วันนี้ขอแกะรอยหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดตัวหนึ่งในตลาด BGH นั่นเอง ... จากอุตสาหกรรมที่ไม่น่าสนใจในอดีต "โรงพยาบาล" เพราะแต่ละที่ เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ และ กระจัดกระจาย เป็นม้านอกสายตาของนักลงทุนมาตลอด ...แต่!! ได้มีกลุ่ม "นักลงทุน" กลุ่มนึง ที่เข้ามาเห็นโอกาสในการขยายตัวของอุตสาหกรรมโรงพยายาล ...เริ่มจากการเข้ามา Take Over โรงพยาบาลเปาโล เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน -- จากนั้น ก็เข้า Take Over โรงพยาบาลพญาไท ที่เข้ามาซื้อ ในราคาที่ถูกมากๆ เพราะซื้อเมื่อ พญาไท เกิดวิกฤต
แน่นอนที่กล่าวมา ..จะแนะนำให้รู้จัก "นักลงทุน & นัก Take Over" ที่มีลีลา และ มุมมองที่เฉียบคม ระดับยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งในตลาดหุ้นไทย ... ใช่แล้วครับ!! กลุ่ม "ทองแตง" นั่นเอง
หากเรามองนัก Take Over เป็น "ผู้ล่าแห่งระบบทุนนิยม" ...วันนี้คุณจะได้เห็น "ผู้ล่า ที่ไม่ใช่แค่เก่งอย่างเดียว ..แต่!! หนุ่มและหล่อมาก..อะจิ๋ว วิ้ว!!" ... วิสัยทัศน์ครั้งนี้ ไม่ใช่ Overnight Success แต่เป็น การมองภาพใหญ่ และใช้ความอดทน ...ในการลงทุน ..ในมุมมองและความเชื่อ เป็นเวลาถึง 10 ปี
มาดูกัน
นั่นในส่วนของพื้นฐาน ...มาดูในส่วนของ Technical บ้างว่า
Trader เขามองกันอย่างไร !!!
"นี่การวิ่งของราคา BGH" ... ย่อตัว แล้วดีด ..ปรับฐานระหว่างขึ้นเล็กๆ ตามแนว Fibo ..พอขึ้นจบรอบ แล้วก็หาจุด รอรอบใหม่ ... ยังไงต่อ "ไม่รู้" เพราะจริงๆ มันไม่จำเป็นต้องรู้ แต่แค่เราทำเงินได้ ก็พอแล้ว จริงไหม? ... Trader รู้อย่างเดียวคือ ถ้ามองว่าขึ้น หรือ Break ก็ "ซื้อ" ตาม Trend Following ..วาง Stop Loss (จำกัดความเสี่ยง) ...ถ้าไม่ขึ้น หรือ มันดันลง Cut Loss (มีความเสี่ยงที่จำกัด) ..ถ้าขึ้น ก็ Let Profit Run ไป .. ส่วนคนที่เล่นเร็วก็ หา Target ออก เช่น แนว Fibonacci ที่ลากให้ดูนั่นเอง ... "หลักการคิดของ Trader จริงๆ มันเป็น Logic ที่ตรงข้ามกับนักพนัน ... เพราะ Trader จำกัดความเสี่ยง และ Let Profit Run"
...ลองคิดตามกันดูครับ ว่าวันนี้ คุณเป็น Trader หรือ คุณเป็นนักพนัน!!
วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555
เสริมทัพ The Wolf !!
ช่วงนี้ผมเงียบๆ กำลังเก็บตัว สร้างผลงานอยู่ครับ ... อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า "โลกแห่งการยิ่งให้ ยิ่งได้" ผมได้สัมผัสโดยตรงจากชุมชน S2M แห่งนี้ ...เมื่อเราให้ความรู้ดีๆ แก่สังคมนักลงทุน ก็ทำให้เราเป็นจุดที่ "คนเก่งๆ" ในวงการลงทุนเริ่มจับตามอง และในที่สุดก็เข้ามาร่วมเดินทางและร่วมสร้างองค์ความรู้ ให้กว้างขึ้นแน่นขึ้น
ขอเปิดตัวอีกหนุ่มใหญ่ ที่ Low Profile แต่ทั้งประสบการณ์ และ มูลค่า Port ไม่ใช่ธรรมดาเลยทีเดียว
"พี่กร" มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี (หนุ่มใหญ่ตรงกลางภาพ)
“ทำไมต้อง คุณ กร” ..ก็เพราะบอกตรงๆว่า เจอกันแล้ว ถูกชะตา เพราะ “อึ้ง ทึ่ง เสียว” …คนอะไร มีศักดิ์ระดับเจ้า “หม่อมหลวง” แต่ลีลาติดดิน สบายๆ …เป็นผู้บริหารระดับสูง ระดับประธานขององค์กร และ ผู้บริหารใหญ่ แต่วัยรุ่นมาก …น้อยนะครับ ที่คนระดับนี้ จะไม่ถือตัว ให้เราเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ
“เหตุการณ์นี้ มันเริ่มที่ วันหน่ึง ในปี 2554 ที่สถานีการลงทุน Money Channel”
