แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

ยุคนี้อยากได้อะไร ตั้งเป้าแล้วเอามันให้ได้

'เมื่อเด็ก Nerds เอาทั้งเรียนเก่ง ..สร้างธุรกิจเปลี่ยนโลก ..วันนี้ยังจะมาแย่ง ความเท่ห์ของเด็กนักกิจกรรม'


สมัยก่อนเราอาจเห็น คนรวย มักจะ ไม่ค่อยสนใจ ความสวย ความหล่อ ของตัวเองเท่าไหร่ เพราะ เอาเวลาไปหาเงินดีกว่า 


..แต่ทุกวันนี้นี้เปลี่ยนไป เราจะเห็น Young Rich หรือ เศรษฐี Sillicon valley ตั้งแต่ Tim Cook แห่ง Apple , Sergey Brin แห่ง Google , Brian แห่ง Airbnb , Mark Zuckerberg และ อีกมากมาย 


..ล้วนพยายามรักษาหุ่น กล้ามปู - 'ดูดี เท่ห์ๆ ในแบบของตัวเอง'


มันเป็นการบอกนัยๆ ว่า 'ความรวย เกิดจาก ความพยายาม ..ส่วน ความหล่อ ความสวย ยุคนี้ก็พยายามได้เช่นกัน'


คนยุคนี้ ขอให้หุ่นดี ก็สามารถดูดีได้ทุกคน ..แปลว่า ทุกคนสามารถหล่อสวย และรวย ในแบบของตัวเอง 


ยุคนี้เราเปลี่ยนตัวเองได้หมด ..หากตั้งเป้าและมีความพยายาม


- ความรู้น้อย ก็หาเพิ่มในออนไลน์ มีไม่รู้จบ

- เงินไม่มี ก็มี นักลงทุน วิ่งเอาเงินมาให้คนเก่ง (ไหนจะ Crowdfunding จาก Public ก็หาได้ เริ่มจากฝึกฝนวิธีขายตัวเอง)

- เกิดมาไม่หล่อ ฟิตหุ่นให้ดี ก็ดูดีในแบบของตัวเอง


ยกเว้น 'คนมีแต่ข้ออ้าง' ..พวกนี้ ไปไหนไม่รอด อยู่ที่เดิมเพราะหาแต่ข้ออ้างไง 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

จะซื้อบ้าน 150 ล้าน ต้องทำอย่างไร

เคยสงสัยไหมครับว่า คนที่ซื้อบ้านหลังละ 150 ล้านบาท ..เขาน่าจะมีเงินเท่าไหร่ ?


- ช่วงนี้ บริษัทอสังหา หันมาจับตลาดบนในบ้านเราอีกครั้ง ...ฮึม !! 150 ล้าน ..คิด ?!?


เงินเดือนเด็กจบใหม่เฉลี่ย 15,000 บาท ...จาก 15,000 บาท ทำอย่างไรให้เป็น 150 ล้าน


 (คงไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดมารวย มีหลายๆ คนสร้างตัวเองจากศูนย์ ..ทำไมเขาถึงทำได้ ?)


- ขยัน ..เก็บเงิน อาจจะไม่พอ ?


- โกง ? ..อันนี้ไม่น่าจะดี และระยะยาวมักจบไม่สวย


เฉลย : นักธุรกิจ หรือ นักลงทุน คือ ความเป็นไปได้มากที่สุด


ทุกวันนี้ ลูกจ้าง ก็เริ่มธุรกิจได้ตั้งแต่ยังทำงานประจำ ..และก็ควรเริ่มตั้งแต่ยังมีงานประจำ ..เพราะแนวคิดแบบ ลาออก ทุบหม้อข้าว แล้วขอไปตายดาบหน้า เชื่อเถอะ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก


- 'สินทรัพย์' คือ สิ่งที่นักธุรกิจและนักลงทุน ต้องสร้าง สะสม แล้วหมั่นต่อยอด


ฮึม !! ..150 ล้าน อาจจะขยันอย่างเดียวไม่พอ ต้องวางแผน แล้วเดินเกมอย่างฉลาด ด้วยความอดทน 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

เมื่อไหร่ ที่เราควรกลับไป เป็นนักเรียน

 

'เมื่อไหร่ ควรกลับไป เป็นนักเรียน' 


มี 3 คำถาม ใช้ถามตัวเองว่า วันนี้ตัวเราทันการเปลี่ยนแปลงของโลกหรือไม่ ดังนี้


1. ปีนี้คุณได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ปีที่แล้วไม่รู้กี่เรื่อง ?


2. เรื่องที่เรียนรู้ใหม่ในปีนี้ ทำให้เรามีโอกาสในชีวิตเพิ่มกี่อย่าง ?


3. โอกาสใหม่ในชีวิตที่เราได้มาใหม่ สร้างรายได้ให้เรากี่ % เทียบกับรายได้เดิมที่เรามี ?


ใครมีรายได้ใหม่เกิน 50 % แปลว่า คุณคือ Innovator ตัวยงเลยละ


ใครมีรายได้ใหม่เกิน 25% แปลว่า คุณคือนักเปลี่ยนแปลงตัวฉกาจ ที่ทันสมัยเสมอ


ใครมีรายได้ใหม่น้อยกว่า 10% แปลว่า ต้องปรับปรุงครับ


เพราะ โลกทุกวันนี้ถ้าเราเปิดใจคุยกับคนและหาความรู้ใหม่ จะพบว่า วันนี้รอบตัวเรามีวิธีการหารายได้ประหลาดๆ มากมาย 


..ผมได้พบคนเหล่านี้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับอายุ หรือ การศึกษาเลย - บางคนสามารถทำเงินในรูปแบบใหม่ มากกว่า CEO บริษัทใหญ่ๆ เสียอีก


ยิ่งผมศึกษา ก็ยิ่งพบว่า ทุกวันนี้โลกหมุนเร็วกว่าที่เราคิดมาก 


...ลองกลับไปเป็นนักเรียนใหม่จะพบว่า ชีวิตมันท้าทายและสนุกจริงๆ


- ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ นักเรียนก็ไม่มีวันตกยุค เพราะ เราสนุกกับการพัฒนาตัวเองขึ้นตลอดเวลา 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

ตลกร้ายของ ความไฮเทค

'เคยตั้งคำถามไหมว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีมาทำงานแทนคน ..หุ่นยนต์และเครื่องจักรมาช่วยทุ่นแรง เผลอๆ เขาพูดกันว่าจะมาแย่งงานคน' 


แต่เรา ...เฮ้ย!! เราทำงานหนักขึ้น 


อย่างมี Smartphone แทนที่จะช่วยให้เราทำงานสะดวกสบาย กลายเป็น เรายิ่งทำงานไม่มีวันหยุด ..ไปเที่ยวยุคนี้ แค่ Gimmick - จริงๆ สารภาพเถอะ เราแค่เปลี่ยนสถานที่ทำงาน


ความท้าทายคือ เราจะเป็นนาย เทคโนโลยีอย่างไร ...ไม่ใช่เราเป็นทาสเทคโนโลยี


เราจะเป็นนายเงินอย่างไร ..เพราะวันนี้เราแค่เป็นทาสเงิน


สรุป มนุษย์สร้างทุกอย่างเพื่อมาเป็นนายเรา 


แล้วเราก็ทำงานหนักขึ้น เครียดขึ้น ความสัมพันธ์แย่ลง


'ตลกร้าย !!'


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


ทำไมของหรูหรา ต้องราคาแพง

'ทำไมของหรูหราถึงต้องราคาแพง'


ถ้าของหรูหรา ราคาถูก เช่น นาฬิกา Patek เหลือเรือนละ 2,500 บาท , กระเป๋า Hermes เหลือใบละ 5,000 บาท ...คนคงซื้อน้อยลง อยากได้น้อยลง


น่าแปลกว่า 'ถูกและดี' ใช้ไม่ได้กับของหรูหรา 


หลักๆ ก็เพราะของหรูหรา เขามีจุดขายคือ 'You are Arrived' แปลว่า 'คุณมาถึงแล้ว' ..คนที่ซื้อของสิ่งนี้ได้แปลว่า คุณมาถึงจุดนี้แล้ว !!


ใช่!! เวลาคนซื้อของเหล่านี้แล้วจึงรู้สึกว่างเปล่า ..ก็มาถึงแล้ว ..เหมือนก่อนเดินทาง เราอยากไปถึง พอไปถึงแล้ว ก็เฉยๆ ...ถ้าจะตื่นเต้นอีก ก็ต้องหาเป้าหมายใหม่ - ซื้อของหรูหรา ชิ้นต่อไปเรื่อยๆ


เอากลยุทธ์ Luxury Marketing มาแชร์กัน ''ทุนนิยม กับ วัตถุนิยม ก็ใช้หลักจิตวิทยาง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อน ใครรู้ก็เป็นผู้ล่า ..ใครไม่เข้าใจอาจตกเป็นเหยื่อได้!!' 


..ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่ทำ เราอาจซื้อของน้อยลง สนุกขึ้น รวยขึ้น ..จัดไป


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

ทั้งเงินเฟ้อ และ ฟุ้งเฟ้อ เธอรับมือยังไง

'หนึ่งในจุดอ่อนของ Baby Boom - Gen X ก็คือ ลูก' ...หลายคน เก่งมาก แต่พลาดที่ลูก - แล้วตกลงใครพลาด ?


เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คุยกันในวงสนทนากาแฟ เดี๋ยวนี้หลายๆ เริ่มมีลูก ก็วางแผนเรื่องการศึกษาของลูก จะให้เรียนที่ไหนดี


'โรงเรียนอะไรก็ได้ ?' ...ไม่ใช่เลย - ทุกคนอยากให้ลูกเรียนในโรงเรียนที่ดีกว่าที่ตัวเองเรียน ..ได้ภาษา ได้ Connection..และ 'โรงเรียนนานาชาติ' ก็ถูกเลือกเป็นอันดับต้นๆ สำหรับคนที่พอจะมีเงิน 


ไม่ใช่เฉพาะคนรวย คนทั่วไปที่พอจะกู้หนี้ได้ อยากส่งลูกเรียนโรงเรียนแบบนี้ เพราะ อย่างน้อยลูกเราจะได้มีเพื่อนรวยๆ มีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าเรา


ผมและเพื่อนๆ ก็มั่วคำนวณตัวเลข ค่าเรียนตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัย สายอินเตอร์ ก็พบว่า ประมาณ 20 ล้านบาท กลมๆ ...เฮ้ย !! 20 ล้าน


นี่ยังไม่ได้รวมเงินเฟ้อ 


1. 'เงินเฟ้อ' ..หลังจากนี้ ตั้งแต่เราผ่านปี 2008 ผ่าน QE หลายๆ ครั้ง หลายๆ ประเทศ แทบไม่ต้องเดาว่า 'เงินในอนาคตจะด้อยค่าลงเร็วขนาดไหน' 


วันนี้เริ่มส่งสัญญาณเงินเฟ้อชัดๆ ในกลุ่มคนที่ไม่กระทบต่อเศรษฐกิจว่า คอนโด 20 ล้านนี่เด็กๆ ..รถยนต์ 10 ล้านสิวๆ ..นาฟิการาคาเท่าเบนซ์ก็สบายๆ ..โคตร เฟ้อครับ ..แล้วสุดท้ายเงินเฟ้อจะลามไปสู่คนส่วนใหญ่ได้ไม่ยาก 


เพราะใครๆ ก็อยากใช้ของดี คิดแค่นี้ก็เดาได้แล้วว่า ต่อไป เงินจะด้อยค่า และเฟ้อหนักขนาดไหน


2. 'ฟุ้งเฟ้อ' ..ถ้าลูกอยากใช้ของหรู ขับรถดีๆ มีหรือ พ่อแม่จะไม่ยอมกู้ให้ ...เรารักลูกนี่ 


ใช่!! ถ้าเราวางแผนไม่ดี "ลูก หรือ เด็ก Gen Z" จะกล่ยเป็น จุดอ่อน


ขอถามความคิดเห็น เพื่อนๆ ที่มีลูกว่า คุณแก้ปัญหาตรงนี้กันอย่างไร ?


อยากลองฟังแง่มุมของพ่อแม่รุ่นใหม่


เพราะช่วงนี้ ผมเดินสายเจอเด็ก Gen Z เยอะมาก ดูแล้วน่าเป็นห่วง น่าคิด ?


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

เซียนหุ้น กับ เซียนธุรกิจ เขาก็คิดเหมือนๆ กัน

'ทำไงให้ไม่กลัวหุ้น ?'


คนส่วนใหญ่พยายามหาวิธีให้ไม่ผิดพลาด ไม่เจ๊งหุ้น ไม่ติดหุ้น ..แต่นั่นไม่ใช่วิถีของคนรวยหุ้น 


วิถีของคนรวยหุ้น ไม่ใช่การหนีข้อผิดพลาด เพราะ ความผิดพลาดในเกมการลงทุน เกิดขึ้นตลอดเวลา หนีไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญกว่า คือ


'การพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น รวยขึ้นทุกครั้งที่พลาด' 


(เซียนหุ้นในโลกตามสถิติ มักผ่านความล้มเหลวและเจ็งหุ้นอย่างหนัก อย่างน้อย 2 ครั้ง ก่อนจะมายืนเป็นเซียน ..ในขณะที่คนส่วนใหญ่แค่เจอความเสียหายครั้งเดียวก็ถอดใจ หาข้ออ้าง แล้วเลิกล้มความตั้งใจ)


สังเกตไหม ทุกครั้งที่มีวิกฤต เศรษฐีหุ้นก็เจ็บเหมือนรายย่อย แต่สิ่งที่ต่างคือ พอผ่านวิกฤตไป เขารวยขึ้นเก่งขึ้น


เคล็ดลับ คือ 'การแบ่งเงิน และการจัดสรรความเสี่ยง ให้พอร์ตเราสามารถกลับมายืนใหม่ได้เสมอ หลังมรสุมผ่านไป'


- นักลงทุน กับ นักธุรกิจ ก็เหมือนกันตรงนี้แหละ ..เขาก็เจอวิกฤต เจอปัญหา เหมือนทุกคน ...เพียงแต่เขาพัฒนาการแก้ปัญหาได้ดีกว่า แล้วเดินต่อไป ในวิถีนักสู้ ก็เท่านั้นเอง


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

อยากได้เงินเพิ่ม โอกาสมา ขอ 1 ข้อ ทำไง

 

'วิธียกระดับ เงินเดือน และโอกาสในชีวิตที่ง่ายที่สุด ..คุณว่าทำอย่างไร ขอข้อเดียวชัดๆ ?'


โอ๊ย !! ทำไม่ได้หรอก พวกนั้นมันมีเส้น ..อ๋อ หน้าตามันดี เลียนายเก่ง ..โอ๊ย!! คนนั้นไม่ใช่ไต่เต้า ใช้เต้าไต่ -ใช่!! คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยหาคำตอบครับ ใช้วิธีหาข้ออ้างมันง่ายกว่า


เอาคำตอบ ชัดๆ เลยนะ 'วิธีเพิ่มเงิน และ โอกาสในชีวิต' คือ 'ความใส่ใจครับ'


1. คนส่วนใหญ่ทำงานไปวันๆ ลองไปดูพนักงาน Office ส่วนใหญ่ซิ ..สนุกที่ได้อู้ ..ทำงานไปเรื่อยๆ ..มุ่งวางแผนว่าวันหยุดจะไปเที่ยวไหน ..เป็นผู้เชี่ยวชาญการท่องเที่ยว ..วางแผนเดินทางถึงปีถัดไป แต่ถ้าถามแผนงาน จะ อึ้ง ..ฮึม ..เอ่อ ...ถ้าเป็นแบบนี้แนะนำให้ มองหาแล้วพัฒนาตัวเองไปสู่งานใหม่ ที่ใหม่ เป้าหมายใหม่ ...แต่ระหว่างนั้นต้องทำงานเดิมอย่างใส่ใจก่อน


2. คนเรามีเวลาชีวิตเท่ากัน แต่ต่างกันที่ความใส่ใจ ที่ทำให้ผลงานที่ออกมามีคุณภาพไม่เท่ากัน ..คนคุณภาพก็คือคนที่ใส่ใจงานที่ทำ


3. คนใส่ใจ จะพยายามพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น หาความรู้ใหม่ ไม่ว่าเขาทำอะไร เขาก็จะไปค้นคว้า หาความรู้เพิ่ม อ่านหนังสือเพิ่ม Search เพิ่ม เพื่อให้เรารู้จริงในเรื่องที่ทำ ...ผู้เชี่ยวชาญที่ใครๆก็อยากคุยด้วย อยากถาม อยากปรึกษา ก็คือ คนธรรมดาที่เขาใส่ใจศึกษาพัฒนาความรู้ ก็แค่นั้นเอง


พอใส่ใจ ตัวเราก็จะเริ่ม แตกต่าง 


เริ่มมีความเชี่ยวชาญ มีความเป็นมืออาชีพ มีความเป็นกูรู ...หลังจากนั้น ประตูเงินและโอกาสจะเปิดให้เรา ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน


ไป ใส่ใจ ..จัดไปเต็มๆ ครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

เกมรายย่อย เมื่อรายใหญ่เป็นเจ้าของที่ดินดีๆ หมดแล้ว

'ที่ดินสำคัญๆ มันอยู่ในมือรายใหญ่ ..แล้วรายย่อยจะทำอย่างไร ?'


หลายคนอาจจะบอกว่า 'ก็ค่อยๆ ทำงาน เก็บเงินแล้วก็ไปซื้อคอนโดสักห้องเล็กๆ ที่รายใหญ่เขาสร้าง ขายให้เราในราคาที่กำไรมหาศาล จากนั้นเราก็ผ่อนธนาคารต่ออีกสัก 30 ปี เราก็จะมีห้องเล็กๆ เป็นของเราในอีก 30 ปีข้างหน้า' 


ถ้าขยันเพิ่มอีกหน่อย ก็อาจจะกู้ซื้อคอนโดอีกสักห้อง มาปล่อยเช่า ให้คนอื่นจ่ายค่าเช่า ..จริงเหรอ ?


