วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553
นายกอภิสิทธิ์ตัดสินใจอืดๆๆเพราะอ่าน" Mandela's Way"รึเปล่า
"ประวัติศาสตร์สร้างวีรบุรุษ หรือ วีรบุรุษสร้างประวัติสาสตร์" คือแค่ประโยคนี้"ก็โดน" คือมันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมเลย เพราะผมไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษหรือ เป็นประวัติศาสตร์ แต่คุณ อภิสิทธิ์ไม่แน่ เพราะคุณอภิสิทธิ์อาจอยากเป็น "มะเร็ง"บ้าง เพราะ "เครียดแตก" ไม่รู้ว่าจะ ผ่าปัญหาทางการเมืองไทยอย่างไร ...เอาเป็นว่านั้นเป็นปัญหาของ "นายก"
--ผมว่าที่น่าสนใจกว่าคือ "เนลสัน แมนเดลา" (ประธานาธิปดีผิวดำคนแรกของแอฟริกาใต้ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันดิภาพ และเป็นบุรุษที่ทั่วโลกยกย่องต่อการต่อสู้ปลดปล่อยแอฟริกาใต้ ด้วยสันติวิธี) สิ่งที่น่าทึ่งในตัว"แมนเดลา"คือ เขาติดคุกถึง 27 ปี ดังนั้น สิ่งต่างๆที่เขาสำเร็จและได้รับการยกย่อง คือ ภาพหลังที่เขาออกจากคุกในวัย 70 กว่าปีแล้ว
--ภาพที่เราๆไม่เห็นคือ การติดคุกกว่าครึ่งชีวิตทำให้แม่ของเขามองว่าเขา เป็นคนขี้คุก และแม่ของเขาก็เสียชีวิจตั้งแต่ เขายังอยู่ในคุก นั่นหมายความว่า ภาพที่เขาสร้างให้แม่เขาเห็นเป็นเพียงภาพความผิดหวัง ไม่ใช่ภาพความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่เราทุกคนเห็น
จุดที่น่าสนใจคือ ชีวิต เราต้องการให้คนที่เรารักเห็นว่าเราสำเร็จ หรือ เราอยากให้คนอื่นเห็นมากกว่า ..ผมว่าประเด็นนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง --คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมาก ภายหลังจากที่ พ่อแม่ จากไปเสียแล้ว เช่น Rain นักร้องเกาหลีที่สำเร็จสูงภายหลังจากที่แม่เขาตายไปแล้ว
--- แต่ก็มีอีกหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จโดยที่ พ่อแม่ ยังมีชีวิตอยู่ อย่าง Bill Gates ก็ใช่ อย่าง ผู้ก่อตั้ง Facebook มาร์ค ซุคคาเบิกค์ ก็ใช่ เพราะเขาเป็นเศรษฐีในวัยยี่สิบต้นๆ ..สิ่งที่"แมนเดลา" ได้กล่าวไว้ว่า "ชีวิตนั้นยาวไกล" เป็นอะไรที่ลึกซึ้งมาก เพราะแท้จริงแล้วความสำเร็จของแต่ละคนไม่สามารถกำหนดได้ ว่าคุณจะสำเร็จเมื่อใด จากตัวอย่างที่กล่าวมา บางคนก็สำเร็จแต่ยังหนุ่ม (แต่ตอนแก่ อาจตกอับก็ได้)
บางคนสำเร็จในบั้นปลาย เช่น "แมนเดลา" หรือ แม้แต่ "อองซาน ซูจี" ซึ่งตอนนี้ก็ยังสู้อยู่ ..เราไม่อาจกำหนดได้ว่า คนที่เราอยากจะโชว์ความสำเร็จ จะได้เห็นความสำเร็จของเราหรือไม่ ---ดังนั้น เมื่อเราไม่สามารถกำหนดอะไร เราจึงไม่ควรอยู่เพื่อ"ความสำเร็จ"
--หลายท่านอาจจะ(งง) ว่า ถ้าไม่อยู่เพื่อความสำเร็จเราจะอยู่เพื่ออะไร ..และนี่เองคือ ตัวปัญหา --ผมว่ามนุษย์เรามุ่งสร้าง"ความสำเร็จ" โดยลืมนึกไปว่า ชีวิตเราเกิดมาเพื่ออะไร --หลายคนบอก"ผมเกิดมาเพื่อเป็น ผู้ยิ่งใหญ่ แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้เป้นผุ้ยิ่งใหญ่ โลกนี้มีคนเป็นพันล้าน ..ทุกคนล้วนอยากรวย อยากยิ่งใหญ่ อยากมีอำนาจ --ผมถามหน่อยว่าปัญหาที่แท้จริง มันคือ คือ "ความอยากมี"จริงไหม ที่ทำให้คุณเป็นทุกข์ เป็น"มะเร็ง"
