แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

“Tata ถึง Bill Gates”-- Social Enterprise ตัวพ่อ (คำตอบที่ว่าคุณเกิดมาเพื่ออะไร)


ปัจจุบัน “กระแสของกิจการเพื่อสังคม “กำลังแรง อย่าง “ธนาคารคนจน”ของ Yanus ที่สร้างปรากฏการณ์จนกลายเป็น Case Study ของ Social Enterprise อย่าง Bill Gates ก็ถือเป็น Social Entrepreneur ตัวเป้ง !! ที่หันมาทำ มูลนิธิช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกเป็นเวลานับ “สิบปีแล้ว”

--หลายคนนึกว่า อะไรที่มัน Social มันจะห่วย!!..แต่(ผิดถนัด!!) มันกำไร!!..แถมช่วยสังคม ซึ่งนับเป็นอะไรที่มันสุดยอดกว่าองค์กรที่ “กอบโกยแต่กำไร” มันย้อนมาที่คำถามที่ว่า “คุณเกิดมาทำไม” --บางคนบอก “ผมเกิดมาเพื่อกอบโกยทุกอย่างเข้าตัวเอง และบริโภคแบบไร้ขีดจำกัด”(สิ่งนั้น อาจเป็นความสุขของบางคน แต่ไม่ใช่ทุกคน…ถึงผมรวยมากก็คงไม่บริโภคจนเป็น “หมู”แน่นอน เพราะมันดู”น่าสมเพศ”มากกว่า”เท่ห์” คุณว่าจริงป่ะ!!)

..ถ้าผมรวยจริง การที่ผมได้เปิด โรงพยาบาลเพื่อช่วยคนจน หรือ การให้การศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาส อาจเป็น “ความสุข” มากกว่าเอาเงินนั้นมาซื้อ Jet ส่วนตัวราคา 100 ล้าน (แล้วบินไปตกตาย …หุ หุ) หรือ ซื้อบ้าน 100 ล้านให้ “คนรับใช้” อยู่

ในอินเดียมี บริษัท Tata ที่ทำธุรกิจ และช่วยสังคมไปพร้อมๆกัน …บริษัท Tata ก่อตั้งมา 142 ปีแล้ว โดยที่ทำธุรกิจและก็แบ่งเงินจำนวนมหาศาลคืนให้ สังคมเช่น สวัสดิการพนักงานที่ดี การสร้างโรงเรียน ให้ทุนการศึกษา การสร้างโรงพยาบาล (ซึ่งตัวเลขยอดขายของ Tata นั้นใหญ่ถึงขนาด 2% ของ GDP ของประเทศอินเดีย รวมทั้งมีการจ้างพนักงาน 350,000 คนทั่วโลก …รายได้ประมาณ 4% ของกิจการจะถูก “ใช้เพื่อคืนให้สังคม” ธุรกิจของ Tata ครอบคลุม ตั้งแต่ ใบชา เหล็ก รถยนต์ โรงแรม สายการบิน ยัน เครื่องใช้ประจำวัน ซึ่งทุกสิ่งต้องไม่เป็นอบายมุข!!)

สิ่งที่น่าทึ่งของ Tata ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า “เชยๆ” ไม่น่าจะมีสินค้าที่โดดเด่น --(แต่ไม่เลย.. ผิดถนัด!!) เพราะบริษัทแห่งนี้เพิ่งจะเปิดตัว “Nano” รถยนต์ที่ “ถูกที่สุดในโลก”ในปี 2009 ราคาแค่ หลักหมื่น (ลองนึกดูว่า หากคุณคิดจะสร้างรถ จากวิธีดั้งเดิม “เงินหมื่น” ผมว่า ยังไม่พ้น “ตัวถัง”ด้วยซ้ำ )….ดังนั้น การที่ Tata สร้างรถได้ราคาต่ำมากขนาดนี้ ต้องคิดเริ่มจากศูนย์เท่านั้น!! --และนี่แหละคือ “Product Innovation” อย่างแท้จริง ..จะเห็นได้ว่าขนาด Apple ยังไม่สามารถกินขาด ได้เลย….

ในส่วนของ Bill Gates หลังจากที่เขาคิดจะ บริจาคเงิน แทนที่จะเอาให้ Unicef เขากับคิดตรงกันข้ามกัน ..เพราะเขามองว่า ถ้าเอาเงินให้องค์กรเหล่านี้ ….“เงิน”เขา คงนำไปใช้ไม่เกิดประโยชน์มากเท่ากับที่เขาทำเอง (เนื่องจากองค์กรอย่าง Unicef นี่ “อุ้ยอ่าย” แถมจ่ายเงินผู้บริหารแบบแพงสุดๆ…ไม่ใช่ผมบอกว่า “Unicef” ไม่ดี (ไม่ใช่!!)..มันดี!! แต่ถ้าคนเก่งจัดการเอง มันจะ “ดียิ่งกว่า”ผ่านองค์กรต่างๆเหล่านี้ ---แต่อย่างน้อยถ้าหากคุณไม่มีเวลา การบริจาคเงินให้องค์กรเหล่านี้ก็ยังดีกว่าที่คุณ“ ไม่ทำอะไรเลย”) และนั่นก็คือที่มาของ “มูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation”

..ซึ่ง “มันก็เป็นไปตามที่ Bill Gates คิดจริงๆ” การที่ Bill ลงมาใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองใช้เพื่อ สังคม ทำให้มูลนิธิแห่งนี้ สามารถผลิตยารักษาโรค ช่วยคน ให้ทุนการศึกษา สร้างอาชีพ อย่างมากมายในประเทศด้อยพัฒนา (จนในที่สุด Warren Buffet ก็บริจาคเงิน ส่วนใหญ่ของเขาให้ “มูลนิธิแห่งนี้” เพราะเขาเชื่อว่า คนที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง Bill Gates ย่อมสามารถ ทำให้เงินบริจาคของเขาเกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์สูงสุด อย่างแน่นอน) --เห็นไหมล่ะครับว่า “คนรวย หรือ บริษัทใหญ่ๆ ไม่ได้เลวเสมอไป” หากแต่มุมมองของ(เจ้าของ)ต่างหากที่ จะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อ “มวลมนุษย์”

…. วันนี้คนรวยและองค์กรในประเทศไทย ยังห่างไกล “Tata และ Bill Gates มาก” และนั้นเป็น “ความท้าทาย”ที่สุดที่เคยมีมา ต่อคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคุณ เพื่อที่จะตอบได้ว่า “คุณเกิดมาเพื่ออะไร!!!”…

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