แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วิกฤตหุ้นตลาด SET ไทย มีอะไรให้เราค้นหา ?

 วิกฤตหุ้นตลาด SET ไทย มีอะไรให้เราค้นหา ?


1. ดัชนี SET วันนี้ ถูกเท่ากับย้อนไปปี 2012 คือ 1200 จุด …ใช่!! นี่คือ จุดตลาดถูกในรอบ 10 ปีนั่นเอง


2. หุ้นใน SET เป็นหุ้นอุตสาหกรรมเก่า แต่มีข้อดีคือ ส่วนใหญ่เป็นของจำเป็น และ ที่สำคัญคือ ตลาดเราเป็นตลาดที่ปันผลสูงอันดับต้นๆ ของโลก 


3. ในยุคที่โลกเสี่ยงต่อสงครามการค้าและสงครามจริง ..ประเทศถือเป็นหนึ่งในจุดที่น่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่อื่น …เพราะเราเป็นแหล่งอาหาร และอยู่ไกลจากจุดขัดแย้ง 


4. จุดที่ SET ลงใหญ่ 3 ครั้งที่ผ่านมาคือ 1997 ลง 88% …ปี 2008 ลง 58% …ปี 2018 ลง 48% …และล่าสุดก็คือ ปัจจุบัน !!


5. หุ้นใหญ่ที่ลงหนัก มีตัวอย่างไหม ? …TOP ลงถูกสุดในรอบ 20 ปี ถูกเท่าปี 2008 ลงมาแล้ว 78% ….SCC ลงมาแล้ว 75% ….BANPU จากสูงสุดลงมาแล้ว 90% ….EGCO ลงมาแล้ว 75% ….OR ลงมาแล้ว 70% ….OSP ลงมาแล้ว 70% …BJC ลงมาแล้ว 70% ….LH ลงมาแล้ว 70% 


6. ตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่สร้างนักลงทุนรายย่อยมากจนประเทศอื่นๆ อิจฉา …ตอนนี้ถึงจุดที่รายย่อยอึดอัดมากที่สุด …ยิ่งอึดอัด ก็มักยิ่งเป็นโอกาส 


7. หลังวิกฤต ตลาด SET ก็ให้ผลตอบแทนไม่แพ้ใคร …หลัง วิกฤตต้มยำกุ้ง 1997 วิ่ง 321% ….หลัง Subprime 2008 ตลาดขึ้น 369% …แล้วหลังวิกฤตครั้งนี้จะวิ่ง ?


8. โอกาสครั้งนี้อยู่ที่การบริหารเงิน และ จัดสรรลงทุนให้เหมาะสมกับพอร์ตของเราเอง…อย่าสุดไปด้านใดด้านนึง เพราะเราจะเสียโอกาส และเสี่ยงมากเกินไป


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

เข้าใจหลักการสร้างเงินในโลกปัจจุบัน MMT ..Modern Monetary theory !!

 เข้าใจหลักการสร้างเงินในโลกปัจจุบัน MMT ..Modern Monetary theory !!


1. รัฐบาลสามารถสร้างเงิน (ออก Bonds) เท่าไหรก็ได้ ตราบเท่าที่ รัฐบาลยังสามารถจ่ายดอกเบี้ยที่กู้ได้ 


2. ผลเสียของการพิมพ์เงิน ก็คือ เงินเฟ้อ …ผลเสียสูงสุดคือ Hyperinflation คือเงินไร้ค่าไปเลย แบบที่เกิดขึ้นที่ต่างๆ มากมาย เช่น 1923 เกิดที่ Germany , 1949 เกิดที่ จีน , 1989 เกิดที่ Russia , 2008 เกิดที่ Zimbabwe , 2016 เกิดที่ Venezuela …


3. ‘ทำไมต้องขึ้นดอกเบี้ย ?’ …หลักๆ มี 2 ข้อ คือ หนึ่ง เงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจแย่ลง ก็จะทำให้เงินเฟ้อลดลง …สอง ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเพื่อดึงดูดเงินให้ไหลเข้ามามากกว่า (ตอนนี้เงินไหลไปอเมริกา เพราะ ดอกเบี้ยสูงกว่าที่อื่น เช่น ญี่ปุ่น , จีน , ไทย …)


