แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

ถ้าตลาดมันคาดเดาง่าย 80% ของคนเล่นคงไม่ขาดทุน


"ถ้าตลาดมันคาดเดาง่าย 80% ของคนเล่นคงไม่ขาดทุน" เมื่อวาน "ผิดคาด" คือ นักวิเคาะห์เดาผิด ที่ คาดว่าตลาดจะไม่กระทบ แต่มันกระทบ แรง..เหมือนกับ ชุมนุมใหญ่ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์บอกว่า "ทิ้งหุ้น ถือเงินสด" สรุปช่วงนั้นตลาดวิ่งจาก 680 - 800 จุด "จุกๆ"

.. ปีที่แล้ว สงกรานต์เลือด นักวิเคราะห์ คาดว่า"เละ -- ทิ้งหุ้น ถือเงินสด" ตอนนั้น ดัชนีอยู่แค่ 500 กว่าๆ --แล้วจำตอนปิดสนามบินปี 2008 ไหม ตอนนั้น นักวิเคราะห์ บอก "ทิ้งๆๆหุ้น ถือเงินสด" ตอนนั้น ดัชนียัง 400 กว่าๆ

ที่ยกตัวอย่างให้ดู คือ ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า

1. นักวิเคราะห์ ฟังแล้ว"คิดก่อน" ว่าควรทำตามที่เขาแนะนำหรือไม่ จริงๆไม่ได้บอกว่า ที่นักวิเคราะห์เสนอ--(มีเหตุผล)หรือไม่ ..ซึ่งบอกได้เลยว่า นักวิเคราะห์ก็วิเคราะห์ตามเหตุผลตามตำราอย่างถูกต้อง แต่"ตลาดจริง" มันไม่ได้ขึ้นลงตามเหตุผล (มันจึงขึ้นลงสวนทางกับเหตุผลคือ เรากะว่าตลาดจะขึ้น"มันลง" ถ้าเราคาดว่าจะลง"มันขึ้น" --คนที่รวยคือ "ชาวสวน" นั้นเอง ...ฮิ ฮิ..)

2. ตลาดตั้งแต่ผ่าน Bottom ปลายปี 2008 ถึงตอนนี้ ยัง"อยู่ในขาขึ้น" ... ซึ่งจริงๆ แล้ว ปัจจัยเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ ขึ้นแรงเท่ากับ การวิ่งขึ้นของตลาดหุ้น -- สรุปได้ว่า ตลาดที่ขึ้นอยู่ในปัจจุบัน เข้าสู่ช่วง Bubble แล้ว --แต่นั่น ไม่ได้หมายความว่าตลาดจะต้องลงแล้ว เพราะ"ตลาดไม่ได้ขึ้นลงตามเหตุผล แต่มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนักลงทุนต่างหาก " ...ถ้ายกตัวอย่าง อเมริกาตอนนี้ จริงๆแย่กว่าเรา เพราะเศรษฐกิจยังแย่แต่หุ้นขึ้นมามาก ต่างกับบ้านเราตรงที่ บริษัทเรายังให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ยกตัวอย่าง ธนาคาร เช่น "ธนาคารกรุงเทพ" ตั้งแต่ Subprime ธนาคารยังไม่ได้รับผลกระทบเลย กลับมีกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ กำไรลดลงก็คือ PTT ดังนั้น ตลาดขณะนี้ยังอยู่ใน Bubble ที่ยัง"สมเหตุสมผล"

ในมุมมองของผม ยังมองว่ารอบนี้ (ต้องขึ้น)สูงขึ้นต่อ เพราะตลาดเอเชีย มีการฟื้นตัวที่แท้จริง(ดีกว่า) อเมริกาและยุโรป ถ้าเอาตัวเลข Fund Flow ย้อนหลังมาดูจะเห็นว่า ก่อนเกิด Subprime กองทุนต่างๆ เริ่มโยกเงินเข้ามาในเอเชียเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา มา Peak ตอนปลายปี 2007 ที่ยอดซื้อสุทธิสะสมที่ 300,000 ล้านบาท ดันค่าเงินบาทแข็งค่า 30% แตะ 30 บาทต่อ $ 1 us...(ผมถามว่าจุดนี้คุณมองเห็นอะไร)

สิ่งที่ผมมองเห็นก็คือ รอบสองของ Fund Flow ที่จะเข้ามา(ซึ่งน่าจะพอๆกับปี 2004 - 2007 หรือมากกว่าด้วยซ้ำ -- เพราะยังไงกองทุนต้องลดความเสี่ยงจากตลาดอเมริกาและยุโรป เหมือนครั้งก่อน ประกอบกับครั้งนี้ พื้นฐานของเศรษฐกิจและบริษัทของเอเชีย มีพื้นฐานและกำไรที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

--เมื่อการไหลของ Fund Flow ออกมาในรูปแบบนี้ ผมว่า มันน่าเสี่ยงที่เราจะเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทที่ปันผลดีๆ ในราคาไม่แพงอย่างกลุ่ม PTT /PTTAR /TOP .... ซึ่งถ้าเรา(โชคดี) คือ Fund Flow ไหลเข้ามาแรงแบบปี 2004 - 2007 -- "คุณก็จะรวย" แต่ถ้าเกิด Fund Flow ไม่เข้า คุณก็ไม่เสียอะไร เพราะ เงินปันผลที่คุณได้ ก็คุ้ม เกินคุ้มแล้ว ---ถ้าคุณคิดแบบนี้ผมว่า ความเสี่ยงต่ำ...ผลตอบแทนสูง++ "น่าคิด..จริงป่ะ"

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