 - ทางรวยของคนรุ่นใหม่ มันเป็นแบบนี้ แน่ใจเหรอ ?


1. ราคาคอนโดที่เราซื้อ มันบวกกำไรมหาศาลให้คนสร้างไปแล้ว ...ถ้าไม่กำไรเขาจะสร้างขายทำไม ?


2. เงินกู้ที่ผ่อนธนาคารน่ะ ที่บอกไม่กี่ % แต่ถ้าผ่อนนาน มันหนี้ทบต้นนะ ..แปลว่า สมมุติห้อง 2 ล้าน กว่าจะผ่อนหมด เราจ่าย 4 ล้านนะ ..ที่ผ่อนน่ะ ธนาคารรวยนะไม่ใช่เรา - เราผ่อนอีกห้องให้ธนาคาร สะใจโคตรๆ 


(ถ้าหมั่นไส้ ก็ซื้อหุ้นธนาคาร เป็นเจ้าของธนาคารซิ ..มีเงินหลักหมื่น ก็ซื้อหุ้นเป็นเจ้าของธนาคารได้แล้ว)


3. กว่าจะผ่อนธนาคารหมด ..คิดว่า คอนโดเก่าๆ ของเราน่ะจะราคาขึ้นแค่ไหน ..5 เท่าไหม ? ..หรือ พอผ่อนหมด ก็จะมีคอนโดใหม่ๆ มาสร้าง - คนซื้อเขาเอาห้องใหม่ไม่ดีกว่าหรือ 


4. เรากู้มาปล่อยเช่า ..วันนี้ไปถามซิ ใครอยากเช่า ..คนเขาบอกซื้อดีกว่า ...แล้วจะหาคนเช่าจากไหน ถ้าทำเล คุณไม่ได้ขั้นเทพจริง ๆ 


5. มูลค่าจริงๆ ของอสังหา มันอยู่ในที่ดิน รายใหญ่เขาจึงซื้อที่ดินไง ..ยิ่งแปลงใหญ่ ยิ่งขายมีราคา ..เกมนี้ถ้ามีสัก พันล้าน ก็คงสามารถไปแข่งขันลงทุนกับเขาได้ ...แต่เราไม่มีพันล้าน !!


เอางี้ ผมเสนอ 'หุ้น' แต่ต้องลง แบบที่รายใหญ่ไม่ลง ไม่เล่นเกมรายใหญ่ ไม่ตามเจ้า ไม่เล่นหุ้นปั่น ..หาที่หุ้นดี ในวิกฤต ...เกมนี้มีเงินแต่หมื่นบาท ก็เริ่มได้แล้ว ..ไม่ต้องกู้ ..ใช้ความรู้ ใช้จังหวะ ใช้ความอดทน


ผมว่า เกมที่เราได้เปรียบ มันต้องเป็นเกมที่เรากำหนดเอง 


'ออมในหุ้น' เกมนี้ ชนะด้วยความรู้ ชนะด้วยมุมมองที่ต่าง และ ชนะที่อดทนรวย !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560

มดตัวน้อย เล่าให้แม่ของมันฟังว่า โตขึ้นหนูจะล้มช้าง !!

 

'มดน้อย เล่าให้แม่ของมันฟังว่า โตขึ้นหนูจะล้มช้างให้ได้ !!'

'บริษัทยักษ์ใหญ่ ในต่างประเทศ เขาต่อลมหายใจ โดยการลงทุนใน Startup' ...มาดูตัวอย่างของ Yahoo กัน


ในอดีต Yahoo เคยเป็น Search Engine รายแรกๆ และเกือบผูกขาดทั้งโลกในการค้นหาข้อมูลในช่วงเริ่มต้นของยุคอินเทอร์เน็ต ..แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับ Google 


หากวันนี้ถามคนรุ่นใหม่คงใช้แต่ Google ในการค้นหาข้อมูล ทำให้ Yahoo เล็กลงเรื่อยๆ ..แต่สิ่งที่ยังต่อลมหายใจให้ Yahoo ก็คือ การไปลงทุนใน Startup ..ที่กำไรสุดๆ ก็เช่น Alibaba ..ล่าสุดที่เข้าตลาดก็ Snapchat


ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไมบริษัทใหญ่ไม่สามารถคิด Innovation ได้เอง ...ก็มีแหละอย่าง Apple ก็พลิกตัวเอง โดยสร้าง Innovation อย่าง ipod , ipad , iphone ...อะไรคือความแตกต่าง ?


ลองดู Apple ในวันนี้ รายได้กว่า 90% มาจากธุรกิจใหม่ๆ ทั้งหมด ที่ Steve Jobs เข้ามาสร้างไว้ให้ก่อนตาย ..ซึ่งหลังจากนี้ ก็น่าสนใจว่า ถ้า Apple ไม่สามารถคิดสิ่งใหม่ได้ ก็คงจะมีชะตากรรมไม่ต่างจากยักษ์ใหญ่รายอื่น


สิ่งที่ผมเล่านี้ เขาคิดกันมาตั้งแต่ปี 1980 แล้ว ผู้ก่อตั้ง Intel คุณ Andy Glove เขาเคยเขียนหนังสือเล่มนึงที่ชื่อว่า The Only Paranoid Survive ใจความคือ 'คนที่รอดและรุ่งในยุคต่อไป คุณต้องฆ่าตัวเอง ก่อนที่คนอื่นจะมาฆ่าคุณ ...จะหวังเหมือนบริษัทในอดีตที่คิดสินค้าขึ้นมาหนึ่งตัวแล้วขายถึงลูกถึงหลาน อย่าง โค้ก หรือ Pepsi คงจะไม่ง่ายแล้วในยุคต่อไป'


กลยุทธ์ที่ช่วยให้ยักษ์ใหญ่ อยู่ได้ ก็มีตัวอย่างดังต่อไปนี้


1. 'ฆ่าตัวเอง' ภาษาฝรั่งเขาเรียก Cannibalizes คือ ต้องฆ่าตัวเอง โดยการคิดสิ่งใหม่ ออกสินค้าใหม่ เพื่อฆ่าสินค้าเดิม แล้วทำก่อนที่คนอื่นจะมาทำ 


2. 'ซื้อคู่แข่ง' หรือ การ M&A อันนี้บริษัทใหญ่ๆ ที่มีเงินเยอะๆ ชอบทำ คือ ไม่ปล่อยให้คู่แข่งมาสู้ ใครจะมาแข่งก็ซื้อเลย ...บริษัทที่ได้เปรียบในการทำแบบนี้ ส่วนใหญ่ต้องอยู่ในตลาดหุ้น เพราะคุณสามารถใช้ Money Game ได้ง่าย


3. 'ลงทุนใน Startup' ..อันนี้ไม่ได้ซื้อแต่ เข้าลงทุนบางส่วนใน Startup อย่างกรณีของ Yahoo หรือ บริษัท IT ในตลาดก็ชอบใช้วิธีนี้ ...ข้อดี คือ เจ้าของ Startup จะอยากทำต่อ อยากช่วยงานต่อ ไม่เหมือนข้อ 2 ที่บางครั้งเจ้าของเดิมอาจจะหมดไฟ ไม่อยากทำ ไม่อยากขยายต่อ กลายเป็นไปซื้อซาก มากกว่าซื้ออนาคต


4. 'แตกแล้วโต' อันนี้บริษัทยักษ์ใหญ่บ้านเรา กำลังฮิต คือ แตกบริษัทลูกออก แล้วแยกมาเข้าตลาด เช่น บริษัทแม่ทำธุรกิจโรงกลั่น ก็อาจแยกกลุ่มธุรกิจปั้มออกมาเข้าตลาด เพราะนักลงทุนยอมซื้อ ธุรกิจปั้มแพงกว่าธุรกิจโรงกลั่น ...แบบนี้ได้ทั้งเงินมาเพิ่ม ผู้บริหารบริษัทลูกก็มีพลังมากขึ้น มีอิสระมากขึ้น 


5. 'ขยายธุรกิจไปในแนวดิ่ง' อันนี้ก็เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น เช่น เคยผลิตขายให้ร้านค้า แต่พอกำไรบางลง แล้วลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อก็อาจขยาย มาขายกับลูกค้าโดยตรง ...ลดต้นทุน และเพิ่มกำไร


ก็ลองดูว่า ธุรกิจคุณเหมาะจะทำอะไร ...ดีกว่าอยู่เฉยๆ นั่นคือธุรกิจที่รอวันตาย


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560

โลกยุคใหม่ ไม่ต้องครอบครองอะไรนอกจากประสบการณ์

"โลกยุคใหม่ ไม่ต้องครอบครองอะไรนอกจากประสบการณ์'


'มันมาถึงแล้ว ยุคที่บ้านไม่ใช่เต็มไปด้วยขยะ ที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ อันนี้จะเป็นเรื่องเด็กๆ ...ในต่างประเทศ เขามี Startup ชื่อว่า Make Space ก็คือ ให้เราเช่าที่เก็บของ ที่ซื้อมาแล้วไม่มีที่เก็บ!!'


