แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หุ้น CPALL(7-11) ราคา P/BV ตั้ง 6 เท่าแล้ว ทำไม "ดร.นิเวศน์ ไม่ยอมขายซะที"


ถ้าใครรู้จัก ดร.นิเวศน์ จะรู้ว่า เขาคือ Value Investor "พันล้าน"..โดยหลัก Value Investor จะซื้อหุ้นเมื่อ "ถูก" แล้วก็จะขายเมื่อ "แพงเกินไป" ขนาด Warren Buffet ยังทิ้ง Petro China ตอนมันแพงเกินไป "คือ ไม่ได้ถืออย่างงมงาย จนมันพัง..ว่างั้น!!" ..ตอนนี้ เฉลี่ยตลาด P/BV แค่ 1 เท่ากว่าๆ ..แต่ CPALL มันวิ่งไป 6 เท่าแล้ว (ถ้าดูเผินๆก็คือ ..โคตรแพงเมื่อเทียบกับตลาด)--(จริงหรือเปล่า?)

ถูกต้อง!!--หากมอง สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กำไรต่อหุ้น หรือ P/BV ก็ถือว่า CPALL "ไม่ถูก"อย่างแน่นอน ..ประเด็นคือ "เขาซื้ออะไรกัน---"ก็ซื้ออนาคตไงล่ะครับ" ..สมัยก่อน 7-11 ขายของแห้ง 70% ของสด 30% (ซึ่งใครๆก็รู้ว่า ของแห้ง (ของชำ) กำไร น้อย Margin ต่ำสุดๆ ..ซึ่งต่างจากของ สด กำไรสุดๆ--(อย่าง Ready to Eat!!) ...จะเห็นได้ว่า เดี๋ยวนี้ 7-11 กำลังจะผันตัวเองจาก "สะดวกซื้อ" มาเป็น "สะดวกอิ่ม" นั่นหมายความกว่า ต้องเปลี่ยนของสดเป็น 70% ของแห้งเป็น 30% แทน ----หลายคนอาจคิดว่า "ง่ายๆ" ..แต่ไม่ใช่เลยครับ

... การเปลี่ยนเป็นของสด นั่นหมายถึง การเปลี่ยน ระบบ Logistics และ Warehouse ที่ต้องปรับอย่างมหาศาล เพื่อจะรองรับ การส่งของสด ไม่ว่าจะเป็น "รถทำความเย็น" "ห้องเย็น" (แน่นอน การเปลี่ยนแปลง ต้องอาศัยเวลา และ ทรัพยากรมหาศาล เรียกได้ว่าเป็น "Major Stategic Shift" ของ องค์กรเลยก็ว่าได้) ดังนั้น "เวลานี้หุ้น CPALL จึงอยู่ระหว่าง จุดเปลี่ยน ..มีสองทาง คือ ถ้าไม่ "เลิศ" ก็ "พัง" ไปเลย!! --พูดง่ายๆว่า การถือหุ้นในตอนนี้ คือ การ Bet อนาคต "ของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างขององค์กร ดังนั้น กำไร ที่เห็น หรือ P/BV จึงไม่สามารถนำมาวัดเป็น indicator ณ เวลานี้ได้!!

การยก Case ของ 7-11 เพื่อที่จะชี้ประเด็นให้เห็นว่า "การเล่นหุ้น แท้จริงแล้ว ไม่ใช่แค่เอา งบดุล มาวิเคราะห์เพียงอย่างเดียว "ไม่งั้นภาพมันคนละภาพเลย..จริงมั๊ยครับ!!" --ตอนนี้ถ้าท่านมองไปในตลาด จะเห็นได้ว่า หลายๆ ธุรกิจ กำลังเปลี่ยนแปลง เชิง "Major Stategic Shift" อยู่มากมาย ...นั่นหมายถึง การที่ท่านจะต้องเข้าใจในเชิง โครงสร้างในการทำกำไรที่แท้จริงของกิจการ

อย่าง PTT Group ก็ไม่ต่างกัน ..ที่กำลังอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยน เชิงโครงสร้างของพลังงานของไทย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ BCP ลุยหลังงานทดแทน , การควบรวมโรงกลั้น คือ การนำธุรกิจ "Cash cow" มารวมกัน "เพื่อรีดกำไรให้มากขึ้น ..ผนวกกับการใช้เป็นฐานในการ Shift โครงสร้าง ของ ธุรกิจในเครือ" การดัน Small Business Unit อย่างเช่น ด้าน Retail(จากที่แทบไม่มีกำไร เพราะค่าการตลาด"ต่ำ"มากๆ --มาเน้นขยายในส่วนของ Convenience Store (แบบ One-stop Center)ที่กำไรมากกว่า "น้ำมัน" มาก ---"วันนี้ใครผ่านปั๊ม PTT คุณลอง สังเกตุซิครับว่า มันแน่น!! ขนาดไหน (และอะไรที่ทำกำไรในนั้นจริงๆ!!)