บังเอิญ Money Channel มาสัมภาษณ์ผม ..และบังเอิญ ผมกับ ป๋ากิ้ง ได้เข้าไปจัดรายการในช่อง Money Channel และ บังเอิญคุณกร เป็นผู้บริหารระดับสูงในฝั่ง Grammy ที่เข้ามาดูแล Money Channel ..ไอ้ที่บังเอิญสุดขีด ก็บังเอิญที่ คุณกร เป็นผู้ใหญ่ที่ Open Mind สุดๆ ..คือ ขอเข้ามาเรียนในคอร์สสัมมนาของ Stock2morrow “แม่เจ้า!! ผมว่าอันที่จริง มันไม่ได้บังเอิญหรอก เพราะโลกนี้ ไม่ได้มีอะไรบังเอิญ แต่มันกำหนดมาแล้ว ..แถมคนที่กำหนด โอกาสและความบังเอิญของเรา มันไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก …ใช่!! ตัวเราเอง”
ยิ่งผมเข้ามาวงในของคนระดับ Top ของสังคมไทย ยิ่งทำให้ผมเห็นว่า แท้จริง คนเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะเขาโชคดี จึงได้มาเป็น CEO บริษัท หรือ เขาฟลุ๊คถูกเลือกให้มานั่งตำแหน่งประธานขององค์กรขนาดใหญ่ …บ้าดิ!! ไม่มีฟลุ๊คครับ เพราะเจ้าของบริษัท หรือ องค์กรใหญ่ เขาไม่โง่ เขาฉลาดพอที่จะเลือกคนที่เหมาะสม “เหมาะสม!!”
ถูกต้อง!! ผมใช้คำว่า “เหมาะสม” ไม่ได้ใช้คำว่า “เก่งที่สุด” …เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะคนที่ขึ้นมาถึงจุดสุดยอดของแต่ละสาขาอาชีพ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งที่สุด แต่เป็นคนที่ “เหมาะสมที่สุด” ต่างหาก … ผมเชื่อว่าคุณคงเคยอ่านผ่านตา เกี่ยวกับงานวิจัยที่พบว่า คนที่ไอคิวสูงมากๆ เก่งมากๆ มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิต …ผมว่าไม่แปลกนะ เพราะไม่มีใครจะ Perfect ทุกๆอย่าง ..พระเจ้าไม่เคยสร้าง สิ่งที่สมบูรณ์แบบ เพราะอะไรที่ Perfect หรือ Peak สุดๆ ก็ต้องลง ตามมาด้วยความเสื่อม --- นั่นแหละครับ เป็นคำตอบง่ายๆ ของบุคคลิกผู้นำระดับสูงแถวหน้าของเมืองไทย ที่มักจะเป็น คนที่ “เรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุด” (สมองเรามันก็เหมือนแก้วน้ำใบนึงนั่นแหละ ..คนที่ออกจากโรงเรียนแล้ว ไม่อ่านหนังสือ ไม่เรียนรู้อะไรเพิ่ม มันก็เหมือนน้ำในแก้ว มันนิ่งอยู่อย่างนั้น …จนในที่สุด …มันเน่าครับพี่น้อง …ดังนั้น หากเราเข้าใจธรรมชาติของตัวของเราเอง ก็จะรู้ว่า “มนุษย์” คือ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเรียนรู้อย่างไม่รู้จบ ไม่งั้นมันเน่า…ฮ่า ฮ่า)
นั่นแหละครับ “มนุษย์” “สมอง” และ “ผู้นำระดับสูง” …มันไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่มันเกิดจากการ รวมกระบี่ ที่เร่งลมปราน จากทั่วร่าง แล้วพุ่งออกไปเป็น “ไซอิ๋ว!!! …จ๊าก ๆ ๆ ๆ”
…เอาล่ะครับ ผมกำลังจะเล่าต่อไป
“วันที่สามของการสัมมนาคอร์ส Technical …คุณ กร หยิบหนังสือเล่มใหญ่ ห่อปกอย่างดีสีฟ้า แล้วฟาดมาที่มือผม …เอ้า!! เอาไปอ่าน อันนี้วิทยานิพนธ์ของผมเรื่อง Hedge Fund ผมเขียนไว้นานแล้ว แต่อยากเอาสิ่งนี้ เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่ได้รู้กัน”
“หา… พี่กร ..นี่มันเรื่องของ George Soros น่ะหรือ ..โอ้ว!! อะริว กิปา บูไต …(ภาววิทย์ พล่ามออกมาเป็น คำพูดที่จับความไม่ได้) --- จริงๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับ George Soros แต่อย่างใด แต่ตกใจในความใหญ่ของหนังสือ ที่คุณกรฟาดลงมาที่มือของผม … “เจ็บพี่….5555”
ผมก็พูดว่า …จริงๆ หนังสือ เขียนให้คนรุ่นใหม่อ่าน ก็ไม่ยากครับ ..ต้องเข้าถึง ชัดเจน ตรงประเด็น จริงใจ และ ที่สำคัญ ต้องมี .... “หุ หุ” หรือ “อิ อิ” มิเช่นนั้น หนังสือเล่มนั้น จะไม่ In-Trend …อิ อิ
พี่กร เริ่ม งง ว่าตกลง มันหมายความว่าอะไรกันนี่ “ทำไมเด็กรุ่นใหม่ เดี๋ยวนี้มันแปลก (โดยเฉพาะเด็กแนวใน Stock2morrow ที่จะแปลกประหลาด ชนิดหาตัวจับยาก)