4. การขึ้นภาษีก็เป็นอีกทางที่ช่วยลดเงินเฟ้อ …รัฐบาลมีหน้าที่ สมดุลย์ระหว่าง Demand / Supply ของเงินในระบบ


5. สรุป เงินยุคใหม่ สามารถสร้างขึ้นมา ตราบเท่าที่ไม่ทำให้เงินเฟ้อนั่นเอง 


6. ถ้าเงินสร้างแค่ไหนก็ได้ แปลว่า คนที่เก็บเงินสดระยะยาว มีแต่จะซวย …เพราะ แนวโน้มเงินจะเฟ้อง่ายกว่าเงินฝืด …ต้องหาจังหวะลงทุนใน Asset ในเวลาที่เหมาะสม


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


อเมริกามีหนี้มากกว่า GDP ทำไมเศรษฐกิจถึงดีวันดีคืน ?

 อเมริกามีหนี้มากกว่า GDP ทำไมเศรษฐกิจถึงดีวันดีคืน ?


1. GDP อเมริกาคือ 30 Trillion…ส่วนหนี้ 36 Trillion …ถ้าเป็นคนธรรมดา หนี้ท่วมหัว 120% ต้องล้มละลายไปเรียบร้อยแล้ว แต่นี่คือ ประเทศเบอร์หนึ่งของระบบทุนนิยม


2. เป็นหนี้กี่ % ถึงจะล้มละลาย …จริงๆ ไม่ได้กำหนด …สูงสุดคือญี่ปุ่น เป็นหนี้ 261 % ของ GDP …สรุป ตราบใดที่จ่ายดอกเบี้ยได้ ประเทศก็ไปต่อได้ 


3. อเมริกาต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละกี่ % ….ปี 2025 ก็ตกอยู่ประมาณ 1 Trillion ต่อปี เทียบกับ รายได้ของรัฐบาลต่อปีที่ 5 Trillion (รายจ่ายต่อปี 6.75 T และ สูงขึ้นเรื่อยๆ  1.4 Social security/ 1 T health / 0.9 T interest/ 874 Medicare / 671 ทหาร …)


4. ผลเสียของการมีหนี้ คืออะไร หรือ จริงๆ พิมพ์เงินเท่าไหร่ก็ได้ ….ผลเสียคือ มูลค่าเงินลดลง เกิดเงินเฟ้อในที่สุด …พอเงินเฟ้อก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย ทำให้รัฐบาลก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นไปอีก 


5. แต่มีคนแย้งว่า รัฐบาลไม่ต้องใช้หนี้ พิมพ์เงิน เดี๋ยวรายได้ก็สูงตาม …ปี 2010 GDP อยู่ที่ 14 T …วันนี้ GDP ขึ้นมา 2 เท่าใกล้ๆ 30 T  …ส่วนหนี้ 11 T …ขึ้นมา 3 เท่าใกล้ๆ 36 T - ใช่!! รายได้เพิ่ม แต่หนี้เพิ่มในอัตราเร่งมากกว่า 


6. เงินไหลเข้าอเมริกา แต่ไปกระจุกอยู่ในสินทรัพย์ที่คนรวยถือ เช่น หุ้นเทคขนาดใหญ่ , บ้าน …พูดง่ายๆ เงินมันไปกองที่คนรวยให้ยิ่งรวย …แต่เงินเฟ้อเพิ่มคนส่วนใหญ่กลับซวยหนัก


7. ถ้าอเมริกาเงินเฟ้อ สุดท้ายมันก็จะลามไปสู่ประเทศอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเงินดอลล่าร์มันเป็นเงิน reserve ของโลก (อเมริกาเงินเฟ้อก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย …ขึ้นดอกทำให้เงินไหลไปอเมริกา เงินก็ยิ่งเฟ้อเข้าอีก …สินทรัพย์บ้าๆ บอๆ ก็จะราคาเป็นฟองสบู่ และผันผวนมหาศาล)


