วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553
Herman Miller เก้าอี้สำนักงานตัวละ 5 หมื่น ที่มันโฆษณาตัวเอง
ผมว่าหากคุณขึ้นไปห้องประชุมของบริษัทใหญ่ๆ "บนโต๊ะประชุมของผู้บริหาร ระดับสูง" --มันมีเก้าอี้สำนักงานสีดำ ที่รูปทรงแปลกๆวัสดุแปลกๆ ดูโปร่งๆ-- ที่สำคัญ มันราคาตัวละ 5 หมื่นบาท!!
ถ้าผมจะบอกว่ามันคือเก้าอี้ Herman Miller มีไว้ให้พวก ไฮโซนั่ง (ผมว่าถึงจุดนี้หลายๆคนคงอยากไปลองนั่งว่า --ทำไมมันแพงจังฟะ!!) เก้าอี้ตัวนี้ แจ้งเกิดที่อเมริกา พร้อมกับยุค Dot Com Boom มันเป็นอะไรที่ พวกเศรษฐี Dot Com ต้องไปซื้อมาใช้ พร้อมๆกับรถ Porche ..ในที่สุดจากบริษัทเล็กๆ ที่ผลิตเก้าอี้ที่เจาะตลาดเล็กๆ Niche Market ก็ดังระเบิดขึ้นมา "โดยไม่ต้องโฆษณา"
ผมว่าจุดนี้มันคล้ายกับ เสื้อ Polo (Ralph Lauren) เสื้อยืดธรรมดา ที่มีตราคนขี่ม้า ถ้าธรรมดาๆ ออกแบบธรรมดาๆ มีอย่างเดียวที่ไม่ธรรมดา คือ ราคามันแพงสุดๆ (ในที่สุดมันดัง --แล้ว Ralph Lauren ก็รวย..คุณว่ามันแปลกไหม) ..อีกตัวคือ Louis Vuitton กระเป๋าหนังธรรมดาๆ ที่แพงสุดๆ (แล้วมันก็ดังโดย ไม่ต้องขายผ่านใคร แต่คนแย่งกันมาซื้อ)
ประเด็นที่น่าสนใจของการตั้งราคาให้แพง คือ (คนอยากดู ว่าทำไมมันแพง เลยพยายามหาทางดูให้ได้ พอใครได้ดู ได้สัมผัส ได้เสียตังค์ ก็รู้สึกว่า ตัวเองเจ๋ง!!(แต่ก็กลัวโง่อยู่คนเดียว) เลยไปโม้ต่อ --"เมื่อวานไปซื้อกระเป๋า Louis ใบละแสนมา แล้วก็นั่งบนเก้าอี้ Herman Miller โอ้โห เหมือนนั่งอยู่บนสวรรค์" ในที่สุด Word of Mouth ก็ระบาดออกไป!!
"ราคาแพง" จึงเป็นการกระตุ้นต่อมความอยากรู้ และหากบริษัทฉลาด ก็พยายามทำให้มันลึกลับเข้าไปอีก โดยการไม่มีขายทั่วไป ต้องซื้อผ่านร้านของบริษัทเท่านั้น ฉะนั้น จะยิ่งลึกลับน่าค้นหา (สิ่งเหล่านี้ คือ Marketing Strategy ที่นั่งอยู่อีกด้านของ การตลาดแบบเดิม)แต่การนั่งอยู่อีกด้าน ก็ใช่ว่าจะเลวร้ายเสมอไป --การที่ตั้งสินค้าราคาสูง ทำให้สามารถจ้างคนงานได้แพง คนงานก็มีใจทำงาน ทำให้สินค้าและบริการเหนือกว่า สินค้าปกติ ...