“เอางี้ครับ พี่กร ..ผมขอเวลาไปย่อย วิทยานิพนธ์ เล่มนี้ของพี่กรก่อน แล้วเดี๋ยวเรามาดูกันว่า เราจะถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ สู่คนรุ่นใหม่ได้อย่างไร” (จากนั้นผมก็จมอยู่กับ หนังสือ ระดับหลายพันหน้า …ยิ่งอ่าน ดวงตาของผมยิ่งเมื่อยล้า …ในที่สุด ผมก็กลายเป็น แพนด้า ..ฮ่า ฮ่า ผมกลายเป็น Freedom Trader ไปแล้วครับพี่น้อง ..เพราะ Trader ของจริง ต้องขอบตาคล้ำ เพราะ มัน Trade ตลาดรอบโลก ทำให้เวลานอนเป็นเพียงความฝันเท่านั้นเอง …ลองไปถามพวก Trader นะว่า ความฝันสูงสุดหลังจากที่คุณมี อิสรภาพทางการเงินแล้วคืออะไร … “กรูขอเตียง!!” …555) …เห็นไหมล่ะ เรื่องต่างๆ มันลึกล้ำกว่าที่เราจะคาดเดาได้ เพราะคนส่วนใหญ่คงนึกว่า Trader อยากได้ Ferrari แต่ no no ไม่ใช่เลย ..เขาอยากได้ “เตียง” …
จากเนื้อหาของวิทยานิพนธ์ ที่เจาะลึก กลยุทธ์ของพ่อมดการเงิน อย่าง Soros และ วิธีการต่างๆ ของ Hedge Fund มันทำให้ผม ยิ่งอยากค้นหา เพิ่มขึ้น …บอกตรงๆ หลาย Tactic เช่น การเล่น Arbritage หรือ การทำ OTC ของ Option ต่างๆ รวมทั้งความสามารถในการ Leverage ที่มหาศาล …และการจดทะเบียนของ Hedge Fund ในรูปแบบของ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” มันยิ่งทำให้ผมมาคิดต่อว่า แล้ว Hedge Fund กับเมืองไทย มันจะต่อยอดอย่างไร กับ กลต. หรือ ระบบธนาคารพาณิชย์ของเรา ที่เป็นเจ้าของ Investment Bank ..มันเหมือน เรากำลังมองในมุมที่ สิ่งต่างๆ ในโลกตะวันตก มันตีลังกาอยู่กลับข้าง …ถูกต้อง!! บ้านเราไม่มี Super Power Investment Bank อย่าง Goldman Sachs เรามีแต่ Investment Bank ระดับ “จิ๋ว” ที่แทรกอยู่เป็นส่วนหนึ่งของ บล. (บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต่างๆ) ที่ยังเป็น ส่วนจิ๋วๆ ในธนาคารใหญ่
ยกตัวอย่าง ธนาคารกรุงเทพ …ในนั้น มีบริษัทลูกอย่าง บล.บัวหลวง ที่ทำหน้าที่ทั้งเป็น Broker และก็ Investment Bank …ความใหญ่ของ ธนาคารกรุงเทพ ระดับแสนล้าน แต่ธุรกิจของ บล. มันแค่หลักพันล้าน ไม่พูดถึงกำไรที่หลักแค่ร้อยล้านบาท … “คุณรู้ไหม อย่างเมืองไทย ผู้บริหารธนาคารระดับใหญ่ๆ เขาพูดว่า โถ่ !! กำไรของ ทั้งบริษัทหลักทรัพย์ ผมปล่อยกู้ รายใหญ่สักเจ้า ก็ Cover แล้ว -- แม่เจ้า!! ฟังแล้วมันเหมือน ภาพที่เราเห็นระดับโลก มันยังไม่น่าจะปรับใช้กับเราได้ทันที ..มันน่าจะมีอะไรต้องปรับ รึเปล่า”
ทันใดนั้น ผมยกโทรศัพท์ หา คุณกร ทันที “คุณ กร ครับ ผมชอบนะ เรื่อง Hedge Fund แต่เอาจริงๆ นะ ผมอยากจะ ต่อยอดมากกว่า แค่หนังสือ Hedge Fund ผมอยากให้ คุณ กร ในฐานะของผู้ใหญ่ ระดับ Insider “Super Connection” คนนึง ที่ผ่านประสบการณ์ ทั้งการบริหารกองทุนข้ามชาติ และกองทุนระดับ กบข. รวมทั้งนั่งเป็นประธานอยู่ใน Fitch Rating ที่รู้ไส้ของ ธุรกิจ ในฐานะผู้วัด Rating ความน่าเชื่อถือ …ครับ!! ผมอยากให้คุณ กร เอาประสบการณ์จริง ตรงนั้น แล้ววิภาค รวมกับมุมมองคมๆ ในแบบของ The Wolf อย่างพวก Hedge Fund แล้วมาคุยกันว่า คนธรรมดาๆ อย่าง คุณและผมนี่ …จะได้ประโยชน์อย่างไร หากเราเข้าใจกลไกของระบบ”
คุณกร ตอบว่า “เข้าใจแล้ว… ดี !!!…ผมเข้าใจสิ่งที่คุณอยากรู้ มันท้าทายมากนะ หากจะเขียนหนังสือ ที่มัน กระทบกับแก่นของประเทศ”
“แก่นของประเทศ … คุณ กร หมายความว่าอะไรครับ”
“เอาล่ะ …คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ในทุกสังคมในโลก มันคือ เกม”
อะจ๊าก!! ว๊าก The Game …โห ตื่นเต้น!!
