แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

เข้าใจหลักการสร้างเงินในโลกปัจจุบัน MMT ..Modern Monetary theory !!

 เข้าใจหลักการสร้างเงินในโลกปัจจุบัน MMT ..Modern Monetary theory !!


1. รัฐบาลสามารถสร้างเงิน (ออก Bonds) เท่าไหรก็ได้ ตราบเท่าที่ รัฐบาลยังสามารถจ่ายดอกเบี้ยที่กู้ได้ 


2. ผลเสียของการพิมพ์เงิน ก็คือ เงินเฟ้อ …ผลเสียสูงสุดคือ Hyperinflation คือเงินไร้ค่าไปเลย แบบที่เกิดขึ้นที่ต่างๆ มากมาย เช่น 1923 เกิดที่ Germany , 1949 เกิดที่ จีน , 1989 เกิดที่ Russia , 2008 เกิดที่ Zimbabwe , 2016 เกิดที่ Venezuela …


3. ‘ทำไมต้องขึ้นดอกเบี้ย ?’ …หลักๆ มี 2 ข้อ คือ หนึ่ง เงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจแย่ลง ก็จะทำให้เงินเฟ้อลดลง …สอง ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเพื่อดึงดูดเงินให้ไหลเข้ามามากกว่า (ตอนนี้เงินไหลไปอเมริกา เพราะ ดอกเบี้ยสูงกว่าที่อื่น เช่น ญี่ปุ่น , จีน , ไทย …)


4. การขึ้นภาษีก็เป็นอีกทางที่ช่วยลดเงินเฟ้อ …รัฐบาลมีหน้าที่ สมดุลย์ระหว่าง Demand / Supply ของเงินในระบบ


5. สรุป เงินยุคใหม่ สามารถสร้างขึ้นมา ตราบเท่าที่ไม่ทำให้เงินเฟ้อนั่นเอง 


6. ถ้าเงินสร้างแค่ไหนก็ได้ แปลว่า คนที่เก็บเงินสดระยะยาว มีแต่จะซวย …เพราะ แนวโน้มเงินจะเฟ้อง่ายกว่าเงินฝืด …ต้องหาจังหวะลงทุนใน Asset ในเวลาที่เหมาะสม


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


อเมริกามีหนี้มากกว่า GDP ทำไมเศรษฐกิจถึงดีวันดีคืน ?

 อเมริกามีหนี้มากกว่า GDP ทำไมเศรษฐกิจถึงดีวันดีคืน ?


1. GDP อเมริกาคือ 30 Trillion…ส่วนหนี้ 36 Trillion …ถ้าเป็นคนธรรมดา หนี้ท่วมหัว 120% ต้องล้มละลายไปเรียบร้อยแล้ว แต่นี่คือ ประเทศเบอร์หนึ่งของระบบทุนนิยม


2. เป็นหนี้กี่ % ถึงจะล้มละลาย …จริงๆ ไม่ได้กำหนด …สูงสุดคือญี่ปุ่น เป็นหนี้ 261 % ของ GDP …สรุป ตราบใดที่จ่ายดอกเบี้ยได้ ประเทศก็ไปต่อได้ 


3. อเมริกาต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละกี่ % ….ปี 2025 ก็ตกอยู่ประมาณ 1 Trillion ต่อปี เทียบกับ รายได้ของรัฐบาลต่อปีที่ 5 Trillion (รายจ่ายต่อปี 6.75 T และ สูงขึ้นเรื่อยๆ  1.4 Social security/ 1 T health / 0.9 T interest/ 874 Medicare / 671 ทหาร …)


4. ผลเสียของการมีหนี้ คืออะไร หรือ จริงๆ พิมพ์เงินเท่าไหร่ก็ได้ ….ผลเสียคือ มูลค่าเงินลดลง เกิดเงินเฟ้อในที่สุด …พอเงินเฟ้อก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย ทำให้รัฐบาลก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นไปอีก 


5. แต่มีคนแย้งว่า รัฐบาลไม่ต้องใช้หนี้ พิมพ์เงิน เดี๋ยวรายได้ก็สูงตาม …ปี 2010 GDP อยู่ที่ 14 T …วันนี้ GDP ขึ้นมา 2 เท่าใกล้ๆ 30 T  …ส่วนหนี้ 11 T …ขึ้นมา 3 เท่าใกล้ๆ 36 T - ใช่!! รายได้เพิ่ม แต่หนี้เพิ่มในอัตราเร่งมากกว่า 


6. เงินไหลเข้าอเมริกา แต่ไปกระจุกอยู่ในสินทรัพย์ที่คนรวยถือ เช่น หุ้นเทคขนาดใหญ่ , บ้าน …พูดง่ายๆ เงินมันไปกองที่คนรวยให้ยิ่งรวย …แต่เงินเฟ้อเพิ่มคนส่วนใหญ่กลับซวยหนัก


