่อนที่ผมจะรู้จักตัวเองว่าชอบอะไร ทำอะไรได้ดี ทำอะไรแล้วมีความสุข ผมชอบทดลองในสิ่งที่หลากหลาย ...แต่พอผมเจอความถนัด ผมรีบทุ่มเทพัฒนาความถนัดให้โดดเด่น เพราะผมรู้ว่า โลกยุคใหม่ให้รางวัลแก่คนที่เก่งเฉพาะอย่าง (ผู้เชี่ยวชาญ) แต่ไม่ให้รางวัลแก่คนเก่งทุกอย่าง 

10. 'อย่าเสียเวลาไปเปรียบเทียบกับใคร' ไม่มีใครเก่งที่สุด สำเร็จที่สุด หรือ รวยที่สุด ..มีแต่คนที่ดีที่สุดในจุดที่ตัวเองเลือก นั่นแหละแจ๋วสุด

ถ้าค่อยๆ พัฒนา 10 ข้อนี้สำเร็จ เราจะมีเวลามากขึ้น มีสุขภาพดีมากขึ้น มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น และไม่ต้องเสียใจที่มัวแต่ทำงานจนลืมใช้ชีวิต

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

10 การเปลี่ยนแปลง เมื่อหุ่นยนต์มาแย่งคนทำงาน


10 การเปลี่ยนแปลงต้องรู้เมื่อหุ่นยนต์แย่งคนทำงาน

วันนี้เรื่องหุ่นยนต์มาแย่งงานเราทำ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันจะใกล้และมาเร็วกว่าที่เราคิด

1. 'หน้าที่ที่หุ่นยนต์ถนัด' คือ งานน่าเบื่อ ทำซ้ำ ทำเหมือนเดิม ..ถ้างานเราอยู่ในแนวนี้หาวิธีขยับขยาย

2. 'เราไม่สามารถขยันกว่าหุ่นยนต์' ..เข้าทำงานตั้งแต่ตีห้า เลิกงานห้าทุ่ม ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะหุ่นยนต์ทำ 24 ชั่วโมงไม่ต้องพักก็สบายๆ 

3. 'วัดที่ผลงานอย่าวัดที่ปริมาณ' ..เราไม่ควรแข่งทำงานที่วัดเป็นจำนวนชิ้น เพราะงานแบบนั้นหุ่นยนต์ทำดีกว่า ..เราต้องจับงานที่วัดคุณภาพและวัดที่ผลลัพธ์

4. 'หุ่นยนต์เก่งทำตามคำสั่ง เราต้องเป็นคนป้อนคำสั่ง' ..ในโลกนี้มีงานเพียง 2 หน้าที่ คือ 'คนตั้งโจทย์' กับ 'คนทำตามโจทย์' ..แนะนำให้เป็นคนตั้งโจทย์เพราะหุ่นยนต์ทำไม่ได้

5. 'รายได้ที่ดีควรผันตามกำไรธุรกิจ' ..ค่าใช้จ่ายธุรกิจหลักๆ มี 2 แบบ คือ 1. Fix จ่ายคงที่ ตรงนี้คือส่วนที่บริษัทจ่ายแบบคงที่ ซึ่งทุกบริษัทิยากตัด อยากลด อยากใช้หุ่นยนต์มาทำแทน 2. Variable จ่ายผันแปร คือ บริษัทจ่ายเมื่อมีรายได้ ..เราต้องคิดแบบพนักงานขาย 'Salesman'

6. 'เล่นกับคน' ภาษาการบริการเขาเรียก Service Mind คือ 'หัวใจของคนบริการ' งานนี้เราทำได้ดีกว่า

7. 'อย่าทำตัวให้ถูกแต่ทำตัวให้มีคุณค่า' ในโลกการค้าของการตัดราคาแข่งกัน เราจะแพ้หุ่นยนต์ แต่ในโลกของการสร้างคุณค่า คนทำได้ดีกว่า

8. 'หุ่นอาจจะเร็ว แต่เราปราณีต' ..คำหรูหราไม่ได้อยู่ในงาน แต่มันอยู่ใน 'รายละเอียดของงาน' - Luxury is in Detail !! ...ให้ 'ใส่ใจ' เข้าไปในงาน

9. 'คิดแบบคนสมองซีกขวา' ..สมองซีกซ้ายคือ ตรรกกะ คิดแบบเป็นระบบ ..ต้องเพิ่มทักษะของคิดแบบสมองซีกขวา คือ คิดแบบศิลปิน !!

