ที่เล่ามาเพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า “การเลือกจุดดีที่สุดในจุดที่ยืน” สำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จของคนในยุคนี้ ..และเครื่องมือ ที่ช่วยให้เรารู้จักนิสัยตัวเอง เกี่ยวกับการทำงาน ก็คือ “การแบ่งคนตามสี” โดยใช้ Birkman Tool ที่จะช่วยให้เรารู้จักตัวเองแบบง่ายๆ
• คนที่รู้จักสีของตัวเอง จะรู้ว่าตัวเอง ชอบงานประเภทไหน
• งานแบบไหนที่เราทำแล้วเราชอบตัวเอง (คนที่ทำงานที่ไม่ดี หรือ ไม่ถูกต้อง บางทีได้เงินเยอะนะ แต่รู้สึกเกลียดตัวเอง ..อันนี้แปลว่า มันไม่ใช่)
• งานแบบไหนที่เราทำแล้วมันอธิบายตัวเราได้ดี
• งานแบบไหนที่เราทำแล้วสนุก
ความน่าสนใจก็คือ “เรามักคิดเอาเองว่า ทุกคนคงคิดเหมือนเรา ...คงอยากทำงานแบบเดียวกับเรา ...งั้นคงต้องแย่งงานกันตายเลย” ...แต่ไม่ใช่
...ในความเป็นจริง งานในโลก มันแบ่งเป็น 4 ประเภท แบ่งตามสี คือ สีแดง / สีเขียว / สีเหลือง / และ สีน้ำเงิน
คนแต่ละสี ชอบงานที่แตกต่างกัน เช่น
สีแดง ชอบทำงานเกี่ยวกับการลงมือปฏิบัติ
สีเขียว ชอบทำงานที่ต้องพูดต้องพบปะคน
สีเหลือง ชอบงานที่เกี่ยวกับการวางแผน และ การจัดระบบ
สีน้ำเงิน ชอบทำงานที่ใช้ความคิด งานใช้ความคิดสร้างสรรค์
แค่พูดกว้างๆ นี่ ผมว่า คุณก็พอจะรู้เบื้องต้นแล้วว่า “ตัวคุณ” น่ะลึกๆ แล้ว ชอบงานแบบไหน จริงไหม
“งานที่ใช่” มีลักษณะชัดเจนดังนี้
1. เราทำงานนั้น แล้วเรารู้สึกชอบตัวเอง (ชอบตัวเองที่ได้ทำงานนี้ มันรู้สึกดี ทำได้เรื่อยๆ ทำได้ยาวๆ)
2. ทำแล้วมันเกิดผลลัพธ์ที่ดี จนคนอื่นเห็น ชื่นชม แล้วอยากให้เราทำงานนี้อีก
3. เราอยากเรียนรู้เพิ่มในงานนั้น อยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ในงานนั้นๆ (เคยไหมที่อยากเก่งเรื่องนี้ อยากเก่งกว่าใคร แล้วก็ไปศึกษาค้นหว้าแบบเอาจริงเอาจัง ฉันอยากสุดยอดเรื่องนี้)
4. “ได้เงิน” เหมือนเรื่องเงินจะขัดกับงานที่ชอบ แต่มันไปด้วยกัน ..การที่จะรู้ว่า งานที่เราทำได้ดี มันมีอนาคตหรือไม่ ต้องดูว่า แล้วเราได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสมเหตุสมผลหรือไม่ (ถ้าค่าตอบแทนมันน้อยจนอยู่ไม่ได้ ..งานนั้น อาจเป็นได้แค่งานเสริม ..อันนี้ไม่นับว่า ช่วงแรกอาจได้เงินน้อย แต่เราสามารถพัฒนาให้ได้เงินมากขึ้น เพราะ ทุกงานที่เราสร้างจากตัวเรา inside out ล้วนเริ่มจากเงินน้อย แต่ค่อยๆ พัฒนาได้เงินเพิ่มขึ้นเรื่อย - เอาเป็นว่า ตัวชี้วัด ก็คือ งานนี้สามารถขยายในเชิงการสร้างรายได้ และ ขยายให้ทำเป็นอาชีพจริงๆ ได้ไหม ...ถ้าได้ ก็แปลว่า เรามาถูกทางแล้ว)
5. “งานที่ใช่ จะขยายโอกาสให้ตัวเรา” ..งานนี้สุดท้ายมันเปิดประตูโอกาสไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่า สนุกกว่า เช่น นักเขียน อาจมองว่า เขามีอาชีพหาเรื่องมาเขียนแล้วขาย ...แต่จริงๆ แล้ว การเป็นนักเขียน มันเปิดประตูตัวเอง สู่การเป็นนักคิด ...ซึ่งนักคิดหากถ่ายทอดเป็น ...ก็สามารถต่อยอดไปเป็นอาจารย์ ...ไปเป็นที่ปรึกษา ..และ ก็สามารถไปทำธุรกิจอื่นได้อีกมากมาย
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น