แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

7 ข้อ สูตรสำเร็จของผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต

 ‘ใช้ชีวิตให้เหมือนกับหนังผจญภัยสักเรื่องนึง’ 


บางทีเราก็มาตั้งคำถามกับชีวิต ว่า ..จริงๆ เราควรจะใช้ชีวิตอย่างไร ดีที่สุด ?


ในความคิดของผม ...”ผมอยากใช้ชีวิต แบบที่คนเขาอยากจะเอาชีวิตเราไปสร้างหนัง หรือ เอาไปเขียนหนังสือ” 


...ชีวิตที่น่าจะเอาไปสร้างหนัง คงไม่ใช่แบบว่า ..เด็กคนหนึ่งเกิดมารวย และ เขาก็เรียนเก่ง และ เขาก็เป็นเด็กดี ...จากนั้นเขาได้เรียนโรงเรียนชั้นยอด ต่อด้วยมหาวิทยาลัยชั้นดี ...พอจบแล้วเขาก็แต่งงาน มีงานที่ดี มีครอบครัวที่มีความสุข ..จบ!!


...โห!! น่าเบื่อชิบหาย !!!


มันต้องแบบ ..เด็กคนหนึ่ง บ้านยากจน ลำบาก ...ต่อยกับลูก ผอ. โดนไล่ออก ...พ่อแม่ขายนา ส่งเรียนนอก ..พ่อเสียทิ้งหนี้ก้อนโตไว้เป็นมรดก ..หรือ แม่ป่วยกลับบ้านด่วน ...คือ มันต้องเจอ ความผิดพลาด เยอะๆ ..ล้มเหลวหลายที ...โหดๆ หน่อย ...เอาว่า plot ต้องประมาณนี้


7 ข้อ ‘สูตรสำเร็จ ของคนที่จะยิ่งใหญ่ในอนาคต’ 


1. ‘มีความฝันที่ยิ่งใหญ่’ ...ไม่ต้องถึงขั้นเปลี่ยนโลกหรอก เอาแค่ รักความก้าวหน้า มีเป้าหมาย และ มุ่งมั่น นี่แหละ เป็นจุดเริ่มที่ดีละ ....คนที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีสายกลาง มีแต่สายสุด ...ทำอะไรมันสุด ...เพราะ ความสำเร็จ กับ ความสุข ในชีวิตจริง มันอยู่คนละสาย


2. ‘เจอวิกฤตแบบชีวิตเปลี่ยน’ ...ผมไม่เคยเห็นคนสุดยอดคนไหนที่ไม่เคยล้มเหลวหนักมาก่อน ...วิกฤตและความล้มเหลว เป็นครูคนแรกที่สำคัญมาก ...ใครเจอก่อน ตั้งแต่อายุน้อยๆ ถือว่าโชคดีจริงๆ 


3. ‘ต้องหาเงินเอง ตั้งแต่อายุน้อยๆ’ ..ใครเริ่มหาเงินเองก่อน ยิ่งโตเร็ว ...ฉลาด เข้าใจโลก ก็มาจากต้องหาเงินเองนี่แหละ (ลูกคนรวย จะลำบากหน่อย เพราะ พ่อแม่ คอยแต่จะให้เงินเรื่อย ...ทำให้เราเข้าใจโลกช้า)


4. ‘ต้องเดินทางไกลจากพ่อแม่’ ...อันนี้มันสอดคล้องกับข้อ 3 ...ถ้าห่างพ่อแม่ และ ต้องหาเงินเอง ...ยิ่งดี


5. ‘อยู่ต่างที่ ต่างแดน’ ...cross culture จะทำให้เราเป็นคนที่เปิดกว้าง ...คนส่วนใหญ่ มักจะเข้าใจวัฒนธรรมเดียว ...ถ้าใครอยู่ในหลายวัฒนธรรมจะมี mindset ที่กว้างว่า ยืดหยุ่นกว่า ...ลองดู startup ระดับโลก เกิดจากลูกหลานผู้อพยพแทบทั้งนั้น ...ไม่ต้องอะไรหรอก อย่างเมืองไทย เจ้าสัว ก็เชื้อสายจีนทั้งนั้น


6. ‘โดนโกง และ โดนหักหลัง’ ...การโดนโกง และ หักหลังที่แสบสุด คือ โดนจากคนใกล้ตัว ...ยิ่งโดนจากคนที่เราไว้ใจ หรือ โดนจากผู้ใหญ่ที่เคารพ ยิ่งโหดสุดๆ ...มันจะทำให้เด็กคนนี้ แกร่งมาก ...โชคดีจริงๆ !! 


7. ‘มีปัญหากับพระเจ้า’ ...คนที่เจอปัญหาชีวิตเยอะๆ หนักๆ ก็จะเริ่มมีปัญหากับพระเจ้า ว่า ...เฮ้ย!! ท่านมีปัญหากับผมหรือ ? ...ทำไมต้องกำหนดชีวิตและโชคชะตาที่โหดร้ายแบบนี้ให้ผมวะ ...? 


...แน่นอน ‘ไม่มีเสียงตอบรับ’ ..ไม่มีทางที่ดีกว่า ...ไม่มีแสงสว่าง 


แล้วไงต่อวะ ?


