แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

7 หลักการ ที่ทำให้คนรวยซื้อของแล้วรวยขึ้น

7 หลักการที่ทำให้คนรวย ซื้อของแล้วรวยขึ้น

ปกติ การซื้อเท่ากับ ‘จนลง’ ...แต่คนรวย ใช้หลักการ 7 ข้อนี้ เพื่อซื้อแล้วรวยขึ้น

1. ‘ซื้อของที่คนต้องการ ในเวลาที่เขาไม่ต้องการ’ ...พูดภาษาชาวบ้าน ซื้อของในช่วงวิกฤต อันนี้เป็นพื้นฐานของการได้ของถูกเลย

2. ‘มีเงินสด ในเวลาที่คนอื่นไม่ค่อยมี’ ...การมีเงินสดในเวลาที่คนอื่นไม่มี ไม่ได้หมายความว่า เราต้องรวยมาก ..แต่ประเด็นอยู่ที่การบริหารเงิน เช่น ถ้าคนอื่นกำลังซื้อ เขาจะสะสมเงินสด ...เมื่อใดที่คนอื่นสะสมเงินสด เขาจะเริ่มซื้อ

3. ‘ซื้อของที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เมื่อต้องการ’ ....ของที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ ในเวลาที่ต้องการ แปลว่า สิ่งนั้นมีคนต้องการ เป็นของสะสม ...สามารถเก็บสะสม ไว้แทนการออมเงินได้

4. ‘ซื้อของที่มีจำนวนจำกัด หรือ มีน้อย’ ...ของที่ผลิตไม่จำกัด คือ ของที่ใช้แล้วทิ้ง เป็นขยะ ไม่มีค่า ...แต่ของที่ผลิตจำกัด หรือ ผลิตน้อย มีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ หรือ ของสะสมได้ ในที่สุด

5. ‘ศึกษาประวัติ มีความรู้ ในสิ่งที่เขาซื้อ’ ...ถ้าเรามีความรู้ มีความเชี่ยวชาญ ในของอะไรก็ตาม เราจะสามารถซื้อของที่ดี และซื้อของนั้นได้ในราคาดีกว่า คนที่ไม่มีความรู้

6. ‘ซื้อของที่มีอายุยืนยาว’ ...ของที่ใช้แล้วทิ้ง มันแทบไม่มีราคา ยกตัวอย่าง นาฬิกา แบตเตอรี่ ไม่มีทางแพงกว่า นาฬิกา ไขลาน เพราะ อันนี้สร้างมาให้ทิ้ง ส่วนอีกอันสร้างให้อยู่ตลอดไป

7. ‘ซื้อของ เพื่อเป็นมรดก’ ...หลายคนคิดว่า ของที่เป็นมรดก ต้องเป็นของแพงเสมอ ...จริงๆ แล้ว อาจเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจก็ได้ ...ยิ่งของนั้น มีคุณค่าทางจิตใจต่อคนหมู่มาก ยิ่งมีราคา ...ส่วนใหญ่ของเหล่านี้ก็ได้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในที่สุด เพราะ หาค่าไม่ได้ 

ครบ 7 แล้ว ...ลองย้อนสำรวจตัวเรา ว่าเรามีนิสัยซื้อของแล้วรวยขึ้นแบบคนรวยกี่ข้อแล้ว ?


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

หาเงิน กับ สร้าง Wealth ต่างกันอย่างไร

‘หาเงิน กับ สร้าง Wealth ต่างกันอย่างไร ?’

หลายคนคงสงสัยว่า ถ้าอยากสร้าง Wealth (ความมั่งคั่ง) ก็ให้เร่งหาเงินเยอะๆ เร็วๆ ไม่ใช่เหรอ ?