กลับมาที่ 7-11 "คุณเถียงไม่ได้หรอกครับ ว่า วันนี้ 7-11 ไม่ใช่ คู่แข่งธนาคาร,ร้านEntertain&หนังสือ และ ร้านขายยา" วันนี้ Counter Service กินรายได้ Fee Based ของธนาคารไปเท่าไหร่ อนาคตผมว่า Bancassurance (ที่ธนาคารมาแย่ง ประกัน ขายประกันชีวิต)ถ้าเป็น Common Product มากกว่านี้ คงโดน 7-11 แย่งแบ่งเอามาขาย อย่างแน่นอน --- ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่า "เส้นแบ่งเขต ของธุรกิจมัน แทบจะหายไปแล้ว.. ผู้ชนะในอนาคต คือ ผู้ที่มองโอกาสออก " ...การซื้อหุ้นในวันนี้ จึงเป็นการ ซื้อ"ความสามารถของผู้บริหาร" ไม่ใช่ การ"ซื้องบการเงินในอดีต"---แล้วไอ้ที่นั่งวิเคราะห์ งบการเงินกันอยู่นี่ "คุณลองคิดซิครับ ว่ามันใช้จริงๆ แค่ไหน" --ตั้งแต่ Subprime นักวิเคราะห์ "ปากกาหักหมด" เพราะอะไร!!! ..เรากำลังเข้าสู่ New Economy ยุคที่ 2 แล้ว ..ฉะนั้น นักลงทุนต้องก้าวให้ทัน!!

5 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วได้ข้อคิดเลย

    ตอบลบ
  2. เห็นด้วยนะครับ เพราะบางคนจะลงทุนในหุ้นแต่ละตัว มัวแต่วิเคราะห์ พินิจ
    พิจารณา งบการเงิน อ่านหมายเหตุประกอบงบการเงิน ก็ตัดสินใจ ไม่ซื้อหุ้นตัวนั้นหล่ะ แต่ปรากฏว่า สภาวะเศรษฐกิจกลับเอื้ออำนวยให้กับบริษัท
    ดังกล่าว เป็นอย่างมาก อย่างนี้เป็นต้น

    ผมเองก็อ่าน Comment หลายคนนะ ที่ติหุ้น ตัวนั้น ตัวนี้ ปรากฏว่า ราคา
    หุ้นวิ่งขึ้นเอา ๆ (ก้อไม่ได้ว่าคนที่ Comment นะ) เค้าอาจจะลืมไปว่า
    งบการเงินของบริษัท เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อย่าลืม ภาวะแวดล้อม
    ปัจจุบัน มันเอื้ออำนวยในการประกอบกิจการให้กับบริษัทนั้น หรือไม่

    ขอส่งกำลังใจ และเป็นแรงใจให้ นะครับ
    (เป็น Fanclub หุ้นตัวเดียวกัน คิดว่าคุณยังถืออยู่นะ เพราะมันยังวิ่งอยู่เลย กุ้งแช่แข็ง เนี่ยะ Story ยาวจริง ๆ)

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2553 เวลา 16:21

    อ่านแล้วทำให้อยากเล่นหุ้นขึ้นมาทันทีตอนนี้มองๆอยู่เหมื่อนกันค่ะและถ้ามีโอกาสก็จะลองดูค่ะ

    ตอบลบ
  4. การวิเคราะห์งบการเิงินเป็นการวิเคราะห์เชิงปริมาณ
    การวิเคราะห์ผูบริหาร, business model, ทิศทางและอนาคตบริษัทเป็นการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ
    ต้องทำคู่กันไปไม่ใช้แค่ตัวใดตัวหนึ่งเพียวๆ Warren Buffet ก็ใช้ทั้งสองอย่างเช่นกัน
    วิเคราะห์งบการเงินจาก Ben Graham
    วิเคราะห์เชิงคุณภาพจาก Philip Fisher
    Buffet เคยพูดไว้ว่า "I’m 15 percent Fisher and 85 percent Benjamin Graham" แต่เดี๋ยวนี้คงให้ความสำคัญเท่ากันมากกว่าแล้วเผลอๆเชิงคุณภาพจะมากกว่าด้วย

    ตอบลบ
  5. ผู้ดูแลไปไหนหมดว่ะ

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