.... "นั่นแหละ หนังสือ อีกเล่มที่ผม กับ นักเขียนนิรนาม ติงลี่!! และพี่กร ..กำลังซุ้ม สร้างกันอยู่ ...ผมเชื่อว่า สุดท้ายคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต มันต้องมาจากการใฝ่รู้ และที่สำคัญ สิ่งที่รู้ มันต้องเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อความสำเร็จ "เข้าใจกลไกของระบบ แบบที่เศรษฐีเขาเข้าใจกัน" นั่นแหละสำคัญ --- และนั่นแหละที่ผม และ S2M พยายามขยายองค์ความรู้นั่นเองครับ"
The Game และ The Wolf ... กำลังจะเกิดขึ้นเด้อ!! ...555
วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555
จับตาตลาด Market Overview แบบชิวๆ
มาขับรถ คันนี้กัน!! The Car of "SET"
"ตลาดออกอาการติดลมบน" ...ดูจากภาพ ตอนนี้ "กำลัง" ซึ่งเทียบได้กับคันเร่งของรถ ..คนขับถอนเท้าออกจากคันเร่ง แต่ "ราคา" ซึ่งก็คือ ความเร็วและทิศทางที่วิ่งขึ้น มันยังไปต่อด้วยแรงส่งของ Momentum ... อาการแบบนี้ ทรงแบบนี้ ถ้าราคาทำ New High ก็จะวิ่งไปเรื่อยๆ (อันนี้ไม่ได้ทำนายอนาคตนะ เพราะ เราแค่ดูว่า คนขับเขาเหยียบคันเร่งต่อ หรือไม่ก็เท่านั้นเอง ...ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนการถอนคันเร่ง "RSI ย่อลงเรื่อยๆ" ก็เลยต้องระวัง แต่ถ้าคนขับฝรั่งมันคึก แล้วกดคันเร่งต่ออย่างแรง สัญญาณก็จะบอกเรา เมื่อ RSI มันกระโดดทำ New High ซึ่งจุดนี้ยังไม่เห็นครับ ... ถ้าเห็นคงต้องคึกกันอีกรอบ ฮ่า ฮ่า) ... ประเด็นคือ คนที่มีต้นทุนต่ำ ก็คงต้องทน รวย Let Profit Run ไปให้ถึงที่สุดของรอบ ... แต่คนที่ไม่มีของ ถ้าคิดจะเข้าซื้อ อันตรายอย่างยิ่ง ...แต่!! ถ้าอยากจริงๆ ก็ต้องเล่นด้วย Technical เท่านั้น .. "New High ซื้อ -- Break Trendline ซื้อ" แต่สิ่งที่ต้องยึดถือไว้เสมอคือ ทุกครั้งที่เข้า ต้องวางจุด Stop Loss ไว้เสมอครับ !! (คนที่เจ๊ง เพราะเสียหายหนักๆ แบบฟื้นไม่ได้ และการเสียหายแบบหนักๆ ก็มาจาก ไม่มีจุด Cut Loss นั่นเอง)..คิดดีๆนะ ที่คนเขาบอก ตัดอวัยวะ รักษาชีวิต มันสำคัญมากในการอยู่รอดในตลาด "ตลาดหุ้น คนเก่งมักจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ผู้ที่มีวินัย และหมั่นศึกษาเรียนรู้ และมีความอดทน ..นั่นแหละ คนที่จะมั่งคั่งจากตลาดหุ้น!!"
ฝากไปอ่านกัน ...........หนังสือ ที่เขียนมาโดยนักลงทุนจริงๆอย่างผม และ เพื่อนักลงทุน "คลินิกหุ้นมือใหม่" --- เดินทางไป ด้วยกันเด้อ!!
