วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553
ถ้าตลาดมันคาดเดาง่าย 80% ของคนเล่นคงไม่ขาดทุน
"ถ้าตลาดมันคาดเดาง่าย 80% ของคนเล่นคงไม่ขาดทุน" เมื่อวาน "ผิดคาด" คือ นักวิเคาะห์เดาผิด ที่ คาดว่าตลาดจะไม่กระทบ แต่มันกระทบ แรง..เหมือนกับ ชุมนุมใหญ่ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์บอกว่า "ทิ้งหุ้น ถือเงินสด" สรุปช่วงนั้นตลาดวิ่งจาก 680 - 800 จุด "จุกๆ"
.. ปีที่แล้ว สงกรานต์เลือด นักวิเคราะห์ คาดว่า"เละ -- ทิ้งหุ้น ถือเงินสด" ตอนนั้น ดัชนีอยู่แค่ 500 กว่าๆ --แล้วจำตอนปิดสนามบินปี 2008 ไหม ตอนนั้น นักวิเคราะห์ บอก "ทิ้งๆๆหุ้น ถือเงินสด" ตอนนั้น ดัชนียัง 400 กว่าๆ
ที่ยกตัวอย่างให้ดู คือ ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า
1. นักวิเคราะห์ ฟังแล้ว"คิดก่อน" ว่าควรทำตามที่เขาแนะนำหรือไม่ จริงๆไม่ได้บอกว่า ที่นักวิเคราะห์เสนอ--(มีเหตุผล)หรือไม่ ..ซึ่งบอกได้เลยว่า นักวิเคราะห์ก็วิเคราะห์ตามเหตุผลตามตำราอย่างถูกต้อง แต่"ตลาดจริง" มันไม่ได้ขึ้นลงตามเหตุผล (มันจึงขึ้นลงสวนทางกับเหตุผลคือ เรากะว่าตลาดจะขึ้น"มันลง" ถ้าเราคาดว่าจะลง"มันขึ้น" --คนที่รวยคือ "ชาวสวน" นั้นเอง ...ฮิ ฮิ..)
2. ตลาดตั้งแต่ผ่าน Bottom ปลายปี 2008 ถึงตอนนี้ ยัง"อยู่ในขาขึ้น" ... ซึ่งจริงๆ แล้ว ปัจจัยเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ ขึ้นแรงเท่ากับ การวิ่งขึ้นของตลาดหุ้น -- สรุปได้ว่า ตลาดที่ขึ้นอยู่ในปัจจุบัน เข้าสู่ช่วง Bubble แล้ว --แต่นั่น ไม่ได้หมายความว่าตลาดจะต้องลงแล้ว เพราะ"ตลาดไม่ได้ขึ้นลงตามเหตุผล แต่มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนักลงทุนต่างหาก " ...ถ้ายกตัวอย่าง อเมริกาตอนนี้ จริงๆแย่กว่าเรา เพราะเศรษฐกิจยังแย่แต่หุ้นขึ้นมามาก ต่างกับบ้านเราตรงที่ บริษัทเรายังให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ยกตัวอย่าง ธนาคาร เช่น "ธนาคารกรุงเทพ" ตั้งแต่ Subprime ธนาคารยังไม่ได้รับผลกระทบเลย กลับมีกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ กำไรลดลงก็คือ PTT ดังนั้น ตลาดขณะนี้ยังอยู่ใน Bubble ที่ยัง"สมเหตุสมผล"
ในมุมมองของผม ยังมองว่ารอบนี้ (ต้องขึ้น)สูงขึ้นต่อ เพราะตลาดเอเชีย มีการฟื้นตัวที่แท้จริง(ดีกว่า) อเมริกาและยุโรป ถ้าเอาตัวเลข Fund Flow ย้อนหลังมาดูจะเห็นว่า ก่อนเกิด Subprime กองทุนต่างๆ เริ่มโยกเงินเข้ามาในเอเชียเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา มา Peak ตอนปลายปี 2007 ที่ยอดซื้อสุทธิสะสมที่ 300,000 ล้านบาท ดันค่าเงินบาทแข็งค่า 30% แตะ 30 บาทต่อ $ 1 us...(ผมถามว่าจุดนี้คุณมองเห็นอะไร)