8. ทำไมมันเหมือน ปลายรอบ ก่อนที่ Bubble จะแตกเลย …ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์จะพบว่า ทุกอาณาจักรก่อนล่มสลาย …ความรวยมันจะไปกระจุกอยู่กลับคนส่วนน้อย ในขณะที่คนส่วนใหญ่ลำบากอยู่ไม่ได้ …ความล่มสลายก็จะเกิดขึ้น …ปฏิวัติฝรั่งเศส …จีนล้มระบบเก่า …โรมันล่มสลาย ….เรายังไม่ถึงจุดนั้น แต่มันน่าคิดว่า เรากำลังเดินทางไปที่ไหนกันแน่ ??


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

Mag 7 ..เจ็ดนางฟ้าหุ้นเจ้าโลกที่เราควรรู้



Mag 7 ..เจ็ดนางฟ้าหุ้นเจ้าโลกที่เราควรรู้


1. หุ้น 7 นางฟ้า ประกอบไปด้วย ..Microsoft, Apple , Nvidia , Alphabet (google) , Amazon , Meta (Facebook) และ Tesla …เจาเรียก 7 นางฟ้าเพราะเป็นบริษัททั้ง 7 ที่คนทั้งโลกใช้แบบขาดไม่ได้


2. มูลค่าของ 7 บริษัทนี้รวมกันเท่ากับ 35% ของตลาดหุ้นอเมริกา S&P 500  …คือ S&P500 มูลค่า 46 Trillion แค่ 7 บริษัทนี้รวมกันเท่ากับ 16 Trillion - ประมาณ 1 ใน 3 


(เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ขึ้นมาจากแค่ 9.8%)


3. ทุกครั้งที่ไม่กี่บริษัทรวมกันมีมูลค่ามากเกิน 30% ก็มักจะมีอันเป็นไป …Market Concentration Risk …วิกฤตล่าสุดที่ตลาดมีการกระจุกตัวคือ ปี 2000 Tech Bubble จบด้วย Market Crash!!! 


4. ย้อนดูการกระจุกตัวของอุตสาหกรรมในอดีต 3 ครั้ง …1957 หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต มูลค่ารวมกันเกิน 40% ของตลาด / 1970 หุ้นอุตสาหกรรมพลังงาน / 1990 หุ้นอุตสาหกรรมการเงิน …และวันนี้ 2020 กลุ่ม Tech 


5. เวลาตลาดลง จะขาดทุนแค่ไหน …จาก 1971  ลงหนัก 4 ครั้ง …1973 ลง 48% ….ปี 2000 ลง 49.5% …ปี 2007 ลง 57% ….และล่าสุด ปี 2022 ลง 28% ….แปลว่า เวลาตลาดลงหนักจะลงประมาณ 50% — จริงๆ นั่นก็คือจุดซื้อหนักๆ 


6. ดัชนี ไม่ได้ตาย มันเปลี่ยนหุ้นไปเรื่อยๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ในช่วงเวลานั้น ….แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป …หุ้นที่โดดเด่นก็จะเปลี่ยนไป 


7. เออ!! แต่วิกฤตตอนนี้ยังไม่ได้เกิด ก็เต้นกันต่อไป …แค่ให้เข้าใจ และ ระวังตัวกัน 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



Asset สร้างเศรษฐีได้อย่างไร

 Asset สร้างเศรษฐีได้อย่างไร 


ท่ามกลางความผันผวนของสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก เรามาดูกันว่า กลไกในการสร้างคนรวยจากสินทรัพย์ มันเป็นยังไง 


1. เงินเดือนทำให้เรารวยไม่ได้ เพราะเงินเดือนต้องเอาเวลาของเราไปแลก ซึ่งมันมีจำกัดและน้อยนิด …แต่เงินเดือนเป็นจุดเริ่มที่ดีในการ ‘เริ่มลงทุน’ 