7. ถ้าอเมริกาเงินเฟ้อ สุดท้ายมันก็จะลามไปสู่ประเทศอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเงินดอลล่าร์มันเป็นเงิน reserve ของโลก (อเมริกาเงินเฟ้อก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย …ขึ้นดอกทำให้เงินไหลไปอเมริกา เงินก็ยิ่งเฟ้อเข้าอีก …สินทรัพย์บ้าๆ บอๆ ก็จะราคาเป็นฟองสบู่ และผันผวนมหาศาล)


8. ทำไมมันเหมือน ปลายรอบ ก่อนที่ Bubble จะแตกเลย …ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์จะพบว่า ทุกอาณาจักรก่อนล่มสลาย …ความรวยมันจะไปกระจุกอยู่กลับคนส่วนน้อย ในขณะที่คนส่วนใหญ่ลำบากอยู่ไม่ได้ …ความล่มสลายก็จะเกิดขึ้น …ปฏิวัติฝรั่งเศส …จีนล้มระบบเก่า …โรมันล่มสลาย ….เรายังไม่ถึงจุดนั้น แต่มันน่าคิดว่า เรากำลังเดินทางไปที่ไหนกันแน่ ??


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

Mag 7 ..เจ็ดนางฟ้าหุ้นเจ้าโลกที่เราควรรู้



Mag 7 ..เจ็ดนางฟ้าหุ้นเจ้าโลกที่เราควรรู้


1. หุ้น 7 นางฟ้า ประกอบไปด้วย ..Microsoft, Apple , Nvidia , Alphabet (google) , Amazon , Meta (Facebook) และ Tesla …เจาเรียก 7 นางฟ้าเพราะเป็นบริษัททั้ง 7 ที่คนทั้งโลกใช้แบบขาดไม่ได้


2. มูลค่าของ 7 บริษัทนี้รวมกันเท่ากับ 35% ของตลาดหุ้นอเมริกา S&P 500  …คือ S&P500 มูลค่า 46 Trillion แค่ 7 บริษัทนี้รวมกันเท่ากับ 16 Trillion - ประมาณ 1 ใน 3 


(เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ขึ้นมาจากแค่ 9.8%)


3. ทุกครั้งที่ไม่กี่บริษัทรวมกันมีมูลค่ามากเกิน 30% ก็มักจะมีอันเป็นไป …Market Concentration Risk …วิกฤตล่าสุดที่ตลาดมีการกระจุกตัวคือ ปี 2000 Tech Bubble จบด้วย Market Crash!!! 


4. ย้อนดูการกระจุกตัวของอุตสาหกรรมในอดีต 3 ครั้ง …1957 หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต มูลค่ารวมกันเกิน 40% ของตลาด / 1970 หุ้นอุตสาหกรรมพลังงาน / 1990 หุ้นอุตสาหกรรมการเงิน …และวันนี้ 2020 กลุ่ม Tech 


5. เวลาตลาดลง จะขาดทุนแค่ไหน …จาก 1971  ลงหนัก 4 ครั้ง …1973 ลง 48% ….ปี 2000 ลง 49.5% …ปี 2007 ลง 57% ….และล่าสุด ปี 2022 ลง 28% ….แปลว่า เวลาตลาดลงหนักจะลงประมาณ 50% — จริงๆ นั่นก็คือจุดซื้อหนักๆ 


6. ดัชนี ไม่ได้ตาย มันเปลี่ยนหุ้นไปเรื่อยๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ในช่วงเวลานั้น ….แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป …หุ้นที่โดดเด่นก็จะเปลี่ยนไป 


7. เออ!! แต่วิกฤตตอนนี้ยังไม่ได้เกิด ก็เต้นกันต่อไป …แค่ให้เข้าใจ และ ระวังตัวกัน 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



Asset สร้างเศรษฐีได้อย่างไร

 Asset สร้างเศรษฐีได้อย่างไร 


ท่ามกลางความผันผวนของสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก เรามาดูกันว่า กลไกในการสร้างคนรวยจากสินทรัพย์ มันเป็นยังไง 


1. เงินเดือนทำให้เรารวยไม่ได้ เพราะเงินเดือนต้องเอาเวลาของเราไปแลก ซึ่งมันมีจำกัดและน้อยนิด …แต่เงินเดือนเป็นจุดเริ่มที่ดีในการ ‘เริ่มลงทุน’ 


2. สินทรัพย์มีจำนานจำกัด (มันต้องน้อยกว่า ความต้องการ) …ถ้าของจำเป็นแต่มีไม่จำกัด มันก็ไม่มีราคา เช่น อากาศทั่วไป , น้ำในแม่น้ำ 


