"ไม่รู้เรื่องอนาคตของงานเรา อาจเสียเวลาทั้งชีวิต"
วันนี้โลกเต็มไปด้วย นวัตกรรม และ ผลิตภาพ ...ภาษาอังกฤษคือ Innovation & Productivity
แต่ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่า จริงๆ แล้ว ยิ่งโลกพัฒนาไปมากแค่ไหน คนยิ่งตกงานเท่านั้น -- มันคือ เหรียณสองด้าน 'ด้านดีคือชีวิตสบายขึ้น แต่อีกด้านคือไม่มีงานทำไง'
นั่นแปลว่า เมื่อเวลาผ่านไป งานจะถูกทดแทนด้วย Innovation เช่น เครื่องจักร , คอมพิวเตอร์ และ หุ่นยนต์ ...ส่วน Productivity ก็คือ การใช้แรงงานและคนน้อยลง แต่ใช้เครื่องมือและเครื่องจักรสร้างผลผลิตที่มากขึ้น -- ยิ่งโลกพัฒนาไปแค่ไหน ...เครื่องจักร กับ หุ่นยนต์ก็จะแทนคนมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น คนในยุคนี้ ก่อนที่จะเลือกเรียน หรือ ทำงานอะไร ลองคิดก่อนว่า "สิ่งที่เราจะเรียน หรือ งานที่เราจะทำ จะถูกแทนด้วยเครื่องจักรเมื่อไหร่ ...ตอบให้ได้แล้วจะรู้ว่า อนาคตของงานเราจะเป็นอย่างไร -- เพราะมันไม่ดีแน่ หากเราทำหน้าที่หนึ่งจนเราเชี่ยวชาญ แล้วมาพบว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่จะถูกแทนด้วย เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ หรือ หุ่นยนต์ จริงไหมครับ ?"
วิธีมองง่ายๆ ว่าเครื่องจักรจะมาแทนเราหรือไม่ มองได้ดังนี้
1. ถ้างานที่เราทำมันคือการทำสิ่งเดิมซ้ำ เช่น งานในโรงงาน , งานสายพานการผลิต ...งานพวกนี้ เครื่องจักรทำได้ดีกว่า แม่นยำกว่า ดังนั้น ใครทำงานแบบนี้ในอนาคตจะมีเครื่องจักรมาทำแทน
2. งานอันตราย ..งานที่อันตราย เช่น งานก่อสร้าง , งานในเหมือง , งานในที่อันตราย ..จะถูกแทนด้วยหุ่นยนต์มากขึ้นเรื่อยๆ ...แต่วันนี้งานแบบนี้มักได้ค่าแรงสูง เพราะ เราเสี่ยงชีวิตในการทำงานนั้น
3. งานที่เกี่ยวกับข้อมูล ความจำ ..พวกนี้จะถูกแทนด้วย คอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลจำนวนมากๆได้ดีกว่าสมองคน และ ความจำดีกว่าคน
งานที่เครื่องจักรแทนมนุษย์ยาก คือ
1. งานที่ต้องคิดนอกกรอบ ...เพราะ หุ่นยนต์ เครื่องจักร และ คอม มีหน้าที่ทำตามคำสั่ง -- ดังนั้น "งานคิดนอกกรอบ คือ งานมนุษย์"
2. งานศิลปะ ..เพราะ งานศิลปะ คือ งานที่แสดงความคิดสะท้อนตัวตน คือ การสร้างอัตลักษณ์ ...งานแบบนี้คือ ขาย Identity ....เครื่องจักรทำไม่ได้ เพราะ มันไม่ได้สร้างมาให้มีตัวตน -- ความ Art ยังเป็นของมนุษย์ต่อไป
3. งานดูแลลูกค้า(งานบริการ) ...คนไม่อยากคุยกับหุ่นยนต์ ...งานที่ดูแลคนสำคัญ หรือ ลูกค้าพิเศษ ...ยังเป็นงานของคนต่อไป
4. งานขาย ..การขายคือศิลปะแห่งการสื่อสาร ...เบื้องหลังสุดยอดการขาย มีมนุษย์อยู่ เช่น มี Steve Jobs อยู่เบื้องหลังสินค้าที่ขายดีอย่าง iPhone
ผมว่า เราต้อง Art และ คิดนอกกรอบ และ ใส่ใจมนุษย์ เราจะมีงานทำชิวๆ ตลอดไปครับ !!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
‘เป็นล้านเลยเหรอพี่ ?‘ …ทำอะไรมีเงินเป็นร้อยล้าน !! 1. อยากได้เงินล้าน …ต้องทุ่มพัฒนาทักษะ เพราะ ทักษะจะทำให้เราได้งาน ได้ธุรกิจ ได้โอกาสให...
-
10 ข้อควรรู้ เพื่อเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น 1. ตลาดหุ้นสามารถเล่นแบบการพนัน และก็สามารถเล่นแบบการลงทุน คนกำหนดคือคนเล่นเอง ไม่ใช่ตลาด ..คน...
-
ทำไมคนที่รายได้มั่นคง ควรลงทุนให้เสี่ยง ? 1. รายได้ที่มั่นคงมักจะมีข้อจำกัด คือ มีรายได้เรื่อยๆ แต่ไม่โต …ดังนั้น การลงทุนควรหาโอกาสที่เสี่...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 เคล็ดลับ หาจุดเปลี่ยนชีวิตที่นานๆ จะมาสักทีนึง สำหรับผม ผมเจอจุดเปลี่ยนชีวิตมา 3 ครั้งใหญ่ๆ …ครั้งแรก สมัยเรียน จากเด็กเรียนธรรมดา ..ผมไป...
-
7 ข้อ ทำไมผมถึงชอบตลาดหุ้นไทยในเวลาที่ใครๆ ก็ไม่เอาแล้ว 1. หุ้นไทยเป็นหุ้นอุตสาหกรรมเก่า ที่เข้าใจง่ายกว่า …’หุ้นที่ใครๆ มองว่าดี ส่วนใหญ่ไ...
-
7 ข้อ ความเชื่อในการลงทุนที่เปลี่ยนไป ในตลาดวันนี้ 1. ยิ่งเสี่ยงยิ่งโชคดี …จริงๆ ไม่ใช่ …ต้อง ‘ออกแบบให้ตัวเองมีโอกาสเสี่ยงได้เรื่อยๆ’ อัน...
-
10 อันดับ สินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก 1. ทอง มีมูลค่ารวม 20.5 Trillion 2. Microsoft มูลค่ารวม 2.6 T 3. Apple มูลค่ารวม 2.59 T 4. N...
-
8 ข้อคิด จาก The Psychology of Money 1. ความมั่นคงทางการเงิน คือ ความยืดหยุ่นในชีวิต 2. ความมั่นคงทางการเงิน ไม่ใช่ การได้เยอะ แต่คือ การไม...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น