ไม่เหมือนกันครับ ขอยกตัวอย่างให้เข้าใจมากขึ้น

สมมุติว่า ‘เงิน คือ น้ำ’

‘การหาเงิน’ ก็คือ พอเราเจอแหล่งน้ำ เราก็รีบไปตัก ..คนไหนเร็วก็ตักได้ก่อน ...เหมือนธุรกิจในทุกวันนี้ เช่น มีคนเอาของมาขายออนไลน์ จะขายดีช่วงสั้นๆ จากนั้นจะมีคู่แข่งเร็วมาก 

‘การสร้าง Wealth’ เป็นอีกวิธีคิดนึง ในการสร้างตัว ที่เชื่อว่า ‘เราต้องทำทุกวิถีทาง ให้แหล่งน้ำใหญ่ขึ้นก่อน แล้วค่อยตักทีหลัง’

ฟังดูง่าย ...แล้วทำอย่างไรล่ะ ?

ขั้นแรก คนที่จะสร้าง Wealth จะต้อง พัฒนาที่ภาชนะ ในการตักน้ำ ...ภาชนะก็เปรียบเสมือนความรู้ ความเชี่ยวชาญ

ขั้นที่สอง การสร้างแหล่งน้ำให้ใหญ่ขึ้น ก็คือ การสร้างสินทรัพย์ ขึ้นมาทำงานแทนเรา

ถ้าไปศึกษาวิธีการสร้าง Wealth ของคนรวยทั้งโลก จะพบว่า แทบทุกคน สร้างตัวจาก การสร้าง สินทรัพย์ แล้ว ให้สินทรัพย์นั้นโตแทนเขา หาเงินแทนเขา

ในตลาดหุ้น ‘การหาเงิน’ ก็คือ การเทรด ซื้อมา ขายไป ...ส่วน ‘การสร้าง Wealth’ ก็คือ การซื้อหุ้นดี แล้วไม่ขายเลย หรือ ทนถือให้นานที่สุด

ใช่!! การ Balance (รักษาสมดุลย์) ของ การ ‘หาเงิน’ กับ ‘การสร้าง Wealth’ เป็นศิลปะ ...เรียกว่า ศิลปะแห่งการสร้างเศรษฐีนั่นแหละ 

ลองสำรวจตัวเอง ว่า วันนี้ เราทุ่มเท เวลากี่ % ในการ ‘หาเงิน’ และ ใช้เวลากี่ % ในการ ‘สร้าง Wealth’ 

...ถูกต้อง คนส่วนใหญ่ มักเข้าใจว่า รีบหาเงิน แล้วจะรวย ...แต่จริงๆ แล้ว เขายังไม่เคยเริ่ม ‘สร้าง Wealth’ สักที !!

ค่อยๆ แบ่งเงิน แบ่งเวลามาสร้าง Wealth กันครับ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

10 ข้อ ดูอย่างไรว่าใช่แชร์ลูกโซ่

10 ข้อ ดูอย่างไรว่าใช่แชร์ลูกโซ่

ทุกวันนี้แชร์ลูกโซ่มันได้คืบคลานเข้ามาเป็นส่วนนึงของสังคมไทยไปเรียบร้อย ...น่ากลัวมาก เพราะผมเอง ตอนสมัยเรียนก็โดนไปเต็มๆ เข็ดถึงทุกวันนี้ ..มาดูกัน

1. ‘ผลตอบแทนดีเกินจริง’ ...ในวงการลงทุนจริงๆ ผลตอบแทน 10% ต่อปี ถือว่าหล่อแล้ว ...แชร์ลูกโซ่จะใช้ผลตอบแทนล่อให้เราโลภ

2 ‘การันตีผลตอบแทน’ ...ในการลงทุนจริงๆ อย่างในตลาดหุ้น หรือ อสังหา ไม่มีใครการันตีผลตอบแทน เพราะ มันทำไม่ได้ ...ที่พูดกันคือ ผลตอบแทนเฉลี่ย ...ดังนั้น ถ้ามีการันตีผลตอบแทน ต้องระวังดีๆ 

3. ‘จ่ายเร็ว สม่ำเสมอ’ ...ได้คืนทุกเดือนนี่ตลกแล้ว ถ้าไม่ใช่หวยใต้ดิน หรือ ปล่อยกู้นอกระบบ ..การลงทุนจริงๆ ไม่มีอะไรที่คืนเงินเร็วขนาดนั้น

4. ‘คนลงทุนไม่ต้องมีความรู้ และ ไม่ต้องทำอะไรเลย’ ..ลงทุนจริงๆ ทุกอย่างต้องศึกษาหาความรู้ ..ถ้าเป็นการลงเงินที่ไม่ต้องมีความรู้อะไรเลย เริ่มน่าสงสัยครับ