3. สิ่งจำเป็นจะมีราคาเมื่อทำให้มันจำกัด …เอาน้ำมาใส่ขวด เริ่มมีราคาละ …ถ้าเป็นน้ำจากต้นน้ำในสวิส อย่างนี้แพงกระฉูด 


4. สินทรัพย์มีกลไกของราคาที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ …ใช่!! มันมีรอบที่ชัดเจน ..คนที่ไม่รู้จะซื้อสินทรัพย์ตอนดี ที่แพง แล้วก็ขายตอนลง เจ๊ง …คนที่รวยจากสินทรัพย์จะทำตรงข้ามก็คือซื้อช่วงที่ไม่ดี ‘ซื้อถูกนั่นเอง‘ 


5. สินทรัพย์บางอย่างสร้างปันผลได้ด้วย …เช่น หุ้น …พูดง่ายๆ ถ้าซื้อได้ตอนถูกแล้วถือมันได้นานพอ หุ้นก็จะเป็นเครื่องผลิตเงินชั้นดี ที่ทำงาน ทำเงินแทนเรา


6. มนุษย์สามารถสร้างสินทรัพย์ได้ ถ้ามีคนอื่นเชื่อและต้องการมัน …เช่น Bitcoin และ พวกเหรียญคริปโต …ถ้าชอบเชื่อจะยอมซื้อมันก็จะมีราคา ทำให้คนสร้างโคตรรวย


7. หุ้น หรือบริษัทก็คือสินทรัพย์ที่คนสร้างขึ้น …ถ้ามองผ่านราคา เราจะเห็นบริษัทที่ขายได้เพิ่มขึ้น กำไรเพิ่ม แล้วปันผลให้เราเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ นั่นคือ หุ้นที่ดี


8. อะไรก็ตามที่เข้าข่ายสินทรัพย์ ให้ซื้อเวลาลงหนักแล้วถือ …เราก็จะมีโอกาสร่ำรวยกับเขาบ้าง 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

11 ตัวอย่าง หุ้นขึ้น 100 เด้ง ทำไมคนซื้อยังเจ๊งได้ ?

 11 ตัวอย่าง หุ้นขึ้น 100 เด้ง ทำไมคนซื้อยังเจ๊งได้ ?


1. Nvidia …ขึ้น 4,470 เด้ง จากปี 2000 ถึงปัจจุบัน 25 ปี … แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ก็โดนหนักเช่นกัน ปี 2002 ลง 87% …ปี 2007 ลง 85% …ปี 2018 ลง 53% …ปี 2021 ลง 68%


2. Microsoft …ขึ้น 4,767 เด้ง จากปี 1986 ถึงปัจจุบัน 39 ปี …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 2000 ลง 65% …ปี 2007 ลง 60% (ถ้าซื้อปี 2000 แล้วดันถือถึงปี 2007 จะลงทั้งหมด 75%) …ปี 2021 ลง 38%


3. META …ขึ้น 383 เด้ง จากปี 2012 ถึงปัจจุบัน 13 ปี …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 2021 ลง 76% 


4. Tesla …ขึ้น 374 เด้ง จากปี จากปี 2010 ถึงปัจจุบัน 15 ปี …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 2021 ลง 73% …ปี 2023 ลง 52% 


5. Amazon …ขึ้น 3,283 เด้ง จากปี 1997 ถึงปัจจุบัน 28 ปี …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 1999 ลง 95% …ปี 2003 ลง 56% …ปี 2007 ลง 64% …ปี 2021 ลง 56% 


6. SCC …ขึ้น 438 เด้ง จากปี 1982 - 2015 …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 1997 ลง 88% …ปี 2007 ลง 70% …ปี 2015 ลงมาแล้ว 72% ถึงปัจจุบัน !!! 


7. สรุป ถ้าหุ้นดี เวลาลงต้องซื้อ ไม่ใช่ขาย …แต่ หนึ่ง ต้องวิเคราะห์ให้ขาดว่าเป็นหุ้นดี …สอง ต้องซื้อตอนมันแย่ ไม่ใช่ซื้อตอนดี ….หรือ อีกวิธีคือ DCA ไปเลย


8. หุ้นดี ถ้าซื้อผิดจังหวะ ก็ขี้หักในได้ …หลีกเลี่ยงการแห่ ซื้อตามฝูงชน …เพราะ ในวิกฤตมันมีโอกาส และ ในโอกาสมันมีวิกฤต - ระวัง !!


9. หุ้นหรือสินทรัพย์ถ้ามันดี (ไม่เจ๊ง) …ขาขึ้นให้มากกว่า 100 % เสมอ …ส่วนขาลง ลงไม่ถึง 100% แปลว่า ถ้าซื้อทุกตัวด้วยเงิน 1 แสน เวลาขึ้นมันไปกี่ล้านก็ได้ แต่เวลาเสีย เสียแค่ 1 แสน


…อ้าว?? …แล้วที่เจ๊งๆ กันล่ะ ?