10. 'อย่าแข่งกับหุ่นยนต์' ..โลกต่อไปจะแบ่งงานออกเป็น 2 แบบ คือ  หนึ่ง งานที่แข่งกับหุ่นยนต์ กับ งานที่ใช้งานหุ่นยนต์ ..คำแนะนำคือ อย่าแข่ง แต่ให้เราใช้หุ่นยนต์ให้เป็น 

อย่ารอให้หุ่นยนต์มาแย่งงานเรา แต่ให้เรียนรู้ ฝึกคิด ฝึกวางแผน แล้วใช้หุ่นยนต์นั่นแหละมาช่วยงานเรา

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

http://www.businessinsider.com/retail-companies-invest-in-automation-2016-9?utm_content=bufferb67ee&utm_medium=social&utm_source=facebook.com&utm_campaign=buffer

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

10 ข้อรู้ไว้ใช้ลงดอย(หุ้น)


10 ข้อรู้ไว้ใช้ลงดอย (หุ้น)

1. เมื่อรู้ตัวว่า 'ติดดอย'(หุ้น) ให้ Cut Loss ออกครึ่งนึง ..เพราะโดยมากคนติดดอยตัวจะแข็งแล้วทนให้หุ้นลงลึก ลึก ลึก ลึกจนตัวแข็ง น้ำตาไหล และอยากจะเลิกเล่นหุ้น

2. ให้วางแนวรับแนวต้าน เพื่อมองหาจุดกลับตัว (ตรงนี้ถ้ามีความรู้ Technical ในการตี Trendline หา 'แนวรับ' และ 'แนวต้าน' จะช่วยได้เยอะเลย)

3. เมื่อหุ้นดิ่งเหวมาถึง 'แนวรับ' มันจะ นิ่งวิ่งออกข้างอยู่แถวๆ นั้น จุดนี้คือจุดรอตัดสินใจว่า 'จะ Cut Loss ทิ้งที่เหลือ ถ้าราคาหลุดจุดนี้ เพราะถ้าหลุดหุ้นจะลงอีกลึก ลึกจับใจ' ..ถ้าไม่หลุด ก็เก็บหุ้นติดดอยอีกครึ่งนึงไว้ไม่ต้องขาย ลุ้น!!

4. พอหุ้นติดดอยเริ่มเด้ง ให้เราตีแนวต้าน (ตีทำไม ? ..ตีเพราะโดยสถิติ เวลาหุ้นเด้งขึ้นมา มันแทบจะไม่มีทางวิ่งกลับไปทันที มันมักจะเด้งเพื่อลงกลับมาที่เดิม)

5. ถ้าผ่านแนวต้านให้ถือต่อ แต่ถ้าไม่ผ่านแนวต้านให้ขายหุ้นติดดอยที่เหลือซะ (เพราะถ้าถือไว้ คุณทำใจได้เลยว่า นาน ..อาจจะนานจนคุณไม่อยากรู้ว่ามันจะนานทรมานอีกแค่ไหน)

6. 'เฮ้ย!! กรูขาดทุน' - คุณขาดทุนตั้งแต่คุณดันถือหุ้นเก็งกำไรตั้งแต่ยอดดอยแล้ว (ที่แนะนำ 5 ข้อ แค่ช่วยให้คุณขาดทุนน้อยลง และอึดอัดน้อยลงเท่านั้นเอง)

7. 'บทเรียนที่ได้จากการติดดอยคือ อย่าติดดอย' ..หุ้นทุกตัวที่เล่นสั้น ต้องวาง Stop Loss ไม่ควรปล่อยให้ลงลึกเกิน 10% ถ้าซื้อแล้วมันลง 10% มันแปลว่า คุณเข้าผิดจังหวะ ..ให้ Cut Loss ทันที เลียแผล แล้วก็ค่อยรอเล่นรอบใหม่

8. 'ให้รู้ไว้ว่าทุกคนเคยติดดอย ไม่ต้องเสียใจ' ..เหมือนหัดว่ายน้ำ ใครไม่เคยสำลักน้ำแสดงว่ามันไม่เคยว่ายน้ำ ..พอผ่านได้เดี๋ยวคุณก็จะเก่งขึ้นและรวยขึ้น พร้อมจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้นเอง