หลังจากเราเจอเรื่องที่เลวร้ายสุดๆ (ในความคิดเรา) เชื่อไหมว่า ‘บางคนเจอเรื่องหนักกว่ามึงอีก แค่เขาไม่ได้เล่าให้ฟังก็เท่านั้นเอง’ 


....หลังจากเรื่องร้ายสุดๆ ถ้าเราอดทนและเดินต่อ ชีวิตมันจะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างช้าๆ 


...ช่วงชีวิตที่แย่มันโคตรนานเลย !! ...ก็เพราะ โลกมันกำลังทดสอบเรา ...ยิ่งเราโดน บีบอัด อย่างรุนแรง และ ยาวนาน ก็แปลว่า ‘คาร์บอนธรรมดาๆ อย่างเรา ..มันกำลังจากกลายเป็น เพชร!!’ 


...นี่แหละที่มาของคำพูดที่ว่า ‘แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร’ 


ใช่!! ผมชอบศึกษาชีวิตคน ...จนพบว่า เด็กคนไหนก็ตามผ่านทั้ง 7 ข้อ ...เขามีชีวิตที่สนุกแน่ๆ และ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลละ ...คุ้มๆ ‘เกิดมาคุ้มครับ’ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เมื่อเราตัดสินใจ cut loss รอบใหม่ก็มาให้เราตกรถทันที

 ‘ทำไมคนติดดอย พอ Cut Loss ก็ตกรถต่อ ...สบายเงิบจริงๆ ตลาดหุ้น..ฮ่า ฮ่า’ 


ใครเป็นแบบนี้ยกมือขึ้นครับ !! 


...อย่าเสียใจ เพราะ คุณก็แค่เหมือนคนส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้นนั่นแหละ 


‘กว่าจะทำใจ Cut Loss ก็ถึงเวลาหุ้นขึ้นอีกครั้ง’ ...มาดูกันว่า มันเป็นเพราะอะไร ?


1. ‘เมื่อรายย่อย ขายหุ้นหมด ก็ถึงเวลาที่เขาจะเอาหุ้นขึ้น’ ...หุ้นจะขึ้นครั้งใหม่เมื่อรายย่อยยอม Cut Loss


2. ‘เวลาที่รายใหญ่กับเจ้าเก็บหุ้น ก็คือ ช่วงที่งบแย่ และ มีแต่ข่าวร้าย’ ...ซื้อหุ้นให้ถูก ก็ต้องภาวะที่คนส่วนใหญ่กลัวนั่นแหละ 


3. ‘หุ้นลงไหลๆ แบบไม่มี Volume เป็นช่วง บีบให้รายย่อยขายออกให้หมด’ ...ใครเข้าใจภาวะแบบนี้ จะซื้อได้ถูกมากๆ (แต่ต้องแกะงบ ดูสภาพคล่องว่าไม่เจ๊งนะ)


4. ‘ต้องลากขึ้นให้แรง ก่อนประกาศงบใหม่’ ...รอบใหม่ขึ้นแรงเสมอ เพื่อให้รายย่อยไม่กล้าซื้อตาม ...หุ้นขึ้นครั้งใหม่จึงไม่ค่อยมีรายย่อยไง


5. ‘ระหว่างทางขึ้น ทุบให้หลุดแนวรับ’ ...ถ้าไม่หลุดแนวรับ รายย่อยก็ยังถือกำไร ต้องทุบให้หลุดแนวรับ บีบให้เม่าขาย ...แล้วรีบยกกลับให้เม่าซื้อกลับไม่ทัน


6. ‘ลากให้สุด ไม่หยุดแค่แพง’ ...ทุกวันนี้การลากหุ้น ไม่มีมาลากแบบหน่อมแน้ม ...ต้องลากให้ทุกคน งง ว่า ตกลงกรูพลาดที่ขาย หรือ พลาดที่ไม่ซื้อตามใช่ไหม ?


 ...จากนั้น ลากให้ทุกคนคิดว่า ‘ขาขึ้นครั้งนี้ไม่มีทางลง’ 


...แล้วเขาจะลากต่อไปอีก ไปอีก ไปอีก 


...จากนั้น ประกาศงบ ดีที่สุด ..แล้วลากไปอีก 


...สุดท้ายเม่าจะ บอกว่า โอเคกรูขอตามสักนิดละกัน ....จากนั้น ขาลงครั้งใหญ่ ก็มาถึง !!


พูดมาซะยาว ตกลงมีทางแก้ไหม ?


‘มีซิ!!’ 


1. ซื้อหุ้นถูก ที่ไม่มีใครเชียร์

2. ทนถือแม้ว่าหุ้นเริ่มแพง

3. ซื้อเพิ่มเมื่อเจ้าสับขาหลอก

4. ทยอยขายเมื่อมีข่าวดีสุดขีด และ ใครๆ ก็อยากซื้อ

5. ฝึกแบบนี้จนเราเชี่ยวชาญ 


‘ตลาดหุ้นมันไม่เคยได้ดั่งใจเรา แค่เราเข้าใจ การทำกำไรก็มีให้เราเรื่อยๆ ..มาทุกรอบ!!’ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เราอยู่ในยุคที่คนรวย ไม่ใช่คนที่มีเงินสดมากอีกต่อไป

 ‘เรากำลังอยู่ในยุคที่ คนรวย ไม่ใช่คนที่มีเงินสดมากอีกต่อไป’ 