10. ที่ลงทุนสินทรัพย์แล้วเจ๊ง …หลักๆ เพราะ ‘วางเงินไม่เป็น’ …ดันซื้อเยอะ ตอนที่ไม่น่าซื้อ …แต่ตอนที่น่าซื้อ ก็ดันซื้อน้อย - เวลาได้เลยได้น้อย เวลาเสียเลยเสียหนัก 


11. ถ้าคุณเริ่มวันนี้ เลือกเลย 10 หุ้น …ซื้อตัวละ 1 แสน …ซื้อหุ้นไม่น่าเจ๊ง ตอนมันห่วย แล้ว Bet ไปเลย 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ซื้อทองวันนี้อีก 10 ปีเราจะรวยขนาดไหน ?

 ซื้อทองวันนี้อีก 10 ปีเราจะรวยขนาดไหน ?


1. ทองคำตั้งแต่ยกเลิกผูกกับค่าเงิน …ยกเลิก Bretton woods system ในปี 1971ตอนนั้น 1 troy ounce ราคา 35$ …วันนี้ทองคำราคา 2,800$ แปลว่า 54 ปีที่ผ่านมา ราคาทองขึ้นไปแล้ว 80 เท่า


2. ‘ทองคำมีรอบขึ้นลงชัดเจน’ …ระหว่าง 50 กว่าปี ทองคำลงหนักสุดๆ 5 ครั้ง ..ปี 1975 ลงไปเกือบ 50% ….ปี 1980 ลงไปเกือบ 70% …ปี  1988 ลงไป 50% …ล่าสุดปี 2011 ลงไปเกือบ 50% ….กำลังจะบอกว่า ทองคำไม่ได้ขึ้นอย่างเดียว ถ้าซื้อผิดจังหวะ อาจขาดทุนได้ถึง 50% เลยทีเดียว


3. ทองคำมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ คือราคาไม่ไปไหนเลยเกือบ 20 ปี คือ ช่วงปี 1980-2000 …ช่วงนั้นใครถือทอง แทบไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย


4. ทองคำในโลกนี้ที่ขุดขึ้นมาแล้วคือ 178,000 ตัน …ก็ปริมาณพอๆ กับ สระน้ำโอลิมปิก 3 สระ …85% ยังวนเวียนใช้อยู่ …มูลค่าทองทั้งโลกรวมกันเวลานี้คือ 19.1 Trillion …เทียบกับ Apple 3.5 T …Microsoft 3 T …Nvidia 2.9 T …Google 2.5 T …Bitcoin 1.9 T …Silver 1.8 T


5. ทองคำในปัจจุบันคือ สินทรัพย์และมีการใช้จริงในหลายๆ อุตสาหกรรม จึงไม่เหมาะจะเอามาหนุนหลังเงินในอดีตแบบที่หลายๆ คนคิด …และถ้าเอามาใช้จริง โลกจะเข้าสู่เงินฝืดรุนแรง จึงยากที่จะทำได้ 


6. ทองคำจะขึ้นดี เวลาเงินเฟ้อ (สงคราม และความไม่แน่นอน) …จริงตั้งแต่ปี 1971 หลังยกเลิก Gold Standard ที่เห็นทองคำขึ้นมา 80 เท่าจริงทองคำไม่ได้ขึ้น แค่เงินดอลล่าร์มันมูลค่าลดลงไป 80 เท่านั่นเอง 


7. รอบนี้ทองคำขึ้นมาจากปี 2015 ไป 2 เท่ากว่าๆ …จุดเริ่มต้นของรอบนี้คือปี 2015 ที่ราคา 1,200 $ (การขึ้นของทองคำหนักๆ รอบแรก 8 เด้ง ปี 1971-1980 / รอบสองปี 2000-2011 ขึ้น 6 เด้ง / …รอบนี้ขึ้นมาแล้ว 2 เด้งกว่าๆ)


8. สรุปเวลาทองขึ้นแรงๆ จะขึ้น 10 ปีแล้วซึมยาว …รอบนี้ก็ขึ้นมา 9 ปีแล้ว …เดี๋ยว!! ที่เอามาให้ดูคือ สถิติ ที่ช่วยให้เราพิจารณา


(เพิ่มเติม 1 troy ounce = 31.1 grams …เป็นหน่วยวัด precious metals ของสากล)


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม




ทำความเข้าใจทำไมไทยเรา เงินเฟ้อต่ำแต่ค่าครองชีพดันแพง ?

 ทำความเข้าใจทำไมไทยเรา เงินเฟ้อต่ำแต่ค่าครองชีพดันแพง ?


