วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553
ก็อกสุดท้าย -- Back up Plan
หลายครั้งที่ผมพูดถึงการเล่นหมดหน้าตัก ซึ่งจริงๆคำว่าหมดหน้าตักของนักลงทุน ที่ผ่านตลาดหุ้น ที่ผันผวนระดับบ้าคลั่งอย่างบ้านเราเรา ย่อมจะมี Back up Plan เสมอ
-- เพราะคุณ เชื่อได้เลยว่า เมื่อใดที่คุณคิดว่าซื้อหุ้นนั้นถูกแล้ว ยังมีที่ถูกกว่าเสมอ ซึ่งคุณไม่เคยซื้อ -- หลายคนค้านบอก ไม่จริงหรอกเพราะเช่น ปี 1998 ที่หุ้นถูกมาก มันได้ผ่านไปแล้ว ไม่หน้าจะมีอย่างนั้นอีก แต่แล้ว ปี 2000 หุ้นก็กลับมาถูกอีก
โดยแต่ละเที่ยว ก็จะผลัดเปลี่ยน หุ้นที่ราคาถูกแตกต่างกันไป เช่น ปี 1998 พวก Banking พอปี 2000 bottom พลังงาน เช่น ใครที่ซื้อ BANPU , PTTEP เวลานั้นรวยเละ แม้ว่าปี 2008 ตลาดก็กลับมาถูกอีกครั้ง
-- จะเห็นได้ว่า ตลาดวนเป็น Cycle ย้อนหุ้นแพงกลับมาถูก ย้อมหุ้นถูกขึ้นไปแพง ดังนั้น ประเด็นคือ คุณ จะรู้ได้อย่างไร ว่าหุ้นที่คุณ ซื้อมันถูกที่สุดแล้ว
--- ฮ่า ฮ่า ตอบได้เลยว่า เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไงว่า หุ้นที่ซื้อถูก(แต่ไม่ถูกที่สุด) อันนี้ต้องเทียบกับ ปัจจัยพื้นฐาน 3 ตัว คือ PE, P/BV และ Dividend Yield ซึ่งสามตัวนี้จะประกอบกันเพื่อชี้ว่าราคาหุ้นนั้นๆ เหมาะสมหรือไม่
อีก ประเด็นที่สำคัญ คือ ก๊อกสอง คือ เงินสด spare ที่อย่างน้อยควรมีติด port เสมอไม่ต่ำกว่า 10 % (ซึ่งอาจอยู่ในรูปของ พันธบัตรรัฐบาล แต่ที่สำคัญ ต้องสามารถขายได้เมื่อคุณต้องการเงินสด ) เพราะบางครั้งราคาหุ้นที่คุณคิดว่าคุณ ซื้อได้ถูกแล้ว มันยังลงต่อได้อีก -- เมื่อเวลานั้นมาถึงคุณ ก็สามารถไขก๊อกสุดท้ายมา ซื้อหุ้นที่ถูกที่สุด (เฉลี่ยทำให้ port คุณ ถูกลงไปอีก)
ในมุมกลับ ผมมองคนอีกประเภทหนึ่งที่ ชอบรอ เพราะคิดว่า ตลาดจะถูกกว่านี้อีก (พวกนี้คือ ประมาณ 80% ของคนเล่นทั้งตลาด) คือ เวลาหุ้นตก ก็มองว่ามันจะต้องตกกว่านี้ รอไปเรื่อยๆ ท้ายสุดก็ ตกรถไฟ ซื้อไม่ทัน หรือ ไม่ก็แทบไม่ได้ซื้อ -- ดังนั้น ถ้าให้วิเคราะห์ ผมมองว่า คนที่เล่นหุ้นกำไร ต้องตัดสินใจเร็ว แต่มี ก๊อกสำรองเสมอ ซึ่งStrategy ซึ่งผมมองว่า นี่เป็น Ideal Value ของ การเล่นตลาดหุ้นไทยเลยก็ว่าได้
จะว่าไปแล้ว ถ้ามองภาพรวมของตลาดหุ้นบ้านเราในปีนี้ ผมมองว่ายังทำกำไรได้พอสมควร แต่ไม่ใช่ปีที่ Value Investing จะเข้ามา เพราะราคาไม่ถูกแล้ว แต่สำหรับ วิธีการเล่นเสี่ยงแบบมีก๊อก สำรอง นั้น ผมมองว่า ตลาดยังมี Room ให้เล่นได้ เพราะบริษัทต่างๆ ยังมี unside gain ได้อีกพอสมควร
