แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561

"โลกยุคใหม่ ประเทศไหนมีทรัพยากรเยอะจะจน ..แต่ประเทศที่ไม่มีทรัพยากรจะรวย!!"




"โลกยุคใหม่ ประเทศไหนมีทรัพยากรเยอะจะจน ..แต่ประเทศที่ไม่มีทรัพยากรจะรวย!!"

ดูซิทวีป Africa เป็นทวีปที่มีทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งเพชร น้ำมัน แร่ธาตุ ป่าไม้ ..ทุกอย่าง อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ...แต่ประเทศส่วนใหญ่ใน Africa กลับจน

แต่พอมาดูประเทศที่ไม่มีทรัพยากร อย่าง ญี่ปุ่น , สิงค์โปร์ , เกาหลี , อิสราเอล ...เฮ้ย!! ไม่มีทรัพยากร กลับรวย

ว่าแต่มันเป็นอย่างนี้ได้อย่าง ...ผมเชื่อว่า หลายๆ คนก็ต้องสงสัยไม่ต่างกับผม !!

พอศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ เศรษฐกิจไปเรื่อยๆ ก็พบว่า ..."เรื่องเงินๆ ทองๆ มันเป็นสิ่งที่เราไม่เข้าใจมากที่สุด ...เอาง่ายๆ คนส่วนใหญ่ มีเป้าหมายสูงสุด คือ ทำงานหาเงินให้มากที่สุด ...แต่ถ้าถามลึกจริงๆ ว่า คุณรู้รึเปล่าว่า ไอ้เงิน ที่คุณหา มันคืออะไร ?"

- สมมุติ คุณหาเงินเก่งมาก แต่ดันอยู่ในประเทศที่การเงินไม่มั่นคง ...วันดีคืนดี ..ค่าเงินของประเทศคุณก็ลดลง ...นั่นแปลว่า เงินที่คุณหามา มันลดลงโดยอัตโนมัตินะ ...คือ ซวยว่างั้นเถอะ

เราก็เลยเห็น คนรวย ในประเทศที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง ...พอหาเงินมาได้ ก็พยายามเอาเงินที่หาได้ เปลี่ยนเป็น สกุลเงินอื่น เช่น ดอลลาร์ , ยูโร ..แล้วก็ขนเงินไปฝากไว้นอกประเทศ อย่างเช่น มี บัญชีที่สวิส

...โอเค ผมจะแปลให้ฟังว่า ที่เล่ามา มันหมายความว่าอะไร ...ก็หมายความว่า หาเงินได้เท่าไหร่ ไม่สำคัญ เพราะ ผลประโยชน์มันไปตกกับประเทศที่คุณไปถือเงินของเขา ...อย่างในปัจจุบัน ประเทศที่คนรวยทั่วโลก เอาเงินไปแลกเป็นสกุลนั้นมากที่สุด ก็คือ ดอลลาร์

ไม่แปลกเลยที่ วันนี้ อเมริกา รวยและ มีอำนาจที่สุดในโลก

ลองนึกภาพตามนะ ...สมมุติ มีประเทศนึงใน Africa ขาย น้ำมัน ได้เงินมหาศาล ...ถามหน่อย ใครได้ ? ...หลายคนนึกว่า ประเทศเหล่านั้น จะแจกเงินให้ประชาชนอย่างเท่าเทียม ...แต่ไม่ใช่เลย ...คนที่ได้ประโยชน์ ส่วนใหญ่ก็คือ ผู้นำทหาร เผด็จการในประเทศนั้นๆ ...ซึ่งเงินส่วนใหญ่ของเขา ก็เอาไปเปลี่ยนเป็น ดอลลาร์ แล้วฝากไว้ต่างประเทศ

นั่นแปลว่า ทรัพยากร มหาศาล ที่ขายออกมา ...มันไม่ได้ประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ในประเทศเลย ....คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ ผู้นำเผด็จการ ...และ ผู้ได้ประโยชน์สูงสุด ก็คือ "ผู้สร้าง ดอลลาร์ ..ซึ่งก็คือ อเมริกานั่นเอง"

ถ้าย้อนไปตอนที่ มีการโค่นล้ม กัดดาฟี ของลิเบีย ...คุ้นๆ ไหม ...ผู้นำเผด็จการ ...เงินส่วนใหญ่ อยู่นอกประเทศ สุดท้าย โดนยึดหมด ...คนซวยคือ ประชาชนลิเบีย เพราะ ขายทรัพยากรประเทศออกไปมหาศาล แต่สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย

นี่คือ การออกแบบให้ประเทศรวย ยิ่งรวย โดย ระบบทุนนิยม ...คนที่ได้เปรียบมากที่สุด ก็คือ คนที่เป็นเจ้าของดอลลาร์ ...จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ ก็มีการคิดจะสู้ เช่น ยุโรป ออกเงิน ยูโร มาสู้ แต่ก็ยังสู้ไม่ได้ ...ทำให้อเมริกา ยิ่งใหญ่สุดๆ

ถ้าย้อนอ่านประวัติศาสตร์ จะพบว่า ตั้งแต่สมัยโบราณ อาณาจักร ที่สามารถครองโลกได้ ต้องเป็นเจ้าของ "เงินของโลก"

หลายคนอาจคิดว่า "ทหาร" สำคัญที่สุด ...แต่จริงๆ แล้วทหาร สำคัญ อันดับสอง รองจาก "การเป็นเจ้าของเงินที่คนทั่วโลกยอมใช้" ...เพราะ เงิน ซื้อ ทหาร ได้ไง ...ในสมัยของ กุบไรข่าน เป็นครั้งแรกๆ ของโลก ที่มนุษย์ คิดเงินกระดาษขึ้นมา

ก่อนหน้านั้น การแลกเปลี่ยนสินค้า เป็นแบบ Barter Trade ก็คือ การแลกเปลี่ยนสินค้า เช่น ฉันให้งวงช้าง แลก กับ อาหาร อะไรก็ว่าไป ...พัฒนามาเป็น สิ่งที่มีค่า เช่น ทองคำ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

ซึ่งข้อจำกัดของ เงินที่มีค่าจริงๆ คือ มันไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ ...อย่างสมัยโรมัน ก่อน ล่มสลาย ก็คือ ช่วงที่เงิน เริ่มเฟ้อ เพราะ คนเริ่มจับได้ว่า เหรียญทองคำของโรมัน มันไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์ ...สุดท้าย ก็เกิดเงินเฟ้อ มหาศาล แล้วเป็นที่มาของการส่มสลายของอาณาจักรโรมัน ..คุ้นๆ ไหมว่า วิกฤต สุดท้ายจบ ด้วยเงินเฟ้อ และ เศรษฐกิจล่มสลาย

ย้อนกลับมาที่ กุปไรข่าน ...เป็นยุคที่มีการสร้าง เงินกระดาษขึ้นมา หรือ Fiat Money ...แปลว่า เงินนี้ ท่านข่าน สามารถสร้างเงินนี้ ขึ้นมาได้เอง ...ใครเอา ทรัพยากร มาขายให้จีน ในเวลานั้น ก็เอากระดาษ ไปแทน

กระดาษที่ว่านี่ สามารถใช้เป็นเงิน แลกเปลี่ยนสินค้าทุกอย่างในอาณาจักร ...ด้วยเหตุที่ กุปไรข่าน สามารถสร้างเงินให้ทุกคนยอมรับ ..ส่งผลให้ กุปไรข่าน ในเวลานั้น มีทรัพยากรไม่จำกัด ...คือ เอากระดาษไปแลกได้ทุกอย่าง ทั้งอาวุธ , คน ,​ทรัพยากรที่จำเป็น ...และจุดนี้เองที่ทำให้ กุปไรข่าน ได้เป็น มองโกล คนแรก ที่เป็น จักรพรรดิของประเทศจีน (ผมดูเรื่องนี้ จาก Marco polo ใน Netflix แบบว่า โคตรมันส์)

แต่สุดท้าย อาณาเขาก็ลมสลาย จาก "เงินเฟ้อ" นี่เอง ...เหมือน ซิมบับเว่ ..เหมือน เวเนซุเอลา

