แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

อ่านใจนักลงทุนทั้งสามกลุ่ม(รายย่อย/ฝรั่ง/สถาบัน)


ผมนั่งจับตัวเลขการเข้าออกของนักลงทุนทั้ง 3กลุ่มหลัก คือ (รายย่อย/ฝรั่ง/สถาบัน) จริงๆมี กลุ่ม Broker อีกกลุ่มแต่ Volume น้อย--(เป็นพวกรายใหญ่ที่ฝาก Broker เล่น) ..พวกนี้ผมมองว่า เป็นพวกปั่นหุ้นหวือหวา ดังนั้น ไม่ต้องดู..ตัดออกไปจาก Picture...

จากที่เฝ้าสังเกตตลาดมาตลอดเกือบ 2 ปี นับจาก Bottom รอบนี้ที่ 400 กว่าจุด วิ่งมาถึง 700 จุดในปัจจุบัน พบว่า กลุ่มที่เป็นผู้กำหนด การขึ้นลงของตลาดคือ ฝรั่ง (ซึ่งถ้าเทียบตาม Volume การซื้อขาย รายย่อยจะมากที่สุด ส่วนสถาบันกับฝรั่งจะพอๆกัน คือ ประมาณ 20 %)

..พูดอย่างนี้คุณอาจจะ (งง) ว่าฝรั่งมีการซื้อขายปริมาณแค่..ประมาณ 20% ของตลาด แต่ทำไมเป็นผู้กำหนด Trend ขึ้นหรือลงได้ -- "สาเหตุที่ฝรั้งสามารถกำหนด Trend ขึ้นหรือลงได้ เพราะ"ฝรั่ง" เขาเข้าออกแน่นอน คือ ถ้าเข้าก็จะเข้าต่อเนื่อง และถ้าออกก็จะออกต่อเนื่อง --ต่างกับ"สถาบัน"ที่แม้มีการซื้อขายในปริมาณเท่าๆกับ"ฝรั่ง"แต่ วิธีการเล่น ไม่แน่นอน หวือหวาไปมา "มั่ว..ว่างั้น" (เสี่ยวแทนผู้ลงทุน RMF/ LTF จริงๆ)

รายย่อย คือ ผู้เล่นที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในตลาดคือ ประมาณ 50% ของ Volume ทั้งหมด แต่วิธีการเล่น "หวือหวา"เช่นกัน คือ เดี๋ยวก็วิ่ง"หวือออก" "หวือเข้า" ..กลุ่มรายย่อยนี้ หลายๆคนให้นิยามว่า "แมลงเม่า" คือ คุณอย่าเข้าใจผิดว่า "แมลงเม่า" เป็นพวกไม่มีความรู้..ไม่ใช่เลย

--พวก"แมลงเม่า" นี่แหละกลุ่มที่มีการศึกษาสูง เงินเดือนสูง เป็นทั้งระดับผู้บริหาร อาจารย์ ผู้มีหน้ามีตาในสังคม ---Trend การเล่นหุ้นของ "รายย่อย" ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ "เข้าเมื่อหุ้นตก และรีบขาย(ทันที)เมื่อหุ้นขึ้น"--ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมากลุ่มนี้เป็นคนที่ ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

--(แต่คุณรู้ไหมว่าปัญหามันอยู่ไหน)..(ครับ)รายย่อย มีต้นทุนที่สูงขึ้น ทุกๆรอบที่ขาย ..พอซื้อใหม่ ก็ซื้อแพงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กำไรเท่าเดิม เช่น บางคนตั้งไว้ว่ากำไร 5 บาท จะขายทันที ..แต่ลืมนึกไปว่า รอบแรกๆที่กำไร 5 บาท ก็ต้นทุนไม่สูง พอรอบหลังๆ ต้นทุนสูงแบบไม่รู้ตัว ดังนั้น เมื่อตลาดเปลี่ยน เข้า Trend ขาลงเมื่อไหร่ พวกนี้"ติดดอย"ทันที ---(นี่แหละครับที่มาของการติดดอย)

ตอนนี้หลายๆคนกำลังตั้งคำถามว่า แล้ว"ติดดอย"มันอยู่ตรงไหน -- จริงๆแล้ว ทุกคนที่เล่นหุ้น ล้วนต้องติดดอย(ทุกคน) เพียงแต่ว่า ขนาดของดอยมันไม่เท่ากัน คือ ถ้าเราติดดอยเล็ก อีกไม่กี่อาทิตย์ ก็อาจออกได้ทำกำไร แต่ถ้าดอยใหญ่เช่น "ดอยต้มยำกุ้งปี 97" อย่างนี้ ติดเป็นปีๆ บางดอยเจ๊งไปเลย อย่างพวก Finance Company พวกนั้น..ดังนั้น เวลาเล่นอย่าลืมมองว่า ตอนนี้เราเล่น ดอยไหน ไม่ใช่ ซี้ซั้วเล่น "ระวังเจอดอยใหญ่"