1. เงินเฟ้อรวมเราไม่สูง แต่ราคาอาหารสูงขึ้น …คนส่วนใหญ่จ่ายค่าอาหารเป็นสัดส่วนที่สูงของค่าใช้จ่ายพออาหารแพง ก็เลยหนักกว่าคนรวยที่ค่าอาหารเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่เยอะ


2. เสื้อผ้าของใช้ต่างๆ เราซื้อของจีนที่ราคาถูก …สินค้าจีนราคาถูกเข้ามาตีตลาดเรา ทำให้เราซื้อของใช้ต่างๆ ถูก แต่ธุรกิจ SME พวกนี้ของไทยกำลังตาย 


3. เงินเดือนเราไม่เพิ่ม …ส่วนนึงเพราะ แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า เข้ามาทำงานในส่วนของแรงงาน ยอมทำงานที่ค่าแรงไม่สูง


4. พอธุรกิจ SME เราเริ่มเจ๊ง ในระยะยาวคนไทยก็จะยิ่งเหนื่อยมากขึ้น …เพราะรายได้หายไป ก็ไม่มีเงินมาไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจ


5. คนรวยไทย คนรุ่นใหม่ เอาเงินไปลงทุนต่างประเทศกันหมด …เงินก็ไหลออก ยิ่งซ้ำเติมทั้งธุรกิจและตลาดหุ้นที่ซบเซาลงเรื่อยๆ 


6. ธนาคารไทยไม่กล้าปล่อยกู้ เพราะกลัวหนี้เสีย …ยิ่งธนาคารไม่ปล่อยกู้ ธุรกิจก็ยิ่งแย่ …คนอยากกู้ก็แย่ เพราะซื้อของใหญ่ๆ อย่างบ้านและรถไม่ได้ 


7. จุดเปลี่ยนอยู่ตรงไหน ? …หลักๆ ก็คือ ธนาคารปล่อยกู้ …รัฐบาลต้องมาช่วยเรื่องหนี้เสีย ลดดอก ยืดหนี้ อะไรก็ว่าไป …ตลาดหลักทรัพย์ต้องสะกัดการ Short Sale …พูดง่ายๆ ต้องทำให้คนมีเงินมาใช้จ่ายหมุนเวียนให้มากที่สุด 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568

คนรุ่นใหม่ที่จะสำเร็จ และจะกลายเป็นคนรวยในยุคต่อไป มีหน้าตาเป็นยังไง ?

 คนรุ่นใหม่ที่จะสำเร็จ และจะกลายเป็นคนรวยในยุคต่อไป มีหน้าตาเป็นยังไง ?


1. งานดีๆ ที่ไม่เสี่ยงถูกคนรุ่นก่อนจับจองไปหมดแล้ว …เราถึงเข้าสู่ยุคที่ ‘ไม่มีของดีที่มันไม่เสี่ยง’ 


2. โอกาสของคนรุ่นใหม่จึงต้องวิ่งเข้าหาความเสี่ยง …จากสมัยก่อนที่คนส่วนใหญ่พยายามหาจุดที่ปลอดภัย ซึ่งยุคนี้ไม่มี 


3. เงินในแต่ละรุ่น จะถูกใช้ในจุดที่เขามองว่าสำคัญ …คนแต่ก่อนมองบ้าน ว่าสำคัญ เพราะเป็นรากฐานของครอบครัว …แต่คนยุคนี้ ไม่ได้สนใจครอบครัว แค่เอาตัวเองให้รอดก็ยากแล้ว


4. คนรุ่นใหม่จะซื้อของที่ทำให้เขาดูดีในรุ่นของเขา …เช่น การท่องเที่ยว จ่ายประสบการณ์เหนือสิ่งของ …หรือ ถ้าสิ่งของก็อยากจะได้ของที่ได้ใช้ด้วย โชว์ได้ด้วย ขายต่อก็ได้ 


5. แปลว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้มุ่งหาความรวยสุดโต่งแบบยอมแลกทั้งชีวิตแบบคนสมัยก่อน …คนรุ่นใหม่จะให้ค่ากับการสมดุลย์ของการหาเงินและใช้เงินอย่างฉลาด …พูดง่ายๆ คือ เขาให้ราคาของประสบการณ์ มากกว่าแค่หาเงิน (จริงๆ ลึกๆ เขารู้ว่า เขาหาเงินไม่ได้แบบคนรุ่นก่อนนั่นเอง)


6. เทคโนโลยีส่งผลให้งานต่อไปมีแค่สองแบบ คือ งานที่รายได้สูงมาก กับ งานส่วนใหญ่ที่รายได้ต่ำมาก …แปลว่า คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จคือ คนที่ Top ในแต่ละอุตสาหกรรม


