วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553
ปัญหาสิ่งแวดล้อม กับโอกาส
ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อม เริ่มส่งผลให้เราเห็นได้ จากโลกร้อน ส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติ เช่น ซึนามิ ,แผ่นดินไหว กระหน่ำ จุดนี้ทำให้ทั่วโลก เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น -- แต่ประเทศที่สำคัญต่อ การก่อมลพิษ อย่าง จีน อินเดีย และ สหรัฐเอง ยังคงพยายามผลักปัญหาออกไป เพราะการรักษาสิ่งแวดล้อม สูญเสียประโยชน์ในเชิงการแข่งขันในด้านเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีปัญหา ย่อมมีโอกาสแฝงอยู่ --- เริ่มจากการ หาโอกาสใน Clean Technology ที่กำลังก่อตัวเป็น Tech Bubble ในปี 2000 --แต่ปัญหาคือ กรอบของ Clean Tech มันกว้าง และไม่มีใครรู้ว่าจะหาจุดไหนมาทำกำไร
ปัจจุบันการเพิ่มของประชากรยังไม่ถึง Peak นั่นเพราะว่า ประเทศด้อยพัฒนายังคงมีประชากรเกิดใหม่มาก ซึ่งจุดที่ชี้ให้เห็นถึง Peak ของประชากร คือ 1.อัตราการตายของคนลดลง คนมีอายูยืน 2. คนมีลูกน้อย ส่งผลให้เป็นแบบ ญี่ปุ่นและ ยุโรป คือ ในอนาคต ประชากรส่วนใหญ่จะกลายเป็นคนแก่
-- มีการคาดการณ์ว่าในปี 2050 ประชากรกว่า 40% ของญี่ปุ่นจะมีอายุเกิน 60 ปี ส่วนประเทศในแอฟริกา ยังคงขยายตัวต่อ ซึ่ง Peak ของประชากรของทั้งโลก น่าจะอยู่อีก ประมาณ 50 ปี และนั่นหมายถึง การเกิดของประชากรที่จะเพิ่มอีกกว่า 1000 ล้านคน ก่อนถึง Peak ของประชากรโลก
-- เมื่อจุดนั้นมาถึง จะก่อให้เกิด การทำลายทรัพยากร อย่างมหาศาล เพียงเพื่อ การรองรับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น โลกจะร้อนขึ้นเริ่อยๆ ซึ่งถ้าให้วิเคราะห์ คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในอนาคตอันใกล้ ภัยธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
-- และนั่นคือ จุดเสี่ยงของธุรกิจประกันภัย เพราะ การเกิดภัยธรรมชาติจะถี่จน ธุรกิจประกัน ไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป และนั่นคือ จุดเริ่มต้นความล้มเหลวของ ระบบทุนนิยมรูปแบบเดิม
การมุ่งขยายเศรษฐกิจ ในรูปแบบเดิม โดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง จะส่งผลให้ เกิดผลติดลบ ในเชิงเศรษฐกิจ ในที่สุด เช่น อาจเกิดแผ่นดินไหว ในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งหมายถึง มูลค่าสินทรัพย์ที่จะเสียหาย
คำถามคือ -- เราจะทำไงดี --- ผมว่าดีที่สุด คือ การกระจายความเสี่ยงของ Port การลงทุนทั้งหมด คือ ไม่ควรมี Asset ตรงใดที่มากเกินไป เพราะถ้าเกิดความเสียหายต่อ Asset นั้น เราจะพังทันที เช่น ถ้าเราลงทุนกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ แล้วเกิด แผ่นดินไหวตึกถล่ม มูลค่าตึกที่เรามีส่วนเป็นเจ้าของ อาจสูญเสียได้
-- ลองมองอีก แบบ ถ้าเราเป็นเจ้าของ สิทธิบัตร ที่ทำเงิน หรือ เป็นเจ้าของ Software company ที่หารายได้จาก ลิขสิทธ์ ก็ยังคงกำไรเช่นเดิม -- งั้นสรุปง่ายๆว่า ให้พยายามหนีออกจาก Hard Asset ไปถือครอง ทรัพย์สินทางปัญญาแทน
ช่วง 10 ปีนี้ คนวิ่งเข้าหา Hard Asset อย่าง Commodity ดังนั้น 10 ปี หลังจากนี้คงเริ่ม ต้องกลับมา Focus ใน Intellectual Property แทน ( ผมเดาว่า cycle 10 ปี น่าจะ make sense ที่สุด เพราะ Cycle ต่างๆ boom-bust ต่างๆ จะเริ่ม speed ขึ้นเรื่อยๆ) --- ต้องระวัง เดี๋ยวรวยเดี๋ยวจน -- ความมั่งคั่ง ในอนาคตคงขึ้นลง รวดเร็ว ดังนั้น การที่เราจะสามารถรักษาความมั่งคั่ง จะต้อง Update และ invest อย่างต่อเนื่อง -- หยุดเมื่อไหร่ตายเมื่อนั้น
ถึงจุดนั้น -- ถ้าใครไม่อยาก Keep up คงต้องวิ่งเข้าไปอยู่ในป่า งง จริงๆ.....
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
เมื่อวันก่อน ผมได้มีโอกาสไปออกรายการวิทยุ Business Line & Life ของคุณม่อน .. มีคนสัมภาษณ์ผมเป็น คนหนุ่มรุ่นใหม่ ทายาทกลุ่ม ธุรกิ...
-
6 ข้อ ปฏิบัติของการเป็น ’นักลงทุนแบบทางสายกลาง’ หลังจากผมลงทุนมานานพอสมควรก็พบว่า ’ทางสายกลาง‘ คือ หลักปฏิบัติที่สำคัญที่ทำให้เราประสบความ...
-
ท่านธนินท์มักกล่าวในงานสัมมนาต่างๆ ถึงแนวคิด "สองสูง" ของท่าน -- ซึ่งสูงแรกก็คือ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และสูงที่สอง คือขึ้นราคาพื...
-
5 ข้อควรรู้ ‘การคิดเผื่อคนอื่น‘ ทำไมทำให้เราเป็นนักลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น 1. ’คน Gen ก่อน โดยรวมรวยกว่าคน Gen ใหม่ เพราะ เขาคิดสร้างใ...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
6 ข้อ หลักคิดที่ทำให้เราไม่สามารถซื้อหุ้นในจุดที่ราคาถูกที่สุด และ ขายหุ้นในเวลาที่แพงที่สุด 1. ‘หุ้นไม่มีจุดต่ำสุด‘ …หลายคนคิดว่า ซื้อหุ้น...
-
AEC ย่อมาจาก ( ASEAN Economic Community ) ..ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อ ASEAN รวมตัวกันได้ ก็จะทำให้เกิด Win-Win นั่นก็คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในปร...
-
"QE2" ตอนนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก เนื่องจากลึกๆแล้ว หัวใจของนโยบายนี้ก็คือ "การเปลี่ยนเงินดอลล่าห์ให้เป็นแบงค์กงเต๊...
-
ตอนนี้แนวทางที่พิสูจน์ตัวเอง ได้สวยในระยะยาวก็เห็นจะเป็นแนว Value Investor (จริงๆแนวอื่นก็สวย แต่เผอิญนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก คือ Warren B...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...