‘ทำไมคนรุ่นใหม่ คิดต่างจากเรา ?’
ผมไปดูคลิปของ Dan Ariely ศาสตราจารย์และนักเขียนชื่อดังในเรื่องของ Behavioral Economics หรือ เศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม ...เขาอธิบายไว้อย่างน่าสนใจมากว่า
‘การตัดสินใจในการใช้เงินของแต่ละ Generation ..ที่คนแต่ละช่วงอายุ หาเงิน เก็บเงิน ใช้เงินไม่เหมือนกัน ..ไม่ได้เกิดจากสมอง หรือ ที่เรามักพูดกันว่า คนรุ่นใหม่ใช้เงินไม่เป็น ..มันไม่ใช่ในแบบที่เราคิด แต่หลักๆ มันเกิดจาก สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน’
พ่อแม่มักจะพูดว่า เด็กยุคนี้ ใช้เงินไม่เป็น ...มองแต่ระยะสั้น ไม่สนใจระยะยาว ...เรื่องนี้เขาอธิบายไว้ดังนี้
1. คนที่เกิดในยุคก่อน อสังหาริมทรัพย์ หรือ บ้าน ราคาไม่สูง เมื่อเทียบกับเงินเดือน ...ดังนั้น ไม่แปลกที่คนสมัยก่อนจะ กู้ซื้อบ้าน แล้วได้กำไร สามารถร่ำรวยและชีวิตมั่นคง จากการมีบ้าน ...แต่ถ้าเรามองไปรอบๆ จะพบว่า ยุคนี้ ราคาบ้าน เทียบกับเงินเดือนเริ่มต้นจะพบว่า ‘ราคาบ้านแพงเกินไป’ ...ถ้ากู้ซื้อบ้านในวันนี้แล้วหวังว่า จะรวยแบบคนยุคก่อน แทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้คนยุคนี้ไม่อยากกู้ซื้อบ้าน
ก็เพราะเขาคิดคำนวณแล้วว่า มันไม่คุ้ม ...ไม่ใช่เขาไม่ฉลาด แต่เขาคำนวณว่าไม่คุ้ม ...สู้เอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจ หรือ ซื้อหุ้น อาจจะคุ้มกว่า
พอพ่อแม่ เห็นลูกคิดแบบนี้ ก็ตีความว่า ‘คนรุ่นใหม่ ชอบความเสี่ยง ชีวิตเสี่ยง’ ...ลองสมมุติว่า ถ้าเอาคนรุ่นนี้ ไปเจอราคาบ้านเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราก็พอจะเดาได้เลยว่า คนรุ่นใหม่ ก็คงจะซื้อบ้านเหมือนกัน เพราะ ราคาบ้านเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มันคุ้มที่จะลงทุน
ใช่!! ...สาเหตุหลักๆ คือ ‘สภาพแวดล้อม’ ณ จุดที่เราอยู่นั่นเอง
2. ‘คนรุ่นใหม่ ใช้เงินเปลือง’ ...ก็เพราะ ชีวิตประจำวันเราตั้งแต่ออกจากบ้าน มันอยู่ท่ามกลางการซื้อขาย ...ทุกธุรกิจรอบๆ ตัวเรา ทำทุกวิถีทางให้เราจ่ายเงินซื้อสินค้าวันนี้เลย ทั้งลด แลก แจก แถม และ การโฆษณา ...ก็ไม่แปลกที่ คนยุคนี้จะไม่เก็บเงิน ..ก็เพราะ ณ เวลานี้ มันคุ้มที่จะซื้อมากกว่าเก็บ
ดังนั้น คนในยุคนี้ นอกจากไม่เก็บเงิน ยังมีแนวโน้มที่จะ ‘กู้เพื่อซื้อ ยอมเป็นหนี้เพื่อซื้อของ’
ที่เล่าเรื่องนี้ เพื่อที่จะอธิบายว่า ‘ทำไมคนรุ่นใหม่ ไม่ลงทุน และ ก็ไม่เก็บเงิน’ ...เพราะ สิ่งแวดล้อมมันจูงใจให้เขาทำแบบนั้น นั่นเอง
‘ถ้าถามว่า มันดีไหม ถ้าเราจะทำตามสิ่งแวดล้อม ?’
