แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

เติบโตแบบ "ซามูไร" (แนว"แก่รวยกระจุกตัว")


ผมพยายามศึกษาการพัฒนาประเทศของญี่ปุ่น ซึ่งพบว่า เป็นรูปแบบที่แปลกและน่าสนใจ --ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาก้าวไกลมา ส่งผลให้รายได้ต่อหัวของประชากรอยู่ในระดับสูง แต่มันสูงพร้อมๆ กับจำนวนคนที่"ฆ่าตัวตาย" ..จุดนี้มันชี้ให้เห็นถึงความกดดันของสังคมต่อคนในประเทศ ซึ่งมีนัยว่า "รวยขึ้น แต่เครียดขึ้น

--จุดนี้บ่งชี้ถึงความมั่งคั่งของญี่ปุ่นที่ ไม่ได้ทำให้คนมีความสุขขึ้น" --ถ้าดูในส่วนของตลาดหุ้นของญี่ปุ่น Peak เมื่อ 20 ปีที่แล้ว จากนั้นตลาดหุ้นก็ไม่เคยกลับไปที่จุดสูงสุดเลย หลายคนให้ข้อสังเกตว่า ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ลึกลับ ทุกอย่างไม่มีการเปิดเผย ส่งผลให้ปัญหาที่เกิดไม่เคยได้รับการแก้ไข ..จุดเริ่มจาก Real Estate พัง(ซึ่งคล้ายกับ Subprime ในอเมริกา ขณะนี้ --แต่ที่ต่างคือ การเข้ามาแก้ปัญหา ไม่เหมือนอย่างอเมริกาที่รัฐบาลเข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว)

จากวิกฤต เป็นต้นมา เงินของญี่ปุ่นก็ไหลออก ไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะค่าเงินแข็งขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับ อัตราดอกเบี้ยเป็น 0 เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน (ซึ่งสอดคล้องกับแรงกดดันให้เงินไหลออก) -- เนื่องจากความกดดันในด้านต่างๆ ทำให้การขยายตัวของประชากรลดลงอย่างมาก ปัจจุบัน สังคมญี่ปุ่น มีแต่คนแก่"และจะแก่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" ..จุดนี้ผนวกกับค่าเงินแข็ง ทำให้ไม่มีต่างชาติเข้าไปลงทุน (ต่างกับจีนที่ ค่าเงินต่ำกว่าความจริง คนจึงอยากไปลงทุน เพราะมีแนวโน้มจะได้ทั้งกำไรค่าเงินที่น่าจะสูงขึ้นในอนาคต กับกำไรธุรกิจ"สองเด้ง") กลับกัน ค่าเงิน"เยน"ที่สูงจน หลายคนกลัวว่า มันจะตกลงในอนาคต ซึ่งสวนทางกับจีน

ปัญหาอีกอย่างคือ คนรวยยิ่งรวย เพราะคนที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินที่แข็งคือ บริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ที่สามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้ง่าย เพราะค่าเงิน"เยน"ที่สูง จึงทำให้การลงทุนในต่างประเทศเป็นสิ่งที่ดึงดูด (อย่างในไทยญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนเป็นอันดับ 1 ส่วนแรกก็ต้องการโควต้าส่งออกของแต่ละประเทศนั่นเอง อีกทั้งการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตเพื่อลดต้นทุน)

-- ถ้าดูโดยรวย อุตสาหกรรมญี่ปุ่นได้เข้ามาฝังรากลึก ทั่วทั้ง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น มองได้ว่า คนที่รวยในญี่ปุ่นก็ยิ่งรวย แต่คนในประเทศก็ยิ่งแย่ เพราะการบริโภคหดตัว งานต่างๆก็มักถูกสร้างในต่างประเทศ ส่งผลกับPosition ต่างๆในประเทศลดลง
ความเหลื่อมล้ำ ทางรายได้ แม้จะยังไม่ชัดเจนแต่ในอนาคตเมื่อ Baby Boomer เข้าสู่เกษียณมากขึ้น ความแตกต่างรายได้ของคนญี่ปุ่นก็จะทวีความรุนแรงขึ้น สาเหตุมาจาก คนรวยที่เป็นเจ้าของกิจการเมื่อเกษียณก็ยิ่งจะมีรายได้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่ลูกจ้างเมื่อเกษียณก็จะไม่มีรายได้ --จุดนี้อาจส่งผลกระทบถึงการใช้จ่ายบริโภคในประเทศหดตัวอย่างรุนแรง

นี่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในประเทศที่ได้ชื่อว่า "พัฒนาที่สุดในเอเชีย" --ประเด็นแท้จริงของปัญหาอยู่ที่การปรับตัวไม่ทันของสังคมและเศรษฐกิจ ผนวกกับพื้นฐานของระบบ"ทุนนิยม" ที่เสริมสร้าง ให้เกิดความแตกต่างระหว่างคนรวยกับจน ให้ต่างขึ้นเรื่อยๆ --ปัญหาที่ญี่ปุ่นประสบก็คล้ายๆกับสิ่งที่ "ยุโรป"กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ -- ความรวยขึ้น มิได้ ยกระดับ"ความสุข"ให้เพิ่มขึ้น --

การขยายตัวของ "ซามูไร" เป็นการสร้างและกระจายเงินทุนในเอเชีย ซึ่งเปรียบญี่ปุ่นเหมือน "นายทุน" ของเอเชีย ดังนั้น การเติบโตของหุ้นจะต้องดูญี่ปุ่นเป็นสำคัญ ปัญหาของบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นคือ ความสามารถในการระดมทุน มีแค่ภายในประเทศ ซึ่งจำกัดอยู่ในวงแคบเพราะไม่ค่อยมีใครอยากไปลงทุนในญี่ปุ่น

ในอีกมุม หากญี่ปุ่นเริ่ม เปลี่ยนรูปแบบการระดมทุน ออกมาในต่างประเทศ โดยนำบริษัทย่อยต่างๆที่ เข้าไปลงทุนในเอเชีย เข้าระดมทุนในประเทศนั้นๆ จะเป็นการเติมน้ำดี ให้กับตลาดหลักทรัพย์ "เรียกได้ว่า เอาหุ้นดีๆเข้าตลาด ก็จะทำให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเอเชียมากขึ้น"

-- ดังนั้น การพัฒนาของเอเชีย ต้องทำแบบคู่ขนานกับญี่ปุ่น ถึงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการโตแบบกระจัดกระจาย(ต่างคนต่างทำแบบงูๆปลาๆ) และการระดมของแต่ละตลาดหุ้นในประเทศด้อยพัฒนา(รวมถึงไทย) ที่ส่วนใหญ่มีแต่ของเน่าๆ .. จะเห็นได้ว่าการที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ยังไม่สามารถดึงดูดการลงทุน ได้เท่ากับจีนและอินเดีย เป็นเพราะตลาดเรา "ไม่มีของดี"ให้เขาลงทุนนั่นเอง....

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