แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563

7 ข้อ เร่งพอร์ตหุ้นโตไวในปี 2021

 7 ข้อ เร่งพอร์ตหุ้นโตไวในปี 2021


ปีนี้ถือเป็นปีที่หุ้นผันผวนมาก แต่ใครก็ตามที่กล้าซื้อช่วงที่คนส่วนใหญ่กลัว คือ ช่วงต้นปี กับช่วงปลายปี ..พอร์ตน่าจะบวกแบบดีเลยทีเดียว


แล้วปี 2021 เราควรทำยังไง ให้พอร์ตโตไว โตต่อไปมาดูกัน 


1. ‘หลักการออมหุ้น ยังใช้ได้เหมาะกับตลาดปัจจุบัน’ ...ตลาดปัจจุบันจะเห็นเลยว่า ไอ้หุ้นที่ขึ้น มันสามารถขึ้นได้แบบไร้เหตุผล ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง หรือ ที่เขาพูดว่า ‘หุ้นมันขึ้นจนคุณต้องร้องขอชีวิต ...กรูไม่ไหว ทนรวยไม่ไหวแล้ว ขอขายก่อนนะ !!’ ....ออมหุ้นคือ ซื้อเมื่อถูก ซื้อตอนคนกลัว ซื้อตอนหุ้นลงแรง จากนั้นก็ถือๆ ทนรวยไป ...ยังใช้ได้ต่อในปีหน้าครับ


2. ‘การแหย่ ยังเป็นหลักจิตวิทยาการลงทุนที่สำคัญ’ ...คนที่ตกรถ ไม่ได้เข้าส่วนใหญ่ คือ รอให้ถูกที่สุด ซึ่งมันไม่มี สุดท้ายก็เลยไม่ได้เข้าเลย ...ทางแก้ในเชิงจิตวิทยาก็คือ ‘การแหย่’ ครับ ...เข้าไปเลย!! เข้าน้อยๆ ก่อนก็ได้ ขอให้กล้าซื้อ ...อันนี้จะช่วยในเชิงจิตวิทยาการลงทุน ให้เราเข้าใจหุ้นได้ดีขึ้น


3. ‘การพร่อง จะช่วยเรื่องการทนรวย ไม่หมูจนเกินเหตุ’ ...มือใหม่ กับ การขายหมู ในตลาดขาขึ้น เป็นเรื่องปกติ ...อุตส่าห์ถือมาตั้งนาน พอหุ้นขึ้นนิดเดียวก็ขาย จากนั้น หุ้นก็วิ่งไปต่อไกลๆ แบบไม่มีเรา ...ทางแก้ คือ ‘ขายบางส่วน เมื่อหุ้นวิ่งชนแนวต้านที่สำคัญ’ ...ขายบางส่วน จะช่วย ถ้าขายแล้วหุ้นย่อลงมา เราจะรับมือได้ง่ายขึ้น เพราะ เรามีกระสุนนั่นเอง


4. ‘หุ้นเล็ก ยังจะเป็นพระเอกในปี 2021’ ...ปลายปีนี้หุ้นใหญ่เป็นพระเอก เพราะ กองทุนและเงินไหลเข้า ...แต่ปีหน้า มันจะเป็นอีกปีที่โดดเด่นของหุ้นเล็กครับ ...เอาว่า มีหุ้นเล็กติดพอร์ตไว้บ้างนะ


5. ‘การอ่านพื้นฐานจะยากหน่อย ให้ใช้การบริหารพอร์ตเพื่อคุมความเสี่ยงแทน’ ...เอาตรงๆ ตั้งแต่ปีนี้ ใครใช้พื้นฐานอย่างเดียว ผมว่า ตกรถ ไม่ได้เข้าหุ้นหรอก เพราะ หุ้นกับพื้นฐานช่วงนี้ มันไม่ได้ไปด้วยกัน ...ใครคิดจะลงทุนภาวะนี้ ลองยืดหยุ่นสักนิดครับ จะเห็นโอกาสที่ดีกว่า ...แต่กระจายหน่อยเพื่อคุมความเสี่ยง


6. ‘ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการ Leverage ใช้ได้ แต่ต้องระวัง’ ...ช่วงวิกฤตคนจะลด Leverage ลดมาร์จิ้น ลดบล็อก ลดทุกอย่าง ...แต่พอ Volume ตลาดมา พวกเครื่องมือ Leverage จะใช้กันหนักมาก โดยเฉพาะรายใหญ่ ...รายย่อยก็ใช้ได้ครับ แต่ให้คุมความเสี่ยงดีๆ อย่า Over trade เพราะ ถ้าใช้ Leverage เยอะไป พอร์ตแตกได้ !! 


