แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

"ประสบการณ์และความล้มเหลว" ต่างหาก ที่เป็นบันไดก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง


หลายปีมานี้ผมได้ ค้นคว้า ประวัติ และแนวทางสู่ความสำเร็จ คือ "ทางสู่ความร่ำรวย"นั่นเอง -- สิ่งที่ผม ค้นพบคือ ทางสำเร็จของแต่ละคน "ไม่มีทางเหมือนกัน" เช่น หลายปีมาแล้วหนังสือ "Rich Dad,poor Dad" ขายดีมากๆ ผู้เขียนแนะนำให้ลงทุน Real estate คือ ซื้อบ้าน ซื้อบ้าน ซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วปล่อยเช่า กู้แล้วก็ซื้อ แล้วก็สร้าง Port ให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่ ค่าเช่า ยังสามารถจ่ายดอกเบี้ย ก็ซื้อบ้าน ซื้อตึก เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

--ซึ่งในอเมริกา แนวคิดนี้มีคนทำตามอย่างแพร่หลาย ในที่สุด Subprime ที่ระเบิดขึ้น พวกนี้ล้มละลาย เจ๊ง!! กันเละเทะไปหมด .. มันทำให้ผมกลับมาดูว่า (แล้วที่ Rich dad พูดมัน ผิดตรงไหน? )--ปรากฏว่า ไม่ใช่แนวคิดที่ผิด เพราะแนวคิดนี้ได้ทำให้ คนเขียน รวย เพราะเขาซื้อบ้านในช่วงที่ราคาบ้านยังไม่แพง จนเขาสำเร็จมีเงินมาก ราคาบ้านก็ขึ้นมาแพงแล้ว

-- พอคนไปอ่าน Rich Dad ก็อยากทำบ้าง แต่ "ต่างกันที่เวลา และ Cycle ของ Real estate" ทำให้พังได้ ดังนั้น การดูแนวคิดต่างๆ ไม่ใช่เราจะหลับหูหลับตาทำตามแล้วจะสำเร็จบ้าง เพราะเมื่อเวลาต่าง ปัจจัยที่เป็นตัวแปรสู่ความสำเร็จก็ย่อมแตกต่างไป

-- ซึ่งถ้า สิบปีก่อนทำให้ Warren Buffet รวยมหาศาล มันก็แสดงว่า สิบปีที่ผ่านมาราคาหุ้นขึ้นไปสูงกว่า ช่วงที่ Warren Buffet ซื้อมาก ดังนั้น ถ้าใครคิดจะทำแบบ Buffet ก็ย่อมไม่สำเร็จอย่างเขา -- ดังนั้น ความสำเร็จ คุณต้องเป็นคนคิดเอง โดยมองหา "ช่องว่าง" หรือ โอกาส ณ ช่วงเวลานั้นๆ

อย่าง Real estate หลังจากที่ตกต่ำจาก Subprime ราคาย่อมถูกลงกว่า 5 ปีที่แล้วมาก --จุดนี้หลายคนอาจมองว่าเป็นโอกาส แต่หลายคนก็กลับมองว่าเสี่ยง ยกตัวอย่างว่า อีก 10 ปีข้างหน้า ราคาบ้านพุ่งขึ้นไป 10 เท่า จากราคาในปัจจุบัน ..คนที่ตัดสินใจซื้อในวันนี้ ก็จะรวย ส่วนคนที่ไม่ซื้อในวันนี้ก็ไม่รวย

--ครั้นพอผ่านไปแล้ว 10 ปี คนที่ไม่ได้ซื้อ มองเห็นคนที่ซื้อ 10 ปีที่แล้ว รวยก็ อยากรวยบ้าง (ในใจคิดว่า วิธีการได้รับการพิสูจน์แล้วน่าจะไม่เสี่ยง จึงตัดสินใจซื้อบ้าน .. จากนั้น ราคาบ้านกลับตกลง อย่างเละ) --สรุปว่า คนที่กลัวเสี่ยงรอดูว่า คนอื่นสำเร็จก่อน ค่อยทำตาม ครั้นพอทำตาม ราคาบ้านก็ขึ้นไปสูงแล้ว กลายเป็นว่า เขาเจ๊งในที่สุด (-ตลาดบ้านมี Cycle ฉันใด ตลาดหุ้น และการลงทุนทั้งหมดล้วนมี Cycle ฉันนั้น-) ดังนั้น หากใครเลือกลงทุน ในจังหวะที่ถูกต้อง ถึงจะประสบความสำเร็จได้ -- "ไม่ใช่การเห็นคนอื่นสำเร็จ เลยทำตาม --ก็เลยเป็นที่มาของ "แมลงเม่าการศึกษาสูง"ไงล่ะครับ...

สิ่งที่สอนเราให้จำได้ดีที่สุด ก็คือ "ประสบการณ์และความล้มเหลว" แต่ถ้าพลาดแล้วต้องจำ ต้องไม่พลาดอีก และนี่แหละคือ บทเรียนชีวิต ที่ทำให้คนแต่ละคนแตกต่างกัน จึงไม่แปลกเลยที่ ถ้าพ่อแม่เก่ง แต่ร่ำรวยมาอย่างยากลำบาก จึง เลี้ยงลูกมาอย่าง "ไข่ในหิน" สุดท้าย ลูก ก็กลายเป็นคนที่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยล้มเหลว ทำให้ท้ายสุด เมื่อพ่อแม่ ยกกิจการให้ลูกสืบทอด ก็กลายเป็น "ไม่มีความสามารถ" กิจการก็จึงไม่เคย สืบต่อเกิน 3 Generation ได้ (มันมิใช่คำสาบ) --มันเป็น "ประสบการณ์และความล้มเหลว" ต่างหาก ที่พ่อแม่ ไม่ได้ถ่ายทอดให้ลูกๆได้ เพราะสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เกิดจากห้องเรียนหรือมหาลัยดังๆ หากแต่มันเกิดในชีวิตจริง และเรียนรู้ได้จากการปฏิบัติเท่านั้น

"ประสบการณ์และความล้มเหลว" หากเปรียบ ก็เหมือนกับ "วัคซีน" แต่เป็น "วัคซีน" ที่ต้องสร้างขึ้นเองเท่านั้น ... (ผมว่าพวกรุ่น 3 ของตระกูล คงอยากวิ่งหา "วัคซีน"ที่ว่านี้มาฉีด แต่ขอโทษครับ (ไม่มีขาย) คุณต้องสร้างขึ้นเอง หรือ ไม่ก็ปล่อยให้กิจการของตระกูลค่อยๆเจ๊งไป -- ก็แค่นั้นเอง!!!!!..........

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