ในอดีตการออมก็คือ การเอาเงินไปฝากธนาคารให้มีตัวเลขในบัญชีเยอะ ...ยิ่งมีเงินสดเยอะ เขาก็เรียกว่าคนรวย


แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรายิ่งเห็นปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้น ขึ้นทำจุดสูงสุดไปเรื่อยๆ ทั้งที่โควิดก็ยังอยู่ เศรษฐกิจตกต่ำก็ยังไม่ได้ผ่านไป 


คำอธิบายเรื่องนี้ก็คือ ‘ระบบการเงินมันเปลี่ยน’


1. ‘การพิมพ์เงินอย่างมหาศาลของรัฐบาลทั่วโลก ส่งผลให้ เงินลดมูลค่า’ ...ซึ่งทำให้ สินทรัพย์ ราคาขึ้น ...คนที่จะรวยมหาศาลในยุคนี้ ก็คือ คนที่จับสินทรัพย์ถูกตัว และ กล้าที่จะถือผ่านความผันผวนของราคา ที่เรียกว่า ‘อดทนรวย’ นั่นแหละ 


2. ‘หาเงินเก่ง ไม่สำคัญเท่าลงทุนเป็น’ ...ภาวะเศรษฐกิจแบบปัจจุบัน ส่งผลให้หาเงินยาก คู่แข่งเยอะ ...แต่ในด้านการลงทุน ถ้าถูกตัว ถูกจังหวะ มันจะเติบโตแบบไม่คิดชีวิต ‘ขึ้นแหลก!!’ ...เราเห็นปรากฏการณ์หุ้น Tesla ที่ทำให้ Elon Musk ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งที่ธุรกิจยังไม่ได้ทำเงินมหาศาลเลย


3. ‘สินทรัพย์เสี่ยง น่าลงทุนกว่าสินทรัพย์ไม่เสี่ยง’ ...ในเมื่อคนส่วนใหญ่ วิ่งหาความชัวร์ ความมั่นคง ในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่ ...สินทรัพย์ไม่เสี่ยง จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนแย่งกันซื้อ จนราคาแพง บางครั้งแทบไม่คุ้มที่จะซื้อด้วยซ้ำ ...ตรงข้ามกัน สินทรัพย์เสี่ยงบางอย่าง กลับถูกเกินความจริง และ สามารถสร้างเศรษฐีได้ในอนาคต


4. ‘ตลาดทุนและการระดมทุน เปิดกว้างและหลากหลายขึ้น นี้คือโอกาสการสร้างตัวแบบก้าวกระโดดในยุคนี้’ ...การทำธุรกิจเพื่อหาเงินอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ...ยุคนี้ การทำธุรกิจเพื่อเข้าตลาดหุ้น สามารถระดมเงินได้มากกว่า โตได้เร็วกว่า ใช้เงินตัวเองน้อยกว่า และ โตได้ไกลกว่า 


5. ‘สินทรัพย์คือ สิ่งที่เราต้องออม แทนการออมเงิน’ ...การออมเงินในยุคนี้ ต้องแทนด้วยการ ออมในสินทรัพย์แทน เช่น ออมในหุ้น ...การออมคือ การมองยาว ...ยิ่งมองยาว ก็ยิ่งต้องออมในสิ่งที่ราคาขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว อย่างหุ้นคุณภาพนั่นเอง


6. ‘การบริหารความเสี่ยงรายบุคคล จึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกยุคใหม่’ ...การหาเงินยุคใหม่ ต้องมีรายได้หลายทาง ...การลงทุนก็เหมือนกัน ต้องวางแผนให้เข้ากับ Lifestyle ของเรา ...เช่น มนุษย์เงินเดือน อาจมี Active Income ที่เป็นเงินเดือนอยู่แล้ว การลงทุนก็ควรเป็นแบบ Passive อย่าง ออมในหุ้นปันผล (เพื่อเติมเต็ม สิ่งที่เราขาด)


สรุป ‘คนรวยต่อไป คือคนที่ ออมในสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ...ซื้อสะสมไปเรื่อยๆ ...ยิ่งไม่ขายเลย ก็ยิ่งดี เพราะ ในระยะยาว มันจะเติบโต สวนมูลค่าเงินสดที่มีแต่ลดลง ...ยิ่งถ้าเราเลือกสินทรัพย์ที่ให้ปันผลด้วยอย่างหุ้น ...เราจะได้อิสรภาพทางการเงินแถมไปด้วย


เพราะ เงินปันผล จากการลงทุน คือ เงินทำงานแทน แม้ว่าเราจะหยุดทำงานไปแล้วก็ตาม


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


สนใจเปิดบัญชีหุ้น หรือ ออมหุ้น คลิ๊กที่นี่เลย

http://bls.tips/pawawitTeam 


หรือ โทร 02-618-1111 บอกทีมงาน ว่า “เอาแบบออมหุ้นอัตโนมัติ ที่พี่แพ้ทแนะนำ” 


วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เบื้องหลังคำถาม เขาคิดยังไง ?

 ‘เคยคิดไหมว่า คนถาม เขาคิดอะไรอยู่ ?’


ในฐานะอาจารย์สอนการลงทุน ..ผมจะได้รับคำถามเยอะมาก ...แต่ก่อน ก็เน้นหาคำตอบ ...พอมาวันนี้ ผมเริ่มอยากรู้เพิ่ม ว่า ทำไมเขาถามแบบนี้ ?


