'2 คูณ 4' อาชีพที่รวยที่สุดในโลกยุคนี้ !!
เออ!! น่าคิดนะ เพราะ โลกยุคนี้เปลี่ยนจาก Industrial Age จากยุคโรงงานอุตสาหกรรม "เจ้าของโรงงาน รวย(ตอนนี้ซวยแล้ว ของขายไม่ได้ ค่าแรงก็แพง ต้นทุนวัตถุดิบก็มีแค่เพิ่ม)" มาเป็น ยุค Information Age "เจ้าของ Idea รวยแทน"
หลายคน งง ว่า "เจ้าของ Idea" หมายความว่าอะไร
คำว่า "Idea" คือ "คิดเป็น" ตรงนี้ ต่างจากข้อมูลธรรมดาๆ เพราะ ยุคนี้ ข้อมูลฟรีหมด คุณเข้า Google นี่ได้ข้อมูลฟรีทุกอย่าง ...มันเลยต้องมา นิยามให้ชัดเจนว่า ตกลงที่ว่า "ยุคนี้เจ้าของ Idea รวย มันคือยังไงล่ะ?"
1. "ยุคนี้ใครๆก็เก่ง ความเก่งไม่ได้ทำให้รวย" ..แต่คนที่มี Idea ที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น อันนี้รวยได้ ...อย่างที่ทราบกันว่า ยุคนี้ ทุกคนมีความรู้ ทำงานขายความคิด ความสามารถ ..ถ้าความคิดของคุณเป็นประโยชน์แค่หัวหน้าคุณ คุณก็คือ "แค่ลูกจ้าง" ..ไม่รวยครับ ...แต่ถ้า "ความคิด" ของคุณ สามารถส่งต่อไปเป็นประโยชน์ต่อคนมากมาย อันนี้รวยได้ เช่น อาชีพอาจารย์สอนพิเศษ จะรวยกว่าอาจารย์ในโรงเรียน เพราะ นักเรียนยอมจ่ายเงินให้เรียนพิเศษ มากกว่าจ่ายที่โรงเรียน ...แถมอาจารย์สอนพิเศษยุคใหม่ สามารถใช้เครื่องมือ Technology อย่าง Online สอนครั้งเดียว คนดูได้เป็นพันคน ..เลยรวยขึ้นไปอีก -- "นี่แหละ ความรู้ มันโดน ..ก็เลยรวย!!"
2. "คุณต้องรู้ว่า คนยอมจ่ายให้กับ Idea อะไร" ...อย่างที่กล่าวมาคือ วันนี้ข้อมูลส่วนใหญ่ฟรี ..สิ่งที่เคยทำเงินแบบเดิมเริ่มเก็บเงินไม่ได้ เช่น คนต่อไปจะไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ , จะไม่ซื้อนิตยสาร ..พูดง่ายๆ ว่า คนรุ่นใหม่เขายอมจ่ายเงินในสิ่งที่ไม่เหมือนคนในยุคก่อน ...ดังนั้น คนขาย Idea และ ความรู้ ต้องมองให้ออกว่า "รูปแบบของสินค้าอะไร ที่คนจะยอมจ่ายเงิน"
จริงๆ ข้อ 2 มันกลับไปที่ข้อ 1 คือ "ของที่คนยุคนี้ยอมจ่าย ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1. มันต้องเป็นประโยชน์ และ มันต้องแก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้เขาได้
2. มันต้องช่วยให้เขาประหยัดเวลา "เพราะ ยุคนี้คน Value เวลามาก"
3. มันต้อง "เท่ห์ที่ได้จ่าย" ...อันนี้ตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ที่คิดว่า คนรุ่นใหม่ชอบของถูก ...ไม่ใช่เลย -- ลองดูดีๆ เด็กรุ่นใหม่ ซื้อของแพง , เสื้อผ้าแพง , โทรศัพท์แพง , กินกาแฟ Starbucks , ...ใช่!! ถูกไม่สน สนที่เท่ห์ "จ่ายแล้วเท่ห์ แนว"
4. "คุ้ม" ..คำว่า คุ้มในยุคนี้ ก็ไม่ใช่ต้องถูก ..แพงก็ได้ แต่ต้องได้ "คุณค่า" มากกว่า เงินที่เสียไป ...จบ
ธุรกิจที่รวยที่สุดในยุคข้อมูล คือ "ความรู้ และ Idea" ...ลองปั้นมัน แล้ว Package เป็นรูปแบบต่างๆ เหมือนที่อาจารย์สอนพิเศษทำ ธุรกิจจะเห็นเงิน รวยมากโดยที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุด ก็คือ ใช้ตัวคุณเอง กับ Technology ไง ...โคตรชิว !!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
เมื่อคืน 1 มีนาคม 2555 คุณแม่โทรมาบอกว่า "แพ้ท!! คุณตาท่านเสียแล้ว" ผมก็รู้สึกใจหายอย่างมาก เพราะคุณตาเป็น เสมือนต้นแบบ ที่สอนให้ผ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
"อึมครึม"..ดูแล้ว น่าลงทุนมาก..(อ้าว!!ไหงเป็นงั้น) --"แต่!!" ขอย้ำว่า "ต้องเป็นเงินนอน อีกเช่นเคย" ผมว่าหลายคน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
“ความ(บ้าคลั่ง)ของทุนนิยม” … “ใช่แล้ว..เราทุกคนอยู่ภายใต้ทุนนิยม หนีไม่พ้นแม้แต่คอมมิวนิสต์อย่างจีน หรือ Russia” ความบ้าคลั่งของทุนนิยม เริ่...
-
6 หลัก ลงทุนที่ช่วยให้เรารวยได้เร็วและง่ายขึ้น ณ บัดนาว !! 1. ‘ลงทุนในสินทรัพย์ด้วยเงินส่วนใหญ่’ …แทบจะตลอดเวลา เพราะ เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...
-
5 หลักการหา S Curve ใหม่ เพื่อโอกาสที่ใหม่ใหญ่ขึ้น 1. ‘S Curve คือ ความบังเอิญ ไม่ใช่การวางแผน’ …พูดง่ายๆ ทุกสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่ ม...
-
10 ข้อเสีย ของลูกคนรวย เดี๋ยวนี้เราเห็นชีวิตคนรวยมากขึ้น จาก Social ..ส่วนใหญ่ก็มักจะปลอม ..ไอ้มีจริงๆ ไม่ค่อยโชว์ ..แต่ทั้งหมด เรา...
-
6 ข้อ คิดลงทุนแบบคนมีเงิน ทำได้ตั้งแต่เรายังไม่มีเงิน 1. ‘มองที่ความเสี่ยง ก่อนมองผลตอบแทน‘ …ถ้าเราซื้อหวย แปลว่า เรามองผลตอบแทนมากกว่าความ...
-
"ความหมายชีวิต และ ความสำเร็จ ของแต่ละคน" ..ไม่มีใครเหมือนกันเลย ...หลายคนมองว่า เงิน คือ คำตอบของทุกสิ่ง แต่เมื่อเขามีเงิน ก็...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น