"ตลาดออกอาการติดลมบน" ...ดูจากภาพ ตอนนี้ "กำลัง" ซึ่งเทียบได้กับคันเร่งของรถ ..คนขับถอนเท้าออกจากคันเร่ง แต่ "ราคา" ซึ่งก็คือ ความเร็วและทิศทางที่วิ่งขึ้น มันยังไปต่อด้วยแรงส่งของ Momentum ... อาการแบบนี้ ทรงแบบนี้ ถ้าราคาทำ New High ก็จะวิ่งไปเรื่อยๆ (อันนี้ไม่ได้ทำนายอนาคตนะ เพราะ เราแค่ดูว่า คนขับเขาเหยียบคันเร่งต่อ หรือไม่ก็เท่านั้นเอง ...ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนการถอนคันเร่ง "RSI ย่อลงเรื่อยๆ" ก็เลยต้องระวัง แต่ถ้าคนขับฝรั่งมันคึก แล้วกดคันเร่งต่ออย่างแรง สัญญาณก็จะบอกเรา เมื่อ RSI มันกระโดดทำ New High ซึ่งจุดนี้ยังไม่เห็นครับ ... ถ้าเห็นคงต้องคึกกันอีกรอบ ฮ่า ฮ่า) ... ประเด็นคือ คนที่มีต้นทุนต่ำ ก็คงต้องทน รวย Let Profit Run ไปให้ถึงที่สุดของรอบ ... แต่คนที่ไม่มีของ ถ้าคิดจะเข้าซื้อ อันตรายอย่างยิ่ง ...แต่!! ถ้าอยากจริงๆ ก็ต้องเล่นด้วย Technical เท่านั้น .. "New High ซื้อ -- Break Trendline ซื้อ" แต่สิ่งที่ต้องยึดถือไว้เสมอคือ ทุกครั้งที่เข้า ต้องวางจุด Stop Loss ไว้เสมอครับ !! (คนที่เจ๊ง เพราะเสียหายหนักๆ แบบฟื้นไม่ได้ และการเสียหายแบบหนักๆ ก็มาจาก ไม่มีจุด Cut Loss นั่นเอง)..คิดดีๆนะ ที่คนเขาบอก ตัดอวัยวะ รักษาชีวิต มันสำคัญมากในการอยู่รอดในตลาด "ตลาดหุ้น คนเก่งมักจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ผู้ที่มีวินัย และหมั่นศึกษาเรียนรู้ และมีความอดทน ..นั่นแหละ คนที่จะมั่งคั่งจากตลาดหุ้น!!"
ฝากไปอ่านกัน ...........หนังสือ ที่เขียนมาโดยนักลงทุนจริงๆอย่างผม และ เพื่อนักลงทุน "คลินิกหุ้นมือใหม่" --- เดินทางไป ด้วยกันเด้อ!!
วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555
ฟังย้อนหลังรายการ Econ Biz 96.5
"ทุกวันศุกร์ เวลา 16.00 น." -- ผมจัดรายการ Econ Biz กับคุณ จิระ ที่วิทยุช่อง FM 96.5
คนที่ฟังสดไม่ทัน สามารถฟังย้อนหลังได้ที่นี่ครับ
http://www2.mcot.net/fm965/mp3.cfm?cat=Archive&id=340010
วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555
คลิ๊ปย้อนหลัง "แกะรอยหุ้น ADVANC"
คลิ๊ปย้อนหลัง "แกะรอยหุ้น TTA"
คลิ๊ปย้อนหลัง "แกะรอยหุ้น SIRI"
วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555
สัญญาณเตือนภัย ทางเทคนิคของตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นไม่ใช่ "นินจา" จึงทิ้ง รอยเท้า ให้เราเห็นเสมอ... มีคนถามตลอดว่า จะรู้ได้ว่า จังหวะไหนที่เข้าตลาดแล้วปลอดภัย จังหวะไหนที่เข้าตลาดแล้วเสี่ยง ...