7. ‘อารมณ์ตลาด เป็นสิ่งที่เราต้อง master ในภาวะนี้’ ...อารมณ์ตลาดคือ หุ้นขึ้นบางทีไม่มีเหตุผล แต่มันก็ขึ้นไปเรื่อยๆ แบบนี้เราอาจต้อง ถือตาม ไปขายเมื่อมันไปต่อไม่ไหว ...อยากจะบอกว่า บางครั้งเหตุผล ก็ใช้ไม่ได้ในบางช่วง ...เช่น น้ำมาแรง บางทีก็แค่ตามน้ำ ไม่ต้องมาหาเหตุผลว่า ..ด้วยความรู้ระดับ ivy league ที่ผมศึกษามา น้ำไม่น่าจะมาในฤดูนี้นะครับ ...’กว่าเหตุผลจะชัดเจน ทุกอย่างมันก็จบ รวมทั้งชีวิตเราด้วย’ 


เอาใจช่วยให้ปี 2021 เป็นปีลงทุนที่ดีของคุณนะครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ธุรกิจรุ่นใหม่เริ่มจากคนที่รักเรา

 ‘ธุรกิจรุ่นใหม่ เริ่มจากคนที่รักเรา’


..การทำธุรกิจในอดีตเราจะเน้น ขาย ขาย และ ก็ขาย ..พอมีคู่แข่ง ก็ ลดราคาแข่งกัน ...จากนั้น นักการตลาดก็เข้ามา ผนวก ลด แลก แจก แถม ..จนมาถึงยุค influencer ในปัจจุบัน ‘ยุคเพื่อนแนะนำ ทรงพลังที่สุด!!’ 


1. ‘การสร้างธุรกิจในปัจจุบัน ต้องเริ่มจากลูกค้าที่รัก’ ..ถ้าทำสินค้าแค่ให้คนชอบ มันเกิดยากในยุคนี้ เพราะคู่แข่งเยอะ ...โจทย์แรกต้องสร้างสินค้าให้คนที่รัก ...ซึ่งแปลว่า เราต้องเลือกกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงมากๆ เช่น คนรักแมว , คนรักการวิ่ง , คนรัก... ..ก็เริ่มจาก Passion เฉพาะนั่นแหละ


2. ‘สินค้าต้องบ่งบอกตัวตนของผู้ซื้อ’ ...สินค้ามี 2 แบบ หนึ่ง คือ ซื้อด้วยเหตุผล และ สอง คือซื้อด้วยอารมณ์ ...ถ้าขายกลุ่มเฉพาะ ต้องเจาะไปที่อารมณ์ในการซื้อเป็นหลัก ...เช่น ถ้าคุณซื้อกระเป๋าหนังธรรมดา อันนี้เหตุผล แต่ถ้าซื้อ Brandname อันนี้ต้องใช้อารมณ์ละ 


3. ‘ธุรกิจต้องขยายง่าย’ ...ธุรกิจแบบใหม่จะเน้นการ Scale คือ ขยายง่าย เช่น มีการออนไลน์ในสัดส่วนที่สูง การขยายก็ทำได้ง่ายขึ้น ...เป้าหมายของการขยายง่าย เพื่อให้เกิด Network Effect คือ ยิ่งลูกค้าเยอะ กำไรยิ่งโตก้าวกระโดด (ธุรกิจแบบเก่งจะโตแบบ Linear แต่ธุรกิจรุ่นใหม่จะโตแบบ Exponential) 


4. ‘ใช้ Leverage ให้มากที่สุด’ ...Leverage คือ ออกแรงน้อย แต่ให้ผลรับเยอะๆ ...ซึ่งโลกยุคใหม่ เรา Leverage ได้ทั้งใน ด้าน Finance , Business Operation รวมทั้ง Communication ....การเงิน เช่น การระดมทุนที่มากกว่าแค่กู้ธนาคาร ไปจนถึงการใช้ตลาดทุนในการระดมทุน , การสื่อสาร ตรงนี้ที่ influencer มีบทบาทในธุรกิจปัจจุบันค่อนข้างมาก 


5. ‘ทำเรื่องดี ต่อสังคม’ ...ปัจจุบันธุรกิจต้องดีต่อสังคม รวมทั้งสิ่งแวดล้อมด้วย ...ใช่!! มันหมายถึง ต้นทุนที่สูงขึ้น ...แต่มันสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งทำให้สามารถตั้งราคาที่สูงขึ้นได้เช่นกัน ...ต้องตอบให้ชัดว่า สินค้าและบริการของฉัน มันทำให้โลกเราดีขึ้นยังไง ?