--คำถามอีกอันที่หลายคนถามคือ ตลาดที่ 700 กว่าจุดนี้แพงหรือไม่ --ในความเห็นของผมคือ ถ้ามองในกรอบเวลา 10 ปี ผมมองว่า ยังไปได้อีกเยอะ
แต่ถ้ามันเข้าใกล้ระดับ SET 1500 จุด เมื่อไหร่ ก็ตัวใครตัวมัน ซึ่ง Index ที่ผมมอง ก็คือ กรอบ 10 ปี เช่นกัน เพราะถ้าเข้า peak เมื่อใด ก็จะเป็นช่วงที่ แมลงเม่าออกทำงาน คือ ทุกอย่างดี ภาพรวมดี เศรษฐกิจดีมากๆ นั่นแหละ คือ เวลาที่เหล่าแมลงเม่า เข้าตลาด -- ดังนั้น การเข้าตลาดตั้งแต่ปี ที่แล้ว จนถึงปีนี้ ยังไงผมก็มองว่า ไม่ใช่ตลาดแมลงเม่า .... (อย่าลืม ก๊อก สำรองนะครับ)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
หลายคนสงสัยว่า ตลาดหุ้นผันผวนสุดๆ ทำไมนักลงทุนระยะยาวถึงแทบไม่เคยดูราคาหุ้นขึ้นลงรายวันเลย ? "บ้าหรือ เงินแกว่งขึ้นลงเป็น แสน เป...
-
"ใครว่าเป็นนักธุรกิจยาก ..หากเทียบนักกีฬา เกมธุรกิจเล่นง่ายกว่าเยอะ -- เล่นแล้วรวยอีก!!" ..คิดดูนะ ถ้าเราเล่นกีฬาอะไรก็ต...
-
7 ข้อ ทำไมมนุษย์เรา ถึงแย่มากๆ ในการจัดการเงิน ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เราทำนายอนาคตได้แย่มากๆ …สิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าจะดี มันจะแย่ …แต่...
-
‘หุ้นไทย’ ไม่มีอนาคตแล้วจริงหรือ ? 1. ’ขาขึ้นรอบใหม่ มักเริ่มเวลาที่ทุกคนสิ้นหวัง’ …ก็ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นต้นรอบ 2. ’ไทยม...
-
วันนี้ไปเจอหนังสือเล่มนึง ที่ผมว่า เขียนได้ In-trend มากๆ ..มันเป็นแนวคิดสำหรับ คนรุ่นใหม่ที่อยาก Self-made "คนรุ่นใหม่ที่สร้างตัวด้วยต...
-
Real Estate Agent ในเมืองไทยคงไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะส่วนใหญ่ ซื้อขาย ไม่ค่อยผ่าน Agent แต่ในต่างประเทศ Real estate Agent เปิดกันยิ่งกว่า 7-...
-
ตลาดหุ้น จะแบ่งออกเป็น ตลาด Bull & Bear Market Bull Market ก็คือช่วงที่นักลงทุน มองว่าเศรษฐกิจดี และ โอกาสที่หุ้นจะขึ้นมีเยอะ ทำให้ทุ...
-
'ขายของอย่างไรในยุคขายยาก' คนที่จะขายสินค้าและบริการได้เก่งในยุคนี้แบบ Steve Jobs คือ สามารถสร้างสินค้าและบริการที่ 'โดน' มา...
-
เรื่องนี้เป็นประเด็นสอนใจ Brand ระดับโลกอย่าง Starbucks ที่เข้าไปบุกแดนจิงโจ้ ..ในที่สุด กระอัก “ไม่รุ่ง” ด้วยเหตุที่ Australia นับเป็นหนึ่ง...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...