‘กลายเป็นว่า พอเรามาคิดว่า ทำไมเขาถามแบบนี้ มันทำให้เรา ให้คำตอบที่ตรงกับสิ่งที่เขาอยากรู้จริงๆ มากกว่า’ 


...”แปลว่า พี่แพ้ท ถามอย่าง ตอบอีกอย่าง ...แถๆๆ ไปใช่ไหมครับ ...ฮ่า ฮ่า” (ไอ้นี่ตลก หลอกด่า)


- ‘ผมอยากลงทุนโดยไม่เสี่ยง ..เอาผลตอบแทนเยอะๆ ในเวลาสั้น และ การันตี ผลตอบแทนด้วย ...มีไหมครับ ?’


...มีนะ ‘แซร์ลูกโซ่ไง’ ...การันตีผลตอบแทน ได้เงินเยอะ และ เร็ว อย่างเหลือเชื่อ ...แต่ !!


แต่คนส่วนใหญ่เสียหาย ...มีคนเพียงส่วนน้อย หัวๆ ที่ได้กำไรมหาศาลจากเกมนี้ ...โอเคไหม ? 


....ใช่!! คำถามแบบนี้ ผมเจอเยอะมาก ...เพราะ คนรุ่นใหม่ อยากสำเร็จเร็ว อยากหาช่องว่างของระบบ แต่ปัญหาก็คือ คุณพร้อมที่จะเสี่ยงแค่ไหน ?


...สมัยผม การลงทุนแปลกๆ มันจะผูกกับ สิ่งใหม่ๆ เสมอ ...ผ่านมาถึงวันนี้ การลงทุนแปลกๆ ก็ผูกกับสิ่งใหม่ๆ เหมือนเดิม 


1. เข้าใจยาก ...พูดแล้ว ดูล้ำ!! ...เราลงทุน ในการขุดแร่ที่ดาวอังคาร ...หรือ เรามี AI ที่เหนือกว่า Amazon ใช้ 10 เท่า ...เหรียญของเรา จะถูกใช้แทนเงินดอลลาร์ ในอนาคต ว่าไป !! (โคตรไร้สาระ สำหรับคนที่รู้ แต่คนทั่วไป มันล้ำโคตรๆ)


2. การันตีผลตอบแทน ...จ่ายเมื่อไหร่ เท่าไหร่ ชัดเจน


3. ต้องหาคนเพิ่ม ...เพราะ ข้อ 2 ที่ทำได้ เนื่องจาก มีข้อ 3 คือ มีคนโดนหลอกเข้ามาเพิ่ม เพื่อจ่ายเงินให้คนก่อนหน้าในข้อ 2 


กลับมาที่ความจริง 


1. การลงทุนที่ดี ต้องเข้าใจง่าย (อธิบายแล้วต้องมีเหตุผลชัด ไม่ งง)


2. การลงทุน ต้องมีความเสี่ยง ...ต้องบอกได้ว่า ‘ความเสี่ยง คืออะไร แล้ว เราจะเสียหายสูงสุดได้เท่าไหร่) ...ถ้าใครมาการันตีความเสี่ยง แปลว่า มันเป็นแชร์ลูกโซ่ ไม่ใช่การลงทุนละ 


3. การลงทุนจริงๆ ต้องไม่เกี่ยวกับการหาดาวน์ไลน์ ...’การลงทุน ต้องไม่ใช่การหาคนมาเพิ่ม’ (ของดีจริง เรายิ่งไม่อยากให้ใครรู้ ไม่มีมานั่งป่าวประกาศ)


4. เวลาเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ในการลงทุน ...การลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเยอะๆ มักจะคุมเวลาไม่ได้ ...แต่ถ้าการลงทุนไหนที่คุมเวลาได้ รู้ว่าได้เท่าไหร่ เมื่อไหร่ ชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนที่ผลตอบแทนต่ำมากๆ 


ใช่ครับ !! ที่ยกเรื่องนี้มาเล่า เพื่อจะให้เข้าใจว่า ทุกวันนี้ คนจำนวนมาก ตกเป็นเหยื่อ ของแชร์ลูกโซ่ หรือ โดนหลอกให้ลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงเกินไป เพราะ เขาใช้จุดอ่อนของเรา ‘ความโลภ’ ..มาล่อลวงเราให้หลงเชื่อนั่นเอง


...โอเค !! แล้ว ‘ช่องว่างของระบบ หรือ ทางลัด’ มันคืออะไรครับ ?


1. คนส่วนใหญ่จะคิดว่า ช่องว่าง คือ สิ่งที่ทำง่าย แต่ผิด ...ช่องว่าง จริงๆ ต้องยาก ต้องเหนื่อย ต้องดูเสี่ยงมาก ...คนอื่นถึงไม่อยากทำ ...นี่แหละ ช่องว่างของจริง ....ถ้าเราย้อนดู StartUp ในโลกที่สำเร็จ ...แทบทุกธุรกิจ ทำในสิ่งที่โคตรเสี่ยง เช่น ยอมขาดทุน เพื่อเร่งยอดขาย จนธุรกิจใหญ่ ถึงค่อยกำไรจริง 


2. ทางลัด คือ การอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ...ใช่!! ทางลัด จะได้เงินช้าเสมอ ...ถ้าได้เงินก่อน ได้เร็ว อันนี้ทางหลอกละ ....แต่ที่เขายอมได้เงินช้า เพราะ สุดท้ายเขาได้เงินใหญ่นั่นเอง (ช้าแต่เยอะ นี่แหละ ทางลัด ...กินทีหลัง อร่อยกว่า ประมาณนั้น)


ไว้ว่างๆ เดี๋ยวเรามาเจาะแนวคิด ของ ธุรกิจรุ่นใหม่ ว่า เขาหาทางลัดยังไง และ สำเร็จแตกต่างกับธุรกิจรุ่นเก่ายังไงกัน


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

คนที่มีอิสระภาพ ก็คือ คนที่มีระเบียบวินัย

 

‘คนที่มี อิสระภาพ คือ คนที่มีระเบียบวินัย’

ฝรั่งเขาจะพูดว่า Freedom comes from Discipline!!