อ่านแล้ว ก็สงสัยว่า 'จะซื้อมาทำไมฟระ ถ้าไม่ใช้ ?' ...มาเข้าใจว่าคนยุคนี้ ขอซื้อก่อน แล้วเอามาเก็บ ..ซึ่งมันตรงกับงานวิจัยของอเมริกาชิ้นนึงที่บอกว่า 80% ของ ของที่ซื้อมาในบ้าน เราไม่ได้ใช้ 


งานวิจัยนั้น เขาให้คนทดลอง เอาพลาสติกไปคลุมของในบ้านที่เรายังไม่ได้ใช้ทุกชิ้น แล้วเปิดพลาสติกเฉพาะสิ่งที่ได้ใช้ ...ก็ตามที่บอกเลยว่า ของกว่า 80% ไม่ได้ถูกแกะพลาสติกเลย


สิ่งนี้ถ้าเรามาคิดดีกับคำถามว่า 'เงินเราหายไปไหน ? ..ทำไมเราไม่มีเงินเก็บ ?' - ก็คงจะพบคำตอบไม่ยากว่า ก็เงินส่วนใหญ่เราไปจมอยู่กับของที่ไม่ใช้


ผมว่า Startup ที่น่าจะรุ่งในยุคต่อไป น่าจะเป็นพวก


Platform ตัวกลางในการ ให้คนเปลี่ยนของมือสอง ให้ง่าย และคุ้ม ของทุกอย่างในบ้าน 'เปลื่ยนมือได้หมด' 


 ..ถ้าทำได้มันจะแก้ปัญหา ที่คนยุคก่อนซื้อของมาเต็มบ้านแต่ไม่ได้ใช้


งั้นยุคนี้ อะไรไม่ใช้ ก็กด App ขายเปลี่ยนมือ แล้วไปหาอย่างอื่นแทน ไม่ต้องเสียดาย เพราะเก็บแล้วมีแต่ค่าใช้จ่าย และก็รก


สรุปได้ว่า คนยุคใหม่ ไม่ต้องครอบครองอะไร นอกจากประสบการณ์ อย่างอื่นหมุนเปลี่ยนมือตลอดเวลา ...แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง สินทรัพย์ที่มีจะ ไม่ใช่ของที่เราเก็บไว้ในบ้าน แต่จะเป็น Asset ที่เก็บไว้ที่อื่น อย่าง อสังหา และ หุ้น เป็นหลัก


'โลกวันนี้หมุนเร็ว จริงๆ'


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

อ่านสีออก ไม่มีใครกล้าหลอกต้มคุณ




'ถ้าอ่านสีออก ไม่มีใครกล้าหลอกต้มคุณ' 
"คนสีน้ำเงิน พูดน้อย ฟังมาก คิดเยอะ สงวนท่าที มีโลกส่วนตัว ...สนุกกับ Idea และ จิตนาการ ..คนระดับโลก สีน้ำเงิน เช่น Elon Musk - เขาแค่คิด คนก็เชื่อไปค่อนโลกแล้ว ..นี่แหละนักคิดที่ทรงพลัง ..เปลี่ยนโลกด้วยไอเดีย !! (Mental Energy)

คนสีแดง 'อย่าให้ผมเสียเวลา สรุปมาเลย' ทำมาก ลุยทันที ..คนสีนี้ สนุกกับการลงมือปฏิบัติ ...คนระดับโลก สีแดง เช่น Steve Jobs - คนยอมรับจากสิ่งที่เขาทำ ลงมือปฏิบัติ ..เปลี่ยนโลกด้วยมือ !! (Physical Energy)

คนสีเขียว พูดเยอะ เสน่ห์แรง ฟังแล้วเคล้ม เยิ้มตาม ...มนุษย์สัมพันธ์เข้าขั้นปรมาจารย์ งานเกี่ยวกับคน สังคม และ งานขาย ยกให้เขา ...คนระดับโลกสีเขียว เช่น Obama - เขาพูด Change คำเดียว ได้เป็นบุรุษหมายเลขหนึ่งของโลก 2 สมัยซ้อน ...เปลี่ยนโลกด้วยปาก !! (Social Energy)

คนสีเหลือง คิดเป็นระบบ คิดเป็นระเบียบ คิดเป็นขั้นเป็นตอน มีหลักการมั่นคง มีจุดยืนแน่วแน่ เป็นนักบริหาร และ จัดการชั้นเยี่ยม ...คนระดับโลก สีเหลือง เช่น Jack Ma ถ้าเขาทำอะไร เขาจะทำจริง ลุยจริง ...เปลี่ยนโลกด้วยอุดมการณ์และการจัดการ !! (Will Energy)

"คนชัด จึงเปลี่ยนโลก" ...ก่อนเปลี่ยนโลก เข้าใจตัวเองซะก่อน ว่าคุณเก่งสีไหน ถนัดอะไร เด่นตรงไหน แล้วไปให้สุดสีนั้น

หนังสือ เพราะตรงสีถึงมีหมื่นล้าน ...คู่มือการแกะสี ที่อ่านสนุก เข้าใจง่าย สุดขีด - เครื่องมือ แกะตน อ่านคน ให้ช่วยทำงานตรงจริต หาเงินเก่ง ..จัดไป !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ทำธุรกิจ Startup แบบยิงกระสุนมั่ว เอาไว้ยิงหัวตัวเองดีกว่า

 

'เหตุผลใหญ่ ที่ Startup ไปไม่รอด' ..รู้ไว้ แก้ไข ไปต่อได้จ๊าา !!


วันนี้สุดยอดงานปรารถนาของ Gen Y คือ Startup หนึ่ง : ต้องการเป็นนายตัวเอง - สอง : ต้องการทำงานที่อยากทำ - สาม : ในเวลาทำงานที่กำหนดเอง - สี่ : ในรูปแบบงานที่ออกแบบเอง 


ใช่ละ !! ถ้าต้องการครบ สี่ข้อที่กล่าวมา คุณต้องเกิดเป็นลูกประธานบริษัท หรือ ไม่ก็ไปปั้น Startup ขึ้นมาเอง ...โอเค เราเลือกแบบหลัง ยุคนี้ Self-made สร้างตัวจากมือเปล่า มันเท่ห์สุดละ


เรามาดูกันว่า เหตุผลหลักๆ ที่ Startup ไปไม่รอดคืออะไรบ้าง ...ดูกัน


1. 'ทำสินค้าไม่เป็นที่ต้องการของตลาด' ..สิ่งสำคัญที่สุดที่ธุรกิจจะเกิดได้ ก็ต้องสร้างสินค้าที่แก้ปัญหาและตอบโจทย์ลูกค้า ..ถ้าทำไม่ได้ อย่าคิดทำ Startup ..ขั้นแรก ต้องตอบให้ชัดว่าสิ่งที่เราทำ 'แก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้ผู้คน' 


2. 'เงินหมด' ..แน่ละ ยุคนี้ Startup แข่งกัน 'แจกฟรี' ต้องระวังให้มาก เดี๋ยวจากทำธุรกิจจะกลายเป็นองค์กรการกุศล ...จะบอกว่า บางครั้งลูกค้ามันคนละกลุ่ม ...คนใช้ฟรี กับ คนจ่ายเงิน บางทีมันคนละกลุ่ม ตีโจทย์นี้ให้แตก ...บางครั้งคุณพลาดไปจับแต่คนที่ไม่ใช่ลูกค้าจริงๆ ...เพราะจำไว้ว่า นักลงทุนที่เขาให้เงินเรา เขาคือนักธุรกิจ เขาหวังกำไร ไม่ใช่มาแจกเงินเฉยๆ 


3. 'ทีมงาน' ..ปัญหาของคน Gen Y คือ อยากร่วมงานกับเฉพาะคน Gen Y ด้วยกัน ..มันเท่ห์ดีที่ตะรู้สึกว่า ทีมงานมีแน่คนรุ่นใหม่จับมือกันไปเปลี่ยนโลก ...การคิดบวกมากเกินไป กับ ความใจร้อนต้องการเห็นผลเร็วของ Gen Y เป็นทั้งโอกาส และจุดอ่อน ...ลองเปิดใจ หาทีมงานที่คิดรอบคอบ มีประสบการณ์อย่าง Gen X มาร่วมทีม จะช่วยให้ได้มุมธุรกิจดีๆ มาเสริมทีมอีกเยอะ


4. 'สินค้าขายไม่ได้' ..อันนี้ผลพวงมาจากข้อสอง คือ พออยากขยายเร็ว เราก็แจกฟรี พอแจกฟรีมันไปจับลูกค้าคนละกลุ่ม ..เหมือนจะจับปลา แต่หว่านแหลงไปได้แต่เศษขยะ ...ต้องระวังตรงนี้ให้ดี การ Target Customer เป็นหัวใจของธุรกิจโดยเฉพาะช่วงตั้งไข่ เพราะ เราไม่มีงบพอที่จะเอาใครก็ได้เป็นลูกค้า - 'กระสูนมีจำกัด ถ้าคิดจะยิงมั่ว เก็บไว้ยิงหัวตัวเองจะดีกว่า' (โห!! แรงชิบหาย ..ใช่ กรูเจ็บมาก่อน นี่เขียนแชร์จากเลือด ประสบการณ์ตรง)