6. ‘ลูกค้าที่มีปัญหาคือลูกค้าที่ได้รับการดูแลดีที่สุด’ ..อันนี้เป็นตลกร้าย เพราะ มันคือความจริงในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการ ...ลูกค้ายิ่งงี่เง่า ยิ่งได้รับการบริการดีที่สุด ...ใครทำธุรกิจยุคนี้ ต้องเริ่มวางแนวทางแก้ปัญหา ลูกค้าที่มีปัญหา ตั้งแต่เริ่มธุรกิจกันเลย ...เพราะปัญหาเล็กๆ มันอาจลุกลามจนเป็นปัญหาใหญ่ได้รวดเร็วมาก


เอาใจช่วยนักธุรกิจรุ่นใหม่ครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2563

7 ข้อ พ่อสอนว่า เกษียณยังไงให้มีสุข

 พ่อสอนว่า ‘เกษียณอย่างไรให้มีสุข’ 


...พ่อผม เกษียณ ตั้งแต่อายุ 40 กว่าๆ (นับถึงวันนี้ก็เกษียณมาแล้วเกือบ 30 ปี!!! ...เจสสส !!..ยังชิวอยู่!!) ...ต้องยกให้เขาว่า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษียณเลยทีเดียว 


หลายคนมองการเกษียณว่า ‘ไกลตัว!!’ ..ฉันอายุยังน้อย อย่าไปคิดให้มันปวดหัว ...ฮึม!! ตรงๆ นะ ...มันเป็นเรื่องที่ต้องคิด ยิ่งเราวางแผนเร็ว การเกษียณยิ่งเป็นความสุข 


1. ‘แยกให้ออกว่า เกษียณ กับ พักผ่อน มันคนละเรื่องกัน’ ...คนส่วนมากจะบอกว่า ถ้าเกษียณจะเที่ยวรอบโลก เที่ยวไปเรื่อยๆ ใช้เงินไปวันๆ ...ฮึม!! คุณเข้าใจผิดละ ...นั่นมันคือ พักผ่อน ...ทำงานหนัก พอวันหยุดเราก็อยากพักผ่อน ‘เหมือนวิ่งมาเหนื่อยก็พัก แล้วมีความสุข แต่ไม่ใช่เราจะพักชั่วชีวิต จริงไหมล่ะ !!’ 


2. ‘หาให้เจอว่า อะไรคือความสุขจากเรื่องเล็กๆ’ ...บางคนอาจจะเป็น การได้ล้างรถ , ลดน้ำต้นไม้ , วิ่งในสวนสาธารณะ ...อะไรก็ได้ ที่มันไม่ต้องมีข้อแม้มากในการทำ ...ความสุข ยิ่งเรื่องเล็ก ยิ่งง่าย คนๆ นั้นก็จะยิ่งมีความสุข 


3. ‘มี รายได้ จากสินทรัพย์ อย่างเพียงพอ’ ...เรื่องนี้เป็นการวางแผนระยะยาว ที่ใช้เวลาสร้าง 10-20 ปี ...คนที่วางแผนสร้าง สินทรัพย์ ให้ทำงานแทนเรา ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งได้เปรียบ ...ยกตัวอย่าง คุณจะมานั่งเทรดหุ้นชั่วชีวิตคงไม่ใช่ ...แต่เราสามารถซื้อหุ้นดี แล้วรับปันผลชั่วชีวิต อันนี้สบายกว่า 


4. ‘มีงานที่ชอบ ที่สร้างรายได้’ ...คนส่วนใหญ่จะรู้จักแต่ งานที่ชอบ ที่เสียเงิน ....นั่นเรียกว่า ‘งานอดิเรก’ มันแค่เหมาะกับคนที่ยังทำงานอยู่ แต่สำหรับคนที่ไม่ทำงานแล้ว เราต้องหา ‘คุณค่าใหม่ของตัวเรา’ ...งานชอบ ที่ทำเงินด้วย !!