มันเป็น คำพูดที่โคตรจะ ขัดแย้งในตัวเอง ...คนมีระเบียบวินัย จะนำไปสู่การมีอิสระ !! ...อะไรวะ ?

...แต่บอกตรงๆ ว่า ยิ่งผมพยายามทำความเข้าใจ มันก็ยิ่งใช่ ...เพราะ ทุกคนที่มีอิสระ ในชีวิต มันเกิดจากคน คนนั้น มีวินัยอย่างสูงในสิ่งที่ตัวเองทำ ...และทำมันจนเกิดผลนั่นเอง

...อิสรภาพ ใครๆ ก็อยากมี จริงไหม ?

...เราอยากมีอิสระ ในการ เลือกดำเนินชีวิต ...แต่การที่ทุกคนจะสามารถมีอิสระ ในทางเลือกของตัวเอง มันมีขั้นตอนที่ไม่ง่าย ...ต้องบอกว่า โคตรยาก !!

มาดูกันว่า ..การจะเดินทางไปถึง Freedom เราต้องเจออะไรบ้าง ?

1. ‘งานง่ายๆ ไม่เคยให้ อิสระภาพกับเรา’ ...พูดง่ายๆ ว่า ใครก็ตามที่เลือกงานง่ายๆ เช่น งานที่ไม่ต้องใช้ความรู้มาก งานนั้นมักจะได้เงินน้อย แถมมีคนแทนเราได้ง่าย ...ใครเลือกงานแบบนี้ ชีวิตจะเหนื่อย แถมเงินน้อย จริงไหม ? (งานยาก งานที่ไม่มีใครอยากทำ ต่างหาก ที่นำเราไปสู่อิสรภาพ)

2. ‘ผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน มักเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในการทำงานที่สูงมาก’ ...ศิลปินที่เป็นสุดยอด มักเป็นคนที่ทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อสร้างผลงานในแบบที่ตัวเองเชื่อ ...เช่นกัน คนที่อยากจะเป็นสุดยอด ในงานของตัวเอง ก็ต้องมุ่งมั่นทำงานของตัวเอง แม้ว่าคนอื่นจะไม่เห็นด้วยกับเราก็ตาม

3. ‘คนที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ มักมีชีวิตที่ตกอับ’ ...อะไรก็ได้ ..ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ !! ..ใครคิดแบบนี้มักจะซวย และ ตกอับ ...เพราะ การสร้างผลงานที่โดดเด่น ก็คือ การสร้างผลงาน ที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่

4. ‘คนที่เป็นสุดยอด ในสิ่งที่เขาทำ ก็คือคนที่อดทนทำ ในสิ่งที่ตรงข้ามกับมวลชน’ ...การสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เปลี่ยนชีวิตผู้คน ก็คือ การอดทนสร้างความเชื่อให้เกิดผลลัพธ์จริง

ก็คร่าวๆ ประมาณนี้

คือ ใครก็ตามที่อยากมีอิสระ เช่น อยากมีอิสระในการทำงาน ...อยากมีอิสรภาพทางการเงิน ...ต้องขวนขวาย และ ทำตรงข้ามกับมวลชน อย่างสม่ำเสมอ

..สรุป คือ

ถ้าอยากมีอิสรภาพ ก็ต้องเริ่มจากการ มีระเบียบวินัย

- ถ้าอยากลดน้ำหนัก ไม่ใช่ไปหายาลดความอ้วน หรืออดอาหาร ...แต่คือการ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และ ลดอาหารอ้วน ...แค่นั้นก็ได้ละ

- ถ้าอยากรวยหุ้น ..ใม่ใช่วิ่งหาหุ้นเด็ด ...แต่แค่เรา แบ่งเงินมา DCA ใน ETF ...แค่นี้ก็รวยได้ในระยะยาวแล้ว

...จัดไปครับ !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

สนใจเปิดบัญชีหุ้น หรือ ออมหุ้น คลิ๊กที่นี่เลย
http://bls.tips/pawawitTeam

หรือ โทร 02-618-1111 บอกทีมงาน ว่า “เอาแบบออมหุ้นอัตโนมัติ ที่พี่แพ้ทแนะนำ”

ตลาดหุ้นไทย เป็นขาขึ้นจริงจังแล้วหรือยัง

 


"ตลาดหุ้นไทย เป็นขาขึ้นหรือยังครับพี่แพ้ท ?"
 
ช่วงนี้เริ่มมีคำถามมากขึ้นว่า "ตกลงตอนนี้ ตลาดหุ้นมันเปลี่ยนเทรนด์ จากขาลง เป็นขาขึ้นแล้วใช่ไหม ทั้งๆที่พื้นฐานและเศรษฐกิจยังแย่แบบนี้อ่ะนะ มันจะไปได้เหรอ ?" 
 
