แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

"ตลาดการลงทุน"ในอนาคตจะผันผวนมากขึ้น --นั้นหมายถึงคุณอาจรวยหรือจนในเวลาไม่นาน


จากภาวะของโลกที่เป็น Globalize มากขึ้น ส่งผลให้การค้าการลงทุนเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึง "การเคลื่อนตัวของทุนทั่วโลก สามารถทำได้ง่ายมากๆ" จุดนี้เป็นความเสี่ยงของคนที่ "ไม่กล้ารับความเสี่ยง" --- จะเห็นได้ว่า กลุ่ม Baby Boomer ที่เริ่มเกษียณอายุกัน นั่งมอง "Port เงินเกษียณ อายุของตัวเองแล้วใจหาย --เพราะมันแย่ลง แย่ลง เรื่อยๆ"

.... จริงๆแล้ว ถ้าให้มองตามเศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ มูลค่าทรัพย์สินของคุณจะเพิ่มหรือลด ในเวลารวดเร็ว --แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา หากคุณไม่จำเป็นต้องขายในเวลาที่ "ราคาตกมากๆ" เพราะด้วย ความ"ผันผวน"ของเงินทุนในปัจจุบัน เป็นไปได้อย่างมากที่ "มูลค่าทรัพย์สินของท่านที่ลดลงอย่าง ฮวบฮาบ อาจจะกลับมามีมูลค่าเท่าเดิมหรือ มากกว่าเดิมในเวลาไม่นาน --- นั่นหมายความว่า "คนที่กลัวและขายหุ้น หรือ ทรัพย์สิน ออกไปในราคาที่ต่ำ กลายเป็นคนที่เสียโอกาสนั่นเอง"

ดังนั้น ภาวะตลาดที่ผันผวน จะส่งผลให้ ตลาดหุ้น ยิ่งหวือหวามากขึ้น --จุดนี้เอง"หากเราไม่มีความรู้ หรือ ความเข้าใจในพื้นฐาน ของตลาดที่ดีแล้ว --เราอาจเสียรู้ และ"ขายหมู" ขายหุ้นในตอนที่ไม่ควรขายมากที่สุด

...ปัจจุบัน White Collar (พนักงาน Office) ต่างซื้อ LTF/RMF ไว้ลดหย่อนภาษี โดยที่ตัวเอง ไม่ได้มีความรู้เรื่องหุ้นเลย --เพราะจริงๆแล้วการซื้อ RMF/LTF มันก็คือ คุณซื้อหุ้นนั่นแหละ ..ปัญหาของคนซื้อที่ไม่มีความรู้มันเริ่มเน่าในอเมริกามานานแล้ว จาก 401K ที่คล้ายกองทุนเกษียณบ้านเรา คือ กลายเป็นว่า คนอเมริกา ซื้อหุ้น ผ่านกองทุน โดยที่ตัวเอง ไม่รู้เลยว่า "หุ้น" เป็นอย่างไร

--ช่วงตลาด Crash ที่ผ่านมามันเกิดจาก คนเหล่านี้เริ่มเกษียณแล้วเริ่มถอนกองทุนเกษียณพร้อมๆกัน (ซึ่งคุณลองนึกดูว่า กองทุนเหล่านี้ก็คือ หุ้น พอทุกคนถอน(ขาย)พร้อมกัน ราคามันก็ตกเป็นธรรมดา ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่ 10 ปีมานี้ ตลาดอเมริกา แย่เอา แย่เอา...)

คุณลองย้อนกลับไปดูช่วงปี 1980 -2000 เป็นช่วงที่ Baby Boomer กำลังอยู่ในวัยทำงานมีรายได้สูง ทำให้คนเหล่านี้ เอาเงินเข้ามาซื้อกองทุนเกษียณอย่างมากมาย ส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าว ตลาดหุ้น Boom สุดๆ ..มองดูมันก็คล้ายๆกับ "แชร์แม่ชม้อย.. อะไรประมาณนั้น"

---คือ กลุ่ม Baby Boomer เป็นกลุ่มที่มีประชากรมากสุด พอเขาอยู่ในช่วงของชีวิตจังหวะใด ก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ดังนั้น ทางแก้สำหรับ Baby Boomer ที่ฉลาด ก็คือ ไม่ดึงออกมาตอนนี้ รอให้ตลาดกลับไปดีก่อน ค่อยดึง.. แต่นั้น ก็เป็นปัญหาสำหรับหลายคนที่มีเงินเกษียณไม่พอใช้จ่าย แถมราคาบ้านก็ตกต่ำพร้อมๆกัน --คุณลองนึกดู ว่า กลุ่ม Baby Boomer มีสัก 100 ล้านคน ถ้าทุกคนอยากขายบ้าน --ใครจะมาซื้อ--ราคามันจึงตกธรรมดา ..กลุ่มคน Generation X และ Y ก็ยังไม่ค่อยมีเงินมาก แถมยังมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรุ่น baby boomer

คุณคิดว่า รัฐบาลจะทำอย่างไร --(ใช่ครับ) ไม่แปลกหรอกที่คนในยุคต่อไป จะต้องทำงานจนตาย ..รวมทั้งการพิมพ์เงินออกมามากๆ ทำให้มูลค่าเงินมันลดลง เพื่อ ดูดทรัพย์ ราคาบ้านที่ตกต่ำ --- คือ ถ้ามองอย่างไร มันก็ไม่ make sense ที่จะถือเงินสด ผมมองว่า เราควรกระจายไปใน Asset ต่างๆที่มีจำนวนจำกัด เช่น หุ้น ทอง ที่ดิน และอาศัยโอกาส และหาจังหวะของการผันผวนที่รวดเร็ว คือ พูดง่ายๆว่า ให้ซื้อ Asset ในทุกๆครั้งที่ราคาตกนั่นเอง...

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