แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ปัญหาของ"คนรุ่นใหม่"กับ"องค์กรแบบเก่า"


ผมว่าปัจจุบันนี้"คนรุ่นใหม่"ที่เพิ่งเข้าทำงานใหม่ จะเกิด "Culture Shock" อย่างรุนแรง คือ ประมาณว่า"รับไม่ได้"-- ไม่รู้ว่า พวกคนรุ่นก่อนๆอดทนทำอยู่ได้อย่างไร

--จริงๆปัญหาใหญ่..ผมว่า มาจาก EGO ของเด็กรุ่นใหม่ ผนวกกับความสามารถของคนรุ่นใหม่ ที่รู้อะไรมากกว่า คนรุ่นก่อน เช่น รู้วิธีการค้นหาข้อมูล ศึกษาแนวทางการทำธุรกิจ Case study ต่างๆ เรียนวิธีการเป็นผู้บริหาร การบริหารคน --สุดท้าย "เข้ามาเป็น คนถ่ายเอกสาร"

..นี่แหละครับปัญหาของการศึกษา คือ เด็กทุกวันนี้ถูกสอนเหมือนกัน คือ สอนให้เป็น"ผู้จัดการ" --แต่ผมถามจริงๆเถอะ ว่ามีกี่คนที่สามารถไต่เต้าไปถึง ตำแหน่งผู้จัดการได้ ...จริงๆแล้ว การทำงานในองค์กรจริงๆ มันแตกต่างกับที่เรียนมาอย่างสิ้นเชิง เพราะการทำงานจริงๆ มันไม่ได้ เน้นทฤษฎีที่หรูหราที่เราเรียนมาใน MBA แต่มันกลับเป็นการเรียนรู้การทำงานกับผู้อื่น ซึ่งเป็น Personal Skill ชัดๆ

--จะเห็นได้ว่าสาเหตุ"การจิตตก"ของคนรุ่นใหม่ (สูงมากๆ) สาเหตุหลักๆมาจากระบบการศึกษา นั่นเอง

จริงๆแล้ว Productivity ของประเทศ ไม่ใช่ การมีผู้จัดการเยอะๆ เพราะจริงๆผู้จัดการไม่ได้สร้าง output เลย เป็นแต่ Operation ที่ประสานงาน ซึ่งไม่ก่อให้เกิด"มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ถ้ามองให้ดีคือ การ"สร้างรายได้" ให้มากๆ(ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของกิจการ)ก็คือ การสร้าง สินค้าและบริการที่ตลาดต้องการ.. ซึ่งรายได้ของกิจการจะมากน้อย มันต้องขึ้นกับว่า บริษัทสามารถสนองความต้องการของตลาดได้มากน้อยเพียงใด

--คุณลองนึกดูว่า วันนี้สมมุติคุณเข้ามาทำงาน คุณได้สร้างอะไรให้เกิดกับบริษัทบ้าง ..(น้อยมาก) ตัวอย่างเช่น บริษัท Apple คนงานเป็นแสน "กลับเป็นเพียงกลไกเล็กๆ"ที่ ทำให้บริษัทดำเนินไปเรื่อยๆ ------แต่คนที่สร้างรายได้จริงๆ กลับเป็น Innovator อย่าง Steve Job กับทีมงานออกแบบ อีกไม่กี่คนที่สร้าง I-pods ขึ้นมา

(ลองคิดดู ถ้าผมเป็นเจ้าของบริษัท Apple.. ผมก็แค่จ้าง Steve Jobs และทีมออกแบบของเขาอีก 2-3 คน ส่วนไอ้ MBA ที่ทำงานใน Apple อีกเป็นหมื่นๆคน ผมไม่จ้างให้เมื่อยหรอก เพราะ"มันไม่ได้สร้างเงินให้องค์กร" ที่เหลือ ผมไปจ้างโรงงานจีนผลิตให้ก็จบ) ---จุดนี้แหละที่เรียกว่า "การสร้างรายได้ที่แท้จริง

--ไม่ใช่การไปจบ MBA เข้ามาแล้ว พยายามทำงานขายสินค้าและบริการเดิม ในบริษัทเดิมๆ โดยที่คุณไม่ได้สร้างอะไร ..ผมถามหน่อยว่า(คุณค่าของคุณ มันอยู่ที่ไหน) ..ถูกต้องครับ!! ..หากคุณไม่ได้สร้าง Value Added ที่สร้าง"รายได้จริงๆ"คุณก็ไม่สมควรจะ"เป็นคนที่มีคุณค่าต่อองค์กรด้วยซ้ำ

--ดังนั้น "การที่คนรุ่นใหม่จิตตก..ผมว่าบริษัทน่าจะจิตตกมากกว่าที่ต้องจ้างคุณ..??" ..สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำ สำหรับ"คนรุ่นใหม่" คือ อย่ามาทนดักดานอยู่กับการเป็นลูกจ้าง ... เพราะคุณไม่สามารถ"เปลี่ยนองค์กรได้" ดังนั้น ถ้าคุณต้องการพิสูจน์ตัวเอง ..ต้อง"สร้างกิจการของตัวเอง" และนี่คือคำตอบของการแก้ปัญหา"จิตตกของคนรุ่นใหม่ ..ที่รู้สึกว่าตัวเอง ไม่เหมาะกับองค์กรนั่นเอง"

--อย่างในอเมริกา เขาทำมานานแล้ว คือ คนรุ่นใหม่ที่มีความคิด ก็จะตั้ง "กิจการ"ของตัวเองขึ้นมา โดยเริ่มจาก การหาเงินทุนจาก Angel หรือ Venture Capital จากนั้นเมื่อกิจการเริ่มโต ก็ทำ IPO เข้าตลาด ..ซึ่งแม้ว่าเมืองไทย ตลาดเงินทุน จะไม่สามารถหาได้ง่ายอย่างอเมริกา ผมก็เชื่อว่า ต้นทุนการเริ่มธุรกิจของบ้านเราก็เรียกได้ว่า "ต่ำมาก" เพราะต้นทุนที่แพงที่สุดคือ "คุณกล้าบากหน้าไปขายของกับ Target Market ของคุณไหม" ถ้าคุณตอบว่ากล้า "ผมว่าวันนี้คุณพร้อมแล้วที่จะมีกิจการของตัวเอง"..

ปล. ของการจิตตก มันอยู่ที่"EGO" ของเราเอง... การที่เรามองตัวเองว่า เราเก่งในขณะที่คนอื่น..(มองไม่เห็นในความเก่งของคุณเลย) --คุณลองมองกลับไหมว่า..ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แต่คุณที่เก่งขึ้น คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกัน เขาก็ MBA หรือ ด๊อกเตอร์... ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณ

ดังนั้น (การวัดความเก่ง) มันอยู่ที่การเปรียบเทียบกับคนอื่นต่างหาก เช่น แต่ก่อนคุณจบปริญญาตรีก็สุดเก่งแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เดี๋ยวนี้ ใครๆก็จบ MBA ใครๆก็จบนอก -- ถ้าคุณอยาก"เหนือกว่า"คุณต้อง บินไป "จบที่อวกาศ"ฮิ ฮิ...(ผมว่าจริงๆหากเราประมาณตน และมุ่งทำสิ่งที่เราชอบ แทนที่จะแข่งขันเปรียบเทียบกับคนอื่น เราจะมีความสุขขึ้น ....)

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