แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

ยุโรปกับอเมริกาใครกำลังจะรุ่ง...


วันนี้ผมอ่านบทความของ Newsweek เขาพูดถึง การฟื้นตัวเปรียบเทียบระหว่างยุโรปกับอเมริกา คือ กลายเป็นว่าตอนนี้ทั่วโลกมองว่า ยุโรปแย่มากๆไหนจะปัญหา Greece ที่จะล้มไม่ล้มแหล่ในตอนนี้ ส่งผลให้ตลาดยุโรปทรุดตัวกว่าอเมริกา แต่ถ้าเทียบการทำกำไรของ บริษัท ปรากฏว่าบริษัทยุโรปดีกว่า ซึ่งส่งผลให้ Dividend Yield ของตลาดยุโณปอยู่ที่ 3.4% ในขณะที่อเมริกาอยู่ที่1.9%

..จะเห็นได้ว่า ยุโรป ถูกมองในแง่ลบมากเกินไป --ซึ่งจุดนี้กลายเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนนั่นเอง ..มาดูบ้านเรายิ่งดีใหญ่เพราะ Dividend Yield เราเกือบ 5% แต่หุ้นดันถูกสุดๆ --ยิ่งตอนนี้โดน"เทขาย" ให้ถูกอย่าง"คงเว้นคงวา" ดังนั้นที่Newsweek แนะนำให้ลงทุนในยุโรป --ผมกลับ แนะนำว่า"ลงทุนบ้านเรา...ดีที่สุด" --เงินทองไม่รั่วไหล แถมโอกาสรวยสูงสุด ฮิ ฮิ ฮิ...

(อยากอธิบายเพิ่มเติมของข้อแตกต่างระหว่าง ยุโรป กับ อเมริกา อีกข้อที่สำคัญ คือ คนยุโรป จริงๆมองอะไรค่อนข้างลบ ดังนั้น เศรษฐกิจจะเป็นแบบ Conservative ต่างจากอเมริกาที่เน้น Innovation จึงมีอะไร"หวือหวา" ให้เราได้Surprise อยู่ตลอดเวลา อย่างวิกฤตคราวก่อนสมัย Bill Clinton เป็นผู้นำ ก็เจอวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ ที่ใครๆก็มองว่า อเมริกา"ตกดิน"แน่ ปรากฏ Silicon Valley ก็สร้างปรากฏการณ์ Dot com bubble -- "New Economy" ที่บูมสุดๆก่อนที่จะ Bubble เมื่อปี 2000

ซึ่งตั้งแต่นั้นมา ก็ยังไม่มีปรากฏการณ์อะไรใหม่ๆกว่าสิบปีแล้ว ซึ่งไม่แน่คราวนี้ "อาโน..ผู้ว่ารัฐนักกล้าม" อาจสร้าง California Valley-"New Energy" ขึ้นมาเป็น Bubble ลูกใหม่ก็ได้ (เพราะถ้านับเวลา Bubble แต่ละลูกของอเมริกา การทิ้งช่วงมา สิบปีก็เป็นสัญญาณ การเกิด Bubble ลูกใหม่ ก็เป็นได้)..เราไม่ควรมองอะไรด้านลบหรือบวกมากเกินไป)

วันนี้เห็นข่าว นโยบายรัฐบาลที่จะออกมาเตรียมช่วยเหลือ "ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากม๊อบ" ซึ่งผมเห็นข่าวนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึก "ดี" กับเศรษฐกิจ เพราะการที่รัฐช่วยเอกชน มันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีกว่า การใช้จ่ายของรัฐบาล เช่น สร้างถนน ไฟฟ้า น้ำ มาก ..เพราะในเงินจำนวนเท่ากัน เอกชน สามารถที่จะเปลี่ยนเป็น"มูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงาน ผลผลิต ที่เกิดประโยชน์ ได้สูงกว่ารัฐบาลมาก"

ดังนั้น "ความช่วยเหลือ"ดังกล่าว ถือเป็น "ข้ออ้าง"อันดี ในการแจกเงินให้"เอกชน"ในทางอ้อม ซึ่ง"ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี" ดังนั้น แม้"ม๊อบเสื้อแดงจะยืดเยื้อ" ก็ไม่น่าจะกระทบผู้ประกอบการมาก เพราะรัฐบาลยินดีให้ความช่วยเหลือ--ซึ่งเป็นไปได้สูง ถ้าเมืองไทย สามารถก้าวผ่าน เหตุการณ์รุนแรงนี้ไปได้ ในระยะเวลาสั้น (สัก1-2เดือน)

ผมเชื่อว่า เศรษฐกิจรวม ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ---"ในมุมกลับ" หากรัฐบาล ไม่สามารถแก้ปัญหา"เสื้อแดง"นี้จบภายใน 2 เดือน ..ผลลัพธ์น่าจะออกมา"น่ากลัว" --แต่ผมคิดว่า "ผลลัพธ์น่าจะออกมาในรูปแบบแรกที่กล่าวมากกว่า ..ทำให้ช่วงนี้ผมเริ่มลงทุนเต็มๆ อีกครั้ง...

ในฐานะ"นักลงทุน"คนนึง ผมเชื่อว่า "ความเสี่ยงกับผลตอบแทนมันมาด้วยกัน " และ "วิกฤตกับโอกาสมันก็อยู่ด้วยกัน ..เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน คุณไม่อาจเอาเหรียญ"ด้านหัว" โดยไม่เอา "ด้านก้อย"ไปด้วย เช่นเดียวกับ โอกาส"ที่ Bottom ของ Bear Market..ในอีกด้าน มันก็คือ The Begining ของ Bull Market นั่นเอง...

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