แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องของทองที่“ต้องรู้” !!..จาก National Geographic


ผมชอบอ่าน National Geographic “ไม่ใช่เพราะผม รักเด็ก หรือ ชอบดูชีวิตสัตว์โลก” เพียงแต่มันมีข้อมูล ที่เปิด กะลาน้อยๆของผม ได้หลายต่อหลายครั้งทีเดียว …ครั้งนี้ ผมอ่านสารคดีเรื่องทอง ที่กล่าวว่า “ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีทองคำเพียง 161,000 ตันเท่านั้น ที่ถูกสกัดออกมา(จากผืนโลก) หากคิดเป็นปริมาณก็แทบไม่พอ ที่จะถมสระว่ายน้ำโอลิมปิกให้เต็มทั้งสองสระ” …ธนาคารของประเทศต่างๆมีการถือทองคำ ประมาณ 1 ใน 5 (ของประมาณทองคำที่เคยผลิตขึ้นมาบนโลกนี้) คือ ประมาณ 32,000 ตัน

(อเมริกาถือมากสุดในโลกคือ 8,000 กว่าตัน ..เยอรมัน กับ IMF ถือ(คนละ) 3,000 กว่าตัน ..ฝรั่งเศสกับอิตาลีถือ(ประเทศละ) 2,000 กว่าตัน ..สวิส และจีน (ต่างถือประเทศละแค่)หนึ่งพันตัน นอกนั้นธนาคารกลางประเทศอื่นถือ แค่หลักร้อยเท่านั้น(เมืองไทยถือ 84 ตัน) “คือสรุปอเมริกาถือ 60% ของเงินสำรอง ..ยุโรปถือ ประมาณ 45% ..ประเทศส่วนใหญ่ ประมาณ 10% เท่านั้น”

มาดูที่ “จีน” ผมสนใจเป็นพิเศษ เพราะมี “นักวิชาการหลายคน กล่าวว่า ถ้าจีนเลือกที่ จะถือทองเป็น สัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ราคาทอง “พุ่งสูงมากๆ” --ผมตั้งคำถามก่อนเลย “จริงหรือ !!!” --เวลานี้ จีน มี “ทอง” เป็นสัดส่วนแค่ 2% ของทุนสำรอง ..ถ้าผู้นำจีน (มีสมอง) ซึ่งที่ผ่านมา “เขาฉลาดจริง !!” …เขาก็คงจะคิดได้ว่า ทองคำทั่วโลกมี “แค่ไม่ถึง สองสระโอลิมปิก” ถ้าเขามาถือทองเพิ่มขึ้น ย่อมทำให้ราคาทอง “พุ่งติดเพดานแน่นอน” และคนที่ได้ ประโยชน์มากสุดคือ อเมริกา และ ยุโรป --“ผมถามหน่อยถ้าคุณ เป็น ผู้นำจีน คุณจะทำเช่นนั้นไหม” … “ไม่”

ดังนั้น “ฟันธง” กันไปเลยว่า “ราคาทอง จะพุ่งสูงตราบเท่าที่นักลงทุน ยังกลัวต่อความตกต่ำของเศรษฐกิจ เท่านั้น” การตัด ปัจจัย “จีน” ออกไป (ซึ่งจริงๆเป็นปัจจัยที่ใหญ่มาก) จึงทำให้ผมค่อนข้างที่จะมั่นใจว่า “ทองจะขึ้นไปถึง ระดับนึงเท่านั้น ก่อนที่จะตกลงมาอย่างแรง…หลังจากนั้น”

ในส่วน Supply การผลิตทองทั่วโลก ผลิตได้แค่ปีละ 2 พันกว่าตันเท่านั้น… ผมจึงไม่เห็นอนาคตที่แท้จริงของทองแต่อย่างใด แต่แน่นอน “ทอง” ย่อมมีมูลค่าในตัวของมันเองเสมอ เพียงแต่ว่า “เมื่อคนเลิกตื่นทอง ราคามัน ก็จะตกต่ำแบบ ชนิดไม่มีคนเหลียวแลเป็นเวลาที่นานมากๆๆๆๆ

…อย่างรุ่นปู่เรา ทองพุ่งสูงแล้วกลับมาอยู่ที่ 400 บาท(ต่อทองหนึ่งบาท)
..ช่วงคุณพ่อเรา ทองวิ่งไปแตะ สองหมื่นก่อนที่จะมา อยู่ที่ 4,000 บาท(ต่อทองหนึ่งบาท) เป็นเวลาเกือบยี่สิบปี
…ตอนนี้ รุ่นเรา(เข้ายุคตื่นทองอีกแล้ว) ราคากำลังจะแตะ 20,000 บาท(ต่อทองหนึ่งบาท) –“แน่นอนราคาต้องพุ่งขึ้นไปอีกก่อนถึง Peak ของมัน และตกลงมาที่จุดใด!!!

..ใครทายถูกก็รวย!! …ส่วนใครทายผิด ก็ไม่เป็นไร ให้คุณเก็บทองนั้น ไว้ แล้วส่งต่อให้ลูกคุณ ในยุคตื่นทองครั้งต่อไป !!! (อย่างน้อยลูกคุณ จะได้พูดว่า “ขอบคุณฮะพ่อ”…. จริงมั๊ย)

2 ความคิดเห็น:

  1. เรียน คุณ wawawit
    คุณบอกรุ่นคุณพ่อ ทองแตะ 20,000 บาท แล้วลงไป 4,000 บาท ผิดเปล่า ทองขึ้นแล้วขึ้นเลย ไม่เคยลงนะ (เท่าที่ทราบ)
    เรื่องเศรษฐกิจ เคยฟังก่อนที่หุ้นจะขึ้นมาในปี 52-53 นักวิเคราะห์จะบอกว่า ศก.จะเป็นรูป w ตอนนี้ไม่เป็นรูป w แล้วหรือ ช่วยวิเคราะห์ให้ทราบด้วย จักขอบคุณยิ่ง

    ตอบลบ
  2. จริงๆแล้วต้องเข้าใจก่อนว่า ระบบทุนนิยม สร้างให้มูลค่าที่แท้จริงของเงินสด ลดลงเรื่อยๆ จริงๆ Asset ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ทอง ที่ หุ้น ..ไม่ได้เพิ่มขึ้น เพียงแต่เงินมันลดลงต่างหากครับ (อันนี้ต้องมองภาพให้เข้าใจ) การซื้อ Asset จึงเป็นการรักษา สถานะความมั่งคั่งของคุณเอง เพราะถ้าเราถือเงินสดไว้เฉยๆ "ตาย!!ลูกเดียว"...

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