- คำตอบ คือ ‘มันไม่ผิด แต่มันไม่ดี’ เพราะ ผลลัพธ์ถ้าคนรุ่นใหม่ ไม่เก็บเงิน แล้วไม่ลงทุน ...เราก็พอจะคาดคะเนได้ว่า คนรุ่นนี้ จะไม่รวย และไม่มีเงินเก็บในอนาคต
คนสมัยก่อน ทำงาน ซื้อบ้านลงทุน สุดท้ายเราเลยเห็นว่า คนสมัยก่อนจำนวนมาก มีทรัพย์สิน มีความร่ำรวย คือ ‘แก่แล้วสบาย’ เพราะ คนยุคก่อน ...ทำงานเยอะ ใช้เงินน้อย แถมลงทุนซื้อทรัพย์สิน
แต่คนสมัยนี้ ทำงานสบาย ใช้เงินเยอะ แถมไม่ลงทุน ..สิ่งที่เราจะเห็นในอนาคตก็คือ
- คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ จะเป็นหนี้ ยากจน ไม่มีทรัพย์สิน ...แถมสุดท้ายพบว่า หลายๆ อย่างที่ยอมเป็นหนี้ซื้อมา มันไม่ได้มีค่านอกจากเป็นขยะ
ครับ!! ...เราไม่ต้องไปถามหมอดูหรอกว่า อนาคตลูกเราจะรวยไหม ...แค่ดู พฤติกรรมการใช้เงิน และ การลงทุน เราก็พอจะเดาได้แล้วว่า อนาคตของเขาจะเป็นยังไง กับการใช้เงินนั่นเอง
- คนรุ่นใหม่ ในอนาคต จะ ‘รวยกระจุก จนกระจาย’ ..คนส่วนใหญ่จะจน เพราะ ไม่เข้าว่า เขาติดกับดักทางความคิด แบบที่เล่ามา โดยใช้ข้ออ้างว่า ใครๆ ก็ทำกัน ...ใช่!! มันไม่ผิด แค่ผลลัพธ์มันไม่ดี มันทำให้ชีวิตยากจน ก็เท่านั้นเอง
- คนรุ่นใหม่ ส่วนน้อยที่เข้าใจสิ่งที่เล่ามา จะรวยมาก เพราะ เขาใช้ชีวิตที่เอื้อให้เขาร่ำรวย ...ดังนั้น ไม่ใช่โชค หรือ ดวง แต่มันคือ วิถีชีวิตที่แต่ละคนเลือก
- คนรวยส่วนน้อย จะครอบครอง สินทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งตรงนี้จะทำให้ เขายิ่งรวย และ ยิ่งมีอำนาจเมื่อเวลาผ่านไป ...เพราะ สินทรัพย์ จะยิ่งสร้างรายได้ และ ผลตอบแทนมากขึ้นเรื่อยๆ ตาม ค่าเช่าที่สูงขึ้น ..ราคาที่แพงขึ้น
‘คำถาม คือ แล้วมีทางแก้ไหม ?’
ผมคุยกับ นักวางแผนการเงินหลายๆ คน ก็เห็นตรงกันว่า
‘ไม่มีทางแก้สำหรับทุกคน แต่มีทางแก้ เฉพาะแต่ละคน’
- คนที่เลือกที่จะ ลงทุนระยะยาว เช่น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ ออมในหุ้น ก็จะชนะในเกมนี้
เพียงแต่ การลงทุนในปัจจุบัน จะทำแบบในอดีตไม่ได้ เพราะ เราอยู่ในยุคที่ ไม่มีสินทรัพย์ราคาถูก ดังนั้น ต้องเรียนรู้วิธีที่จะ หาของถูก เช่น เข้าใจจังหวะในการซื้อ (ซื้อเวลาคนกลัว / ซื้อเวลาเกิดวิกฤต)
สรุปว่า ยุคนี้โลกอยู่ยากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า เราต้องยอมแพ้ เพราะโอกาสมันมีในทุกยุค ทุกสมัย ที่เปิดไว้ให้ คนที่กล้ามองการไกล กล้าแตกต่าง ...จึงจะสามารถเป็นผู้นำ และ สร้างความสำเร็จในชีวิตได้
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม