"คนไทยจะรวยอย่างไร จากการท่องเที่ยว"
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวอันดับที่ 9 ของโลก ...ประเทศที่นักท่องเที่ยวมากที่สุดคือ ฝรั่งเศส 83 ล้านคน , ที่ 2 คือ อเมริกา 76 ล้านคน เท่ากับ สเปน อันดับที่ 3 , อันดับที่ 4 ก็คือ จีน 60 ล้านคน , ที่ 5 อิตาลี 52 ล้านคน , ที่ 6 / 7 / 8 คือ อังกฤษ , เยอรมัน และ เม็กซิโก ขับเคี่ยวกันที่ประเทศละ 35 ล้านคน
...ส่วน ประเทศไทยอันดับ 9 ที่ 33 ล้านคน (โตขึ้นทุกปี) ...อันนี้ยังเด็ดไม่พอ ...ถ้าวัดเป็นจำนวนเงิน เราคือที่ 3 ในโลก คือ เราโกยเงินปีละ $50 Billion เทียบกับ ขนาดเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ GDP $450 Billion
นับได้เลยว่า เรามีอัตราส่วนของรายได้ที่ได้จากการท่องเที่ยวเทียบเศรษฐกิจ ชนิดที่เรียกว่า "มหัศจรรย์ของโลกเลยทีเดียว"
(ดูจากตาราง จะเห็นเลยว่า ขนาด จีน , ฝรั่งเศส , อิตาลี และ อังกฤษ ที่นักท่องเที่ยวมากกว่า เรายังทำเงินน้อยกว่าเราเลย)
"คำถามคือ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ...แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ?"
เอาในตลาดหุ้นก่อน ...วันนี้ บริษัทที่ P/E สูงแบบน่าตกใจ ..ที่เจ้าของเป็นคนรุ่นใหม่ ก็ล้วนได้รับอานิสงส์จาก การขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว ..โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่เข้าไทยปีละ 10 ล้านคน แล้วมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
รสนิยมจีน นี่แปลก แต่พอมาเจอกับ คนไทย แล้ว กลายเป็นว่า "ชอบคล้ายๆ กัน" ...อย่างทุเรียน นี่ผมว่า ไม่ค่อยมีประเทศไหนในโลกกินหรอก ...อย่างฝรั่งนี่เดินหนีเลย บอกเหม็น แต่คนจีน ชอบมาก
ไม่แน่นะ พอคนจีน ชอบ อีกหน่อย ฝรั่งอาจจะกลับมาทดลอง แล้วชอบตามก็ได้ ...สิ่งที่พูดมานี้ โอกาสทำเงินทั้งสิ้น ..เพราะ เดิมที สมัยก่อน เราเอาแต่ ขายของที่ประเทศไหนก็ผลิตได้ อย่างข้าว ...ยาง อย่างนี้ ...เดี๋ยว!! ไม่ได้ว่า ไม่ดีนะ เพียงแต่จะยกตัวอย่างให้เห็นว่า ...อะไรที่ใครๆ ก็ทำได้ มันขายไม่ได้ราคา
จะค้าขายให้รวย ต้องเริ่มจากวิเคราะห์ Demand & Supply ...อะไรที่คนอื่นทำไม่ค่อยได้ อันนี้จะขายได้ราคา แล้วยิ่งถ้ามีคนต้องการ Demand เพิ่มเข้ามา ..คราวนี้ ราคาขึ้น ก็รวยเละล่ะ
ผมว่า คนยุคนี้ โชคดีมาก เป็นยุคที่ นักท่องเที่ยวเยอะ ...คนเหล่านี้แหละ ที่จะทดลอง สินค้าและ บริการ แปลกๆ ...แล้วถ้าเกิดเขาชอบขึ้นมา ...คนเหล่านี้แหละ ที่จะไปช่วยโฆษณาให้เราต่ออีก
มาตอบคำถามเลยว่า "ใครอยากรวย จากกระแสตรงนี้ จะทำอย่างไร ?"
