แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องราวของนักเขียนผู้โชคดี !!(ขอบอกว่ารวยกว่า J.K.Rowing )


หลายคนคงจะนึกถึง J.K.Rowing เพราะเขียน Harry Potter จนกลายเป็น Billionaire .."ก็ไม่ผิดนะ" แต่เรื่องราวของนักเขียนผู้โชคดีที่ผมจะนำเสนอมันเผอิญ ไม่ใช่ J.K.Rowing

แต่ยังไงก็พูดถึง J.K.Rowing สักนิดก็ได้ จริงๆหญิงสาวผู้นี้ เป็นคนธรรดาๆที่ชอบเขียนนิยายเป็นชีวิตจิตใจ มีความจิตนาการณ์สูง ปั่นเรื่องเพ้อฝันให้เป็นตุเป็นตะ ..ช่วงแรกๆเธอตะลอนไปเสนองานตามสำนักพิมพ์ต่างๆ แต่ก็ถูกปฎิเสธ เพราะไม่มีสำนักพิมพ์ไหนคิดว่า หนังสือ นิยาย Magic เพ้อฝันอย่างนี้จะขายได้ ...ผลก็ก็คือ J.K.Rowing จมอยู่กับความล้มเหลวเกือบค่อนชีวิต รวมถึงชีวิตสมรสของเธอก็พังทลาย เธอได้กลายเป็น pension mom ที่กินเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษ เพื่อประทังชีวิตเธอและลูกน้อย (เหมือนเขียนนิยายน้ำเน่า ยังไงก็ไม่รู้ !!)

เอาเป็นว่าในที่สุด เรื่อง Harry Porter ของเธอ ก็ได้รับการตอบรับตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์เล็กๆ แห่งนึง ..และจุดนั้นเอง ก็ได้กลายมาเป็น ตำนานนิยายที่ขายดีที่สุดในโลก และได้กลายเป็นนักเขียน Billionaire (คนแรก)ของโลก!! --เพราะปกตินักเขียนมักจะไส้แห้งทุกคน ส่วนไอ้ที่ ไส้เปียกหน่อยก็ สำนักพิมพ์..หุ หุ

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว คงเบื่อ "ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกนี่ เขียนหนังสือที่ไม่มีใครเขียน คือ ทำให้แตกต่าง ก็เลยรวย"(ก็ถูกนะครับ มันก็คล้ายๆเรื่องเศรษฐีณี ที่ซื้อที่ดินที่ไม่มีใครอยากได้ ใกล้บ้านแม่นาค(พระโขนง) แล้วมาขายไร่ละร้อยล้าน ในปัจจุบัน หรือ อย่างเรื่องราวของนักลงทุนที่เล่นสวนทางคนส่วนใหญ่ แล้วกลับรวย) ..งั้นพรุ่งนี้!! ผมจะเริ่มจากขับรถออกจากบ้าน แต่วิ่งสวนทางคนอื่น.. (โอ๊ย!! บ้าไปกันใหญ่แล้ว !!)

มาเข้าเรื่องนักเขียนผู้โชคดี (เราจบเรื่องของ J.K.Rowing ไปแล้ว เพราะเธอไม่ใช่ ผู้โชคดีธรรมดา แต่ของเธอมัน "มหา..ตะลัย โคตรโชคดี!!") ..จริงๆแล้วความโชคดีของนักเขียนในปัจจุบันคือ "คุณไม่ได้บ้าอีกต่อไป" เพราะสมัยก่อนเวลาคุณเขียน คุณก็จะนั่งอ่าน ขำมันอยู่คนเดียว ..แต่เดี๋ยวนี้ครับ Blogging โห !! เขียนแล้วไป Post --จากนั้นคุณก็ได้เลย ความคิดเห็น คำด่า ชมบ้างตามแต่อัตภาพ (นี่แหละครับ Market Research และ Customer Feedback ที่สุดยอด) สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักเขียนสมัยโบราณหาไม่ได้เลย "ผมถึงบอกว่า นักเขียนปัจจุบันโชคดีไงล่ะครับ"

แต่แปลก นักเขียน บางคนถามผมว่า "คุณเขียนฟรี ไม่คิดตังค์แล้วคุณจะหาเงินได้อย่างไร (ประมาณจะถามว่า ปกติก็ไส้แห้ง แล้ว มึงจะแห้งไปถึงไหน !!) ผมตอบว่า (..หุ หุ..กูก็ไม่รู้เหมือนกัน !!)

จริงๆแล้ว ผมมองว่า ปัจจุบันเราอยู่ในยุค "ข่าวสาร" ดังนั้น การจะเอาข่าวสาร มาหาเงิน "มันกลับเป็นอะไรที่เชย เพราะใครๆก็เข้าถึง Internet และมันก็ แทบจะไม่เสียเงิน" -- (หัวใจของการทำเงิน จึงอยู่ที่คุณไม่คิดจะทำเงินต่างหาก) "ยิ่งพูดกลายเป็นยิ่ง งง กันใหญ่"

เอาเป็นว่า คุณลองไปว่ายน้ำนะ ..โดดลงไปในสระ แล้วลองพยายามควักน้ำเข้าตัว น้ำมันกลับดันออก ส่วนเวลาเรายิ่งดันน้ำออก มันกลับยิ่งไหลเข้าตัว (งั้นแปลว่า ยิ่งให้เหมือนยิ่งได้ ส่วนยิ่งเอามันกลับยิ่งเสีย) ดังนั้น คนที่มุ่งจะเป็นผู้ให้ ท้ายสุดมันก็กลับมาโดยที่คุณคาดไม่ถึง ..อย่างนักเขียนบางคนพยายามถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองออกไป แม้มันอาจะไม่ได้กลับมาเป็นเงินทองที่มากมาย แต่มันก็ได้ความสุขใจ หรือ ความรู้สึกดีๆของผู้อ่านหรือผู้รับ ที่ตอบกลับคืนมา..

ยุค New Economy ผู้ชนะกลับไม่ใช่คนที่พยายามกักตุน Information ต่างๆไว้กับตัว(เพราะมันอาจระเบิดได้!!) แต่ผู้ชนะกลับกลายเป็นคนที่จัดการและกระจาย Information นั้นๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อคนวงกว้างต่างหาก "ที่ชนะ" นักเขียนที่ผมพูดถึงก็คือ Sergey Brin และ Larry Page เจ้าของ Website Google นั่นเอง (ความพยายามที่จะ จัดการข้อมูลและส่งต่อ ให้ผู้บริโภค ให้มาก และมีประสิทธิภาพที่สุด มันได้ทำให้เขาเป็นสองหนุ่มที่รวยที่สุดคนหนึ่งของโลกนั่นเอง)..

3 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดของคุณน่าสนใจทุกๆๆอันเลย ป้าอ่านแล้วแบบโดนจัย น่าจัดพิมพ์ ขายค่ะ

    ตอบลบ
  2. ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วเงินจะมาเอง

    ตอบลบ
  3. ผมกำลังตามอ่านบทความเหล่านี้ ตั้งใจจะอ่านให้หมดเลยครับ เป็นแนวคิดที่น่าสนใจทีเดียวครับ :)

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