วันนี้เรามอง คุณอภิสิทธิ์ คุณทักษิณ คนนึงมีอำนาจ คนนึงมีเงิน แต่ทั้งสองคนก็ล้วนไม่สามารถได้ในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ ..แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่ เขาสร้างการแตกหัก สร้างความเดือดร้อน --- จริงๆแล้วผมว่า วันนี้มนุษย์เรา ก้าวเกิน "ความพอดี" ปัญหามันอยู่ที่การแสวงหาเงินทองและอำนาจ จนเกินความจำเป็น สุดท้าย คนได้อยู่บ้านหลายร้อยล้าน (ไม่ใช่คุณ) แต่กลายเป็น "คนรับใช้" ....คนที่ได้ขับ Roll Royce คันงามสุดแพง (ไม่ใช่คุณ) แต่เป็น"คนขับรถ" ..พ่อแม่หลายคนหาเงินยากลำบาก เพียงเพื่อให้ลูกเอามาผลาน -- แล้วความ"พอดีมันอยู่ตรงไหน"
คุณมี 20 บาท ก็อิ่มได้ ถ้ามีพันบาท ก็อาจได้กินของแพง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มันอร่อยกว่าอาหาร 20 บาท หรือ มื้อละหมื่น..บางทียังอร่อยสู้ ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ไม่ได้ และมัน"เพื่ออะไร" ยิ่งรวยกินของดีๆกลับอ้วน ท้ายสุด ไม่ได้ดี "อ้วน..น่าสมเพศ ..เป็นโทษไปอีก"
อ้าว..นอกเรื่องไปเยอะ กลับมาที่ "แมนเดลา" จริงๆคนผิวดำ อายุไม่ค่อยยืน พูดง่ายๆว่า อายุ 70 กว่าที่รุ่งสุดๆของ "แมนเดลา"เป็นอายุที่คนผิวดำส่วนใหญ่ตายไปแล้ว --ผมไม่เชื่อว่า 27 ปีในคุกของแมนเดลา เป็นชีวิตที่มีความสุข ถ้าดูให้ดี ช่วงเป็น ประธานาธิปดีตอนแก่ ก็ใช่ว่าจะมีความสุข
--สรุปทั้งชีวิต "แมนเดลา"ที่หลายคนยกย่องเป้นผู้ยิ่งใหญ่ แต่เจ้าตัว กลับหาความสุขไม่ได้เลย --ผมว่าชีวิตมันคือทางเลือก หากคุณเลือกด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป คุณก็จะเสียอีกด้านอย่างมากเช่นกัน ดังนั้น ผู้ยิ่งใหญ่ คนรวยมากๆ เขาต้องแลกกับชีวิต ที่หลายคน ไม่เลือกเดิน
..ดังนั้น ผมว่า การเดินทางสู่"ความยิ่งใหญ่"กลับเป็นคนทางที่ "สวนทางกับความสุข" ...ซึ่งไม่ว่าทางใด สุดท้ายก็ไม่ต่างกัน คือ ตาย ---มันคงจะไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ที่ทั้งชีวิต เราจะเลือกแบบ "แมนเดลา" หรือ "อองซาน ซูจี" ที่สู้ เดี๋ยวเข้าคุก แล้วก็สู้ แล้วก็เข้าคุก
...ผมเลือกที่จะเดินในทางที่ผมมีความสุข ไม่จำเป็นว่าทางนั้นจะนำเราไปสู่ผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่ก็ตาม ..ความสุขที่เราเข้าใจมักเป็นความสุขจาก"การได้" ไม่ใช่"การครอบครอง การมีรถหรู หรือบ้านแพง จึงไม่จำเป็นในการครอบครอง เพียงแค่ได้ลองก็อาจเพียงพอ การกำหนดชีวิตให้ลูกหลานอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาเหล่านั้นต้องการ มันเป็น"ความสุข"หรือ "พันธนาการ"กันแน่..ทางใครทางมัน (เราเลือกเอง).... แต่ก็ไม่ควรกำหนดให้ใคร....
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...