ต้องอธิบายให้ฟังแบบนี้
 
..ตลาดหุ้น กับ เศรษฐกิจ มันไม่ได้ขึ้นลงพร้อมกันเป๊ะๆ ...ตลาดหุ้นมักวิ่งไป ล่วงหน้า แล้วพื้นฐานถึงค่อยตาม
อย่างตลาดในรอบนี้ ..มันเริ่มลงมาตั้งแต่ปี 2018 ที่จุดสูงสุดประมาณ 1800 จุด ลงมาเรื่อยๆ มาสุดที่ช่วงโควิด ประมาณ 900 กว่าจุด ...ไอ้ตอนมันเริ่มลง เศรษฐกิจก็ยังไม่ได้แย่ขนาดนี้ ..หุ้นเริ่มวิ่งลงละ ....พอมันมาช่วงโควิด เศรษฐกกิจเริ่มแย่จริง แต่ตลาดหุ้นมันก็เริ่มกลับตัวขึ้น ตั้งแต่ช่วงมีนาคมละ 
 
..นี่แหละตลาดหุ้น ..มันต้องคาดการณ์ล่วงหน้า !!
 
จากนี้ไปตลาดก็จะเริ่มเป็นขาขึ้นอย่างจริงจัง ...น่าจะขึ้นชัดๆ แล้ว Fund Flow ไหลเข้าจริงจัง ก็ช่วงปีหน้า ...ตอนนี้หุ้นใหญ่ๆ ก็จะได้รับเม็ดเงินก่อน ...คนซื้อในช่วงนี้ ก็เริ่มเก็บเพราะ พื้นฐานมันถูก ..แม้ผลประกอบการยังมองไม่เห็นอนาคต แต่รู้แน่ ว่าบริษัทเหล่านี้รอดแน่ ...พอทุกอย่างดี เดี๋ยวมันก็พุ่ง เขาก็ช้อนรับก่อน
..ก็หุ้นใหญ่วิ่งก่อน ...พอเริ่มตึงๆ เดี๋ยวหุ้นกลาง หุ้นเล็ก ก็จะมา
 
อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ "แล้ว รอบต่อไป ของการขึ้น หุ้นตัวไหนจะเป็น Super Stock" 
 
คำว่า Super Stock จากนี้ไป ผมให้นิยามว่า หุ้นที่ขึ้น 5-10 เด้งขึ้นไป ..เพราะ ถ้าหุ้นตัวใหญ่ ในแต่ละรอบ มันจะขึ้นน้อยกว่านั้น ...พูดง่ายๆ ว่า หุ้นดี หรือ หุ้นเดิม ที่เคยแจ๋ว ...มันจะไม่เป็น Super Stock ในรอบถัดไป ...แต่มันก็ลงทุนได้ เพราะ หุ้นดี ยังไง ก็ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ
 
ก็นั่นแหละ จุดแตกต่างระหว่าง "รวย กับ รวยมากๆ" ...แต่เอาเถอะ เอาแค่ "รวย" ก็พอแล้ว ....ส่วนมันจะ รวยมากๆ ก็ขึ้นกับว่า ในแต่ละรอบ เราคัดหุ้นที่จะ Sexy ในรอบต่อไปได้หรือไม่นั่นเอง
โดยสรุป 
 
ตลาดหุ้นไทยจากนี้ไป จะเริ่มเป็นขาขึ้นเบาๆ และ เป็นขาขึ้นชัดเจนในปีหน้า เข้าสู่ Wave 3 ใน SET (ซึ่ง Wave 3 นี่แหละ ที่จะสร้างความมั่งคั่งอย่างแท้จริง ทุกๆ รอบนั่นเอง) 
 
หุ้นใหญ่ และ หุ้นที่เป็น Super Stock ในรอบที่ผ่านมา จะให้ผลตอบแทนที่ดีพอใช้ได้ แต่จะไม่ขึ้นหลายๆ เด้งแบบเดิมแล้วก็เท่านั้นเอง ..เราเรียกว่า "หุ้นกลุ่ม มั่นคง แต่ไม่มั่งคั่ง" 
 
ส่วนหุ้นที่จะเป็น หุ้น "มั่งคั่ง" ในรอบนี้ ก็ต้องคิดให้ได้ว่า อะไร คือ เทรนด์ ของการทำธุรกิจจากนี้ไป
ก็เอาใจช่วยทุกคน ....อย่างน้อยลงทุนบ้าง มีหุ้นมั่นคงไว้ในพอร์ต ..และ ก็แบ่งเงินบางส่วนมาคัดหุ้น Sexy ติดปลายนวมไว้บ้าง ..ก็ลุ้นกันไปครับ
 
สนใจเปิดบัญชีหุ้น หรือ ออมหุ้น คลิ๊กที่นี่เลย
หรือ โทร 02-618-1111 บอกทีมงาน ว่า “เอาแบบออมหุ้นอัตโนมัติ ที่พี่แพ้ทแนะนำ”

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

อยากเลือกชีวิต เล่นหุ้นสายชิว เอาแบบนี้เลย


 ‘ชีวิตเราเลือกได้ จริงหรือ?’ 