9. 'คำคมวันนี้ คือ ไม่มีวิธีลงดอยที่ไม่เจ็บตัว' ..เจ็บ แล้วจำ ..พอทำแล้วปรับปรุง ชีวิตนักลงทุนมันจะค่อยๆ ดีขึ้น

10. 'อย่าล้มเลิกความตั้งใจ' ..ล้มกี่ครั้งก็ได้ ขออย่าเลิก แล้วสุดท้ายมันก็จะสำเร็จ

- ไม่ได้พูดให้กำลังใจ แต่จะบอกว่า นักลงทุนรุ่นพี่ที่เขามาสอน เขาโดนมาหนักเหมือนเราแหละ 

..No Pain No Gain'

นี่ไม่ใช้สูตรสำเร็จแก้ติดดอย แต่ก็อาจจะช่วยให้เข้าใจอะไรมากขึ้นนะครับ ..สู้ต่อไป!!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

10 ข้อควรรู้ ออมหุ้นในตลาดหุ้นบ้าคลั่ง


10 ข้อควรรู้สำหรับออมในหุ้นในตลาดปัจจุบัน 

(ที่ผันผวนรุนแรง แล้วถือหุ้นรับปันผล ไม่ซวยหรือ ..คนอื่นเขาทำรอบ ซื้อขาย ทำกำไร แต่เราต้องถือนี่อ่ะน่ะ ?) 

...คุณมีคำถามแบบนี้ใช่ไหมล่ะ ? ...คุณสนใจวิธีออมในหุ้นที่ซื้อหุ้นแล้วถือให้นานที่สุด (ไม่ขายชั่วชีวิตเลยยิ่งดี) แล้วรอรับปันผล เป็น Passive Income ที่สบายที่สุดในโลก 

- 'คิดให้ดี ..ออมในหุ้นที่ผมพูดถึง มีคนทำได้มากมาย นักลงทุนรายใหญ่ เจ้าของบริษัท ที่มีหุ้นตลอด ถือหุ้นตลอดรอรับแต่ปันผล ...' ...ก็เขาเงินเยอะ แต่ฉันเงินน้อย (ใช่ไหม นี่คือ ข้ออ้างที่คุณจะทำไม่ได้ใช่หรือไม่ ?)

โอเค!! มาดูกันว่า 10 ข้อควรรู้ สำหรับออมในหุ้นในตลาดหุ้นผันผวนบ้าคลั่งแล้วยังทำได้ มีดังนี้

1. ออมในหุ้นเลือกหุ้นพื้นฐานดีเท่านั้น (คนส่วนใหญ่ซื้อหุ้นปั่นเก็งกำไร พอติดดอย ก็จะมาออม ..ไม่ใช่ละ)

2. หุ้นที่เลือกออมต้องมีปันผลที่รับได้ แล้วปันผลเพิ่ใขึ้นเรื่อยๆ (คนส่วนใหญ่ซื้อหุ้นดี แต่ซื้อแพง เช่น P/E , P/BV สูงมาก , ปันผลต่ำมาก ...มันไม่ใช่จังหวะซื้อ นั้นมันจังหวะเล่นสั้น)

3. คุณต้องอ่านมูลค่าหุ้นเป็น (ที่ผมพูดว่า P/E,P/BV, Dividend Yield คุณต้องเข้าใจ ...ถ้าไม่เข้าใจแปลว่าคุณต้องศึกษาเพิ่มก่อนที่จะเริ่มออมในหุ้น)

4. ต้องซื้อหุ้นออมในภาวะที่หุ้นอยู่ในช่วงข่าวร้าย ยิ่งร้ายยิ่งดี (แปลว่า ออมหุ้นเป็นวิธีการลงทุนที่สวนกับคนส่วนใหญ่ในตลาด ..ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นลงแรง มันคือโอกาสไม่ใช่วิกฤต)

5. การออมหุ้นห้ามซื้อหุ้นตัวเดียว (ต้องออมอย่างน้อย 5-10 ตัว มิเช่นนั้น มันจะเสี่ยงไม่ต่างจากการพนัน)

6. ต้องมีวินัยสูง และเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ (คุณจะเจอบททดสอบมากมาย คนรอบข้างจะบอกว่าสิ่งที่คุณทำมันไม่ได้เรื่อง หรือบางครั้งช่วงที่คุณซื้อหุ้นออมคุณอ่จจะขาดทุนในช่วงแรกๆ จนคุณหวั่นไหว)

7. เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์การออมในหุ้น (ยิ่งนานยิ่งรวย และรวยในอัตราเร่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมปันผลที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ)

8. ต้องเข้าใจเป้าหมายการออมในหุ้น เพื่อให้เรามี Passive Income จากปันผลหุ้นที่เลี้ยงเราชั่วชีวิต (นี่ไม่ใช่การเก็งกำไรที่ต้องมานั่งซื้อๆขายๆ ..ถ้าจะเก็งกำไรก็เปิดพอร์ตหุ้นแยกอีกอัน ..แยกให้ชัดอย่ามั่ว!!)

9. คุณไม่ควรเปรียบเทียบความรวยกับใคร (เพราะการออมในหุ้น พอร์ตจะแกว่งขึ้นลงตลอดเวลา เราต้องเข้าใจว่า อันนี้ เงินทำงานให้เรา ...ไม่ใช่เราต้องไปทำงานให้เงิน)

10. เมื่อคุณทำสำเร็จให้สอนเรื่องนี้ต่อไปให้คนอื่น เพราะในโลกนี้มีคนเพียง 2 ประเภท เท่านั้น คือ  

หนึ่ง 'คนที่ต้องทำงานเพื่อเงิน ไม่ว่าจะหาเงินได้เยอะแค่ไหน ถ้าหยุดทำจะเริ่มซวย'

สอง 'คนที่เงินทำงานให้เขา' ก็คนที่ลงทุนเป็น ซึ่งออมในหุ้นก็เป็นเพียงหนึ่งวิธีที่ทำให้คนมากมายในโลก สามารถอยู่เหนือเงิน 'เป็นนายเงิน ยิ่งแก่ยิ่งรวย หยุดทำงาน ก็มีปันผลเลี้ยงเราชั่วชีวิต'

ก็ 10 ข้อนี้แหละ ควรรู้ ควรทำ ในการเดินทางสู่วิถี 'ออมในหุ้น'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ใครสมัคร The Stock Master 2016 แจกฟรีครับ !!! -- สองแผ่นนี้ 'รถติดก็เอา CD นี้ไปเปิดฟังเปลี่ยนชีวิตการลงทุน' เร่งมือหน่อยครับ 
สนใจสมัครโครงการดูรายละเอียดที่นี่ www.bualuang.co.th/thestockmaster หรือ โทร 02-618-1111
เจอกัน จัดไป !!

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

ล้มเท่าไหร่ ก็ไปได้ดี


'ถ้าล้มเหลวหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ มันแปลว่าอะไร ?'

ผมว่าเป็นคำถามที่ดีมาก และผมก็เชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่เป็นแบบนั้น 

โลกทุกวันนี้ผมว่ามันเปลี่ยนไป มันไม่ได้ให้รางวัลกับผู้ชนะสักเท่าไหร่ แต่มันกลับให้รางวัลแก่ผู้แพ้ที่ทนลุกขึ้นมาทุกครั้งที่ล้ม

แปลว่า ยุคนี้ใครล้มเยอะ ผิดพลาดเยอะ ก็มีโอกาสจะสำเร็จและรวยได้มากกว่าคนอื่น ..แต่มันมีอยู่ 3 เรื่องที่สำคัญมาก เพราะมันเป็นเส้นแบ่งระหว่าง 'คนที่ล้มแล้วรวย' กับ 'คนที่ล้มแล้วล้มอีก แต่ก็ยังไม่รวย' ก็คือ

1. 'เรียนรู้จากความล้มเหลว' คนที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลวคือ คนที่รับผิด ..ไม่โบ้ยความผิด ไม่โทษคนอื่น บางคนโทษพ่อโทษแม่ว่า ก็พ่อแม่ผมไม่รวยนี่ ผมถึงซวยแบบนี้ (คนแบบนี้ใช้ไม่ได้) ..คนเราจะเรียนรู้จากความผิดพลาด ก็เมื่อเรารับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้น

