แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

ทำไมประเทศ"เดือดแทบแตก"แต่ตลาดหุ้นยังไม่"พัง"เสียที


สถานการณ์ในปัจจุบัน เรียกได้ว่า"เน่ามากๆ" โดยเฉพาะการเมืองที่ร้อนระอุ แต่ท่านสงสัยไหมว่า "ทำไมตลาดหุ้นยังไม่ค่อยกระทบมากนัก" ถ้าดูตั้งแต่ต้นปี ตลาดอยู่ที่ประมาณ 600 กว่าๆ แต่ตอนนี้"ขนาดตลาดพังมาหมายรอบ"ยังอยู่ที่ 700 กว่าจุด.....(เพราะอะไร)

-- จริงๆแล้วตลาดหุ้นก็คือ "กระจกสะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีต่อเศรษฐกิจ" ถ้ามองในภาวะนี้ จะเห็นได้ว่า ในโลก"ตอนนี้"แทบไม่มีอะไรน่าลงทุนเลย --ลองคิดซิครับว่า หากท่านเป็น"ผู้จัดการกองทุน"ท่านจะเอาเงินไปวางไว้ที่ใด เพื่อให้ผลตอบแทนสูงที่สุด

....ถ้ามองไปแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินฝาก หรือ พันธบัตร รัฐบาล ที่เป็นแหล่งวางเงินที่สำคัญ(เพราะมีความมั่นคง) แต่ผลตอบแทน"แทบไม่มี" ดังนั้น การวางเงินในแหล่งดังกล่าวไม่ต่างกับ"เอาเงินใส่ไว้ในตุ่ม"เพราะให้ผลตอบแทนไม่คุ้ม (แถมไม่สามารถรักษามูลค่าของเงิน--ที่ลดมูลค่าลงอย่างรวดเร็ว จากการกระตุ้น เศรษฐกิจโดยการอัดฉีดเงินเข้าระบบ กดดอกเบี้ยให้ต่ำกระตุ้นการใช้จ่ายเงิน ซึ่งทุกอย่างก็คือ การกระตุ้นเพื่อให้เงินลดมูลค่านั่นเอง)

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า"ตลาดหุ้น" แม้มีความเสี่ยงสูง แต่ในระยะยาว ถ้าเทียบกับแหล่งลงทุนอื่น ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

- หนึ่ง ในแง่ของสภาพคล่อง(Liquidity) หุ้นถือว่า มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา ซึ่งต่างกับ ที่ดิน หรือ บ้าน ซึ่งเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ช้า

- สอง หุ้นให้ผลตอบแทน"ที่จับต้องได้ ในรูปของเงินปันผล" อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่างกับ Commodity เช่น ทอง,น้ำมัน ที่กำไรเมื่อขายเท่านั้น

ดังนั้น สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ผู้ลงทุน หรือ ผู้จัดการกองทุน --((ไม่มีที่ที่ดีกว่าในการลงทุน)) เช่น นักลงทุนต่างชาติถ้าเขาขายทิ้งหุ้นจากตลาดเราหมด ก็ใช่ว่าเขาจะสามารหาที่ลงทุนที่ดีกว่า เพราะตอนนี้อเมริกากับยุโรปก็ค่อนข้างแย่

.... นักลงทุนสถาบัน คือ หากขายหุ้นออกมาก็ต้องถือเงินสดมาก อีกทั้งปลายปีก็จะมีเงิน RMF /LTF เข้ามาเพิ่ม ดังนั้น การขายหุ้นออกแล้วถือเงินสด ก็นับเป็นความเสี่ยงที่สูง เพราะตลาดสามารถวิ่งขึ้นอย่างแรงเมื่อเหตุการณ์สงบ --ทำให้อาจตกรถไฟได้ง่ายๆ

..... นักลงทุนรายย่อย ถ้าถอนออกจากหุ้นตอนนี้ก็ไม่มีที ที่ให้ผลตอบแทนได้ดีกว่า และโอกาส"ตกรถไฟก็มีมากเช่นกัน"

... สรุปว่า นักลงทุนทุกกลุ่ม ต่างก็มองว่า"หากตลาดสงบ" จะต้องรีบเข้าให้ทัน ซึ่งจุดนี้ เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดไม่ตกมาก --ดังนั้น หากเหตุการณ์ความวุ่นวายสงบเมื่อไหร่ ก็มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นแรง --- และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ตลาด "ไม่ขึ้นมาก ไม่ตกมาก"นั่นเอง....

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