มาดูวันนี้ ตลาดวิ่งขึ้นค่อนข้างแรง ..ใครอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเช้าจะ(งง) เพราะต่างชาติลด Rating ความน่าเชื่อถือของ Bond เรา --คือ ผมเชื่อว่า "คนที่มีการศึกษา"ทุกท่านเมื่อเห็นข่าวเช้านี้ จะต้องคิดว่า "อ้าว!!ลด Rating --หุ้นจะต้องตกระนาว.. ต่ออีกแน่ รีบขาย รีบขาย.." ปรากฏว่าพอตลาดเปิดตั้งแต่เช้า ตลาดหุ้นวิ่งสวนทางกับที่ท่านคิด (นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่า "แมลงเม่า" คือ คนที่มีการศึกษาดี ความรู้สูง "ฉาด!! ตลาดหุ้น ตบหน้าท่าน.. (งง) "

-- 4 วันที่ผ่านมา "ทุกคน(นักวิเคราะห์ต่างๆ)ฟันธงว่าฝรั่งหนีหมดแล้ว ..(ฉาด!! ฝรั่งตบหน้าซะ(งง))คือ สรุปพอมาดูตัวเลขฝรั่งวิ่งเข้ามาเดือนกว่า 50,000 กว่าล้าน พอ---4 วันที่ผ่านมา ทิ้งออกไปแค่ 5,000 กว่า เมื่อวานกลับมาอีก สรุปฝรั่งออกไปน้อยมาก(งง!! ไหมครับว่า นักวิเคราะห์เอาตัวเลขอะไรมาบอกว่าฝรั่งทิ้งหุ้นเราหมดแล้ว ..มั่วโคตร!!!)

--จริงๆผมก็ค่อนข้าง(งง)!!ว่า ฝรั่งจะรีบออกทำไม เพราะถ้าเขาออกแสดงว่า 50,000 ล้านที่เขาใส่เข้ามาก่อนหน้านี้ ต้องขาดทุนหมด --"ฝรั่งเขาไม่ได้โง่ --คือ เราต้องอ่านเกมเขาให้ออก เพราะขืนมาวิ่งแบบ"แมลงเม่า"อย่างที่รายย่อยเล่นผมว่า ตายอย่างเดียว"

-- ถ้าให้มอง ผมว่า รอบนี้"ฝรั่ง"ต้องเข้าต่อเนื่อง (เอาเงินที่ออก เข้ามาซื้อเพิ่มเข้าไปอีก)ลาก SET เข้าไปให้สูงกว่า Peak เดิมอีก --และคราวนี้แหละ เมื่อฝรั่งออกจริง ตลาดต้องตกแรงแน่นอน (รอบที่ผ่านมาแค่รายย่อยกับสถาบันทิ้งยังแรงขนาดนี้) รอบหน้านี่ถ้าฝรั่งทิ้งด้วย --"ไม่อยากจะคิด"

ตอนนี้ภาพใหญ่ที่ผมมองว่า "ยังอยู่ในขาขึ้น" ยังมีปัจจัยของ อเมริกาและยุโรป มากระทบแรง (แต่ยังไง ผมก็ยังเชื่อว่า ภาพใหญ่ยังคงขึ้นต่อ อีกเป็นปี..) --แต่!!ขาขึ้นไม่ได้ขึ้นทางเดียว ..มันขึ้นสลับกับลงแรง และก็ขึ้นต่อ .. ลงแรง ..แต่ทุกรอบจะขึ้นสูงขึ้น

--อย่างที่บอกว่า โลกยังคงวนเวียนกับ ประเด็นอเมริกายุโรปว่าจะ W Shape หรือ ไม่---ถ้าผ่านประเด็นนี้ได้ --"ฟันธง Asian miracle 2 ได้เลย และนั่น..เราจะเห็น SET ที่สูงอย่างปี 1994 ก็เป็นได้" แต่สำหรับ Value Investor ผมว่าท่านไม่ต้องมาวิเคราะห์ ว่าขาขึ้นหรือลง แค่ซื้อตอนตกแรงๆ(ในปีนี้) ก็รับปันผล "มหาศาล" ไหนจะ Capital Gain ผมว่าปีนี้ "สวรรค์ของValue Investor เขาหละ"....

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