5. ‘เป็นการลงทุนที่ดูล้ำ แบบที่เราไม่เข้าใจ’ ...แชร์ลูกโซ่มักผูกกับเรื่องใหม่ๆ ...อะไรก็ได้ที่คนรู้ว่ามีแต่ไม่รู้เรื่อง ...เงินคริปโต , ค่าเงิน , ธุรกิจ IT , Platform แปลกๆ ...เอาง่ายๆ ว่า ธุรกิจที่เขาชวนมันฟังดูล้ำ แต่เราไม้รู้เรื่องอะไรเลย

6. ‘มีการชวนคน แล้วผลตอบแทนเพิ่ม’ ...ถ้าการลงทุนอะไรก็ตามที่เริ่มมีการชวนคนแล้วผลตอบแทนเราเพิ่ม มันเริ่มน่าสงสัย ...ยิ่งถ้าชวนแล้วเพิ่มเป็นหลายๆขั้น ก็ชัวร์ละ แชร์ลูกโซ่แน่ๆ 

7. ‘มักเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ’ ...ก็แน่นอน ถ้าในประเทศ มันง่ายไป ...ต้องเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ระหว่างประเทศ ...เวลาคืนเงินจะได้มีข้ออ้าง ว่าเงิน กำลังติดขั้นตอนนั่นนี่ ...มั่วได้ว่างั้นเถอะ

8. ‘กลุ่มคนที่มาลง หลากหลายมาก’ ...ปกตินักลงทุนแต่ละประเภท ก็จะเป็นคนที่เป็นนักลงทุนอยู่แล้ว เห็นหน้าก็รู้แล้ว ...แต่ถ้าแชร์ลูกโซ่ ถ้าเราเดินเข้าไปในห้อง จะเห็นตั้งแต่ นักธุรกิจ แม่ค้า ตาสี ตาสา ..คือ มีทุกสาขาอาชีพ มารวมตัวกันแบบหลากหลายสุดๆ

9. ‘มีรถหรู ของหรูหรา โชว์รวย มาชวนคุณ’ ...การลงทุนจริงๆ เขาจะชวนด้วย แผนธุรกิจ และ สินค้าจริงๆ ที่เขาขายแล้วได้รับการยอมรับ ...แต่แชร์ลูกโซ่ มักจะชวนคุณด้วย รถหรู , คนธรรมดาที่เราไม่เคยรู้จัก อยู่ดีๆ เขาก็พลิกชีวิตข้ามคืน ขับ supercar มาถ่ายวีดีโอให้เราดู ...ดูซิ อยากเป็นอย่างเขาไหม นั่นนี่ ...ฮ่า ฮ่า 

10. ‘บริษัทไม่ใช่ของจริง’ ..อันนี้ดูยาก เพราะ พวกแชร์ลูกโซ่ มักหาภาพบริษัทในต่างประเทศ ที่เราเช็คข้อมูลไม่ได้มานำเสนอ ...บริษัทใหญ่จริงๆ ส่วนใหญ่ต้องอยู่ในตลาดหุ้น หรือ มีชื่อเสียงยาวนาน

ก็ประมาณนี้ ...ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราลงทุนไปด้วยความโลภ ไม่ต้องมีความรู้ ยิ่งพาเพื่อนมา ผลตอบแทนยิ่งเพิ่ม ลงเหมือนโดนป้ายยา ก็ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่ามันแปลกๆ 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ว่าแล้วก็ ขอชวนลงทุนของจริงบ้าง ...ออมในหุ้น กับ หลักทรัพย์บัวหลวง 

สนใจเปิดบัญชีหุ้น หรือ ออมหุ้น คลิ๊กที่นี่เลย
http://bls.tips/pawawitTeam 

หรือ โทร 02-618-1111 บอกทีมงาน ว่า “เอาแบบออมหุ้นอัตโนมัติ ที่พี่แพ้ทแนะนำ” 


ปล. รถหรู ผมก็มีนะ ...ชวนมาลงทุนจริงๆ กันดีกว่าครับ ..555

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