7. อุตสาหกรรมจะถูกแบ่งย่อยมากขึ้น …ธุรกิจจะเป็นแบบเฉพาะมากขึ้น ลึกมากขึ้น ละเอียดมากขึ้น …พูดง่ายๆ ธุรกิจจะมีความ Luxury มากขึ้นเรื่อยๆ 


ยกตัวอย่าง อุตสาหกรรมกาแฟ …ก็จะมีรายใหญ่ อย่าง Starbucks แต่ก็จะมีรายย่อยที่อยู่ได้แล้วทำได้ดีด้วย สำหรับคนที่หาช่องว่างที่ Special มากกว่า Luxury มากกว่า นั่นเอง


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ทำไมเวลานี้ถึงเป็นเวลาในการเก็บหุ้นปันผล ในตลาดหุ้นไทย

 ทำไมเวลานี้ถึงเป็นเวลาในการเก็บหุ้นปันผล ในตลาดหุ้นไทย


1. ปันผลเป็นตัวค้ำราคาหุ้น ..ถ้ามีปันผลสูง คนก็พร้อมทยอยเข้ารับ ทำให้ราคาหุ้นถึงจุดที่ลงได้ยาก


2. ราคาเทียบพื้นฐานอยู่ในจุดที่ไม่แพง …ถ้าเทียบราคาหุ้นบ้านเรา ซึ่งมีวัฏจักรวิ่งจากถูกไปแพง แล้ววันนี้วิ่งกลับมาถูกอีกครั้ง จึงอยู่ในจุดที่ราคาไม่แพงนั่นเอง


3. แล้วทำไมราคาหุ้นถึงยังไม่ขึ้น …ก็เพราะเม็ดเงินหรือ Fundflow ไหลออกอย่างต่อเนื่อง …หลักๆ จากส่วนต่างดอกเบี้ย ที่อเมริกาสูงกว่าเรา ทำให้เงินที่ไม่อยากเสี่ยงจึงวิ่งไปหาอเมริกา 


4. แล้วความเสี่ยงของอเมริกาคืออะไร …สั้นๆ คือ Bubble เพราะ เงินพอไหลไปอเมริกา มันก็จะหาที่ลง ซึ่งวันนี้แม้หุ้นอเมริกาแพงแล้วก็เลยแพงต่อ คล้ายๆ Bubble ของราคาสินทรัพย์นั่นเอง


5. แล้ว Bubble อเมริกา จะกลายเป็นวิกฤตฟองสบู่แตกแบบปี 2008 ได้หรือไม่ ? …ต้องบอกว่า ถ้าเราจะเกิดวิกฤตแบบ 2008 ต้องเกิดจาก ธนาคารเจ๊ง แต่วันนี้ไม่ใช่ ยิ่งดอกเบี้ยสูงธนาคารก็ยิ่งได้เปรียบ …ดังนั้นวิกฤตการเงินจะไม่เกิด แต่วิกฤตย่อยๆ จะเกิดแทน (ถ้าจะซื้อหุ้นอเมริกาต้องซื้อเวลาตลาดปรับฐาน ลงแรงๆ เป็นช่วงๆ มากกว่า)


6. หุ้นปันผลไทย แบบไหนถึงน่าทยอยซื้อ …เริ่มจากหุ้นที่หนี้ไม่สูง …รายได้ยังแข็งแรง และมีความสามารถในการปันผลเป็นตัวเงินไม่ลดลง ก็ค่อยๆ ทยอยเข้าเก็บได้ 


7. ต้องเผื่อเงินซื้อเวลาตลาดไทยเกิดวิกฤตหรือไม่ …ผมว่า อย่างน้อยเราควรเหลือเงินสด 10-20 % ของพอร์ต เผื่อเอาไว้ …หากตลาดไทยเกิดวิกฤต ก็จะเป็นโอกาสเก็บหุ้นที่ดีที่สุด


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2568

ทำไมสินทรัพย์ที่ทำให้คนแต่ละ Gen ร่ำรวย ถึงไม่เหมือนกัน ..แล้วสินทรัพย์แห่งยุคตัวต่อไป คืออะไร ?

 ทำไมสินทรัพย์ที่ทำให้คนแต่ละ Gen ร่ำรวย ถึงไม่เหมือนกัน ..แล้วสินทรัพย์แห่งยุคตัวต่อไป คืออะไร ?


