วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ประเทศไหนที่มี "คนออมมากๆ" ราคาหุ้นและราคาบ้านกลับถูก (ทำไมล่ะ)
Saving Rate หรือ อัตราการออมของประชาชนบอกอะไรเรา ..หากเราดูอัตรา Saving Rate ของประเทศต่างๆ คือ อเมริกา 3.9% / ญี่ปุ่น 2.8% / Australia 2.5% / Britain 7% / Germany 11.7% / China 38% / India 34.7%..จากตัวเลขเห็นเลยว่า จีนกับอินเดียกลายเป็นประเทศที่มีการออมสูงที่สุด ส่วนอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งเป็น The Most Advance Economy กลับมีอัตราการออมของประชาชนที่ต่ำสุดๆ
มองย้อนไปปีที่ผ่านมา อเมริกาเดิมมี Saving Rate แค่ 1.7% แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.9%(ขนาดเจอวิกฤต คนอเมริกันก็ยังมีอัตราการออมที่ยังคงต่ำอยู่) สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจาก ประเทศที่พัฒนามากๆ คนจะออมในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่เงินสด อย่างในอเมริกา จะอยู่ในรูปของ อสังหาริมทรัพย์มากที่สุด (เนื่องจากก่อนหน้านี้ความเชื่อที่ว่า บ้านเป็นการลงทุนที่ ดีที่สุด"ราคาบ้านไม่มีวันตก"--แต่ในที่สุด ความเชื่อนั้นก็พังทลายลงในปี 2008 พังไปพร้อมๆกับ Lehman Brother นั่นเอง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศที่มีเศรษฐกิจพัฒนามากๆ คนจะมุ่งเข้าถือ Asset เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (เพราะคนในประเทศพัฒนาย่อมมองว่า Asset จะเพิ่มมูลค่า ในขณะที่เงินสดจะมีค่าลดลงเรื่อยๆ "มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง..แล้วอะไรคือปัญหาล่ะ!!")
ปัญหาหลักของ การที่ Idea นี้ถูก(สั่นคลอน) เนื่องจาก "คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามันจะเป็นจริง--ซึ่งการที่ Saving Rate ของคนทั้งประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลานับสิบปี นั่นหมายถึงคนส่วนใหญ่ จะทิ้งเงินสดเพื่อไปถือ Asset แทน" แต่เนื่องด้วย Asset มีจำนวนจำกัด --จึงส่งผลให้ราคา Asset พุ่งขึ้นตลอด อย่างต่อเนื่องยาวนาน (นำโด่งด้วย ราคาบ้าน ที่พุ่งสุดๆ เรียกได้ว่า บ้านในอเมริกาทำสถิติราคาทบต้นทุกๆ 7 ปี อย่างต่อเนื่อง)
ผลที่ตามมาคือ การเกิด Bubble ในราคาบ้านและก็ Asset ต่างๆรวมทั้งตลาดหุ้น ...ถ้าหันกลับมามองประเทศในเอเชียอย่าง จีน ,อินเดีย (รวมทั้งไทย) มี Saving Rate ที่สูง เพราะ"ความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจและรัฐบาล"จึงส่งผลให้คนนิยมที่จะถือเงินสด มากกว่าการถือ Asset
ซึ่งหากเราวิเคราะห์ให้ดี "มันเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า (ในประเทศที่มี Saving Rate สูง ราคา Asset จะถูกกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งตอนนี้ไม่ว่า จีน อินเดีย ไทย ..) --ส่วนอีกด้านคือ (ในประเทศที่มี Saving Rate ต่ำ ย่อมแสดงว่าราคา Asset ในประเทศนั้นน่าจะ Bubble นั่นเอง)..
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
6 ข้อ มาคุยกันเรื่อง Why Nations Fail ? สิงค์โปร์ไม่ทีทรัพยการเลย ทำไมรวย …เวเนซุเอลา มีน้ำมันมากที่สุดในโลก ทำไมจน ..แล้วสวิส ประเทศเล็กๆ...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0 1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ 2. ‘Dere...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
จะเห็นได้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วคนในประเทศมีความรู้ในการลงทุนอย่างอื่นที่ไม่ใช่แค่การออมเงิน แต่ในประเทศที่ยังไม่พัฒนาคนส่วนใหญ่ในประเทศขาดความรู้ ไม่ทราบว่าจะลงทุนอย่างไรนอกเหนือจากการฝากเงิน ซึ่งได้ดอกเบี้ยต่ำมาก (จิงไหมค่ะ)
ตอบลบมี Saving Rate ที่สูง เพราะ"ความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจและรัฐบาล"จึงส่งผลให้คนนิยมที่จะถือเงินสด มากกว่าการถือ Asset
ตอบลบช่วยอธิบายตรงนี้เพิ่มเติมได้ไมครับ ขอบคุณครับ
คือในประเทศด้อยพัฒนาคนจะกลัวไม่มีเงิน(เพราะในยามแก่รัฐบาลไม่เลี้ยง)จึงเก็บเงินสดเป็นส่วนใหญ่ "ทำให้ราคา Asset ในประเทศนั้นๆ ไม่แพง"
ตอบลบส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว มี Social Security ที่แข็งแกร่งเช่น อเมริกา ยุโรป --คนจะเอาเงินมาลงทุนแทนที่จะเก็บไว้แต่เงินสด (เมื่อทุกคนคิดเหมือนกัน เช่น อยากซื้อบ้านเหมือนกัน ราคาบ้านก็จะพุ่ง (ทำให้เกิด Bubble คือ บ้านราคาแพงเกินไป) ...ครับ
อ้อ ความรู้ใหม่ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ อยากจะถามเพิ่มเติมว่า มันก็น่าจะเกิดควบคู่กันไปกับ Social Behavior ด้วย เนื่องจาก คนจีนก่อนจะลงทุน ต้องมีเงินทุนก่อน ไม่ใช่ไปกู้มาลงทุน จริงหรือเปล่าครับ ขอโทษที่รบกวนครับ ขอบคุณครับ
ตอบลบผมว่าการออมของประเทศไม่ใช่การฝากเงินกับธนาคารอย่างเดียว ปัจจุบันเรามีกองทุนเช่น กบข กองทุนประกันสังคม RMF LTF etc..ที่มีมูลค่าเงินลงทุนรวมกันมากกว่า 7-800000
ตอบลบล้านบาทแล้ว ประเทศเราไม่ใช่ประเทศที่มีการออมต่ำอีกต่อไปแล้ว