2. สินทรัพย์มีจำนานจำกัด (มันต้องน้อยกว่า ความต้องการ) …ถ้าของจำเป็นแต่มีไม่จำกัด มันก็ไม่มีราคา เช่น อากาศทั่วไป , น้ำในแม่น้ำ 


3. สิ่งจำเป็นจะมีราคาเมื่อทำให้มันจำกัด …เอาน้ำมาใส่ขวด เริ่มมีราคาละ …ถ้าเป็นน้ำจากต้นน้ำในสวิส อย่างนี้แพงกระฉูด 


4. สินทรัพย์มีกลไกของราคาที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ …ใช่!! มันมีรอบที่ชัดเจน ..คนที่ไม่รู้จะซื้อสินทรัพย์ตอนดี ที่แพง แล้วก็ขายตอนลง เจ๊ง …คนที่รวยจากสินทรัพย์จะทำตรงข้ามก็คือซื้อช่วงที่ไม่ดี ‘ซื้อถูกนั่นเอง‘ 


5. สินทรัพย์บางอย่างสร้างปันผลได้ด้วย …เช่น หุ้น …พูดง่ายๆ ถ้าซื้อได้ตอนถูกแล้วถือมันได้นานพอ หุ้นก็จะเป็นเครื่องผลิตเงินชั้นดี ที่ทำงาน ทำเงินแทนเรา


6. มนุษย์สามารถสร้างสินทรัพย์ได้ ถ้ามีคนอื่นเชื่อและต้องการมัน …เช่น Bitcoin และ พวกเหรียญคริปโต …ถ้าชอบเชื่อจะยอมซื้อมันก็จะมีราคา ทำให้คนสร้างโคตรรวย


7. หุ้น หรือบริษัทก็คือสินทรัพย์ที่คนสร้างขึ้น …ถ้ามองผ่านราคา เราจะเห็นบริษัทที่ขายได้เพิ่มขึ้น กำไรเพิ่ม แล้วปันผลให้เราเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ นั่นคือ หุ้นที่ดี


8. อะไรก็ตามที่เข้าข่ายสินทรัพย์ ให้ซื้อเวลาลงหนักแล้วถือ …เราก็จะมีโอกาสร่ำรวยกับเขาบ้าง 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

11 ตัวอย่าง หุ้นขึ้น 100 เด้ง ทำไมคนซื้อยังเจ๊งได้ ?

 11 ตัวอย่าง หุ้นขึ้น 100 เด้ง ทำไมคนซื้อยังเจ๊งได้ ?


1. Nvidia …ขึ้น 4,470 เด้ง จากปี 2000 ถึงปัจจุบัน 25 ปี … แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ก็โดนหนักเช่นกัน ปี 2002 ลง 87% …ปี 2007 ลง 85% …ปี 2018 ลง 53% …ปี 2021 ลง 68%


2. Microsoft …ขึ้น 4,767 เด้ง จากปี 1986 ถึงปัจจุบัน 39 ปี …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 2000 ลง 65% …ปี 2007 ลง 60% (ถ้าซื้อปี 2000 แล้วดันถือถึงปี 2007 จะลงทั้งหมด 75%) …ปี 2021 ลง 38%


3. META …ขึ้น 383 เด้ง จากปี 2012 ถึงปัจจุบัน 13 ปี …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 2021 ลง 76% 


4. Tesla …ขึ้น 374 เด้ง จากปี จากปี 2010 ถึงปัจจุบัน 15 ปี …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 2021 ลง 73% …ปี 2023 ลง 52% 


5. Amazon …ขึ้น 3,283 เด้ง จากปี 1997 ถึงปัจจุบัน 28 ปี …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 1999 ลง 95% …ปี 2003 ลง 56% …ปี 2007 ลง 64% …ปี 2021 ลง 56% 


6. SCC …ขึ้น 438 เด้ง จากปี 1982 - 2015 …แต่ถ้าซื้อผิดจังหวะ ปี 1997 ลง 88% …ปี 2007 ลง 70% …ปี 2015 ลงมาแล้ว 72% ถึงปัจจุบัน !!! 