ตลาดหุ้นถ้าเอา Technical มาใช้ ก็เสมือนเรามี สถิติของราคามา Plot เรียงร้อยเรื่องราวในอดีต ที่สะท้อนในราคา ..ซึ่งแน่นอน คนที่ใช้สถิติของ Technical ได้เก่ง ก็ย่อมสามารถใช้ข้อมูลนั้น อ่านความน่าจะเป็นในอนาคตได้ (ขอย้ำว่า "ความน่าจะเป็น" เพราะมันจะเป็นหรือไม่ ก็ได้ ..มันถึงต้องเรียนรู้การ Stop Loss เป็นหลักของสุดยอดวิชาเสมอ) ...เอาล่ะ เตือนเสร็จแล้ว มาดูกัน
ตลาดหุ้นถ้าจะแบ่งจริงๆ ตามหลักของ Trader ลึกลับ "ป๋าหยง" จะบอกแบบ ลึกลับๆ ว่า ตลาดมีแค่ 3 ช่วง คือ "ยก ยืน ย่อ" และ วิ่งขึ้นลงเป็นรอบๆ ไปเรื่อยๆ ...Trader คนใดอ่าน พฤติกรรมราคาออก ผู้นั้น จะสามารถเข้่ามาอยู่ในสำนักบู๊ลิ้มแห่งนี้ได้ ....555 (ถ้าเอาหลักการนี้ มาเข้ากับธรรมะ ก็จะได้ ราคาหุ้น เป็น 3 ช่วง คือ เกิดขึ้น / ตั้งอยู่ / ดับไป ...จากนั้นก็ เกิดขึ้นใหม่ ไปเรื่อยๆ)
...ดูในภาพจะเห็นได้ว่า ช่วง "เกิดขึ้น คือ Green Zone" เป็นช่วงที่ราคา กลับตัวเพื่อที่จะขึ้น (ช่วง Green Zone รายย่อย มักจะตกรถ เพราะ อารมรณ์ในตลาด ในช่วงที่ราคาอยู่ใน Green Zone จะยังมีแต่ข่าวร้าย ...ช่วง Green Zone ล่าสุดก็ตอนน้ำท่วมที่ผ่านมา ปลายปี 2011 ...บอกตรงๆ เลยว่า คนที่ได้เข้าตอนน้ำท่วม มักมีแต่นัก Technical เพราะ เขาไม่ได้สนใจข่าว เขาสนแต่สัญญาณ Bullish ..เมื่อ Chart ส่งสัญญาณ Bullish เขาก็เข้าตามสัญญาณนั่นเอง)...สรุปว่า Green Zone รายย่อย มักจะตกรถเสมอ ซึ่งในความเป็นจริง มันเป็นช่วงที่เล่นหุ้นแล้วสบายใจที่สุด ในแต่ละรอบ!!
...ต่อมา ช่วง "ตั้งอยู่ หรือ Red Zone" เป็นช่วงที่ตลาดเริ่มทำเสียว ก็คือ เมื่อ ในตลาดช่วงนั้นๆจะมีแต่ข่าวดี และรายย่อย มักอยากเข้าสู่ตลาดในช่วงนี้จนตัวสั่น ประมาณว่าเข้ามาใกล้ๆดอยของรอบ เพื่อที่จะติดอยู่บนดอย เมื่อราคาลงนั่นเอง เพราะใน Red Zone นี้ ส่วนมาก ราคามักจะขึ้นต่อ แต่ "กำลัง" หรือ Momentum มักจะเร่ิมย่อ มันแสดงถึงสัญญาณ การใกล้จะจบของแต่ละรอบนั่นเอง ... สรุปก็คือ Red Zone ราคามักจะไปต่อ แต่รายย่อยมักจะเข้ามาติดดอย เมื่อราคาเปลี่ยนเป็นขาลง เพราะ รายย่อยประมาท (ตรงนี้จะต่างจาก Trader ที่มีวินัยมาก เพราะ Red Zone ทำเงินดี ก็จริง แต่ความเสี่ยงสูง .... เขาจึงเล่นด้วยความระวัง และ เข้าใจสภาวะการณ์เสมอ) "คนที่จะกำไรจาก Red Zone ได้ จะต้องเล่นหุ้นแบบตื่นรู้ตลอด!!"
...ต่อมาคือ ช่วง "ดับไป หรือ Killing Zone (สีขาว)" ...มันก็การจบรอบของราคาในแต่ละรอบ ... ตรงจุดนี้ อันตรายมาก เพราะ Killing Zone สามารถเป็นได้ทั้ง การพักตัวแรงๆ ปรับฐานลงแรง ในขาขึ้น แล้วขึ้นต่อไป ...หรือ อาจเป็นการจบรอบในรอบใหญ่ และลงหนัก ความต่าง อยู่ที่ Momentum หรือ กำลังเท่านั้น ผู้ที่อ่านตรงนี้ได้ขาด คุณจะได้เปรียบคนส่วนใหญ่ในตลาดอย่างมากครับ ...ดังนั้น ในสถานการณ์ Killing Zone ไม่ควรมีของ ...หรือ ถ้ามีก็มองแต่การ Short นั่นเอง (ในภาวะ Killing Zone รายย่อย มักจะเข้ามารับบนดอยก่อนราคาลงแรง เพราะนึกว่า ตลาดปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ แต่ที่ไหนได้ มันลงแล้วก็ลงลึก แรง และเร็วเสมอ ...).. ช่วง Killing Zone นี้เองที่รายย่อย มักจะทนไม่ไหวแล้ว มักจะขายในจุดต่ำสุดของรอบเสมอ ...เพราะ ทนไม่ไหว ..แต่หลังจากขายแล้ว จุดนั้นแหละ ราคาจะเริ่มขึ้น เข้าสู่ Green Zone -- หลายคนบอกว่า กรรม ...จริงๆ ไม่ใช่ เพราะเขาไม่เคยให้เวลากับการศึกษาอย่างจริงจังนั่นเอง