..ผมมองว่า บริษัทในบ้านเราขาดสิ่งที่ สินค้าเหล่านี้มี ก็คือ "ความชัดเจน" เราพยายามลดต้นทุน แต่เราขายถูก ลดราคาทุกสิ้นปี และเราก็พยายามโฆษณา รวมทั้งพยายามกระจายสินค้าไปให้มากเท่าที่จะทำได้ --ส่วนสินค้าอย่าง Herman Miller ไม่มีการลดราคา ไม่ให้ใครเอาไปช่วยขาย หาดูยาก ราคาแพง ต้องสั้ง ต้องรอ และก็ไม่ค่อยโฆษณา " จะเห็นไหมว่า บริษัทเล็กๆ หากต้องการประสบความสำเร็จและกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง Herman Miller, Louis Vuitton , Ralph Lauren --คุณจะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน นั่นเอง
โอกาสของธุรกิจในอนาคต จะต้องมี จุดยืน และยิ่งจุดยืนแปลก โอกาสที่ เกิด Word of Mouth ก็ยิ่งสามารถเกิดได้ง่ายขึ้น และนี่ก็คือ การตลาดสำหรับอนาคต ผู้ที่มีต้นทุนต่ำ คุณก็มีโอกาสแจ้งเกิดได้มากขึ้นเท่านั้น (ไม่ใช่ต้นทุนต่ำแค่ การผลิต คุณจะต้องต่ำในด้านการบริหารและโฆษณา) และหากคุณจ้างคนน้อย แต่จ่ายได้แพง คุณก็จะได้คนคุณภาพ ยิ่งถ้าสินค้าคุณแพง คุณก็ยิ่งกำไร ...และนี่แหละที่เรียกว่า การตลาดที่ไม่ธรรมดา ของเก้าอี้ที่มันโฆษณาตัวเอง!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
หลายคนสงสัยว่า ตลาดหุ้นผันผวนสุดๆ ทำไมนักลงทุนระยะยาวถึงแทบไม่เคยดูราคาหุ้นขึ้นลงรายวันเลย ? "บ้าหรือ เงินแกว่งขึ้นลงเป็น แสน เป...
-
"ใครว่าเป็นนักธุรกิจยาก ..หากเทียบนักกีฬา เกมธุรกิจเล่นง่ายกว่าเยอะ -- เล่นแล้วรวยอีก!!" ..คิดดูนะ ถ้าเราเล่นกีฬาอะไรก็ต...
-
7 ข้อ ทำไมมนุษย์เรา ถึงแย่มากๆ ในการจัดการเงิน ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เราทำนายอนาคตได้แย่มากๆ …สิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าจะดี มันจะแย่ …แต่...
-
‘หุ้นไทย’ ไม่มีอนาคตแล้วจริงหรือ ? 1. ’ขาขึ้นรอบใหม่ มักเริ่มเวลาที่ทุกคนสิ้นหวัง’ …ก็ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นต้นรอบ 2. ’ไทยม...
-
Real Estate Agent ในเมืองไทยคงไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะส่วนใหญ่ ซื้อขาย ไม่ค่อยผ่าน Agent แต่ในต่างประเทศ Real estate Agent เปิดกันยิ่งกว่า 7-...
-
วันนี้ไปเจอหนังสือเล่มนึง ที่ผมว่า เขียนได้ In-trend มากๆ ..มันเป็นแนวคิดสำหรับ คนรุ่นใหม่ที่อยาก Self-made "คนรุ่นใหม่ที่สร้างตัวด้วยต...
-
เรื่องนี้เป็นประเด็นสอนใจ Brand ระดับโลกอย่าง Starbucks ที่เข้าไปบุกแดนจิงโจ้ ..ในที่สุด กระอัก “ไม่รุ่ง” ด้วยเหตุที่ Australia นับเป็นหนึ่ง...
-
ตลาดหุ้น จะแบ่งออกเป็น ตลาด Bull & Bear Market Bull Market ก็คือช่วงที่นักลงทุน มองว่าเศรษฐกิจดี และ โอกาสที่หุ้นจะขึ้นมีเยอะ ทำให้ทุ...
-
'ขายของอย่างไรในยุคขายยาก' คนที่จะขายสินค้าและบริการได้เก่งในยุคนี้แบบ Steve Jobs คือ สามารถสร้างสินค้าและบริการที่ 'โดน' มา...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
้HI, IT IS MY FIRST TIME READING YOUR BLOG, VERY INTERESTING.
ตอบลบTHESE CHAIRS ARE SET AS STANDARD WORKING CHAIRS IN ALL GUEST ROOMS IN A FIVE-STAR HOTEL IN BKK.
CYPHER