ที่เล่าเรื่องนี้อย่างยาว เพื่อจะให้เห็นภาพว่า "เงิน" สำคัญมาก ...ถ้าเราแค่ "หาเงินเป็น" มันไม่เพียงพอ ...มันต้อง "เข้าใจเงิน" และ บริหารมันเป็น ...ไม่งั้น สุดท้าย เราก็ตกเป็นเหยื่อ ของคนที่เข้าใจเงินมากกว่าเราอยู่ดี

"เงิน" ทุกวันนี้ เหมือน "สินค้า" อย่างนึง ...ที่ราคาจะขึ้นลง ตามความต้องการของมัน

ยกตัวอย่าง ...ทุเรียน ราคาจะขึ้นอยู่กับ Demand & Supply ..อย่างทุเรียนหมอนทอง ก็เหมือนเงิน ดอลลาร์ ที่ใครๆ ก็อยากได้ ...จึงราคาแพง ...ค่าเงินมันก็จะแข็งในระยะยาว

แต่ทุกเรียน ที่คนไม่ค่อยกิน ...อาจจะเหมือน เงินในประเทศที่คนไม่ค่อยยอมรับ ...ในระยะยาว ค่าเงินของประเทศนั้นก็อ่อน เหมือนอย่างในประเทศที่ไม่ค่อยเจริญ คือ สุดท้ายคนจนลงเรื่อยๆ ถ้าถือ และ สะสมเงินสกุลของตัวเอง (พวกคนรวย จึงไม่ถือเงินสกุลของตัวเอง ไปถือ ดอลลาร์ นั่นเอง)

"คุณสงสัยไหมว่า ทำไม อเมริกา สามารถทำให้เงินตัวเองเป็นที่ยอมรับ ...ถ้าเทียบสินค้าก็เหมือน สินค้าชั้นดี ที่ใครถือไว้แล้วมูลค่าไม่ลดลง"

คำตอบง่ายๆ คือ

1. เงินที่ดี คนเก็บต้องสบายใจ คือ แน่ใจว่า ในระยะยาว มูลค่าจะไม่ลดลง (ในอดีต ถึงปัจจุบัน มีแต่สกุลเงินใหญ่ๆ อย่าง ดอลลาร์ , ยูโร , สวิส , ...ที่มูลค่า มันไม่ลดลงอย่างน่าตกใจ เหมือนอย่าง เงินเวียดนาม , เวียดนาม , ...)

2. เงินที่ดี ต้องไม่ผันผวน ...ไม่งั้น ใครจะอยากเก็บความมั่งคั่งของตัวเองเป็นสกุลเงินนั้น (ทุกวันนี้ มี Cryptocurrency อย่าง Bitcoin ที่เสนอตัวเอง ว่าเป็น สกุลเงินใหม่ของโลก ...แต่ปัญหาคือ ราคามันผันผวนมากเกินไป ทำให้วันนี้ Bitcoin ไม่สามารถเป็นเงินได้ ...มันกลายเป็นเหมือน Commodity (สินค้าโภคภัณฑ์) ...คือ เขาไม่ใช้เป็นเงิน แต่เขาใช้เก็งกำไร ...ยกเว้นว่า วันใดก็ตามที่ ราคา Bitcoin นิ่งๆ ไม่ผันผวนขึ้นลง วันนั้นแหละ ที่ Bitcoin จะสามารถใช้เป็นเงินได้)

ตลกร้าย คือ ถ้า Bitcoin ราคาไม่ผันผวน หรือ ไม่ขึ้น ..แล้วคนที่เล่น Bitcoin ก็คงไม่มีเหตุผลที่เขาจะเข้ามาเล่น ...เพราะ วันนี้เหตุผล เดียวที่คนเข้าไปเล่น Bitcoin ไม่ใช่เพราะ มันจะมาแทนเงิน แต่เพราะ ราคามันขึ้น ...คนส่วนใหญ่ แค่มองว่า เป็นโอกาสในการเก็งกำไรก็เท่านั้นเอง

เอาเท่านี้ก่อน ...ไว้ค่อยมาเล่าต่อ

สรุป "ยุคที่เงินเป็นพระเจ้า" ...ต้อง "เข้าใจและบริหารเงินเป็น" ...ไม่งั้น เราจะเป็นแค่แมงเม่า ที่ใครพูดอะไรก็เชื่อ โดนหลอกไปลงทุนในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ สุดท้ายเสียหาย

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