2. 'ไม่ผิดพลาดเรื่องเดิม' อันนี้พูดง่ายแต่ทำยาก ..ยกตัวอย่าง คนที่เล่นหุ้นแล้วเจ๊ง เช่น ซื้อหุ้นตอนข่าวดี แล้วขายตอนข่าวร้าย โดยไม่ศึกษาหาความรู้เลย ..พอครั้งหน้าเจ๊งอีก ก็เจ็งเหมือนเดิม ..คราวต่อไปก็เจ็งวิธีเดิม ...อันนี้คือไม่เรียนรู้ แล้วผิดเรื่องเดิม แล้วหาคนโบ้ยไปเรื่อย เช่น ก็เจ้ามือหลอกรายย่อย , ก็ตลาดหุ้นคือการพนัน , ก็นักวิเคราะห์เชียร์หุ้นมั่วสงสัยฮัวกับเจ้ามือ ..ข้ออ้างทั้งนั้น ถ้าเป็นผม ผมจะด่าตัวเองว่า 'กรูโง่เอง (แล้วก็แก้ไขความโง่นั้นด้วยตัวเอง)'

3. 'พยายามช่วยให้คนอื่นไม่โง่เหมือนเรา' คนเราจะรู้จริงก็เมื่อเราสอนคนอื่นรู้เรื่อง ..When you teach , you Learn - 'คุณจะรู้จริง เมื่อคุณสอนคนอื่นนี่แหละ'

ถ้าทำ 3 เรื่องนี้ได้ ..'ยิ่งล้มก็ครั้ง ก็จะกลับมายืนได้ใหม่ เก่งขึ้น แกร่งขึ้น'

หนึ่ง 'รู้ผิด' 

สอง 'รู้แก้'

สาม 'รู้แบ่งปัน'

'ยิ่งล้ม ยิ่งเก่ง' ...กลัวอะไร ? ...จัดไป  !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

โลกเปลี่ยน ส่วนเราต้องวิ่งนำ


'ยุคนี้ทำไมหาเงินง่ายกว่ายุคก่อน ?' ..ใครเห็นด้วยกับคำพูดอันนี้บ้าง ?

ผมได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึง วันนี้ท่านเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โต ที่สร้างตัวเอง ท่านเล่าให้ฟังว่า

 'คนสมัยนี้โชคนี้ ไม่ต้องทำงานหนักก็รวยได้

 ..หาเงินแป๊บๆ ก็เป็นเศรษฐี 

อายุกันน้อยๆ สร้างธุรกิจใหญ่โต

 ..แถมมีตลาดหุ้น หาเงินทุนมาขยายกิจการได้ไม่ต้องมีสินทรัพย์มาวาง เจ้าของก็ไม่ต้องรับผิดชอบ

 ..ไม่เหมือนยุคที่ท่านสร้างตัว ทุกอย่างเจ้าของต้องเซ็นต์ค้ำประกัน ถ้าธุรกิจมีปัญหาก็หมดตัวได้'

ฟังท่านคุย ผมก็คิดตามไป ประมาณนี้

1. ยุคนี้หาเงินง่ายขึ้น ถูกต้อง!! เฉพาะคนที่รู้จักใช้เทคโนโลยีมาทุ่นแรงนะ ถ้าเอาเฉพาะตัวๆเลย จบมาใช้ความรู้ที่เรียนมา หางานตรงๆ ก็ไม่น่าเกิน 15,000 บาท ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ...หนึ่ง ผมแนะนำว่า จงเรียนรู้การหาเงินผ่านมือถือ และคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ

2. คนที่เห็นลู่ทางคือคนที่มือเปื้อนฝุ่น ..สอง ผมแนะนำว่า การหาเงินผ่านมือถือและคอมพิวเตอร์ เป็นเรื่องที่ต้องทดลองเอง ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีสอนในโรงเรียน ยิ่งเริ่มทำเร็วยิ่งเห็นโอกาสก่อน

3. คนยุคนี้สร้างตัวเร็ว ..สาม ผมแนะนำว่า ตลาดหุ้นให้โอกาสคนสมัยนี้ให้สามารถสร้างอิสรภาพทางการเงิน จากการออมหุ้นระยะยาวถือกินปันผล ..เท่ากับว่า คนยุคนี้ถ้าวางแผนออมในหุ้นดีๆ สามารถเกษียณตั้งแต่อายุน้อยๆ 