5. 'สู้คู่แข่งไม่ได้' อันนี้ปกติ ที่ Startup มักเจอคู่แข่งที่ทำเหมือนกัน จำนวนมาก ...เราต้องสร้างความแตกต่างให้ได้ 


..ซึ่งธุรกิจมี 3 แบบ คือ หนึ่ง Me too คนทำมากมาย อย่าไปทำเลย 


/ สอง Value Added คือ ทำธุรกิจจากปรับปรุงจากสิ่งที่มี ก็แปลว่า มีคู่แข่ง แค่เราคิดว่าเราจะทำได้ดีกว่า แตกต่าง ..ส่วนใหญ่ เรามโนไปเอง เพราะลูกค้าจะไม่เปลี่ยน แค่สินค้าเราดีกว่า 


/ สาม Innovation อันนี้จะคุ้มทำ Startup ..ไม่สำคัญหรอกว่า ตลาดเราอาจจะเล็ก ตอนเริ่ม เหมือนวันที่ Mark Zuckerberg ทำ Facebook ก็เริ่มจาก มหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ ซึ่งเล็กมาก 


...แต่ขอให้เป็นเจ้าตลาด ในตลาดเล็กๆ นั่นคือ จุดเริ่มที่ดี


ก็ประมาณนี้เบื้องต้น ลองไปทบทวน สิ่งที่เราทำดู ว่าจะไปต่ออย่างไร ...สู้ไป !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม




เมื่อไหร่เงินออนไลน์ จะมาแทนเงินจริง

 

"เมื่อไหร่เงินออนไลน์ อย่าง Bitcoin (ที่เขาเรียกว่า Cryptocurrency) จะมาแทนเงินจริงที่เราใช้อยู่ ?"


'เรื่องนี้น่าสนใจ ผมติดตาม เรื่องราวของเงินออนไลน์เหล่านี้มาพอสมควร ที่หลายๆ คนเก็งว่า จะค่อยๆ มาแทนเงินที่เราใช้ๆ อยู่ ..เงินดอลลาร์ / เงินยูโร / เงินบาท'


หลายๆ คนอยากให้เงินเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกำหนดโดยตัวกลาง เช่น Central Bank ที่คิดจะพิมพ์เงินเพิ่ม ก็ทำได้เลย ..ในระบบที่เราใช้อยู่เงิน เรียกว่า Fiat Currency ก็คือเงินอย่าง ดอลลาร์ ที่เราใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนของโลกนั่นแหละ


ปัญหาของเงินเหล่านี้คือ 'อเมริกาจะพิมพ์เงินเท่าไหร่ก็ได้ ยิ่งพิมพ์เพิ่ม มูลค่าของเงินก็ยิ่งลดลง อย่างที่เขาทำ QE มาตั้งแต่ปี 2008 ที่พิมพ์เงินเข้าระบบมหาศาล 


...ผลก็ที่เราเห็นคือ มูลค่าเงินลดลง ก็ดูสิ่งที่อยู่ตรงข้ามเงิน อย่างสินทรัพย์ที่ราคาพุ่งไปหยุด ตั้งแต่ ที่ดิน , อสังหา , หุ้น , ทอง , ของสะสม และ ค่าครองชีพ - ทุกอย่างจะขึ้นหมด ตรงข้ามเงินที่ลดมูลค่า'


ใช่!! ปัญหานี้ยังคงอยู่ เพราะไม่ใช่แค่อเมริกาที่พิมพ์เงิน วันนี้ยุโรป ญี่ปุ่น และ จีน ต่างเข้ามาแจม


'ก็ให้นึกภาพ โลกที่กำลังเข้าสู่ยุคเงินด้อยค่า ข้าวของแพง ก็แบบนั้นแหละ'


ปัญหาที่กล่าวมาของ Fiat Currency ที่เราใช้อยู่ก็คือเรื่องของ Supply ..เพราะรัฐบาล ประเทศใหญ่ๆ เขาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเพิ่ม Supply พิมพ์เงินนี่แหละ ที่มันทำให้เงินไม่น่าเชื่อถือ - เพราะมันบอกเป็นนัยว่า อนาคตเงินจะเฟ้อมหาศาล (เงินที่เราหามาอย่างยากเย็น จะลดมูลค่าไปเรื่อยๆ)


ก็มีกลุ่มคนหัวใส คิด Cryptocurrency ขึ้นมา โดยใช้ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง แล้ว ควบคุม Supply ของเงินได้ อย่างเช่น Bitcoin


แต่ปัญหามันก็เกิดอีก คือ พอ Supply มันนิ่ง แต่ Demand ความต้องการมันแกว่ง เพราะ พอคนรู้ว่า สิ่งนี้มีจำกัด ทุกคนย่อมรู้ว่า ในอนาคตสิ่งนี้จะต้องมีแต่มูลค่าเพิ่ม ..ทำให้ทุกคนมาเก็งกำไร เหมือนแบบเก็งกำไร ราคาทอง แบบนั้นเลย


สรุป Bitcoin หรือ Cryptocurrency แทนที่จะสร้างมาเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน เลยถูกสร้างมาเป็นเงินเพื่อการเก็งกำไรซะงั้น ..คล้ายๆ Commodity หรือ สินค้าโภคภัณฑ์นั่นแหละ


ก็สรุป แทนที่ เงินออนไลน์ จะมาแก้ปัญหาเงิน กลับไม่ได้แก้ ...ก็เลยกลายเป็นแค่ สินค้าเก็งกำไรอีกตัว ที่คนเก็งกำไรกันแทน


ดูกันต่อไป เงินออนไลน์อย่าง Bitcoin คงยังไม่มาแทนเงินจริงในเร็ววัน (อีกนาน) ...แต่นับวันการเปลี่ยนแปลง จาก Technology ยิ่งทวีความรุนแรง ..ใครไม่ Update อาจไม่ทันคนอื่นนะครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

เรื่องเงิน ใกล้ๆ ตัว

 
'เรื่องเงิน เรื่องใกล้ๆ'

กลับไปพูดกับน้องๆ ที่ธรรมศาสตร์รังสิตอีกครั้ง ..กับกลุ่มนักศึกษาฝึกงานกลุ่มแรก ที่สนใจอาชีพสายการเงิน

1. 'จบอะไรได้ทำงานการเงิน ?' ..จบอะไรก็ได้ ยุคนี้ไม่มีใครสน สนอย่างเดียว 'จบปริญญา เพราะ เขาจะวัดว่า คุณมีความอดทนหรือเปล่า'

2. 'จัดการเงินตัวเองให้เป็นตัวอย่าง' ..สนใจต้องใส่เงิน ..เหมือนชอบจริง ต้องลองซื้อ ..เริ่มจากเงินน้อยๆ ..ถ้าไม่รู้จะซื้ออะไรลองซื้อ ETF ชื่อว่า BMSCITH มีเงิน 1,500 บาท ก็เริ่มต้นได้แล้ว 

3. 'ใฝ่รู้เรื่องการลงทุน' ..ยุคนี้คนรู้กับ ไม่รู้ ต่างกันแค่ความใส่ใจ ..เพราะความรู้อยู่ใน Google ก็ เริ่มค้นซิ รออะไร ..สงสัยอะไร เดี๋ยวคำตอบก็มา

4. 'มุ่งรู้ก่อนมุ่งรวย' ..ยุคนี้คนใจร้อน ชอบเล่นเอาไว ใครๆ ก็เล่นแบบนั้น ..ให้เรามุ่งให้รู้ พอรู้แล้วเดี๋ยวเงินมันมาเอง ไม่ต้องใจร้อน

ลองเริ่ม 4 ข้อนี้ก่อน 

ใครสนใจเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์กับบัวหลวง สามารถคลิ๊กที่ลิงค์นี้แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอนได้เลย 
https://goo.gl/n6LWL3 หากมีข้อสงสัยในขั้นตอนการสมัครโทรสอบถามได้ที่ 02-618-1111 ครับ

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

เครื่องมือดี อ่านสี แกะตน เข้าใจคน หาเงินเก่ง

 

'เครื่องมือดี ช่วยอ่านสี อ่านตน เข้าใจคน และ หาเงินเก่ง' ...เครื่องมือนี้ผมใช้แล้วดี จึงอยากแนะนำกัน !!