เอาตรงๆ สมัยก่อน ผมก็คิดว่า ชีวิตมันไปตามดวง ..ปล่อยมันตามดวง เละ ตุ้มเป๊ะ เกือบกลับมาไม่ได้ !!


ขอพูด 3 เรื่อง ใหญ่ๆ ละกัน ‘เรียน งาน เงิน’ ว่า เรามีทางเลือกอะไร ?


1. ‘เรียน’ ...ยุคผม คนเรียนเก่ง ต้องไป หมอ หรือ วิศวะ ...ถ้าเรียนอ่อน ไปสายศิลป์ ...ไม่มีทางเลือกเลย ...แต่จริงๆ ทางเลือก มันขึ้นกับเรานะ 


ผมเรียนไม่แย่ แต่ก็ไม่เก่งมาก ..ผมก็คิดว่า ถ้าผมเลือกเรียนสายศิลป์ ผมก็จะดีขึ้น ...เหมือน คุณเลือกคู่ชก ..ถ้าเราไปเลือกต่อยกับนักมวยมืออาชีพ เราอาจจะเละง่ายๆ จริงไหม ? 


สรุป ..ผมเลือก สายศิลป์ ...จากที่เคยเรียนได้กลางๆ ผมกลายเป็น Top ห้องของสายศิลป์ 


จากนั้น พอเรียน มหาวิทยาลัย ผมใช้สูตรเดิม คือ เรียนอะไรก็ได้ ที่จบง่ายสุด และ เกรดดีสุด 


...ขอบอกเลย ชีวิตในมหาวิทยาลัยผม โคตรสนุก เรียนง่าย จบเกรดดีอีก 


ผมเริ่ม เข้าใจแล้วว่า ‘ชีวิตเรา เราต้องเลือกเอง’ การเลือกสนามที่เราเก่ง เราย่อมได้เปรียบ 


2. ‘งาน’ ...เรื่องงาน ตอนแรกๆ สารภาพเลย ผมพลาด ...ดันไปเลือกงานที่ไม่ถนัด แต่มันอยู่ในกระแส เพราะ คิดว่า น่าจะรวยง่าย 


ผมเลือก ทำงานร้านอาหารในต่างประเทศ ...บอกเลย 10 ปีนั้น โคตรไม่มีความสุขเลย ...งานมันไม่ใช่ตัวเรา 


พอกลับมาเมืองไทย ผมเลือกงานใหม่ เอาที่ผมชอบ คือ งานเขียน ...พอดีผมเป็นคนชอบเขียน ก็เริ่มจากงานเขียน เขียนฟรีในบล็อก จนรวมเล่ม ...แล้วก็ต่อ ยอดจากจุดนี้ 


สรุปว่า มันโคตรใช่เลย ทำไม่ยาก เพราะ ผมชอบอยู่แล้ว ...จากนั้น ต่อยอด มาเป็น อาจารย์ ก็ใช่อีก 


ถึงจุดนี้เลยเข้าใจเลยว่า ‘การเลือกงานตามกระแสมันโคตรทุกข์ แต่ถ้าเริ่มจากงานที่เป็นตัวเรา แล้วค่อยๆ มองโอกาสต่อยอด มันสนุก แล้วไปได้ไกลกว่า’


3. ‘เงิน’ ...การหาเงิน มันขึ้นกับนิสัยเรา 


อย่างผม ชอบ Passive เพราะ ผมไม่ชอบ Active ก็เลยต้องศึกษา ทุกอย่าง ที่จะทำให้ผมมีรายได้แบบ Passive 


ก็ศึกษา ทั้ง ธุรกิจ อสังหา มาจนเจอหุ้น 


อย่างหุ้น ถ้า Active ก็ต้องเทรด ซื้อขายบ่อยๆ บอกเลยไม่แนวอ่ะ 


พอมา ‘ออมหุ้น’ อันนี้ใช่เลย ..ซื้อครั้งเดียว จากนั้น ให้หุ้นทำงานให้เรา 


ทุกวันนี้ การลงทุนผม ค่อนข้างสบาย คือ ซื้อทุกครั้งเวลามีวิกฤต นอกนั้นอยู่เฉยๆ ให้เงินมันทำงาน 


มันสบายแบบที่หลายคน งง ว่า ‘ทำไมมรึง ชิวจังเลยวะ ?’ 


....ครับ !! ที่เล่ามา ทั้ง 3 เรื่อง 


เรียน / งาน / เงิน 


ผมว่า เราเป็นคนเลือกทางเดินเอง นั่นแหละ 


ถ้าเรา อยากได้ชีวิตแบบไหน ...เราก็แค่เลือก แบบนั้น 


ใช่!! ‘ชีวิตเลือกได้’ ...เราอย่าปล่อยชีวิตให้มันไปเรื่อยๆ ...เราต้องลุกขึ้นมา แล้วกำหนดทางเลือกที่มันเหมาะกับเราครับ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


ใครสนใจศึกษาหุ้นแนวชิวๆ แบบผม ก็แนะนำ หนังสือ มือใหม่หุ้น ลงทุนเก่ง 


วางแผงที่ร้าน SE-ED ทุกสาขา ...เชื่อเลยว่า ‘แนวทางลงทุนที่ผมเสนอ จะเหมาะกับคนที่อยากเลือกชีวิตแนวนี้ครับ’ ...จัดไป !!