7. สรุป ถ้าหุ้นดี เวลาลงต้องซื้อ ไม่ใช่ขาย …แต่ หนึ่ง ต้องวิเคราะห์ให้ขาดว่าเป็นหุ้นดี …สอง ต้องซื้อตอนมันแย่ ไม่ใช่ซื้อตอนดี ….หรือ อีกวิธีคือ DCA ไปเลย


8. หุ้นดี ถ้าซื้อผิดจังหวะ ก็ขี้หักในได้ …หลีกเลี่ยงการแห่ ซื้อตามฝูงชน …เพราะ ในวิกฤตมันมีโอกาส และ ในโอกาสมันมีวิกฤต - ระวัง !!


9. หุ้นหรือสินทรัพย์ถ้ามันดี (ไม่เจ๊ง) …ขาขึ้นให้มากกว่า 100 % เสมอ …ส่วนขาลง ลงไม่ถึง 100% แปลว่า ถ้าซื้อทุกตัวด้วยเงิน 1 แสน เวลาขึ้นมันไปกี่ล้านก็ได้ แต่เวลาเสีย เสียแค่ 1 แสน


…อ้าว?? …แล้วที่เจ๊งๆ กันล่ะ ?


10. ที่ลงทุนสินทรัพย์แล้วเจ๊ง …หลักๆ เพราะ ‘วางเงินไม่เป็น’ …ดันซื้อเยอะ ตอนที่ไม่น่าซื้อ …แต่ตอนที่น่าซื้อ ก็ดันซื้อน้อย - เวลาได้เลยได้น้อย เวลาเสียเลยเสียหนัก 


11. ถ้าคุณเริ่มวันนี้ เลือกเลย 10 หุ้น …ซื้อตัวละ 1 แสน …ซื้อหุ้นไม่น่าเจ๊ง ตอนมันห่วย แล้ว Bet ไปเลย 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ซื้อทองวันนี้อีก 10 ปีเราจะรวยขนาดไหน ?

 ซื้อทองวันนี้อีก 10 ปีเราจะรวยขนาดไหน ?


1. ทองคำตั้งแต่ยกเลิกผูกกับค่าเงิน …ยกเลิก Bretton woods system ในปี 1971ตอนนั้น 1 troy ounce ราคา 35$ …วันนี้ทองคำราคา 2,800$ แปลว่า 54 ปีที่ผ่านมา ราคาทองขึ้นไปแล้ว 80 เท่า


2. ‘ทองคำมีรอบขึ้นลงชัดเจน’ …ระหว่าง 50 กว่าปี ทองคำลงหนักสุดๆ 5 ครั้ง ..ปี 1975 ลงไปเกือบ 50% ….ปี 1980 ลงไปเกือบ 70% …ปี  1988 ลงไป 50% …ล่าสุดปี 2011 ลงไปเกือบ 50% ….กำลังจะบอกว่า ทองคำไม่ได้ขึ้นอย่างเดียว ถ้าซื้อผิดจังหวะ อาจขาดทุนได้ถึง 50% เลยทีเดียว


3. ทองคำมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ คือราคาไม่ไปไหนเลยเกือบ 20 ปี คือ ช่วงปี 1980-2000 …ช่วงนั้นใครถือทอง แทบไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย


4. ทองคำในโลกนี้ที่ขุดขึ้นมาแล้วคือ 178,000 ตัน …ก็ปริมาณพอๆ กับ สระน้ำโอลิมปิก 3 สระ …85% ยังวนเวียนใช้อยู่ …มูลค่าทองทั้งโลกรวมกันเวลานี้คือ 19.1 Trillion …เทียบกับ Apple 3.5 T …Microsoft 3 T …Nvidia 2.9 T …Google 2.5 T …Bitcoin 1.9 T …Silver 1.8 T


5. ทองคำในปัจจุบันคือ สินทรัพย์และมีการใช้จริงในหลายๆ อุตสาหกรรม จึงไม่เหมาะจะเอามาหนุนหลังเงินในอดีตแบบที่หลายๆ คนคิด …และถ้าเอามาใช้จริง โลกจะเข้าสู่เงินฝืดรุนแรง จึงยากที่จะทำได้ 


