วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553
ทำไมประเทศ"เดือดแทบแตก"แต่ตลาดหุ้นยังไม่"พัง"เสียที
สถานการณ์ในปัจจุบัน เรียกได้ว่า"เน่ามากๆ" โดยเฉพาะการเมืองที่ร้อนระอุ แต่ท่านสงสัยไหมว่า "ทำไมตลาดหุ้นยังไม่ค่อยกระทบมากนัก" ถ้าดูตั้งแต่ต้นปี ตลาดอยู่ที่ประมาณ 600 กว่าๆ แต่ตอนนี้"ขนาดตลาดพังมาหมายรอบ"ยังอยู่ที่ 700 กว่าจุด.....(เพราะอะไร)
-- จริงๆแล้วตลาดหุ้นก็คือ "กระจกสะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีต่อเศรษฐกิจ" ถ้ามองในภาวะนี้ จะเห็นได้ว่า ในโลก"ตอนนี้"แทบไม่มีอะไรน่าลงทุนเลย --ลองคิดซิครับว่า หากท่านเป็น"ผู้จัดการกองทุน"ท่านจะเอาเงินไปวางไว้ที่ใด เพื่อให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
....ถ้ามองไปแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินฝาก หรือ พันธบัตร รัฐบาล ที่เป็นแหล่งวางเงินที่สำคัญ(เพราะมีความมั่นคง) แต่ผลตอบแทน"แทบไม่มี" ดังนั้น การวางเงินในแหล่งดังกล่าวไม่ต่างกับ"เอาเงินใส่ไว้ในตุ่ม"เพราะให้ผลตอบแทนไม่คุ้ม (แถมไม่สามารถรักษามูลค่าของเงิน--ที่ลดมูลค่าลงอย่างรวดเร็ว จากการกระตุ้น เศรษฐกิจโดยการอัดฉีดเงินเข้าระบบ กดดอกเบี้ยให้ต่ำกระตุ้นการใช้จ่ายเงิน ซึ่งทุกอย่างก็คือ การกระตุ้นเพื่อให้เงินลดมูลค่านั่นเอง)
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า"ตลาดหุ้น" แม้มีความเสี่ยงสูง แต่ในระยะยาว ถ้าเทียบกับแหล่งลงทุนอื่น ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
- หนึ่ง ในแง่ของสภาพคล่อง(Liquidity) หุ้นถือว่า มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา ซึ่งต่างกับ ที่ดิน หรือ บ้าน ซึ่งเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ช้า
- สอง หุ้นให้ผลตอบแทน"ที่จับต้องได้ ในรูปของเงินปันผล" อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่างกับ Commodity เช่น ทอง,น้ำมัน ที่กำไรเมื่อขายเท่านั้น
ดังนั้น สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ผู้ลงทุน หรือ ผู้จัดการกองทุน --((ไม่มีที่ที่ดีกว่าในการลงทุน)) เช่น นักลงทุนต่างชาติถ้าเขาขายทิ้งหุ้นจากตลาดเราหมด ก็ใช่ว่าเขาจะสามารหาที่ลงทุนที่ดีกว่า เพราะตอนนี้อเมริกากับยุโรปก็ค่อนข้างแย่
.... นักลงทุนสถาบัน คือ หากขายหุ้นออกมาก็ต้องถือเงินสดมาก อีกทั้งปลายปีก็จะมีเงิน RMF /LTF เข้ามาเพิ่ม ดังนั้น การขายหุ้นออกแล้วถือเงินสด ก็นับเป็นความเสี่ยงที่สูง เพราะตลาดสามารถวิ่งขึ้นอย่างแรงเมื่อเหตุการณ์สงบ --ทำให้อาจตกรถไฟได้ง่ายๆ
..... นักลงทุนรายย่อย ถ้าถอนออกจากหุ้นตอนนี้ก็ไม่มีที ที่ให้ผลตอบแทนได้ดีกว่า และโอกาส"ตกรถไฟก็มีมากเช่นกัน"
... สรุปว่า นักลงทุนทุกกลุ่ม ต่างก็มองว่า"หากตลาดสงบ" จะต้องรีบเข้าให้ทัน ซึ่งจุดนี้ เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดไม่ตกมาก --ดังนั้น หากเหตุการณ์ความวุ่นวายสงบเมื่อไหร่ ก็มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นแรง --- และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ตลาด "ไม่ขึ้นมาก ไม่ตกมาก"นั่นเอง....
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0 1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ 2. ‘Dere...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...