แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

คำสาบ ธุรกิจ " อยู่ไม่เกิน generation ที่ 3" ทำไม..


ประเด็นนี้ผมว่ามีเหตุผล เพราะตั้งแต่ผมประสบมาในชีวิต ภายใต้ระบบ"ทุนนิยม" -- สิ่งที่ ผมสกัดออกมาได้ คือ "ความรวย" จะเท่ากับ "ความเสี่ยง" ดังนั้น เมื่อใดที่หยุดเสี่ยง เมื่อนั้นก็จะจนลงเรื่อยๆ

-- สิ่งนี้เป็นเรื่องปกติของคนที่เกิดมารวย คือ "ไม่ชอบเสี่ยง" เพราะรวยอยู่แล้ว จึงไม่อยากเสียสิ่งที่มี ส่งผลให้วิถีชีวิต เดินไปตามครรลองของ "ความไม่เสี่ยง" บวกกับ "การดำเนินชีวิตแบบไฮโซ" ซึ่งแน่นอน การที่จะอยู่ในสังคมไฮโซ ต้องใช้เงินเยอะ ลูกต้องเรียนแพง เรียนนอก ขับรถหรู เสื้อผ้า และ เครื่องประดับ รวมๆแล้วแพงมากๆ

สรุปได้ว่า ลูกของคนรวยจะใช้ชีวิต แบบไม่เสี่ยง บวกกับ หรูหรา ซึ่งรวมกัน ก็คือ วิธีที่จะจนลงนั่นเอง ดังนั้น ไม่แปลกที่ในที่สุด คนเหล่านี้แม้มีการศึกษาสูง แต่ต้องต้องขายของเก่ากิน ซึ่งในที่นี้รวมถึงบริษัทที่ก่อตั้งมาจากเรี่ยวแรงของบรรพบุรุษอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ถึงจุด มีคำถามว่า แล้ว คนเหล่านี้จะแก้คำสาบที่ว่าอย่างไร -- ไม่ยากครับ "ต้องเสี่ยง" --- เสี่ยงในที่นี้คือ การใช้ชีวิตอยู่นอกกรอบ
-- ความรวย ไม่ได้มาจากการเรียนสูงๆ ในโรงเรียนดีๆ แล้วเหมารวมว่า คุณสำเร็จ เพราะแท้จริงการเรียนเป็นเพียงบันไดขั้นแรกเท่านั้น --ซึ่งเราก็ไม่เถียงที่การศึกษาที่ดี ก็สามารถเปิดโอกาสให้เราได้ทำงานที่สำคัญ (เงินเดือนสูงๆ)

แต่สิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง ก็คือ ตำแหน่งเงินเดือนสูงๆ ไม่ได้นำคุณสู่ เศรษฐี แต่นำคุณไปสู่ คนชั้นกลางนั่นเอง --- คนชั้นกลางที่พูดถึง ก็คือ คนทั่วไป ที่มีการศึกษาสูง เงินเดือนดี บ้านแพง รถหรู (ทั้งหมดนี้ คือ คนที่ดูรวย --ไม่ใช่คนรวย) --- ดังนั้นเส้นทางสู่ความรวยจึงเป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยมีใครอยากเดิน เพราะมันมืด --- มืดอย่างไร

"เส้นทางมืด" หรือ "เส้นทางสู่ความรวย" คือ การคิดต่าง และก็ทำต่าง ถ้าจะทำธุรกิจก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำ หรือ ถ้าจะลงทุนก็ต้องลงทุนในแบบที่สวนทางกับคนส่วนใหญ่ -- มาเน้นตรงเรื่องการลงทุน ที่ว่าทำสวนทาง เป็นแนวคิดที่ไม่ยาก แต่ขัดความรู้สึก

ซึ่งก็คือ การซื้อหุ้นตอนที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าซื้อ (คือ ซื้อตอนที่ตลาดตกแรงๆ --คนส่วนใหญ่มักจะรอ จนที่สุดก็ซื้อไม่ทัน ดังนั้น ถ้าตลาดตกแรงต้องกล้าที่จะเข้าซื้อ ถ้ากลัวก็ทยอยเข้า ) และพอตลาดดีแล้ว (ที่ว่าตลาดดีแล้ว คือ ตลาดดีจริงๆ ซึ่งโดยปกติ ต้องใช้เวลาเป็นปี -- ไม่ใช่ซื้อ เมื่อวาน พอวันนี้เราบอกดีแล้วขาย อันนี้ มันการพนัน ไม่ใช่ การลงทุน ) การลงทุนที่ดี ควรเล่นรอบใหญ่ ซึ่งเราเอาสัก 5 ปีขึ้นไป ซื้อตอนตลาดไม่ดี รอ 3 -4 ปี พอตลาดดีค่อยขาย (ไม่ใช่ซื้อๆขายๆรายวัน รายเดือน พวกนี้คือนักพนัน ต่างกันอย่างมากเลย)

กลับมาที่ประเด็นการรักษา กิจการของครอบครัว คือ เราต้องมองภาพใหญ่ให้เป็น รู้จัก Cycle ของธุรกิจ หาจัวหวะ เข้ากอบโกย เช่น มีการซื้อขายหุ้น ตาม Cycle ลง และทำการลด Port ลงใน Cycle ขาขึ้น รู้จักความเสี่ยง --พูดเหมือนง่ายแต่จริงๆ พวก Generation ที่ 3 มักไม่กล้าทำอะไร คือ กลัวไปหมด ไม่กล้าซื้อขายหุ้น ได้แต่ถือไว้ตลอด หารู้ไม่ว่านั่นคือ การทำลายความมั่งคั่งอย่างมหาศาล -- หากยังไม่เข้าใจว่า "ความรวย" เท่ากับ "ความเสี่ยง" เกมนี้คุณไม่มีทางชนะ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