6. ทองคำจะขึ้นดี เวลาเงินเฟ้อ (สงคราม และความไม่แน่นอน) …จริงตั้งแต่ปี 1971 หลังยกเลิก Gold Standard ที่เห็นทองคำขึ้นมา 80 เท่าจริงทองคำไม่ได้ขึ้น แค่เงินดอลล่าร์มันมูลค่าลดลงไป 80 เท่านั่นเอง 


7. รอบนี้ทองคำขึ้นมาจากปี 2015 ไป 2 เท่ากว่าๆ …จุดเริ่มต้นของรอบนี้คือปี 2015 ที่ราคา 1,200 $ (การขึ้นของทองคำหนักๆ รอบแรก 8 เด้ง ปี 1971-1980 / รอบสองปี 2000-2011 ขึ้น 6 เด้ง / …รอบนี้ขึ้นมาแล้ว 2 เด้งกว่าๆ)


8. สรุปเวลาทองขึ้นแรงๆ จะขึ้น 10 ปีแล้วซึมยาว …รอบนี้ก็ขึ้นมา 9 ปีแล้ว …เดี๋ยว!! ที่เอามาให้ดูคือ สถิติ ที่ช่วยให้เราพิจารณา


(เพิ่มเติม 1 troy ounce = 31.1 grams …เป็นหน่วยวัด precious metals ของสากล)


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม




ทำความเข้าใจทำไมไทยเรา เงินเฟ้อต่ำแต่ค่าครองชีพดันแพง ?

 ทำความเข้าใจทำไมไทยเรา เงินเฟ้อต่ำแต่ค่าครองชีพดันแพง ?


1. เงินเฟ้อรวมเราไม่สูง แต่ราคาอาหารสูงขึ้น …คนส่วนใหญ่จ่ายค่าอาหารเป็นสัดส่วนที่สูงของค่าใช้จ่ายพออาหารแพง ก็เลยหนักกว่าคนรวยที่ค่าอาหารเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่เยอะ


2. เสื้อผ้าของใช้ต่างๆ เราซื้อของจีนที่ราคาถูก …สินค้าจีนราคาถูกเข้ามาตีตลาดเรา ทำให้เราซื้อของใช้ต่างๆ ถูก แต่ธุรกิจ SME พวกนี้ของไทยกำลังตาย 


3. เงินเดือนเราไม่เพิ่ม …ส่วนนึงเพราะ แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า เข้ามาทำงานในส่วนของแรงงาน ยอมทำงานที่ค่าแรงไม่สูง


4. พอธุรกิจ SME เราเริ่มเจ๊ง ในระยะยาวคนไทยก็จะยิ่งเหนื่อยมากขึ้น …เพราะรายได้หายไป ก็ไม่มีเงินมาไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจ


5. คนรวยไทย คนรุ่นใหม่ เอาเงินไปลงทุนต่างประเทศกันหมด …เงินก็ไหลออก ยิ่งซ้ำเติมทั้งธุรกิจและตลาดหุ้นที่ซบเซาลงเรื่อยๆ 


6. ธนาคารไทยไม่กล้าปล่อยกู้ เพราะกลัวหนี้เสีย …ยิ่งธนาคารไม่ปล่อยกู้ ธุรกิจก็ยิ่งแย่ …คนอยากกู้ก็แย่ เพราะซื้อของใหญ่ๆ อย่างบ้านและรถไม่ได้ 


7. จุดเปลี่ยนอยู่ตรงไหน ? …หลักๆ ก็คือ ธนาคารปล่อยกู้ …รัฐบาลต้องมาช่วยเรื่องหนี้เสีย ลดดอก ยืดหนี้ อะไรก็ว่าไป …ตลาดหลักทรัพย์ต้องสะกัดการ Short Sale …พูดง่ายๆ ต้องทำให้คนมีเงินมาใช้จ่ายหมุนเวียนให้มากที่สุด 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