 


7 จุด ที่เปลี่ยนมือใหม่ให้เก๋าเกม

 ‘มันยังเหลือเหตุผลอะไร ที่ทำให้หุ้นขึ้น ?’


ผมมักเจอคำถามนี้ เวลาที่หุ้นกำลังเปลี่ยนเป็นขาขึ้น !!


ความตลกร้ายก็คือ ...คนที่ถามเขามักจะขายหุ้นทิ้ง เลิก!! ถอดใจ หรือไม่ก็โยกเงินไปตลาดอื่น ไปซื้ออะไรก็ว่าไป


...ต้องเล่าให้ฟังว่า ตลาดหุ้นมันเป็นอะไรที่ยากมากๆ สำหรับมือใหม่ แต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ จะพบว่า ...”ในขณะที่มันโหดกับมือใหม่ แต่มันกลับเป็นสวรรค์ของมือเก่าเลยก็ว่าได้ !!”


...สวรรค์ และ นรก มันอยู่ในจุดเดียวกันได้ไง มาดูกัน 


1. ‘จังหวะของการเต้น’ ...มือใหม่จะซื้อหุ้นเพิ่มเวลาข่าวดี ..แต่มือเก่าจะซื้อหุ้นเพิ่มเวลาข่าวร้าย ...หัวใจก็คือ การเตรียมเงิน แบ่งไม้เข้าซื้อตามจังหวะ 


2. ‘จุดยึดเหนี่ยว’ ...จุดยึดเหนี่ยวของมือใหม่อยู่ที่อารมณ์ของเขาเพียวๆ เลย มันเลยแกว่งมาก ซื้อขายหุ้นนี่ตามอารมณ์เลย โคตรเหวี่ยง ...แต่มือเก่า จะใช้พื้นฐานของหุ้นตัวนั้น เป็นจุดยึด เขาเลยกล้าทยอยซื้อ แม้จังหวะที่หุ้นไม่มีข่าวดีเลย


3. ‘คุณถามใครล่ะ’ ...มือใหม่มักถามมือเก่า ...แต่มือเก่า เขาไม่ถาม แต่จะดูกราฟ เพราะ กราฟหุ้น มันบอกพฤติกรรมของคนที่เล่นหุ้นเกือบทั้งหมด ...เช่น Volume น้อย ราคาลงแรง อันนี้มันแสดงว่า การลงใกล้จะสุดละ ...หรือ Volume เยอะ ราคาทิ้งลง อันนี้ห้ามรับ ต้องรอ ....หรือ ราคาลงแรง หลุดแนวรับ แต่มีการกระชากกลับ อันนี้ต้องรีบซื้อด่วนเลย


4. ‘คุณเชื่อคนง่ายแค่ไหน’ ...มือใหม่มักเชื่อคนง่าย ใครบอกว่าดี ก็รีบซื้อ ...คิดว่าของดีๆ มันจะมาง่ายๆ ...โดนดิครับ ...รับ IPO มาเต็มๆ โบรคบอกว่าดี ...เออ!! ถ้ามันดีจริง รายย่อยจะแทบไม่ได้หุ้นเลย คิดดีๆ ...หรือ แบบจัดเต็มในหุ้นยอดฮิต (จบไม่สวยซักราย) ...มือเก่า ส่วนมากหูหนัก มักทำสวนข่าวด้วยซ้ำ ...ถ้าคนเชียร์เยอะ ขายทิ้งเลย ...คนถอดใจ ต้องทยอยเก็บ เดี๋ยวรอบใหญ่มา


5. ‘เราคือคนส่วนน้อย หรือ คนส่วนใหญ่’ ...ทุกครั้งที่ งง ต้องถอยมาแล้วคิดว่า ‘คนส่วนใหญ่จะตัดสินใจทำยังไงกับสถานการณ์นี้ ...แล้วเราต้องทำตรงข้าม!!’ ...นี่แหละ มือเก่า ...มีบาดแผลมากมาย จากความโลกสวย ...จากนั้นต้องเรียนรู้เพื่อจะอยู่รอดจริงๆ ในระยะยาว


6. ‘มันไม่เหลือเหตุผล ที่ทำให้หุ้นขึ้น’ ...เศรษฐกิจแย่ , มีโรคระบาด , เราไม่มีเทคโนโลยีของอนาคต , ประเทศเราจบแล้ว ....อาจารย์สอนเลข บอกว่า ลบ กับ ลบ กลายเป็นบวก ...นั่นแหละ จุดซื้อ (ในตลาดหุ้น ยิ่งมืด ยิ่งเห็นดวงดาว ...แต่ต้องตั้งใจมองนะ!!) 


7. ‘คุมความเสี่ยงของตัวเอง’ ...อันนี้สำคัญสุด ...ไม่ว่า ใครจะพูดยังไงก็ตาม สุดท้าย เราเท่านั้น ที่เข้าใจความเสี่ยงของตัวเอง 


เคล็ดลับที่มือเก่า อยู่รอดทุกวิกฤตและรวยขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะ เขาคุมความเสี่ยงของตัวเองได้ดี 


วิธีง่ายสุดคือ Prepare for the Worst & Hope for the Best !!


ใช่!! ทุกครั้งที่ซื้อ ‘เตรียมว่า แย่สุด แล้วเราต้องไม่ซวย ก็ซื้อเท่านั้นแหละ ...แล้วหวังว่า ถ้ามันดี ก็รวยไปเรื่อยๆ’


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