5. ‘ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ’ ..อันนี้ไม่มีข้อยกเว้นเลย ...ยิ่งเกษียณแล้ว ยิ่งต้องมีวินัยในการออกกำลังกาย ...คุณต้องออกกำลังกาย สม่ำเสมอ และ ทำมันแทนงานประจำเลยแหละ ...นี่คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อชีวิตที่สุขภาพดีและมีความสุข


6. ‘หากิจกรรมทำเพื่อคนอื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน’ ...อันนี้เรียกว่า ‘คุณค่าของเรา’ ...คนเรามีค่า เพราะ เรามีค่าต่อคนอื่น ...หากิจกรรมเพื่อคนอื่นบ้าง โดยไม่หวังอะไรตอบแทน อันนี้จะช่วยให้เรามีความสุขอย่างเหลือเชื่อ ...ลองดูซิ 


7. ‘ใส่ใจเรื่องเล็กๆ ให้เป็นนิสัย’ ...ตอนเราตอนอายุน้อยๆ เราอยากเปลี่ยนโลก ...แต่พอเราอายุมากขึ้น เราก็รู้ว่า โลกมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว แม้จะไม่ต้องมีเราก็ได้ ...ดังนั้น เราจึงควรทำเรื่องดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ตลอดเวลา เพราะ จริงๆ แล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ เรื่องของความสัมพันธ์และครอบครัว ...และการทำให้ความสัมพันธ์ดี ครอบครัวมีสุข ก็คือ การใส่ใจเรื่องเล็กๆ ให้ดีที่สุดนั่นเอง


ทั้ง 7 ข้อนี้ ใครวางแผนได้เร็ว คุณยิ่งได้เปรียบครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


9 หลัก คัดหุ้นดี ปี 2021 จัดไป

 ‘อนาคตหุ้นไทย ไม่ใช่เทค แต่เป็น consumer !!’


วันนี้ไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึงหุ้นเทค ...น่าเบื่อมาก !! ..โอเคเข้าใจนะว่า วันนี้มันเป็นหุ้นที่ขึ้นมากที่สุดหลัง covid แต่ถ้าใครจะเพิ่งมาซื้อวันนี้ มันช้าไปแล้ว !!


ถ้าเรามาสังเกตคนที่กำไรเยอะๆ จากหุ้น หลายๆ เด้ง มักเป็นคนที่ ‘ซื้อนำเทรนด์ หรือ ก่อนที่ใครๆ จะพูดถึง’ ...แต่คนส่วนใหญ่ที่เสียหาย ติดดอย มักเป็นคนที่ซื้อตามเทรนด์ (ซื้อตามคนอื่น ถือเป็นเรื่องต้องห้ามในตลาดหุ้น เพราะ เราอาจติดดอย ถึงแม้จะซื้อหุ้นดีก็ตาม) 


มาพยายามค้นหากะนดีกว่าว่า ปีหน้า อะไรคือหุ้นที่จะนำเทรนด์ ในตลาดหุ้นไทย ?


1. ‘ต้องขายรายเล็ก ไม่ใช่ขายรายใหญ่’ คือ ผมเลือก B2C ไม่เอา B2B ...เพราะ ขายรายใหญ่ มันกำไรน้อย แต่ขายลูกค้า C (Consumer) กำไรดีกว่า

...ผมว่า ไทยเราเดินตามจีน ...วันนี้เศรษฐีรุ่นใหม่จีน รวยจากธุรกิจ consumer ในประเทศ เราก็น่าจะคล้ายๆ กัน 


2. ‘ขอเป็นธุรกิจตัวเล็กหน่อย’ ..อันนี้พูดถึง Market cap. ...เอาตรงๆ นะ ธุรกิจใหญ่มันมั่นคงจริง แต่ Growth มันไปยาก ...ถ้าคุณเป็นรายใหญ่แล้ว การโตมันจำกัด พวกนี้ถือกินปันผลน่ะดี แต่ถ้าหวังโตหลายๆ เด้งคงยาก


