แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

"Commodity Bullish--Stock Bearlish"


วันก่อนผมอ่านหนังสือ อีกเล่มของ Jim Rogers --"A Gift To My Children" ..จริงๆผมอ่านหนังสือของ Jim Rogers มาหลายเล่มแล้ว ตั้งแต่ "Hot commodities", "A Bull in China" คือเขาเป็นนักลงทุนที่ร่วมก่อตั้ง Quantum Fund กับ จอร์จ โซรอล นั่นเอง

--ผมชอบแนวคิดของ Jim มาก เพราะปกติคนที่สำเร็จ ย่อมมีแนวความคิดที่ไม่ธรรมดา --(และมันก็ ไม่ธรรมดาจริงๆ).. เพราะทุกอย่างที่เขาคิด หรือ ลงทุน มันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ(ชาวสวน) และ"นั่นคือ จุดที่ทำให้เขาสำเร็จอย่างมหาศาล" --เขาตั้ง Rogers Commodities Index ปี 1998 เพื่อใช้เป็นดัชนีชี้วัดผลตอบแทนจากตลาด Commodity ซึ่งตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา Index นี้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องชนะหุ้นกระจุย หรือ ที่เขาเรียกว่า Commodity Boom นั่นเอง --เขากล่าวว่า "Commodity" กับ "หุ้น" จะวิ่งสวนทางกัน

..โดยที่ Cycle ของ Commodity จะขึ้นลงเป็น Cycle ทุกๆ 14 -23 ปี โดยทุกครั้งที่ Commodity ดี หุ้นจะไม่ค่อยไปไหน เพราะที่เราทราบกันดีว่า Commodity ล้วนเป็นส่วนประกอบที่อยู่ในส่วนของต้นทุนของบริษัทต่างๆ ดังนั้น เมื่อ Commodity ขึ้น ก็เท่ากับว่าต้นทุนของบริษัทต่างๆ ย่อมสูงขึ้น ทำให้กำไร"แย่ลง" ดังนั้น หุ้นก็จะไม่ไปไหน (ซึ่ง Commodity Boom รอบนี้ เขาคาดว่า น่าจะไปสิ้นสุดระหว่างปี 2014 - 2022 ตามสถิติที่ผ่านมา)

ซึ่งจุดนี้ผมมองว่า เป็นอะไรที่สอดคล้องกับ "แนวคิดเกี่ยวกับ Asian Miracle 2 .. ที่ผมคาดว่าน่าจะเกิดในไม่ช้า" คือ ถ้าเรามองตลาดในขณะนี้ แม้ Commodity ราคาแพง แต่บริษัทกลับทำกำไร ไม่ได้แย่ไปกว่าปกติ (เห็นได้จาก dividend Yield ของบริษัทต่างๆในตลาดเรา ให้ผลตอบแทนที่สูง ทั้งนี้ ผมมองว่าเป็นเพราะ ต้นทุนการเงินที่ต่ำ ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง
ส่งผลให้ต้นทุนการเงินของบริษัทลดลง ประกอบกับการลดต้นทุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้ไปชดเชย กับ ต้นทุนวัตถุดิบ Commodity ที่แพงขึ้น)

ดังนั้น ถ้ามองให้ยาวขึ้น --หากราคา Commodity ลดลงเมื่อไหร่ ก็น่าจะนำมาซึ่งกำไร ของบริษัทต่างๆในตลาดที่ดีขึ้น --หุ้นก็จะขึ้นตาม ซึ่งจะหมายถึง Stock Market Boom แรงๆอีกครั้ง

ดังนั้น สรุปได้ว่า หากเราลงทุนซื้อหุ้นวันนี้ แล้วถือไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสสูงที่ในอนาคตอันใกล้ เราจะได้รับอานิสงค์ของ Bull Market ทำให้เรา"รวยได้ไม่ยาก" แต่หากเรารอไปเรื่อยๆ ราคาหุ้นก็จะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆกับกำไร ของบริษัทที่ดีขึ้น (จุดนี้หมายถึง คุณได้ซื้อหุ้นในราคาถูก ซึ่งนับวัน บริษัทที่คุณถือ ก็จะให้กำไรและปันผลดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆกับ ราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นเรื่อยๆ)

...อีกจุดยังต้องดูให้ดี คือ แล้วบริษัทอะไรที่ "น้ำมัน" ที่ได้รับประโยชน์จาก Commodity Boom ---แต่ยังจะคงดี เมื่อ Commodity Bust หรือไม่ -- อย่าง"โรงกลั้น" ถ้าราคา "น้ำมันร่วง" มันหมายถึง Stock Loss อย่างมหาศาล (อย่างในปี 2551)ดังนั้น ถ้าราคา"น้ำมัน"ลงแรง มันไม่สามารถหาต้นทุนใดมาลดได้ คือ "ขาดทุน" แต่หาก Commodity ยัง Boom ต่อ นั่นก็คือ โรงกลั้นจะกำไรอย่างต่อเนื่อง

--ดังนั้น เมื่อ Commodity เริ่มลงเมื่อไหร่ นั่นหมายถึง คุณควรเริ่มลงทุนในหุ้นที่ ได้รับประโยชน์ เช่น สายการบิน , การท่องเที่ยว , การผลิตอาหารการกิน , การผลิตต่างๆ ---สรุป"อยากรวย--ไม่ง่าย" การลงอะไรก็ต้องรู้จังหวะ คือ ถ้าหลับหูหลับตาก็ขาดทุนได้เหมือนกัน...

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