- ความรู้ที่สำคัญที่สุดในยุคนี้คือ 'ความรู้ที่จะช่วยรู้จักตัวเองให้เร็วที่สุด'


- ยุคนี้ 'ความชัดเจน' สำคัญกว่า 'ความเก่ง' ..แต่ก่อนชัดเจน ต้องรู้ว่าเราเด่นอะไร


- สมัย SME คนเก่งทุกอย่างได้เปรียบ แต่ยุคธุรกิจ Startup ..เขาใช้ คนเก่งอย่างเดียวสุดๆ หลายๆคน มาทำงานร่วมกัน ปั้น STARTUP คอย Disrupt แก้ปัญหาที่ธุรกิจเดิมทำไม่ได้


- ขายของ ไม่ใช่สักแต่จะขาย แต่ต้องเข้าใจลูกค้า ..การอ่าน 'สี' ช่วยคุณได้


- การวางคนให้ตรงกับงาน เพื่อดันจุดเด่น เสริมจุดแข็ง เราอาศัย 'สี' ช่วยเข้าใจ


- หนังสือ เพราะตรงสีถึงมีหมื่นล้าน ...เขียนขึ้นมา เพื่อสร้างเครื่องมือให้คนยุคนี้ เข้าใจสี เข้าใจตัวเอง ..เข้าใจจุดแข็ง และจุดอ่อนของตัวเอง ...ช่วยเข้าใจผู้ร่วมงาน และ หัวหน้า รวมทั้งภรรยา สามี ที่ต่างสี


วางแผงแล้วที่ร้าน SE-ED ใกล้บ้านคุณ - 'เครื่องมือดี ช่วยอ่านสี อ่านตน เข้าใจคน และ หาเงินเก่ง'


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

5 ข้อควรระวัง ในการซื้อสินทรัพย์

5 ข้อควรระวัง ในการซื้อสินทรัพย์


"สินทรัพย์ยิ่งถือยิ่งรวย" แต่มีข้อควรระวังอะไรไหม ?


1. สินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน อันนี้ต้องระวัง เพราะถ้าเราเข้าซื้อผิดจังหวะ อาจต้องติดดอยนาน (คือ ไปซื้อตอนแพง สุดท้ายราคามันต้องขึ้น แต่เราเสียเวลา เสียโอกาส)


2. อย่าไปซื้อสินทรัพย์ในเวลาปกติ ..สินทรัพย์ดีๆ ไม่เคยมีราคาถูก ที่ดินทำเลดีแพงตลอด ..หุ้นดีแพงตลอดเวลา ..จะซื้อสินทรัพย์ดีๆ ต้องรอซื้อเวลามีวิกฤต เวลาคนร้อนเงินเท่านั้น (ถ้าเราซื้อเวลาที่เราอยากได้ เราจะได้ของแพง คนซื้อสินทรัพย์แบบนี้เรียกพวกมือสมัครเล่น ..มืออาชีพเวลาซื้อสินทรัพย์เขารอซื้อเวลาวิกฤตเท่านั้น)


3. สินทรัพย์ที่ดีต้องเก็บเป็นมรดกได้ มีความยืนยาว ..หลายคนซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องเป็นหมื่น ..นาฬิกาดิจิตอลเรือนแสน - พวกนี้ขยะครับ ..วันนี้มันเท่ห์แต่พอเวลาผ่านไปมันเปลี่ยนเป็นขยะ ไม่ใช่สินทรัพย์


4. สินทรัพย์ที่เก็บเราต้องรัก ...ถ้าเก็บแล้วเครียด มีแล้วไม่ได้ชอบ ถือแล้วนอนไม่หลับ ..เอาเงินไปวางไว้ในสินทรัพย์ตัวอื่นเถอะ เพราะแปลว่า คุณไม่เข้าใจ หรือ คุณไม่ได้มีใจให้มันเลย


5. สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ เช่น คอนโดที่ปล่อยเช่าไม่คุ้ม , ที่ดินที่ปล่อยเช่าไม่คุ้ม , หุ้นที่ปันผลน้อย พวกนี้อาจจะเป็นสินทรัพย์ดี แต่แปลว่า มันแพง !! ...ถ้าแบบนี้ ห้ามถือยาว คุณต้องซื้อขายเล่นสั้นเท่านั้น


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ทำอย่างไรเมื่อเราเก่งกว่างาน

'ทำอย่างไรเมื่อคุณเก่งกว่างาน'

เหมือนจะดีนะ แต่นี่เป็นปัญหาใหญ่ของคน Gen Y หรือ Millennial ยุคนี้เลย ..สิ่งที่เราเรียนมาคือเรียนเป็นผู้บริหาร แต่พอทำงานเราแค่ถ่ายเอกสารและก็จดบันทึกการประชุม ..แม่เจ้า!! เซ็ง !!

ข้อสังเกตว่าควรเปลี่ยนงาน หรือ ขยับขยายเพิ่มงาน ทำงานเสริม มีดังนี้

1. ความเบื่อ : งานที่ทำมันไม่ท้าทายหรือพัฒนาความรู้ ..งานแบบนี้ทำเพื่อรอให้เขาเอาเครื่องจักรมาแทนเรา ..น่าเบื่อ!!

2. เพื่อนร่วมงานไร้อนาคต : เคยได้ยินคำพูดที่ว่า อยากรู้ชีวิตเรา อนาคตเรา ให้ดู คน 5 คน ที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด - นั่นแหละคุณ ...ถ้าเพื่อนร่วมงานเราดูไร้อนาคต ตัวเราก็ไม่ต่างกัน 

3. หัวหน้าไม่ทำให้เราเก่งขึ้น : ไม่ได้สำคัญว่าหัวหน้าเก่งหรือไม่ แต่สำคัญว่า เขาทำให้เราเก่งขึ้นไหม ..ใช้เราได้ตรงงานไหม ท้าทายให้เราพัฒนาไหม กระตุ้นให้เรากล้าลองสิ่งท้าทายไหม รับผิดชอบแทนลูกน้องไหม

ถ้าเข้าข่าย ต้องขยับขยาย พัฒนาตัวเรา เช่น

- หางานเสริมทำ
- ลองเรียนสิ่งใหม่ๆ เพิ่ม
- ทดลองทำอะไรเพิ่มเติม

เจอคนใหม่ - เพิ่มงานใหม่ - อ่านหนังสือใหม่ - เข้าสัมมนาเรียนสิ่งใหม่ - หาโอกาส

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ข้อจำกัดผ่านได้ แต่ข้ออ้างสร้างผู้แพ้ที่แท้จริง

'ข้อจำกัด ไม่ใช่อุปสรรคในชีวิต ..เพราะข้อจำกัด ทำให้เราต้องฉลาดขึ้น คิดมากขึ้น สู้จากข้อจำกัด 

..ทุนน้อยต้องออนไลน์ให้มาก ..คนน้อยต้องวางระบบให้ดี ..ทำเลไม่ดี ต้องใช้วิธีที่แหวกแนว ..เส้นไม่มี ของเราต้องดีและคุ้ม

แต่ข้ออ้างต่างหาก ที่เป็นอุปสรรคที่แท้จริง ...ถ้าอยากชีวิตดี ต้องไม่มีแต่ข้ออ้าง !!'

- "ข้อจำกัดเราผ่านได้ แต่ข้ออ้างสร้างผู้แพ้ที่แท้จริง"

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

6 เป้าชีวิต อย่ายึดติดแต่เงิน

'ผมติดตามผลงานของ Tony Robbins ชายผู้แจกแรงบันดาลใจให้คนนับล้าน' ..มี 6 แรงจูงใจมาฝากกัน

6 แรงจูงใจให้เรามีชีวิต มีดังนี้

1. 'ความมั่นคง' ..เราอยากมีชีวิตที่มั่นคง ในยุคนี้คงไม่พ้นเรื่องเงิน คือ อยากมีเงินเพียงพอ ให้เรารู้สึกมั่นคง (คุณว่ามีเงินเท่าไหร่แปลว่ามั่นคง?)

2. 'ความหลากหลาย' เราต้องการเจออะไรใหม่ๆ และนี่คือแรงจูงใจในการทำสิ่งใหม่ๆ

3. 'ความสำคัญ' ทุกคนอยากมีความสำคัญ ทำได้หลายแบบ ..ที่ง่ายสุดและแย่สุดคือ ใช้ความรุนแรง ถ้าคุณหยิบปืนชูขึ้นมา คุณจะสำคัญทันที ..ไม่แปลกที่ความรุนแรง จะอยู่กับโลกนี้ตลอดไป ..เพราะการสร้างความสำคัญให้ตัวเองแบบอื่นใช้เวลาและความอดทน

4. 'ความรัก และ การเชื่อมต่อ' มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราย่อมต้องการรักและการถูกรัก ..รักแรกคือ รักตัวเอง ซึ่งโลกปัจจุบัน ทำให้คนรักตัวเองน้อยลงไปเรื่อยๆ ..กลายเป็นเกลียดตัวเอง แล้วตามด้วยเกลียดคนอื่น สร้างความวุ่นวายเป็นปัญหาสังคมปัจจุบัน

5. 'การเติบโต' เหมือนธรรมชาติของต้นไม้และสิ่งมีชีวิต ไม่สำคัญว่าเราจะมีมากมีน้อย เก่งมากเก่งน้อย เราล้วนต้องการเติบโตไปเรื่อยๆ 

6. 'การให้' อันนี้สร้างความสุขสูงสุดให้คนเรา เพราะคนเรา การได้รับ อาจมีความสุขชั่วคราวแต่ไม่ได้สร้างความสุขให้เราระยะยาว -- 'จริงๆ ชีวิตมันคือ การสร้างความหมาย' ...ดังนั้น สิ่งที่สร้างความสุขระยะยาวคือ การเป็นคนที่มีคุณค่ามีประโยชน์ ...และนั่นมาจากการให้ !!