3. ‘เจ้าของเป็นคนรุ่นใหม่’ ..หลายคนพูดว่าคนรุ่นใหม่ชอบเสี่ยงเกินไป ...แต่ผมว่า มันเหมาะกับธุรกิจยุคนี้นะ ..ถ้าคุณจะ conservative แบบคนรุ่นก่อน ก็พอจะเข้าใจได้ ถ้าคุณทำธุรกิจผูกขาดหรือกิจการขนาดใหญ่ แต่ถ้าคุณอยากจะโต อยากจะขยายตลาด คุณต้องกล้าเสี่ยง (อายุต่ำกว่า 50 เอาบริษัทเข้าตลาด ผมถือว่า ยังรุ่นใหม่นะ ถ้าเป็นธุรกิจครอบครัว ต้องเป็น gen 2 หรือ gen 3 คุมนะ เป็น Decision Maker หลักถึงจะโอเค)


4. ‘รู้จักใช้ความได้เปรียบจากตลาดทุน’ ...เศรษฐีอายุน้อยทุกคน อาศัยตลาดทุน ในการสร้างตัวให้เร็ว ...ถ้ารอให้โตแบบ Organic มันช้าไปสำหรับยุคนี้ ...มันต้องรู้จัก การ ซื้อธุรกิจ การควบรวม การใช้เงินทุนราคาถูก มาสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (ใครเข้าตลาดหุ้นมาเพื่ออยู่เฉยๆ ผมว่า เราไปซื้อหุ้นแบงค์ถือสบายใจกว่า)


5. ‘นำเข้า สบายกว่า ส่งออก’ ...แต่ก่อนบ้านเรานำโดยธุรกิจส่งออก แต่ถ้าค่าเงินบาทแข็งแบบนี้ ...ส่งออกจะเหนื่อยมาก 


6. ‘ไม่ต้องถึงกับเป็นเทค แต่ต้องใช้เทคโนโลยีได้อย่างดี’ ...เมืองไทยเราอาจสู้ธุรกิจ Deep Tech กับอเมริกา และ จีนไม่ได้ ...แต่ธุรกิจที่ดีต้อง Adopt Technology เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจไม่ตกเทรนด์กับคนรุ่นใหม่ ...รวมทั้ง การใช้ เทคโนโลยีทำให้ต้นทุนการทำธุรกิจถูกลง สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น ขายผ่านออนไลน์ในสัดส่วนที่สูง , มีหน่วยงาน Online Support ที่แข็งแรง


7. ‘เป็นเจ้าของ Brand’ ...หมดยุคของการรับจ้างผลิตไปแล้ว ...ยุคนี้ต้องเป็นเจ้าของ Brand ถึงจะพอเอาตัวรอดได้ 


8. ‘มีการสร้างสินค้าและบริการใหม่ๆ ตลอด’ ...สมัยก่อนคิดสินค้าได้หนึ่งอย่างก็สบายไปทั้งชีวิต แต่วันนี้ไม่ใช่ ...ถ้าไม่มีความสามารถในการสร้าง New Product จะไม่สามารถเป็น Super Stock ได้เลย


9. ‘อยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้เปรียบจากสภาพแวดล้อม’ ...เช่น สถานการณ์เอื้อ หรือ นโนบายมาสนับสนุนธุรกิจ


สังเกตว่า ผมให้ความสำคัญกับ ภายใน 8 ข้อ ..ให้ความสำคัญกับภายนอกแค่ 1 ข้อ ...แต่ไม่ได้หมายความว่า 1 ข้อไม่สำคัญ ...จริงๆ แล้ว ข้อ 9 สำคัญมากที่สุด เวลาเราอยากรวยแบบก้าวกระโดด 


‘ยุคนี้ คนเก่ง ก็ส่วนนึง ...แต่สำคัญที่สุด คุณต้องอยู่ถูกที่ ถูกเวลา’ ...ไม่ต้องเก่งมากก็ได้ แต่ถ้าอยู่ถูกธุรกิจ อาจรวยไม่รู้เรื่องก็ได้ 


สรุป ปีหน้า ...ผมเริ่มหาหุ้นเข้าพอร์ตผมละ ...คุณต้องรีบทำการบ้านคัดหุ้นเข้าพอร์ตกันดีๆ นะครับ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563

6 กฏของโอกาส ที่คุณควรรู้

 กฏของโอกาสที่ทุกคนควรรู้


..เราทุกคนต่างมุ่งมั่นเพื่อคว้าโอกาสในชีวิต แต่มีไม่กี่คนที่จับมันได้ ..เอามันอยู่ ..แล้วส่งต่อโอกาสนั้นให้คนต่อไป 


มาดูกันดีกว่าว่า กฎของโอกาสที่ว่านี้คืออะไร ?