สิ่งที่ผมมองเห็นก็คือ รอบสองของ Fund Flow ที่จะเข้ามา(ซึ่งน่าจะพอๆกับปี 2004 - 2007 หรือมากกว่าด้วยซ้ำ -- เพราะยังไงกองทุนต้องลดความเสี่ยงจากตลาดอเมริกาและยุโรป เหมือนครั้งก่อน ประกอบกับครั้งนี้ พื้นฐานของเศรษฐกิจและบริษัทของเอเชีย มีพื้นฐานและกำไรที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
--เมื่อการไหลของ Fund Flow ออกมาในรูปแบบนี้ ผมว่า มันน่าเสี่ยงที่เราจะเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทที่ปันผลดีๆ ในราคาไม่แพงอย่างกลุ่ม PTT /PTTAR /TOP .... ซึ่งถ้าเรา(โชคดี) คือ Fund Flow ไหลเข้ามาแรงแบบปี 2004 - 2007 -- "คุณก็จะรวย" แต่ถ้าเกิด Fund Flow ไม่เข้า คุณก็ไม่เสียอะไร เพราะ เงินปันผลที่คุณได้ ก็คุ้ม เกินคุ้มแล้ว ---ถ้าคุณคิดแบบนี้ผมว่า ความเสี่ยงต่ำ...ผลตอบแทนสูง++ "น่าคิด..จริงป่ะ"
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
เมื่อวันก่อน ผมได้มีโอกาสไปออกรายการวิทยุ Business Line & Life ของคุณม่อน .. มีคนสัมภาษณ์ผมเป็น คนหนุ่มรุ่นใหม่ ทายาทกลุ่ม ธุรกิ...
-
6 ข้อ ปฏิบัติของการเป็น ’นักลงทุนแบบทางสายกลาง’ หลังจากผมลงทุนมานานพอสมควรก็พบว่า ’ทางสายกลาง‘ คือ หลักปฏิบัติที่สำคัญที่ทำให้เราประสบความ...
-
ท่านธนินท์มักกล่าวในงานสัมมนาต่างๆ ถึงแนวคิด "สองสูง" ของท่าน -- ซึ่งสูงแรกก็คือ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และสูงที่สอง คือขึ้นราคาพื...
-
5 ข้อควรรู้ ‘การคิดเผื่อคนอื่น‘ ทำไมทำให้เราเป็นนักลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น 1. ’คน Gen ก่อน โดยรวมรวยกว่าคน Gen ใหม่ เพราะ เขาคิดสร้างใ...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
6 ข้อ หลักคิดที่ทำให้เราไม่สามารถซื้อหุ้นในจุดที่ราคาถูกที่สุด และ ขายหุ้นในเวลาที่แพงที่สุด 1. ‘หุ้นไม่มีจุดต่ำสุด‘ …หลายคนคิดว่า ซื้อหุ้น...
-
AEC ย่อมาจาก ( ASEAN Economic Community ) ..ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อ ASEAN รวมตัวกันได้ ก็จะทำให้เกิด Win-Win นั่นก็คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในปร...
-
"QE2" ตอนนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก เนื่องจากลึกๆแล้ว หัวใจของนโยบายนี้ก็คือ "การเปลี่ยนเงินดอลล่าห์ให้เป็นแบงค์กงเต๊...
-
ตอนนี้แนวทางที่พิสูจน์ตัวเอง ได้สวยในระยะยาวก็เห็นจะเป็นแนว Value Investor (จริงๆแนวอื่นก็สวย แต่เผอิญนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก คือ Warren B...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...