น่าคิดนะครับ ว่าทั้ง 6 ข้อ เรามักคิดว่า 'เงิน' คือ สิ่งที่ซื้อได้ครบทุกข้อ ..มันทั้งใช่และก็ไม่ใช่ 

-- ทั้ง 6 ข้อนี้ คือ แรงจูงใจในการหาเงินของมนุษย์นั่นเอง ...'คุณว่า คุณหาเงินเพื่อตอบข้อไหนครับ -- มั่นคง/หาความหลากหลาย/เพื่อความสำคัญ/เพื่อความรัก/เพื่อเติบโต/หรือ เพื่อให้'

ผมอ่านเสร็จเหมือนโดนตบหน้า เขาบอกว่าเงินคือเป้าหลอกที่เราตั้งขึ้นมาเอง ...เพราะจริงๆ ความสุขของเราจริงทำได้โดยอาศัยเงินน้อยกว่าที่เราคิดเสมอ -- ลองคิดดีๆ ซิครับ ว่ามนุษย์เราใช้เงินเป็นข้ออ้างเสมอ เลยไม่เคยถึงเป้าหมายที่เราอยากได้จริงๆ เสียที !!

 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

4 ข้อ หลักการเปลี่ยนมือใหม่ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ

4 ข้อ หลักการเปลี่ยน 'มือใหม่' ให้เป็น 'ผู้เชี่ยวชาญ'

'การเปลี่ยนมือใหม่ ให้เป็นผู้ชำนาญ เป็นคนเชี่ยวชาญ ..ก็แค่ผ่านการฝึกฝนและความใส่ใจ' 

1. - ทำสิ่งใหม่ : ถ้าจะเป็นมือใหม่ทั้งที ลองทำสิ่งใหม่ สิ่งที่คนส่วนใหญ่เขาไม่ทำ ..การเป็นมือใหม่ในสิ่งที่คนส่วนใหญ่เขาทำกัน เราเป็นแค่นักศึกษา ..แต่การเป็นมือใหม่ ในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ เราเป็นทั้งนักศึกษา และนักบุกเบิก !! 

2. - ใส่ใจศึกษา : จะพัฒนาในสิ่งที่เราทำ ให้เรากลายเป็นผู้รู้จริง (ใครๆ ก็อยากคุณกับผู้รู้จริง ..ผู้รู้จริง คือ นักขายที่เก่ง โดยไม่ต้องขาย 'โคตรเคล็ดลับ!!')

3. - พัฒนาต่อยอด : หมั่นรับรู้ตลาด และกล้าที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง 

4. - ไม่ถอดใจ : แล้ววันเวลา จะพิสูจน์ความอดทนว่า เราคือ ตัวจริงในสิ่งที่เราเลือกทำ 

ทำได้ 4 ข้อนี้ ..คุณจะเป็น 'ผู้เชี่ยวชาญ ในทุกงานที่คุณเลือกทำ'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560

สี่ด่าน ผ่านแล้วได้พันล้าน

4 ด่าน ผ่านถึงพัน ..ใครผ่านด่าน 4 คุณได้พันล้านครับ !!


'เคยสงสัยไหมว่า ธุรกิจเงินล้าน - ธุรกิจสิบล้าน - ธุรกิจร้อยล้าน - ธุรกิจพันล้าน แตกต่างกันอย่างไร ? (เฮ้ย!! ไม่ใช่ โชคชะตาของเจ้าของ แต่ต่างกันตรงนี้)


1. ธุรกิจเงินล้าน : 'มีจุดขาย' ฝรั่งเรียก Differentiate 


..ถ้าใครทำธุรกิจแล้วยังไม่มีเงินล้าน แปลว่า เรายังไม่แตกต่าง ..เรายังไม่มีจุดขาย ...สร้างเลย น้ำดื่มเหยดเข้ , มาม่าตีสี่ (ถ้ามาตีอื่น ไม่ขาย) , ผัดไทยประตูสวรรค์เนื้อปูจักรพรรดิ (ชามละ พันห้า กล้ากินไหม?)


2. ธุรกิจสิบล้าน : 'ต้องได้ใจ' ..ได้ใจลูกค้า คือ ดึงคนมาซื้อแล้ว คนนั้นติดใจ เพราะรักษาคุณภาพสม่ำเสมอ 


3. ธุรกิจร้อยล้าน : 'ใช้ซ้ำๆ' ..ธุรกิจร้อนล้าน ไม่ใช่แค่ดัง ลูกค้าชอบ แต่ต้องใช้ซ้ำๆ ย้ำไปเรื่อยๆ นี่แหละธุรกิจร้อยล้าน


4. ธุรกิจพันล้าน : 'นำผูกขาด' ..ทั้งเป็นผู้นำตลาด และก็นำคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น เช่น อย่าง 7-11 , Google , Facebook , ..


ธุรกิจเราด่านไหนแล้ว ?


"ด่านหนึ่ง : มีจุดขาย / ด่านสอง : ต้องได้ใจ / ด่านสาม : ใช้ซ้ำๆ / ด่านสี่ : นำผูกขาด"


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


สามขั้นสั้นๆ ให้บ้านเรามีแต่สินทรัพย?

'วิธีดูสินทรัพย์ ที่ง่ายที่สุดในโลก' ..สามขั้นสั้นๆ จัดไป

ขั้นที่หนึ่ง : เราดูว่า ของอะไรที่ขายมือสอง แล้วเราแพงกว่ามือหนึ่ง 

ขั้นที่สอง : พอขายมือสาม แพงกว่ามือสอง ..ยิ่งส่งต่อราคายิ่งแพง

ขั้นที่สาม : สามารถเก็บเป็นมรดกให้ลูกหลานได้

ลองไปสำรวจถ้าในบ้านเรามีของแบบนี้อยู่เยอะ แปลว่า คุณคือคนรวย หรือคนที่กำลังจะรวย

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

โลกยุคใหม่ ที่เราใช้เงินซื้อความสุข

"โลกยุคใหม่ ที่คนเราใช้เงินซื้อความสุข"

'ความสุข ที่ใช้เงินซื้อจะ สุขสั้น และแพงขึ้นเรื่อยๆ'

..อยากมีความสุขยาวขึ้น ต้องเริ่มจากการพอใจในสิ่งที่เรามี พอใจในสิ่งที่ได้รับ 

..สุขง่ายๆ ชีวิตสบายขึ้น

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2560

มีความกลัวไว้พัฒนาตัวเอง

'มีความกลัวไว้พัฒนาตัวเอง'

คนกลัวจน จะพยายามดิ้นรน หาโอกาส

คนกลัวโง่ จะพยายามหาความรู้มาใส่ตัว

คนปราศจากความกลัว ซิน่ากลัว ..เพราะบางครั้งเขาไม่เคยรู้ตัวว่าอยู่กับอะไร 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ก้าวอย่างไรให้ถูกทาง

รู้ได้ไงว่ากำลังใช้ชีวิตไปในทางที่ถูก

ถ้าเรากำลังพัฒนาตัวเองสูงขึ้น จะพบความหนัก เหมือนเราเดินขึ้นเขา ..นั่นแหละชีวิตขาขึ้น

แต่เมื่อใดชีวิตเบาๆ บางครั้งเราอาจจะเดินลงเขาอยู่ ..ถ้ามันเบา เป็นไปได้ว่าเรา กำลังเข้าสู่ขาลง

'หนักไม่กลัว กลัวตัวเบา'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ปั้นงานรัก

'ถ้าเปลี่ยนงานอดิเรก ที่เสียเงิน ให้ทำเงินได้ 

คุณจะกลายเป็นคนโชคดี ที่เจองานที่รัก'

..เคล็ดลับของคนที่ได้ทำงานที่รัก เพราะเขาค่อยๆ เปลี่ยนงานอดิเรกของเขาให้ทำเงิน

(ไม่ได้แนะให้บ้าเงิน แต่การได้เงิน มันทำให้เราทำงานที่รักได้ยาว)

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม #งานอดิเรกก็ทำเงินได้หากเราเชี่ยวชาญและทำมันจริง

วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

3 บทเรียนการขายง่าย ในยุคที่ของขายยาก

3 บทเรียนการขายง่าย ในยุคที่การขาย ยาก !!


- สินค้าที่ดี มันขายตัวมันเองได้ แทบไม่ต้องการพนักงานขาย ...คนขายเบนซ์ในอดีต เล่าให้ผมฟังว่า รถเบนซ์ไม่ต้องไปวิ่งขาย ..พอลูกค้ามีเงินเดี๋ยวเขาวิ่งมาซื้อเอง ...'ผมถึงกับร้องว่า เจสส จริงว่ะ!!'


บทเรียนที่หนึ่ง : สินค้าดี ขายตัวมันเองได้ 


...แต่เผอิญสินค้าที่เราขายมันไม่ดี มีวิธีแก้ไหม ?