...สิ่งที่ต้องทำ คือ ไปค้นหา สินค้า และ บริการ ในประเทศไทย ที่คิดว่า มีเอกลักษณ์ ...ยิ่งถ้าสิ่งนั้น ประเทศอื่น ไม่มี ยิ่งดี เพราะ แปลว่า ไม่มีคู่แข่ง
โจทย์ที่ต้องตีให้แตกคือ จะให้นักท่องเที่ยว ทดลองใช้ได้อย่างไร ...ถ้าใช้แล้วเขาชอบ
คุณ อาจจะเป็น เถ้าแก่น้อย คนต่อไป , เป็น เจ้าของครีมหอยทาก หมื่นล้าน หรือ เจ้าของขนมหวาน หมื่นล้าน หรือ จะเป็นเจ้าของร้านสปา หมื่นล้าน
เออ!! มัน หมื่นล้าน กันได้ง่ายๆ เลยยุคนี้ ...แต่เอาจริง ก็ไม่ได้ง่าย มันต้อง สู้ ต้องทดลอง ...แล้วทำจริง
แต่!! อันนี้สำคัญมาก ...อย่าขายแบบบ้านๆ ...ต้องขายแบบมีชั้นเชิง
1. ต้องใส่มูลค่าเพิ่ม ...หีบห่อ , การบรรจุ ...หรือ จะเปลี่ยน วิธีกิน เปลี่ยนวิธีใช้ เปลี่ยนการบริการ ...มันต้องใส่ความคิด Idea เข้าไปให้เกิดมูลค่าเพิ่ม อย่าสักแต่ว่าขาย อันนั้นเสียเวลา
2. ต้องมีมาตรฐาน ..อันนี้คือ ความจริงจัง ...คือ ต้องคิดว่า ถ้าขายดี จะทำอย่างไร ให้รักษาคุณภาพ และ ทำอย่างต่อเนื่อง
3 ต้องซื้อซ้ำง่าย ...ต้องทำให้เขาซื้อซ้ำง่าย ..อย่าสักแต่ว่า ขายแล้วจบ อันนั้นไม่เคยทำให้ใครรวย ...ต้องสั่งง่าย ...ขายต่อออนไลน์ ...อะไรก็คิดเข้าไป
4. ต้องตั้งราคาเหมาะสม ...อันนี้ไปคิดเยอะๆ เพราะ คนส่วนใหญ่ ชอบคิดว่า ขายให้ถูกดีที่สุด ...ใช่ ถ้าขายคนไทย น่ะขายถูกๆ ดีแล้ว ...แต่ถ้าคุณจะทำธุรกิจกับนักท่องเที่ยว ต้องเข้าใจวิธีคิดเขาด้วย ...ราคาเหมาะสม ดีที่สุด ...เรื่องนี้ คุณต้องไปทำการบ้านเยอะ ...เพราะ อย่างกระทิงแดง ฝรั่งเขาเอา เครื่องดื่มกรรมกร เราไปเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มไฮโซ ตั้งราคาโคตรสูง ปรากฏว่า คราวนี้ขายดีกว่า แล้วดังไปทั่วโลก
5. พัฒนาตามลูกค้า ...วันนี้ลูกค้าเปลี่ยนเร็ว ...เราจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เจ๊ง ...ต้องคิดไปข้างหน้า ...อันนี้คือ อ่านมาก รู้มาก เดินทางมาก ...วันนี้คนไทยเดินทางมากขึ้น ดีแล้ว เพราะ เราจะได้รู้ว่า โลกเขาคิดอย่างไร เปลี่ยนแบบไหน
ก็ประมาณนี้ เบื้องต้น ...ลองไปช่วยกันคิด ทำการบ้านดู
"คนไทยรุ่นใหม่ ...โอกาสเปิดอย่างมาก ...รีบคิด รีบทำครับ"
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น