(เพราะออมในหุ้น ถ้าทำอย่างถูกวิธี ใช้เพียง 10 ปีก็มีอิสรภาพทางการเงินได้แล้ว)

4. คนยุคนี้ขยายธุรกิจไม่ต้องรับผิดชอบ ..อันนี้ผมมองต่างนะ ..สี่ผมแนะนำว่า วันนี้คนที่มุ่งแก้ปัญหาและสร้างประโยชน์ให้คนจะมองเห็นลู่ทางการทำธุรกิจและรวยได้ง่ายกว่า ..เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ไม่ได้หาทางได้ธุรกิจสัมปทานผูกขาดแบบแต่ก่อน ตรงกันข้าม คนรุ่นใหม่มักคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้คนอื่น ผมว่าเป็นการมองที่ยั่งยืนกว่า 

5. สิ่งที่หลายคนลืมมองคือ ยุคนี้เงินหาง่ายขึ้น แต่ใช้ง่ายกว่า ..ห้าผมแนะนำ คนที่อยากรวยให้พยายามทำอย่างไรก็ได้ ให้คุณสนุกกับการหาเงิน ..'หาเงินแล้วสนุก คือ ได้ทำงานที่ท้าทาย' ..เพราะถ้าเราไม่รีบหางานที่สนุก สุดท้ายเราจะสนุกแค่การใช้เงิน และนั่นคือ ทางสู่ความยากจน

ก็ใช่!! ....ลองมองรอบๆ ตัวซิ ผมว่า 'ยุคนี้เราสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ ถ้าเปิดใจ และมีความพยายาม'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

5 คำถาม เปลี่ยนชีวิต คิดแล้วรวย


ตั้งคำถามดีชีวิตเปลี่ยน ..อันนี้เรื่องจริง !!

ผมเก่งสุด แต่ทำไมทำงานไม่รวยสักที ?? ..หรือเรายัง ถามคำถาม ไม่ดีพอ 

'คำถามที่ดี จะช่วยให้เรามีเป้าหมายชีวิตที่ถูกต้อง และไม่เดินหลงทาง'

ลองมาฝึก 'ตั้งโจทย์ ให้ชีวิตรวยขึ้น ดีขึ้นกัน' 

..5 โจทย์ ที่ช่วยให้ชีวิตรวยและไม่เสี่ยง !!

1. 'อาชีพอะไรยิ่งแก่ยิ่งรวย ?' ..ทุกอาชีพ ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งหาเงินได้น้อย ..มีอาชีพเดียวที่เงินเพิ่มขึ้นเมื่อใช้เวลามากขึ้น ..ก็อาชีพนักลงทุนไง

2. 'ยุคนี้เกษียณกันที่ 60 แล้วใครจะเลี้ยงเรา ?' ..นักลงทุนไม่มีเกษียณ แถมทำเป็นงานเสริมได้ของทุกอาชีพ ..หลังเกษียณก็รับเงินปันผล 'ทนรวยจากการถือหุ้นไง'

3. 'อะไรคือความมั่นคงในชีวิต ?' ..หารายได้มากกว่ารายจ่าย แล้วเอาส่วนที่เหลือเก็บไปออมในหุ้นสร้าง Passive Income ไง

4. 'อะไรคือความเสี่ยงในชีวิต ?' ..การมีอาชีพที่มั่นคงแต่ดันพึ่งทั้งชีวิตกับสิ่งที่ไม่มั่นคงเช่น เงินเดือน ..เพราะเงินเดือน หยุดเข้าเมื่อป่วย เมื่อแก่  เมื่อเกษียณ ..มีแต่เงินปันผลจากการลงทุนต่างหากที่ให้เราไม่เคยหยุด - นี่ต่างหากที่ไม่เสี่ยง !!

5. 'ชีวิตเราพึ่งใครดี ?' ...พึ่งตัวเองซิ ดีที่สุด

'งานที่ดี คือ สิ่งที่เรารักจะทำจนตาย
เงินดี คือ เงินที่มาจากงานที่รัก
ทางเดินที่ดี คือ ทางที่เลือกเอง
ชีวิตที่ดี คือ ชีวิตที่มีค่าต่อผู้คน'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