เวลานี้ ผมมองว่า ตลาดอยู่ใน Red Zone ... ก็ลงทุนกันอย่างมีสติกันนะครับเพื่อนๆ
สุดท้ายตลาดหุ้น ไม่ใช่การเข้ามา บ้าๆบอๆ แล้วหวังรวยเร็วๆ ..."ไม่ใช่เลย" ...ความมั่งคั่งที่แท้จริง เกิดจากความเข้าใจตลาด เข้าใจตัวเอง และ มีแนวทางในการลงทุน ที่ชัดเจน และเหมาะกับตัวเราเองครับ
"ลงทุนอย่างมีสติ"
(เรื่อง "กำลัง" และ "ราคา" เป็นเรีื่องยาก ...ผมไม่ได้หวังว่า จะให้ทุกคนจะต้องมาเข้าใจ เพียงแต่ แค่รู้ว่า เราลงทุนแบบที่เราเข้าใจก็เพียงพอแล้ว .... เพราะท้ายสุด ถึงไม่เข้าใจเรื่อง รอบ และ กำลัง เลย ก็สามารถเล่นหุ้นแบบลงทุนระยะยาว ก็สามารถทำได้ รวยเช่นกัน)
.. สู้ กันต่อไปครับเพื่อนๆ
ฟังย้อนหลังรายการ Econ Biz 96.5 (ทุกศกร์)
"จากนี้ไป ทุกๆวันศุกร์ เวลา 4 โมงเย็น ...ผมจัดรายการวิทยุ
กับ คุณ จิระ ห้องสำเริง ที่ช่อง FM 96.6 Thinking Radio ของ อสมท.
รายการ Econ Biz"
ร่วมพูดคุย กับมุมมอง การลงทุนในแบบเข้าใจง่ายๆ ... "ไม่หวือหวา แต่รวย..เท่ห์นะ...555"
คลิ๊กฟัง ย้อนหลังได้ที่นี่ครับ
http://www2.mcot.net/fm965/mp3.cfm?cat=Archive&id=337646
วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555
แด่คุณตาของผม "วิระ รมยะรูป"
เมื่อคืน 1 มีนาคม 2555 คุณแม่โทรมาบอกว่า "แพ้ท!! คุณตาท่านเสียแล้ว"
ผมก็รู้สึกใจหายอย่างมาก เพราะคุณตาเป็น เสมือนต้นแบบ ที่สอนให้ผมเข้าใจอะไรหลายๆอย่างทั้งในเรื่องของการงาน และมุมมองการใช้ชีวิต
คุณตาผม (วิระ รมยะรูป) นับได้ว่าเป็น หนึ่งในผู้บุกเบิกวงการธนาคาร ของประเทศไทย ตั้งแต่ในสมัย คุณ ชิน โสภณพนิช ...ท่านเป็น ผู้จัดการสาขาแรกของธนาคารกรุงเทพ แล้วร่วมบุกเบิกจนวันนี้ ธนาคารกรุงเทพได้กลายเป็นธนาคารที่ยิ่งใหญ่ ระดับโลก -- "เรื่องราวการเดินทางของคุณตา มันได้จุดประกายให้ผมเห็นว่า ...ความยิ่งใหญ่ของคนๆนึง มันสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ และ ยิ่งใหญ่เพียงใดก็ได้ ตราบเท่าที่เขามีความสุขกับสิ่งที่ทำ"(ก่อนที่คุณตาผมจะป่วย เมื่ออายุ 90 กว่า ท่านทำงานจนถึงวันสุดท้าย ..จุดนี้มันชี้ให้เห็นเลยว่า จะทำอะไรให้สำเร็จได้ เราต้องรักในสิ่งนั้น และ นั่นแหละคือ ชีวิตทั้งหมดของเรา!!) ...ถูกต้อง บทเรียนชีวิตของคุณตา สอนให้ผมรู้ว่า สิ่งสำคัญที่สุด ในชีวิตของลูกผู้ชายคนนึง จะประสบความสำเร็จ มันขึ้นอยู่กับ -- "ความอดทน และ ความกล้าที่จะเดินตามฝันของตัวเอง"
"ชีวิตคือ ความเสี่ยง แต่มันจะยิ่งเสี่ยง หากเราไม่กล้าที่จะเสี่ยง" ...คุณตาผม ลาออกจากแบงค์ชาติในขณะที่ตัวเองเป็นดาวรุ่งในสมัยนั้น แล้วมาร่วมบุกเบิกธนาคารเล็กๆ ในขณะนั้น ที่ชื่อว่า ธนาคารกรุงเทพ ...มันคงเป็นอะไรที่ตลกมาก หากคุณมีงานที่มั่นคงในองค์กรที่ใหญ่ระดับประเทศ แต่คุณเลือกที่จะมาทำงานกับองค์กรเล็กๆ ที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร .."นั่นแหละ ที่ผมมองว่าเป็นการเดินทางของผู้กล้า"
ชีวิตคงเป็นอะไรที่ง่ายน่าดู หากเราเลือกทางเดินที่มันแสนจะปลอดภัย และ ก็ไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย เหมือนที่คนส่วนใหญ่ในโลกเขาคิดและทำตามๆกัน ... "ถูกต้อง!! มันง่ายที่จะ ทำตามคนอื่น และ ทำเหมือนคนอื่น ...และผลลัพธ์ก็คงเหมือนๆ คนอื่นทั่วๆไป"
