แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

ก็อกสุดท้าย -- Back up Plan


หลายครั้งที่ผมพูดถึงการเล่นหมดหน้าตัก ซึ่งจริงๆคำว่าหมดหน้าตักของนักลงทุน ที่ผ่านตลาดหุ้น ที่ผันผวนระดับบ้าคลั่งอย่างบ้านเราเรา ย่อมจะมี Back up Plan เสมอ

-- เพราะคุณ เชื่อได้เลยว่า เมื่อใดที่คุณคิดว่าซื้อหุ้นนั้นถูกแล้ว ยังมีที่ถูกกว่าเสมอ ซึ่งคุณไม่เคยซื้อ -- หลายคนค้านบอก ไม่จริงหรอกเพราะเช่น ปี 1998 ที่หุ้นถูกมาก มันได้ผ่านไปแล้ว ไม่หน้าจะมีอย่างนั้นอีก แต่แล้ว ปี 2000 หุ้นก็กลับมาถูกอีก

โดยแต่ละเที่ยว ก็จะผลัดเปลี่ยน หุ้นที่ราคาถูกแตกต่างกันไป เช่น ปี 1998 พวก Banking พอปี 2000 bottom พลังงาน เช่น ใครที่ซื้อ BANPU , PTTEP เวลานั้นรวยเละ แม้ว่าปี 2008 ตลาดก็กลับมาถูกอีกครั้ง

-- จะเห็นได้ว่า ตลาดวนเป็น Cycle ย้อนหุ้นแพงกลับมาถูก ย้อมหุ้นถูกขึ้นไปแพง ดังนั้น ประเด็นคือ คุณ จะรู้ได้อย่างไร ว่าหุ้นที่คุณ ซื้อมันถูกที่สุดแล้ว

--- ฮ่า ฮ่า ตอบได้เลยว่า เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไงว่า หุ้นที่ซื้อถูก(แต่ไม่ถูกที่สุด) อันนี้ต้องเทียบกับ ปัจจัยพื้นฐาน 3 ตัว คือ PE, P/BV และ Dividend Yield ซึ่งสามตัวนี้จะประกอบกันเพื่อชี้ว่าราคาหุ้นนั้นๆ เหมาะสมหรือไม่

อีก ประเด็นที่สำคัญ คือ ก๊อกสอง คือ เงินสด spare ที่อย่างน้อยควรมีติด port เสมอไม่ต่ำกว่า 10 % (ซึ่งอาจอยู่ในรูปของ พันธบัตรรัฐบาล แต่ที่สำคัญ ต้องสามารถขายได้เมื่อคุณต้องการเงินสด ) เพราะบางครั้งราคาหุ้นที่คุณคิดว่าคุณ ซื้อได้ถูกแล้ว มันยังลงต่อได้อีก -- เมื่อเวลานั้นมาถึงคุณ ก็สามารถไขก๊อกสุดท้ายมา ซื้อหุ้นที่ถูกที่สุด (เฉลี่ยทำให้ port คุณ ถูกลงไปอีก)

ในมุมกลับ ผมมองคนอีกประเภทหนึ่งที่ ชอบรอ เพราะคิดว่า ตลาดจะถูกกว่านี้อีก (พวกนี้คือ ประมาณ 80% ของคนเล่นทั้งตลาด) คือ เวลาหุ้นตก ก็มองว่ามันจะต้องตกกว่านี้ รอไปเรื่อยๆ ท้ายสุดก็ ตกรถไฟ ซื้อไม่ทัน หรือ ไม่ก็แทบไม่ได้ซื้อ -- ดังนั้น ถ้าให้วิเคราะห์ ผมมองว่า คนที่เล่นหุ้นกำไร ต้องตัดสินใจเร็ว แต่มี ก๊อกสำรองเสมอ ซึ่งStrategy ซึ่งผมมองว่า นี่เป็น Ideal Value ของ การเล่นตลาดหุ้นไทยเลยก็ว่าได้

จะว่าไปแล้ว ถ้ามองภาพรวมของตลาดหุ้นบ้านเราในปีนี้ ผมมองว่ายังทำกำไรได้พอสมควร แต่ไม่ใช่ปีที่ Value Investing จะเข้ามา เพราะราคาไม่ถูกแล้ว แต่สำหรับ วิธีการเล่นเสี่ยงแบบมีก๊อก สำรอง นั้น ผมมองว่า ตลาดยังมี Room ให้เล่นได้ เพราะบริษัทต่างๆ ยังมี unside gain ได้อีกพอสมควร

--คำถามอีกอันที่หลายคนถามคือ ตลาดที่ 700 กว่าจุดนี้แพงหรือไม่ --ในความเห็นของผมคือ ถ้ามองในกรอบเวลา 10 ปี ผมมองว่า ยังไปได้อีกเยอะ

แต่ถ้ามันเข้าใกล้ระดับ SET 1500 จุด เมื่อไหร่ ก็ตัวใครตัวมัน ซึ่ง Index ที่ผมมอง ก็คือ กรอบ 10 ปี เช่นกัน เพราะถ้าเข้า peak เมื่อใด ก็จะเป็นช่วงที่ แมลงเม่าออกทำงาน คือ ทุกอย่างดี ภาพรวมดี เศรษฐกิจดีมากๆ นั่นแหละ คือ เวลาที่เหล่าแมลงเม่า เข้าตลาด -- ดังนั้น การเข้าตลาดตั้งแต่ปี ที่แล้ว จนถึงปีนี้ ยังไงผมก็มองว่า ไม่ใช่ตลาดแมลงเม่า .... (อย่าลืม ก๊อก สำรองนะครับ)

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