1. ‘ที่ดิน’ ทำให้ Gen Baby Boom รวย …ในยุคนั้นที่ดินมีราคาถูกและมีมากมาย …คนที่รวยคือคนส่วนน้อยที่ซื้อที่ดินเก็บแล้วทนถือนานมาก …พอเมืองขยาย ที่ดอนราคาขึ้น คนส่วนน้อยเหล่านี้ก็ร่ำรวย


2. ’หุ้น’ ทำให้ Gen X รวย …ในยุคก่อนหุ้นเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในยุคก่อน มองว่าเป็นการพนัน …คนส่วนใหญ่ก็แค่ซื้อขายเก็งกำไร …คนที่รวยคือคนส่วนน้อยที่ ซื้อแล้วทนถือยาว ..พวกนี้คือ VI นั่นแหละ …จากนั้นหุ้นไทยก็ขึ้นเป็นสิบเท่า ร้อยเท่า คนเหล่านี้ก็รวย


3. ’Bitcoin’ ทำให้ Gen Y รวย …ยุคของ Gen Y ทั้งที่ดิน และหุ้น ถูกๆ ที่จะซื้อแล้วขึ้นเป็นร้อยๆ เท่า มันไม่มีแล้ว ….คนส่วนน้อยที่ซื้อ Bitcoin แล้วถือยาว HODL …ก็รวยขึ้นจากราคา Bitcoin ที่ขึ้นเป็นร้อยๆ เท่า 


4. สินทรัพย์ตัวต่อไป คุณคิดว่าคืออะไร ที่ หนึ่ง คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย (คือมันยังไม่เป็น Mass) ..สอง มันต้องมี Value หรือ คุณค่าที่แท้จริง 


…ที่ดิน ใช้อยู่อาศัย , หุ้น ใช้สร้างความเป็นเจ้าของ และให้อิสระ คือ ให้เงินทำงาน , Bitcoin ใช้ในการ รักษามูลค่า และ เคลื่อนย้ายได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด (ทองคำ ดิจิตอลนั่นเอง) …แล้วอะไรล่ะ สิ่งต่อไป ?


5. แปลว่าความร่ำรวย ไม่ได้เกิดจากแค่การทำงานหนัก …แต่มันเกิดจากการที่เรากล้าลงเงิน ลงทุนใน Idea ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ จากนั้น อดทนถือมันนานเพียงพอที่มันจะสร้างผลตอบแทนให้เราอย่างมหาศาล 


6. ถามต่อว่า Idea อะไรที่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการยอมรับ แต่มี Value และประโยชน์ที่แท้จริง บ้าง ? 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568

หุ้นกลุ่มอสังหาไทย ยังลงทุนได้ไหม เห็นปันผลสูงมาก ?

 หุ้นกลุ่มอสังหาไทย ยังลงทุนได้ไหม เห็นปันผลสูงมาก ?


1. ปันผล อสังหา ส่วนใหญ่สูงมาก หลายๆ ตัว 10% ขึ้น นั่นแปลว่า ถ้าเขาปันผลได้แบบนี้ เราซื้อแล้วถือไม่ถึง 10 ปี ก็คืนทุน ไม่ต้องขายหุ้นก็ได้ …LH 10% , SIRI 11% , PSH 14% , SC 9% , ORI 13% , AP 9% , SPALI 8% 


2. (มุมการแข่งขัน) ตัวเล็กๆ จะตาย และหายไป …มันเป็น Last Man Standing …พวกที่อยู่นอกตลาดเจ๊งไปหมด …สุดท้ายใครอยู่รอด ก็จะสบาย เพราะ คู่แข่งก่อนหน้านี้ตายไป


3. หุ้นอสังหาหลายๆตัว ต่ำ Book แปลว่า เราซื้อหุ้นได้ถูกกว่า สินทรัพย์ที่บริษัทมี …พูดง่ายๆ ว่า ซื้อราคาต่ำ Book ก็คือ ซื้อต่ำกว่าทุนเจ้าของ 


4. รัฐบาลนี้ เอื้อกลุ่มอสังหาแน่นอน …อันนี้ไม่ขอพูดเหตุผล ให้ไปคิดกันเอาเอง ..555


5. ปัญหาหลักของอสังหาไทยวันนี้ จริงๆ ดีกว่า จีน หรือ เวียดนาม …ของเรานี่คนพร้อมซื้อนะ ราคาก็ไม่ได้แพงเหมือนประเทศอื่นๆ แต่หลักๆ วันนี้คือ แบงค์ไม่ยอมปล่อยกู้ …ถ้าแบงค์ปล่อยวันไหน บอกเลย อสังหาพุ่งกระฉูด!!


6. ความเสี่ยง คือ หนี้ของบริษัท เพราะ กลุ่มนี้กู้เยอะ …ถ้าดอกเบี้ยขึ้น ซวยยกแพง (โดยเฉพาะตัวที่หนี้หนักๆ)


7. สรุป ลงได้ไหม …ตอบเลย ได้ …แต่กระจายคละกันหน่อย (ลงแบบเป็นพอร์ตน่ะ) ค่อยๆ ทยอยซื้อก็ได้ …เอาเป็นว่า กลุ่มอสังหาเป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มนึงที่ผมสนใจ เพราะ ในระยะยาว อสังหาไทย ผมว่ายังไปได้ เพราะ ราคาเราเทียบเพื่อนบ้าน เราไม่แพง ค่าครองชีพก็ไม่สูง ประเทศเราน่าอยู่ …แล้วด้วยกลุ่มนี้ปันผลดี มันสามารถสร้าง Passive Income ให้พอร์ตเราได้ในระยะยาว


ก็ประมาณนี้ คือ หุ้นไทยขาขึ้นรอบหน้า อสังหาเป็นกลุ่มนึงที่ต้องมีน่ะ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2568

6 เรื่อง Stupid that make you Rich !!

