แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปัญหาสิ่งแวดล้อม กับโอกาส


ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อม เริ่มส่งผลให้เราเห็นได้ จากโลกร้อน ส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติ เช่น ซึนามิ ,แผ่นดินไหว กระหน่ำ จุดนี้ทำให้ทั่วโลก เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น -- แต่ประเทศที่สำคัญต่อ การก่อมลพิษ อย่าง จีน อินเดีย และ สหรัฐเอง ยังคงพยายามผลักปัญหาออกไป เพราะการรักษาสิ่งแวดล้อม สูญเสียประโยชน์ในเชิงการแข่งขันในด้านเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีปัญหา ย่อมมีโอกาสแฝงอยู่ --- เริ่มจากการ หาโอกาสใน Clean Technology ที่กำลังก่อตัวเป็น Tech Bubble ในปี 2000 --แต่ปัญหาคือ กรอบของ Clean Tech มันกว้าง และไม่มีใครรู้ว่าจะหาจุดไหนมาทำกำไร

ปัจจุบันการเพิ่มของประชากรยังไม่ถึง Peak นั่นเพราะว่า ประเทศด้อยพัฒนายังคงมีประชากรเกิดใหม่มาก ซึ่งจุดที่ชี้ให้เห็นถึง Peak ของประชากร คือ 1.อัตราการตายของคนลดลง คนมีอายูยืน 2. คนมีลูกน้อย ส่งผลให้เป็นแบบ ญี่ปุ่นและ ยุโรป คือ ในอนาคต ประชากรส่วนใหญ่จะกลายเป็นคนแก่

-- มีการคาดการณ์ว่าในปี 2050 ประชากรกว่า 40% ของญี่ปุ่นจะมีอายุเกิน 60 ปี ส่วนประเทศในแอฟริกา ยังคงขยายตัวต่อ ซึ่ง Peak ของประชากรของทั้งโลก น่าจะอยู่อีก ประมาณ 50 ปี และนั่นหมายถึง การเกิดของประชากรที่จะเพิ่มอีกกว่า 1000 ล้านคน ก่อนถึง Peak ของประชากรโลก

-- เมื่อจุดนั้นมาถึง จะก่อให้เกิด การทำลายทรัพยากร อย่างมหาศาล เพียงเพื่อ การรองรับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น โลกจะร้อนขึ้นเริ่อยๆ ซึ่งถ้าให้วิเคราะห์ คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในอนาคตอันใกล้ ภัยธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

-- และนั่นคือ จุดเสี่ยงของธุรกิจประกันภัย เพราะ การเกิดภัยธรรมชาติจะถี่จน ธุรกิจประกัน ไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป และนั่นคือ จุดเริ่มต้นความล้มเหลวของ ระบบทุนนิยมรูปแบบเดิม

การมุ่งขยายเศรษฐกิจ ในรูปแบบเดิม โดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง จะส่งผลให้ เกิดผลติดลบ ในเชิงเศรษฐกิจ ในที่สุด เช่น อาจเกิดแผ่นดินไหว ในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งหมายถึง มูลค่าสินทรัพย์ที่จะเสียหาย

คำถามคือ -- เราจะทำไงดี --- ผมว่าดีที่สุด คือ การกระจายความเสี่ยงของ Port การลงทุนทั้งหมด คือ ไม่ควรมี Asset ตรงใดที่มากเกินไป เพราะถ้าเกิดความเสียหายต่อ Asset นั้น เราจะพังทันที เช่น ถ้าเราลงทุนกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ แล้วเกิด แผ่นดินไหวตึกถล่ม มูลค่าตึกที่เรามีส่วนเป็นเจ้าของ อาจสูญเสียได้

-- ลองมองอีก แบบ ถ้าเราเป็นเจ้าของ สิทธิบัตร ที่ทำเงิน หรือ เป็นเจ้าของ Software company ที่หารายได้จาก ลิขสิทธ์ ก็ยังคงกำไรเช่นเดิม -- งั้นสรุปง่ายๆว่า ให้พยายามหนีออกจาก Hard Asset ไปถือครอง ทรัพย์สินทางปัญญาแทน

ช่วง 10 ปีนี้ คนวิ่งเข้าหา Hard Asset อย่าง Commodity ดังนั้น 10 ปี หลังจากนี้คงเริ่ม ต้องกลับมา Focus ใน Intellectual Property แทน ( ผมเดาว่า cycle 10 ปี น่าจะ make sense ที่สุด เพราะ Cycle ต่างๆ boom-bust ต่างๆ จะเริ่ม speed ขึ้นเรื่อยๆ) --- ต้องระวัง เดี๋ยวรวยเดี๋ยวจน -- ความมั่งคั่ง ในอนาคตคงขึ้นลง รวดเร็ว ดังนั้น การที่เราจะสามารถรักษาความมั่งคั่ง จะต้อง Update และ invest อย่างต่อเนื่อง -- หยุดเมื่อไหร่ตายเมื่อนั้น
ถึงจุดนั้น -- ถ้าใครไม่อยาก Keep up คงต้องวิ่งเข้าไปอยู่ในป่า งง จริงๆ.....

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