สิ่งที่คุณตา สอนเสมอคือ "ให้" ...องค์กรระดับสองหมื่นกว่าคน ที่ใหญ่ระดับประเทศอย่างธนาคารกรุงเทพ คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างให้ประสบความสำเร็จ หากคนๆนึง คิดจะ One Man Show มันคงเป็น จำอวดที่น่าสมเพศ และ เป็นกับดักของคนเก่งที่คิดจะเก่ง และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ... คุณตา สอนให้ผมรู้ว่า การสร้างอะไรก็ตาม มันขึ้นอยู่ที่ "สร้างคน" ..หัวหน้าจะโตได้ลูกน้องต้องเก่ง ..และคนเก่งจะมาเป็นลูกน้องคุณได้ ไม่ใช่คุณต้องเก่งกว่า แต่คุณต้องมีสิ่งที่เขาไม่มีไง นั่นคือ "การให้ และ ความเมตตา" ... เวทีในการแสดงโอกาสของชีวิตจริง มันไม่ได้มีเพียงพอให้คนเก่งทุกคนๆได้แสดงฝีมือหรอก ดังนั้น "ผู้ให้" จึงเป็นศูนย์รวมแห่งโอกาสและคนเก่ง ...คุณตาผม มุ่งสร้างและให้โอกาสคน และนั่นก็คือ บารมีและอำนาจ ที่คนเก่ง เขาตอบกลับมา
"รวงข้าว ยิ่งสุกและสมบูรณ์ มันจะยิ่งงองุ้มลงมา" เปรียบเสมือน คนที่ยิ่งใหญ่ จะยิ่งอ่อนน้อม (ผิดกับคนที่ไม่มีอะไร ก็จะกร่าง และพยายามเบ่งตัวเอง เสมือนคางคก) ...นั้นก็เป็นสิ่งที่เตือนสติผมเสมอ ในเส้นทางที่เดิน ว่า การที่คนๆนึงจะสำเร็จและยิ่งใหญ่ได้ "เราต้องสร้างคน ที่รายล้อมเรา ให้สำเร็จและยิ่งใหญ่ ไปพร้อมๆกัน ...นั่นถึงจะเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืน และ ยาวนาน"
ตอนช่วงที่คุณตา นอนอยู่โรงพยาบาล ก็จะท่องกลอนสอนลูกๆ หลานๆ ให้รู้จักประมาณตน ซึ่งผมท่องจนขึ้นใจ
"อันที่จริง เขาอยากให้เราดี
แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกที น่าหมั่นไส้
จงทำดีอย่าทำเด่น จะเป็นภัย
ไม่มีใครเขาอยากเห็น เราเด่นเกิน"
แด่ ผู้ยิ่งใหญ่ ตลอดกาล สำหรับผม .."คุณตา"
....วิระ รมยะรูป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
Nexus อยากจะเล่า …ep 1 วันก่อนไปเดินห้าง ผ่านร้านหนังสือ เห็นหนังสือเล่มใหม่ของ Yuval Harari ลดราคา 20% ….ป๊าบ !! รีบเข้าไปเปิดอ่าน บอกตรงๆ...
-
"ไปเจอ ภาพนี้มา" ...ผมเห็นแล้วเกิดความคิดมากมาย ...ระยะหลังการลงทุนผมดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผ่านวิกฤต ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก ...ผมว่า ม...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
7 ข้อ ต้องรู้เมื่อ FED ลดดอกเบี้ยลง 1. ‘เป็นสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจ’ …ก่อนหน้านี้ FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อปราบเงินเฟ้อ …ตอนนี้ต้องกล...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
7 ข้อควรรู้ การลงทุนยาว กับ การเทรดสั้น อะไรรวยเร็วกว่าในเวลานี้ 1. ‘การเทรดได้เงินเร็วกว่า’ …แต่ข้อเสียก็คือ เสียเงินเร็วพอๆ กัน ถ้าจับจัง...
-
6 ข้อ ทำไม ‘นักธุรกิจที่เก่ง‘ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการเป็นนักลงทุน …เราเห็นนักธุรกิจที่เก่ง พอมาเล่นหุ้น …เฮ้ย!! เสียตังค์หนักเลย …งั้นล...
-
5 ข้อควรรู้ ‘การคิดเผื่อคนอื่น‘ ทำไมทำให้เราเป็นนักลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น 1. ’คน Gen ก่อน โดยรวมรวยกว่าคน Gen ใหม่ เพราะ เขาคิดสร้างใ...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...