1. ‘โอกาสมักเข้ามาในเวลาที่เราไม่พร้อม’ ...ถ้าเรารอให้เรารู้สึกพร้อม โอกาสมันก็จะผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ...ให้รู้ไว้ว่า บางครั้งถ้าเราต้องโดดเข้าไป มันต้องลองสักตั้งนึงครับ !!


2. ‘โอกาสมักห่อหุ้มด้วยวิกฤตเสมอ’ ...สาเหตุที่คนส่วนใหญ่มักบ่นว่า ไม่มีโอกาสในชีวิต ก็เพราะ มัวแต่วิ่งหนีวิกฤต วิ่งหนีความเสี่ยง ...เลิกหนีครับ !! ...วิกฤตมาเมื่อใหร่ เราต้องเป็นคนที่ยกมือขึ้น แล้วบอกว่า ...งานนี้ผมรับเอง !!


3. ‘ถ้าครั้งนี้ไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีครั้งต่อไป’ ...ยกตัวอย่างตลาดหุ้น วิกฤตมาเรื่อยๆ เลย ...คนส่วนใหญ่หนีกันหมด แต่กลายเป็นว่า ทุกครั้งมันเกิด Super Stock และสร้างเศรษฐีใหม่ตลอด ...ถ้ารอบนี้ไม่ได้ ...เดี๋ยวรอสักพัก วิกฤตรอบใหม่ ก็มาอีก ...สบาย!! ...งานยากๆ ส่งมา ...คนอื่นไม่ทำ ผมทำเอง !!


4. ‘ความล้มเหลวคือคะแนนของชีวิต’ ...ทุกคนเคยพลาด แต่ถ้าพลาดหนักๆ เขาเรียกล้มเหลว ...คนส่วนใหญ่จะเลิกตรงจุดนี้ ...ไอ้พวกบ้า ที่ลุกขึ้นมา แล้วเดินต่อ ก็คือ คนที่สำเร็จอย่างสูงในโลกความเป็นจริง ...ในโรงเรียนมักสอนให้เราหนีความเสี่ยง ...แต่ในชีวิตจริง มันสอนให้เราบริหารความเสี่ยง ‘ไม่หนี แต่คิดวิธี ควบคุมแล้วอยู่กับความเสี่ยง’ 


5. ‘การที่เราคิดตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ มันไม่ได้แปลว่าเราผิด’ ...ถ้าคนส่วนใหญ่บอกว่า ควรเลี้ยวซ้าย ...ผมจะมองไปทางขวา แล้วพยายามศึกษาว่า ทำไมทางขวาถึงไม่น่าไป ...บางครั้งมันก็ไม่น่าไปจริงๆ ...แต่บางครั้ง มันคือ จุดเปลี่ยนชีวิตเลยก็ว่าได้ 


อย่างการลงทุน ที่ผมกำไรเยอะๆ ได้หุ้นหลายเด้ง ก็คือ ครั้งที่ผม ซื้อสวนคนส่วนใหญ่นั่นเอง


6. ‘ถ้าเราได้รับโอกาส แต่ไม่ส่งต่อโอกาส มันจะค่อยๆ หายไป’ ...คนที่พยายามเก็บ กั๊ก โอกาสไว้กับตัว ไม่ยอมส่งต่อโอกาส สุดท้ายจะไม่เหลือโอกาสอีกต่อไป ....นี่คือ หลักธรรมชาติ ...ยิ่งพยายามกวักน้ำเข้าตัวมันยิ่งไหลออก ...แต่พอเราเริ่มดันออก มันยิ่งไหลเข้า ...การส่งต่อ จึงเป็นศิลปะ ของการสร้างโอกาสที่ยั่งยืน


ในการทำธุรกิจ ..คนที่รวยและเข้าใจมันแล้ว ควรถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่นต่อไป ‘ยิ่งคุณสอน คุณยิ่งเข้าใจ ...เมื่อคุณให้ คุณยิ่งเติบโต’ 


ทั้ง 6 ข้อนี้ มันเปิดโอกาสให้ผมในตลาดหุ้น ...และผมเชื่อว่า มันสามารถปรับใช้กับธุรกิจและการลงทุนอื่นๆ อีกมากมาย


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เทรดให้สุด แล้วไปหยุดที่พอร์ตระเบิด

 ‘อัตราทด พาเราไปสู่อิสรภาพได้เร็วขึ้น อย่างไร ?’


