แกะรอย Google ในเมืองไทย

วันนี้ผมทดลอง แกะรอย Google ...ดูว่า ตัว Algorithm (ตัว Robot)ค้นหาของ Search ยอดนิยมแห่งนี้ทำงานอย่างไร --โดยปกติเวลา Search เรามักจะใช้คำ search ที่มันเป็น Generic Name เช่น ยา , กาแฟ , หุ้น , ขนมปัง หรือ ไม่ก็เจาะจงสิ่งที่เราอยากรู้ ,ข้อมูลบริษัทโดยใช้ชื่อบริษัท ,ข้อมูลบุคคล โดยใช้ชื่อบุคคล , คำศัพท์ที่เราอยากรู้ก็พิมพ์ลงไปได้เลย --"แต่สิ่งที่ผมทดลองในวันนี้คือ "การเจาะจงลงไปอีก เหมือนการ ถาม-ตอบ กับ Google"

สิ่งที่พบคือ Google สามารถ Search ข้อมูลในเชิง "ถาม-ตอบ" (คือ ภาษาคน) มากกว่า Yahoo หรือ Search อื่นๆ ..ซึ่งสิ่งที่ผมทดลองมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว คือ การนำ Blog ส่วนตัวของผม คือ(http://pawawit.blogspot.com)ไป post ไว้ตามกระทู้ต่างๆ ตั้งแต่ Pantip.com, stock2morrow.com, thaivi.com , oknation.com คือลองไป post หลายๆ web(สิ่งที่พบก็คือ!!) อา ฮ่า..

การลงข้อความไปในกระทู้ต่างๆ มันทำให้ Google สามารถเห็นเรา คือ "ทำให้หน้าร้านหรือ Web site ของเรามีตัวตนใน Internet" จากที่ผมเคยเขียน blog เล่นๆ คนเดียว กลายเป็น "มีหลายคนเข้ามาเห็น" คือ ถ้ามองว่า คุณขายของ --ก็เรียกได้ว่า "ร้านคุณ"มีคนมาเห็นเพิ่มขึ้น (แต่เผอิญผม ไม่ได้ขายของ ..หุ หุ)

..ผมลองคุยกับ เพื่อนในที่ทำงาน เกี่ยวกับ การสร้างเนื้อหาที่ เป็นประโยชน์กับ "สินเชื่อบ้านของธนาคาร" ซึ่งผมมองว่า หากธนาคารใด สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และ "น่าสนใจ" เกี่ยวกับ สินเชื่อ หรือ ไม่ว่า Product ใดๆ ที่ธนาคารขาย ..แล้วไป post ไว้ตามกระทู้ต่างๆ (ถ้ามีคนสนใจ) มันก็เป็นการโปรโหมด สินค้า แบบ Win-Win strategy คือ ธนาคารไม่เสียค่าโฆษณา ส่วนลูกค้าก็ได้ ความรู้เกี่ยวกับสินค้าธนาคาร( หลายคนคง งง ว่า ธนาคารขายอะไร ..นี่แหละครับ!! จุดบอดของธนาคาร คือ ทำตัวลึกลับเลยขายของไม่ค่อยได้ คนเลยรู้แค่ ฝาก-ถอน-กู้ เท่านั้น)

แต่ก็อย่างว่า นะครับ เดี๋ยวนี้ "คนเราใจร้อน" ก็ "จ่ายค่าโฆษณา..ต่อไปละกัน ธนาคารเรา ..หุ หุ" ..อย่างไรก็ตามการทดลองเอา Blog ของผมเผยแพร่ มันเป็นการ "เปิดกะลาน้อยๆของผมให้เรียนรู้ถึง ประสิทธิภาพของเครื่องมือ แห่งการสื่อสารในโลกอนาคต" ไม่ว่าจะเป็น กระทู้ต่างๆ , Facebook , Twitter หรือ Google หลายๆคนอาจมองว่า "ไม่เห็นมันมีอะไร" แต่ถ้าคุณใช้เป็น ---ผมว่า "คุณสามารถเปิดหน้าร้าน ขายของ หรือ โปรโมท สินค้าของคุณ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่เสียเงินสักบาทเดียว---(และนี่คือความยิ่งใหญ่ของมัน)" ประเด็นมันอยู่ที่ "วิธีการ ซึ่งคือ ความคิด คือ เราไม่สามารถ กระโดด ตู่ม!! ไปใน Search และ Social Network แล้ว ตั้งหน้าตั้งตา โฆษณา --เพราะแน่นอน มันไม่มีใครสนใจและไม่เกิด Word of mouth

ใช่แล้วครับ จุดสำคัญของ โลกอนาคต คือ การใช้เครื่องมือ "ฟรีๆ" เอามาสร้างให้เกิด Word of mouth ซึ่งแน่นอน การสร้างให้เกิดมันต้องมาจากประเด็นที่คนสนใจ .."สิ่งที่คนสนใจเท่านั้น เขาจึงจะไปบอกต่อ" อย่างในกรณีของ ธนาคาร ผมว่ามีคน "สนใจเกี่ยวกับ Product ของธนาคารมากมาย เช่น Bancassurance คือ อะไรลดภาษีได้อย่างไร แล้วธนาคารคุณดีกว่าธนาคารอื่นอย่างไร ,การกู้บ้าน ใครกู้ได้ ลดภาษีอย่างไร ,กองทุนต่างๆของ BBL ดีกว่ากรือแย่กว่า SCB และมันหัก ภาษีได้ด้วยหรือ ..คือ มันมีสิ่งที่คนอยากรู้อีกมาก ที่สามารถ Generate ให้เกิด Word of mouth.. แล้วท้ายสุด คือ การทำให้ลูกค้าเดินเข้ามาซื้อ สินค้าของธนาคารกรุงเทพ !!(ไม่ง่าย)แต่ทำได้ ต้อง"ใช้สมอง"

สรุปแล้ว ธุรกิจสามารถเลือกที่จะเสียเงินหรือ ไม่เสียเงินในการ โปรโมทสินค้า "ซึ่งแน่นอนไม่เสียเงินมันทำไม่ง่าย"-- มันต้องคิดเยอะ!!.. แต่ผมเชื่อว่าช่องว่างตรงนี้ มันเปิดโอกาสให้กับคนตัวเล็กๆ ที่ต้องการจะมี ที่ยืน ในสังคมต่างหาก...

ใครว่างไปลอง earch ประโยคพวกนี้ใน Google ครับ ---Blog ที่ผมเขียน มันจะโผล่ขึ้นมา "อันดับต้นๆของ Seach เลย" (ผมไม่ได้เสียเงิน โฆษณากับ Google และนี่เป็นประเด็นที่น่าคิด !!) ลองเปลี่ยนจาก ไอเดียของผม เป็นการค้า "มันน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว นะครับ!!!)
"จ่ายเงินอย่างไรให้รวยขึ้น" "เตือนเรื่องทอง" "จุดบอดของผู้นำ" "คอนโด Hi-End" "เล่นหุ้นปี 2553" "จะรุ่งในอาชีพ" "ความลับของหมอ" "Stock comment"
ประโยคเหล่านี้เป็น "หัวข้อใน Blog ของผม" ลอง Search ดูครับ "มันเหมือนคุณ ถาม-ตอบ เรื่องที่อยากรู้ ..แปลกดีครับ!!!)..แต่บางประโยค Yahoo ก็เริ่มค้นหาในเชิง ถาม-ตอบ ได้เช่นกัน..