- ถ้าถาม Steve Jobs เขาคงตอบคุณว่า 'แล้วทำไม ไม่ ทำสินค้าให้ดี' (ก็จริง)


-----------------------------------------


- นายหน้าขายที่ดิน พูดให้ผมฟังว่า ..ที่ดินถ้าเราอยากได้ ราคาจะแพงเสมอ ..ถ้าอยากได้ที่ดินถูกๆ ดีๆ ต้องซื้อตอน คนอยากขาย ...ใครอดทนได้ มีเงินรอ จึงรวยทุกคน 


บทเรียนที่สอง - คนซื้อที่เก่ง มีทั้งความรู้และความอดทน 


-----------------------------------------


- เวลาไปซื้อสินค้า เราอยากได้คนขายที่เชี่ยวชาญ รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสินค้าที่ขาย ...แต่ถ้าเราไปลองซื้อสินค้าตามห้างจะพบว่า ทุกคนขายได้ทุกอย่าง แต่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสินค้าเลยสักอย่าง ...'ไม่แปลกใจเลยที่ ร้านค้าที่ใช้พนักงานแบบนี้ จึงขายแย่ลงเรื่อยๆ' - ถ้าให้ปรับปรุง อย่างแรก ต้องลงทุนอบรมพนักงานขาย


บทเรียนที่สาม : คนขายที่ 'พร้อม' จึง ขายได้ ขายง่าย 


-----------------------------------------


สรุป : สินค้าไม่ขายยาก ...คนซื้อก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก - มีแต่คนขายเท่านั้น ที่ไม่พร้อม 


'เตรียมให้พร้อม!!'


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

เกิดเมืองไทย ทำอะไรรวย

"เกิดเมืองไทย ทำอะไรรวย"

ต่อไปประเทศไหนจะรวย ..เมืองสร้างโอกาส ..เมืองสร้างเศรษฐี ..ต้องมีหน้าตาอย่างไร ?

คำตอบคือ 'เมืองใดก็ตาม สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นั่นแหละเมืองสร้างโอกาส'

ถามใคร ? - 'ต้องถามนักท่องเที่ยว ..ถามจากตัวเลขนักท่องเที่ยว ..ถามจากคนอื่น ที่ไม่ใช่คนไทย ว่าทำไมมาเที่ยวบ้านเรา?'

'ไทย' ..กรุงเทพ - เชียงใหม่ - ภูเก็ต - ..และอีกหลายๆ เมือง กำลังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ..นี่ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นโอกาส

วันนี้คนรุ่นใหม่ จ่ายให้การท่องเที่ยว และนี่คือโอกาสของคนไทย ..โอกาสจะขึ้นไปเวทีโลก ..เวทีการท่องเที่ยว

1. แบรนด์ไทย ที่ต่างชาติรู้จักมากที่สุดในโลก คือ การบินไทย ..ตอนนี้ยังไม่กำไร ก็ทำไป เดี๋ยวก็ดี ..มีแบรนด์อยู่ใช้ให้เป็น 

2. คนไทย ขายได้ ขายรอยยิ้ม ความเป็นกันเอง สบายๆ ง่ายๆ 

3. Street Food ขายได้ ..แค่ยกระดับความสะอาด และ การจัดการ ..เดี๋ยวนี้ตลาดเปิดท้าย เกิดทุกมุมของเมือง ..ยิ่งขยาย ยิ่งเป็นโอกาส ..คนมาขายเดี๋ยวนี้จบปริญญา มีร้านค้าออนไลน์ ต่อยอดกันไป

4. แท๊กซี่ ก็ให้รับฝรั่งไป เพราะ แท๊กซี่ส่วนใหญ่เขาดูแล แต่นักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ก็จัดการกันไป ..มิน่าฝรั่งบอกการเดินทางเมืองไทยสะดวกสุดในโลก ..555

5. จุดขายของไทย ..ต้องขายสิ่งที่ฝรั่งอยากซื้อไปเป็นความทรงจำ ..อย่าไปเน้นขายของ ให้เน้นขายประสบการณ์ ยิ่งจับต้องไม่ได้ ยิ่งขายดี เพราะยุคนี้ซื้อประสบการณ์ ..สร้างเทศกาล ..จัดงานให้จดจำ ..อย่าแค่ทำสินค้า

6. มวย ..ผีไทย ..ประเพณีไทย ..สมาธิแบบไทย ..นวดไทย ..จัด Package ใหม่ ..ห่อให้น่าจดจำ ..แบบนี้ฝรั่งมาทุกปี

7. หมอไทย ขายได้ ...ไม่ใช่แค่หมอนวด ...หมอจริงๆ บริการสุขภาพของเราก็ขายได้

ที่พูดมา อยากให้คิดใหม่ คิดเพิ่ม ...อยากให้นักท่องเที่ยวเพิ่ม รายได้เพิ่ม ต้องเพิ่มกิจกรรม ไม่ใช่เพิ่มสินค้า

เดี๋ยวนี้คนไม่อยากซื้อของ แต่อยากซื้อประสบการณ์

คนไทยได้เปรียบ ..ลองคิดกันต่อ โอกาสอยู่ไม่ไกล !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

เมื่อนวัตกรรมตีแสกหน้า เราปรับตัวอย่างไร

"เมื่อนวัตกรรมตีแสกหน้า เราปรับตัวกันอย่างไร"


'บริษัทที่ชอบคุยเรื่องการเปลี่ยนแปลง นวัตกรรม มักจะบริษัทที่ไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลง และนวัตกรรม' ..ฮึม!! เป็นคำพูดที่ตีแสกหน้ามากๆ 


เรามักจะสงสัยว่า ทำไม บริษัทรถยนต์อย่าง GM ถึงไม่เป็นคนที่สร้าง Tesla ...หรือ บริษัทรถม้าที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ถึงไม่สร้าง GM 


ทำไม Wal-Mart ถึงไม่สร้าง Amazon ...ทำไม Blockbuster ถึงไม่สร้าง Netflix ...


จะเห็นได้ว่า ทุกการเปลี่ยนแปลง มันชี้ให้เราเห็นแล้วว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง แต่มันเกี่ยวกับลูกค้าและความต้องการของคน


เราจะเห็นบริษัทมากมาย ตั้งแผนก นวัตกรรม , หน่วยงาน Technology , ..ซึ่งแทบจะฟันธงได้เลยว่า บริษัทที่ทำแบบนี้ แปลว่า เขาไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงเลย


การใช้คนไม่กี่คน ให้มาลองทำงานใหม่ๆที่บริษัทไม่เคยทำ ..มันไม่สามารถเปลี่ยนบริษัทได้ ..สิ่งที่จะเปลี่ยนบริษัทให้ทันสมัยได้ คือ 'เปลี่ยนทั้งบริษัท เรียนรู้ทั้งบริษัท และร่วมเข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าพร้อมๆ กันทั้งบริษัท'


เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน


ความต้องการลูกค้าก็เปลี่ยน ...เราแค่เรียนรู้แล้วเอาเทคโนโลยีมาร่วมกันปรับใช้


- ลูกค้าต้องการบริการที่เร็วขึ้น ..'ต้องการคนดูแลตลอดเวลา'


- สะดวกขึ้น ..'สั่งส่งที่บ้าน ไม่ต้องต่อคิว ..รับประกันการรับคืน ..รับประกันสินค้า' และ Multi channel คือ ใช้ได้ทุกช่องทาง


- ถูกลง ..'ไปลดต้นทุนเอาเอง ..ลูกค้าแค่ต้องการจ่ายถูกลง'


- แพงขึ้น ..'สินค้าบางอย่าง ลูกค้ายอมจ่ายแพง เพราะอยากซื้อแสดงตัวตน (ซื้อไปโชว์เพื่อน) ..บริษัทก็ไปคิด ไปสร้างมา ..ตรงนี้จะได้มี Margin ไปโปะ สินค้าปกติ ที่นับวันจะถูกลง'


จริงๆ มันก็เหมือนเดิม เพียงแต่ Technology มันมา ทำให้เราทำงานง่ายขึ้น เร็วขึ้น ถูกลง ...คำถามคือ คุณเรียนรู้แล้ว มองสิ่งดีๆ ที่ Technology มอบให้ ส่งต่อให้ลูกค้าอย่างไร นั่นคือ คำตอบของ โอกาสและความสำเร็จนั่นเอง


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

ปัญหาไม่เคยเล็กลง มีแต่ตัวเราที่เติบโตขึ้น

ปัญหาและอุปสรรคในชีวิต ไม่เคยเล็กลง ..ตัวเราต่างหากที่เติบโตขึ้น


ผมเชื่อว่า อะไรที่ไม่ทำให้เราตาย มันก็แค่ทำให้เราโตขึ้น


..ทุกครั้งที่เรามองความผิดพลาดในอดีต ความล้มเหลวที่ผ่านมา ..มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าอีกเรื่อง ที่สนุก แทรกข้อคิด และหักมุม


ปัญหาครั้งนี้ ก็ไม่แตกต่างกัน


แด่ตัวเราที่เติบโต !! - เก่งขึ้น แกร่งขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น 


..ขอบคุณทุกปัญหาและอุปสรรค 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