 6 เรื่อง Stupid that make you Rich !!


1. ‘Start a Business’ …เริ่มจากปัญหาที่เราอยากจะแก้ …ถ้ามือใหม่เริ่มจากแก้ปัญหาเล็กๆ 


2. ’ลงทุนในสิ่งที่เสี่ยง ในเวลาที่คนอื่นไม่กล้าลง’ …สำคัญที่ต้องลงในเวลาที่คนอื่นไม่กล้าลง …เพราะถ้าลงในเวลาที่คนอื่นก็กล้า มันจะเป็นหายนะแทน


3. ’ซื้อสินทรัพย์ ในเวลาที่คนอื่นกลัว แล้วอยู่ให้นานที่สุด‘ …สำคัญที่ต้องแยกแยะให้ออกว่า อะไรคือ สินทรัพย์ …อะไรคือขยะ ?


4. ‘ลงทุนในระบบที่ดี’ …สำคัญคือ ต้องรู้ว่าอะไรคือระบบที่ดี …ระบบที่ดีจะสามารถสร้างเงินให้เรา โดยที่เราไม่ต้องเข้าไปยุ่ง 


5. ’หางานที่เป็น Sweet Spot ของเรา’ …งานที่เป็น Sweet Spot คือ จุดที่เราออกแรงน้อย แต่ทำเงิน สร้างผลลัพธ์ให้เราเยอะ (จุดที่เราได้เปรียบ นอกนั้นคือ จุดที่เราไม่ได้เปรียบ)


6. ‘ลงทุนในคน’ ..การลงทุนใน Start up หรือ ธุรกิจที่เราไม่ได้ทำเอง จริงๆ ไม่ใช่การลงทุนในธุรกิจ แต่มันคือการลงทุนในคน …สำคัญที่การอ่านคนให้ขาด ….‘เก่งจริง/ไว้ใจได้/มีวินัยในสิ่งที่ทำ’ (ต้องให้คนทำงาน ได้มากกว่าเรานะ มันถึงจะยั่งยืน)


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

7 ข้อคิด ของปัญหาที่นักลงทุนต้องผ่านให้ได้

 7 ข้อคิด ของปัญหาที่นักลงทุนต้องผ่านให้ได้


1. ‘ทุกปัญหามีอายุของมัน‘ …ปัญหาทุกอย่างมีอายุ มีเวลาของมัน …พอเวลาผ่านไป ปัญหาก็จะผ่านไปเช่นกัน …ใช่!! อย่าไปจับจด หมกมุ่น มากจนเกินไป


2. ’การแก้ปัญหาให้ใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาที่ต้นเหตุของปัญหา‘ …90% ศึกษาปัญหา แล้วอีก 10% แก้ปัญหา


3. ‘หลายๆ ครั้งที่ปัญหาเป็นจุดเริ่มของโอกาส‘ …ธุรกิจทำเงินส่วนใหญ่ เกิดจากการแก้ปัญหาให้กับผู้คน


4. ‘บางทีเราก็แยกไม่ออกว่า จริงๆ มันไม่ใช่ปัญหาของเรา’ …เออ เราเข้ามายุ่งทำไมวะ ? …จริงๆ มันไม่ใช่ปัญหาของเรา


5. ‘ถ้าเราเข้าใจข้อ 1 และ 2 เราอาจไม่ต้องแก้ปัญหาเลยก็ได้‘ …ปัญหาบางอย่างไม่ได้ต้องการการแก้ไข แต่ต้องการให้เราเข้าใจก็พอ …เพราะสุดท้ายปัญหานั้นมันจะแก้ได้ด้วยตัวของมันเอง


6. ‘ขนาดของปัญหา ต้องเหมาะสมกับขนาดของคนแก้ปัญหา‘ …ปัญหาใหญ่เล็กไม่สำคัญเท่ากับ ขนาดของปัญหากับขนาดของคนแก้มันต้องสมดุลย์กัน


7. ‘การสร้างวินัย ทำให้ปัญหาหลายๆ อย่างหมดไปอย่างมหัศจรรย์’ ….คนมีวินัยทำงานจะไม่อับจน , คนมีวินัยออกกำลังกายจะไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพ , คนมีวินัยลงทุนจะรวยในที่สุด


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