วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ผู้ชายรู้ไหมว่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเก่ง
เดี๋ยวนี้ผมว่า นิตรสารอย่าง HBS หรือ S&B ชอบเอาประเด็น "The Third Billions" หรือ กลุ่มผู้บริโภคอีก "พันล้าน" (นอกเหนือจาก จีนและอินเดีย)มาเป็นกรณีศึกษา..ง่ายๆมองรอบๆตัวที่เมืองไทยนี่แหละ ลองดูซิครับว่า ในมหาวิทยาลัย ผู้หญิงกับผู้ชายใครเรียนมากกว่า "แล้วพวกผู้ชายมันหายไปไหนวะ!!".. เดี๋ยวนี้ Topๆของแต่ละ ภาควิชา ผู้หญิงครับ-- (กินขาด!!)
..พอมองไปในต่างประเทศ CEO หญิงเก่งๆ อย่าง Oprah , Meg Whitman , CEO หญิงเหล็กชาวอินเดีย Pepsi (ชื่อจำยากมาก)คือ "แม่นาง"แกเล่น นุ่งโสร่งไป เปิดตัวรับตำแหน่ง CEO คุณคิดดูเอาละกัน!! หรือ บริษัท Technology โบราณๆอย่าง XEROX (ผู้คิดคอมพิวเตอร์แต่ปล่อยให้ Steve Jobs กับ Bill Gates ขโมยไป "ยิ่งใหญ่" เดี๋ยวนี้ XEROX ก็ไม่น้อยหน้า เอาสตรี แอฟริกัน-อเมริกัน มาเป็น CEO กับเขาเหมือนกัน ..ปีนี้ Hillary Clinton ถ้าไม่พลาด ป่านนี้เราได้ เบอร์ 1 ของโลกเป็นสตรีอีกคนแน่นอน
จุดนี้เองทำให้นักวิจัยหลายๆคน มองว่า "ผู้หญิง" จะทวีความสำคัญ ขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ด้อยไปกว่า จีน หรือ อินเดียเลย ...ผมเคยอ่าน แนวคิดของ Yanus ผู้ก่อตั้ง ธนาคารคนจนในอินเดีย เขาบอกว่า เขาสนับสนุนให้ปล่อยกู้ ผู้หญิงมากกว่า ผู้ชาย เพราะท้ายสุด ผู้หญิงจะนำรายได้ มาจุนเจือครอบครัว มากกาว่าผู้ชายซึ่งมักใช้กับตัวเอง (จึงเป็นที่มาของการสนับสนุน องค์กร หรือ ธุรกิจ ที่มีสตรีเป็นเจ้าของมากขึ้น) ...ประกอบกับการยอมรับ ผู้หญิง ว่าสามารถทำงานได้ทัดเทียมผู้ชายในหลายๆสาขาอาชีพ ทำให้ "รายได้ของผู้หญิงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" ...ขนาดที่ อุดมยัง "ยกเรื่อง Art ตัวแม่" มาใน "เดี่ยว"ใหม่ของเขาเลย นับเป็นอะไรที่ แรง!!
สิ่งที่ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายคือ "ความอดทน" และ "รักลูกมากกว่า" ถ้าคุณไปถามผู้ชาย ว่า "ถ้าคุณมีเงิน ให้คุณเลือกระหว่าง "ของเล่นให้ลูก" กับ "Ferrari(ของเล่น)ให้ตัวเอง"--คุณน่าจะรู้ว่า ผู้หญิงเลือกอะไร และผู้ชายเลือกอะไร !! ...ดังนั้น การเข้าใจ พฤติกรรมการซื้อและ Trend ของ "The Third Billions" ถือเป็นสิ่งที่นักธุรกิจในอนาคต ไม่สามารถที่จะมองข้ามได้ ...อย่างประเทศญี่ปุ่น มีการทำวิจัยออกมาว่า แท้จริงแล้ว คนที่ใช้จ่าย ในครอบครัว ส่วนใหญ่คือ "แม่บ้าน" ส่วนสามี "ทำแต่งาน" และนับวัน "แม่บ้าน"ในญี่ปุ่นจะคุม กำลังซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ เริ่มมีบทบาทในการ ลงทุนของครอบครัวอีกด้วย
-- แม้ประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นญี่ปุ่น แต่ก็ใช่ว่า Trend จะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะ ปัจจุบันผู้หญิง ยิ่งการศึกษาและรายได้สูง ยิ่งแต่งงานช้าลง หรือ ไม่แต่งงาน ..จุดนี้ "ผู้ชายอาจจะต้องคิดหนัก ผู้หญิงเขาอยู่คนเดียวได้ ..แล้วคุณละว่าไง!!"
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
"ใครว่าเป็นนักธุรกิจยาก ..หากเทียบนักกีฬา เกมธุรกิจเล่นง่ายกว่าเยอะ -- เล่นแล้วรวยอีก!!" ..คิดดูนะ ถ้าเราเล่นกีฬาอะไรก็ต...
-
หลายคนสงสัยว่า ตลาดหุ้นผันผวนสุดๆ ทำไมนักลงทุนระยะยาวถึงแทบไม่เคยดูราคาหุ้นขึ้นลงรายวันเลย ? "บ้าหรือ เงินแกว่งขึ้นลงเป็น แสน เป...
-
‘หุ้นไทย’ ไม่มีอนาคตแล้วจริงหรือ ? 1. ’ขาขึ้นรอบใหม่ มักเริ่มเวลาที่ทุกคนสิ้นหวัง’ …ก็ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นต้นรอบ 2. ’ไทยม...
-
7 ข้อ หุ้นก่อนดี มันซ่อนอยู่ตรงไหนกัน ? ซื้อหุ้นก่อนดี คือ ซื้อตอนที่มันยังไม่ดี พอมันดีเราก็รวยแล้ว 1. ‘เป็นหุ้นที่อยู่ในจุดที่โตได้‘ …จุ...
-
6 กลโกง ในตลาดหุ้นที่ใช้หลอกคนมีความรู้แบบง่ายๆ เวลาเสียเงินเองนี่ก็ว่าหนักแล้ว …แต่ถ้าโดนหลอกนี่มักจะหนักกว่า ’เพราะ ความโลภ + เชื่อใจ’ ใ...
-
เข้าใจกลไกเศรษฐกิจที่ซับซ้อน แบบง่ายๆ ใน 6 ข้อ 1. ‘เงินเฟ้อ คือ ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในระบบทุนนิยม‘ …เงินเฟ้อแปลว่า เงินที่เราหาได้เก็บสะส...
-
Real Estate Agent ในเมืองไทยคงไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะส่วนใหญ่ ซื้อขาย ไม่ค่อยผ่าน Agent แต่ในต่างประเทศ Real estate Agent เปิดกันยิ่งกว่า 7-...
-
7 เรื่องเงิน ที่เปลี่ยนแปลง ตามโลกยุคใหม่ 1. ’เงินใช้แก้ปัญหาได้ง่ายและถูกที่สุด’ …ปัญหาต่างๆ จะง่ายขึ้น ถ้าใช้เงินแก้ (พูดโคตรแรง!!) 2. ‘...
-
ในหนังสือ สร้างล้านแรกต้องแหกกฏ ...มีอยู่บทนึงที่พูดถึง การหาตัวตนของเราให้เหมาะกับงาน ...ซึ่งก็คือ การรู้ว่า "จริตการทำงาน" ขอ...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น