..การ Leverage หลักๆ ก็คือ ใช้เงินน้อย สอยเงินใหญ่ ...มีเงิน 1,000 บาท แต่เก็งกำไรได้ในฐาน หมื่น แสน ได้ 


ผมเจอน้องๆ หลายคน ไปลงทุนต่างประเทศอย่าง Forex , cryto และ หุ้นต่างประเทศ กันเยอะขึ้น ...สาเหตุหลักๆ ที่เขาบอกคือ ‘ใช้เงินน้อยกว่า และ มันกำหนดอัตราทด Leverage ได้มากกว่า’ 


อย่างในตลาดหุ้นไทย สินค้าที่ Leverage ได้ อย่างหุ้น ก็ประมาณ 2 เท่า ของเงินที่เรามี ...พอไป DW หรือ Block Trade อันนี้ไปได้ถึง 10 เท่า ละ ...คือ มี แสน แต่ยืมเงินโบรคเกอร์ ไปเก็งกำไรเงินล้าน ว่างั้น 


..เอาเป็นว่า ตกลง ยิ่งเราพร้อมเสี่ยง จะทำให้เรารวยเร็วขึ้นใช่ไหม มาดูกัน 


1. ‘การ Leverage สูงขึ้น ก็คือ การยืมเงินคนอื่นมาเล่นหุ้น’ ...เหมือนเราขับรถเร็ว ถ้าเราขับปลอดภัยย่อมไปถึงจุดหมายเร็วกว่าคนขับรถช้า 


2. ‘คนขับรถเร็ว มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ต้องรู้ Limit’ ...ปัญหาของการ Leverage หรือ การยืมเงินโบรคเกอร์มาเล่นหุ้น คือ พอได้เงินเร็วมันจะติดใจ ...จากนั้น เราจะเหยียบคันเร่งมากขึ้นไปอีก จนมันเกิน Limit ความปลอดภัย นั่นแหละ ‘พอร์ตแตก หรือ พอร์ตระเบิด’ 


3. ‘เราจะรู้ Limit ที่เหมาะสมของการ Leverage ได้อย่างไร’ ...นี่คือ คำถามที่ยากมาก ...ก็เหมือนคนขับรถเร็ว คนนั้นต้องรู้ว่าความเร็วเท่าไหร่ ที่ฉันและรถของฉันเอาอยู่ ...บางคน 80 ก็เอาไม่อยู่ บางคน 120 ยังสบายๆ ...แต่ถ้าเกิน 200 ตลอดทาง ยังไงมรึงก็เอาไม่อยู่ !! ....ยกตัวอย่าง ถ้าคุณ Leverage 10 เท่า ก็คือ เทรดหุ้น 1,000,000 บาท แต่วางเงินแค่ 100,000 บาท (นอกนั้น ยืมโบรคเกอร์) ...แปลว่า ถ้าหุ้น ลงแค่ 10% เท่ากับว่า เงินที่เราวางเหลือ 0 ทันที ...นี่แหละ ที่เห็นคนพอร์ตแตก พอร์ตระเบิด ก็เพราะแบบนี้ ....ก็ใช่ หุ้นมันแกว่ง 10 % บ่อยมาก แปลว่า ใคร Leverage ในอัตราแบบนี้ มีโอกาสเจ๊งสูงมากๆ 


ก็ที่เล่าเรื่องนี้ เพราะ ปีนี้ มีมือใหม่เข้ามาลงทุนเยอะ ...พยายามเรียนรู้ให้มาก อย่าเพิ่งรีบเพิ่มเงิน ให้เราเข้าใจมันจริงๆ ก่อน


ไว้มีโอกาสจะมา เล่าเรื่องของ การ ‘เร่งพอร์ต’ แบบลึกๆ อีกที ...แต่ขอเตือนว่า คนที่อยากเร่งพอร์ต ควรมีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมาแล้วในระดับหนึ่ง ...เคยติดดอย เคยขาดทุน เคยขายหมู มาแล้ว ถึงจะดีครับ !! 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